รสแห่งความ เมตตาชุ่มเย็นยิ่งนัก 2 (ต่อ) สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

รสแห่งความ เมตตาชุ่มเย็นยิ่งนัก 2

พุทธ ศาสนิก พึงอบรมเมตตาให้ยิ่งพุทธ ศาสนิกผู้นับถือพระพุทธศาสนา แม้ไม่สนใจที่จะอบรมเมตตาให้อย่างยิ่ง ก็เหมือนไม่

สนใจในความสงบเย็นเป็นสุขของตนเอง ไม่สนใจที่จะปฏิบัติตนเป็นผู้มีปัญญา ทั้ง ๆ ที่ย่อมรู้ว่าผู้มีปัญญานั้น เป็นที่ยกย่องสรรเสริญ

ทุกที่ทุกกาลเวลา การอบรมเมตตาต้องใช้ความคิดเป็นกำลังสำคัญ คิดให้ใจอ่อนละมุนเพียงไรก็ทำได้ เช่นเดียวกับคิดให้ใจเร่าร้อน

ราวกับน้ำเดือดก็ทำได้ นั่นก็คือคิดให้เมตตาก็ได้ คิดให้โกรธแค้นเกลียดชังก็ได้ ท่านจึงสอนให้ระวังความคิด ให้ใช้ความคิด ให้ถูกให้

ชอบ ให้มีเมตตายิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น อุบายในการใช้ความคิดเพื่ออบรมเมตตาหลาย ๆ คน ใช้วิธีหลาย ๆ วิธี ในการอบรมเมตตา เช่น

ครูอาจารย์บางคน เมื่อมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย จะทำความรู้สึกต่อลูกศิษย์เหล่านั้นเหมือนที่เป็นความรู้สึกต่อบุตรธิดาของ ตน เมื่อ

แรกเริ่มเป็นครูอาจารย์ใหม่ ๆ เริ่มอบรมความคิดนี้ใหม่ ๆ ก็ย่อมไม่เป็นจริงจังเท่าไรนัก บุตรธิดาของตนก็ยังไม่เหมือนนักเรียนลูกศิษย์

นักเรียนก็ยังเป็นนักเรียน ลูกก็ยังเป็นลูก ที่มีความพิเศษแตกต่างกัน ความรักความห่วงใย ความเอื้ออาทรสอนสั่งไม่เสมอกัน แต่ครั้น

เป็นครูอาจารย์นานปีเข้า และไม่เปลี่ยนใจที่จะมองลูกศิษย์ให้เหมือนเป็นลูกตน ความรู้สึกก็มีความกลมกลืนลึกซึ้งขึ้นเป็นลำดับ จน

ใกล้จะเห็นลูกศิษย์เป็นลูกตนได้จริง ๆ ความรู้สึกนั้นแน่นอน เป็นความเมตตา เพราะความรู้สึกของมารดาบิดดาต่อบุตรธิดาไม่ใช่อะไร

อื่น แต่เป็นเมตตาอันบริสุทธิ์แท้จริง เมตตาที่มีต่อเฉพาะบุตรธิดาตน ย่อมคับแคบกว่าเมตตาที่แผ่ครอบคลุมไปถึงบุตรธิดาผู้อื่น หรือ

ลูกศิษย์ลูกหาของตนนั่นเอง การอบรมเมตตาจึงทำด้วยวิธีพยายามคิดดังกล่าวได้ ครูอาจารย์…อบรมเมตตาได้ด้วยการพยายามคิด

ว่า ลูกศิษย์ทุกคน คือ บุตรธิดาที่รักของตน นักเรียน…ก็อบรมเมตตาได้ด้วยการพยายามคิดว่าครูอาจารย์คือมารดาบิดาที่มี ความรัก

ความห่วงใยตน หวังดีต่อตนอย่างจริงใจ การอบรมเมตตาก็เช่นเดียวกับการทำอะไร ๆ หลายอย่าง จะให้บังเกิดผลก็จะต้องทำเสมอ

ทำติดต่อกันเป็นนิตย์ แล้วก็จะบังเกิดผลจริง เมตตาที่บริสุทธิ์ แท้จริง นำชัยชนะมาสู่ตนได้ เด็กหญิงน่ารักอายุ 2 ขวบคนหนึ่ง

อบรมเมตตาให้เพื่อนรุ่นราวคราวกัน และควรจะเป็นการอบรมจิตใจผู้ใหญ่ที่ได้รู้ได้ยินด้วย คือ วันหนึ่งเมื่อเพื่อนตัวน้อย ๆ เท่ากัน จะบี้

มดที่กำลังเดินอยู่กับพื้น เด็กหญิงห้ามทันที มีเหตุผลจากใจจริง ที่จับใจผู้ใหญ่ทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง “อย่าทำ! เดี๋ยวแม่มดกลับมาไม่

เห็น ลูกมด” แม้ใครทั้งหลายที่กำลังคิดจะทำลายชีวิตสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ หรือกระทั่งชีวิตมนุษย์ ก็น่าจะนำเสียงห้ามของเด็กหญิงน้อย

ๆ ดังกล่าว มาเตือนตนเองบ้าง “อย่า ทำ! เดี๋ยวแม่ปลาหาลูกปลาไม่พบ” หรือ “อย่าทำ! เดี๋ยวลูกยุงร้องไห้ คิดถึงแม่ยุง” หรือ “อย่าทำ!

เดี๋ยวลูกนกไม่มี แม่นก” หรือ อย่าทำ! เดี๋ยวไม่มีใครเลี้ยง ลูกเขา” เตือนตนเองด้วยจริงใจ ให้รู้สึกจริงจังดังที่คิด หรือที่เปล่งวาจา ก็

ย่อมเป็นการอบรมเมตตาอีกวิธีหนึ่งที่ง่ายและน่าทำเสมอ ๆ เมตตานั้นไม่จำเป็นที่ผู้ใหญ่จะเป็นฝ่ายสอนเด็กเสมอไป แม้เด็กก็สอน

ผู้ใหญ่ได้ ทั้ง ๆ ที่เด็กไม่ได้รู้ว่ากำลังเป็นผู้สอน และเด็กก็ไม่รู้ว่าความคิดของตนเกิดแต่เมตตาที่บริสุทธิ์แท้จริงเมื่อ มีใจพร้อม ก็

ยอมรับคำเตือนใจให้เมตตาได้ สำหรับผู้ใหญ่ที่ใจพร้อมจะรับคำเตือนใจให้เมตตา ย่อมรับแม้เป็นคำเตือนของเด็กปฏิบัติให้เกิดผล

ทันที เช่น รายที่เคยเล่าว่าครั้งหนึ่งชอบยินนกตกปลามาก เดี๋ยวนี้เลิกแล้ว เลิกตั้งแต่วันหนึ่งถือปืนไปเที่ยวยิงนกกับลูกชายน้อย ๆ พอ

ยิงนกตกลงตัวหนึ่ง ก็สั่งให้ลูกชายไปเก็บ คิดว่าลูกชายคงจะตื่นเต้นดีใจตามประสาเด็ก ที่เห็นนกซึ่งกำลังบินอยู่กลางอากาศร่วงลงดิน

แต่ลูกชายกลับมีสีหน้าพิศวงสงสัย และถามเขาซื่อ ๆ ว่า “นกตัวนี้มันทำอะไรพ่อหรือ พ่อจึงยินมัน” คำถามที่ซื่อแสนซื่อของเด็กชาย

เล็ก ๆ ที่ถือร่างไร้ชีวิตของตนอยู่ในมือ ทำให้ตั้งแต่วันนั้นมาเขาไม่เคยยิงนกตกปลาอีกเลย นกปลาเหล่านั้นมันทำอะไรให้ นี่คือคำ

ถามที่จะนำไปสู่ความเมตตาได้แน่นอน ใจที่เมตตาเป็นนิตย์ มีผลงดงามแก่จิตใจอย่างยิ่ง เมื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงทำลายชีวิต

เสียมากมาย คงไม่มีใครที่ได้รู้ได้เห็นจะไม่สลดสังเวช ความรู้สึกนั้นคือ เมตตา และกรุณากันเกิดพร้อมกันขณะนั้น ทุกคนปรารถนาจะ

ช่วย เพื่อให้ผู้ประสบเคราะห์กรรมเหล่านั้น ให้พ้นจากความทุกข์ทรมานความรู้สึกนั้น ในขณะนั้น น่าจะเป็นความรู้สึกที่งดงามอย่างยิ่ง

จากใจจริงอย่างยิ่ง เป็นเมตตาที่แท้จริงอย่างยิ่ง เป็นความรู้สึกที่แม้เกิดขึ้นในจิตใจของทุกคนต่อเพื่อนร่วมทุกข์ทั้งหลาย ให้สม่ำเสมอ

เป็นนิตย์ จักเป็นการอบรมใจให้มีเมตตา ที่มีผลงดงามแก่จิตใจตน ภัยอันน่าสะพรึงกลัวอาจเกิดได้ทุกเมื่อ แก่ผู้ใดชีวิตใดก็ได้ แก่เรา

แก่เขาก็เช่นกัน ทุกชีวิตจึงควรได้รับความรู้สึกสลดสังเวชจากทุกคน ทุกเวลา ไม่ใช่เมื่อเกิดเหตุน่าสยดสยองขึ้นแล้ว จึงจะสงสาร จึง

จะสลดสังเวช อย่างนั้นช้าเกินไป ความเย็นแห่งความเมตตา ดับความร้อนของโลกได้ทุกชีวิต ทุกเวลา ตกอยู่ในสภาพที่ควรได้

รับเมตตา จึงควรพากันเมตตาให้กว้างขวาง ให้ทุกเวลานาที จะเป็นการถูกต้อง เป็นการอบรมเมตตา เพื่อให้ตนเองนั่นแหละเป็นสุข

ก่อนใครทั้งหมดเมื่อ เกิดแล้ว ทุกชีวิตมีทุกข์ติดมาพร้อมแล้ว น่าสงสารทุกชีวิตเราก็น่าสงสาร เขาก็น่าสงสาร น่าสงสารทุกเวลานาที

พึงนึกถึงความจริงนี้ และมีเมตตาต่อทุกชีวิต ทุกเวลาเถิด ความร้อนจะคลายได้ด้วยอำนาจของความเย็นแห่งเมตตา ทั้งความร้อน

ของเขา ความร้อนของเรา และความร้อนของโลก ความจริงที่ทุกชีวิตไม่ควรประมาท ไม่ใช่เป็นการสอนให้หัดคิดในแง่ร้าย ที่

กล่าวว่าทุกชีวิตตกอยู่ในอันตรายที่น่าสยดสยองทุกเวลานาที อะไรจะเกิดแก่ใครก็ได้ เมื่อใดก็ได้ ร้ายแรงเพียงใดก็ได้ แต่เป็นการบอก

ความจริงที่ควรไม่ประมาท เหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น น่าสยดสยองนักหนานั้น ก็หาได้รู้กันล่วงหน้าไม่ว่าจะเกิดเมื่อนั้นเมื่อนี้

เกิดที่นั่นที่นี่ เกิดกับคนนั้นคนนี้ เมื่อเห็นเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็น่าจะเชื่อได้ว่าทุกชีวิตอยู่ในอันตรายที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด เมตตากัน

ไว้ทุกเวลาก็น่าจะถูกต้อง เป็นการอบรมเมตตาที่งดงามนัก เป็นคุณนักแก่ตนเอง และแก่โลกผู้ที่ นั่งไปในรถ โดยเฉพาะที่ผู้ขับเร็วมาก

ๆ เคยเล่าว่าหัวใจจะหยุดเพราะความกลัว ขณะเดียวกันใจก็คอยแต่คิดว่าคงไม่รอดแน่ ๆ แหลกแน่ ๆ พังแน่ ๆ นั่นก็แสดงความรู้สึกที่

เป็นธรรมะ ไม่ประมาทว่าชีวิตจะเที่ยง เมื่อมีความหวาดกลัวขณะนั่งอยู่ในรถดังกล่าว จะเป็นความไม่ถูกต้องถ้าเพียงแต่กลัว แล้วก็ใจ

หายใจคว่ำไม่เป็นสุข ทั้งบางทียังจะคิดไม่ดีต่าง ๆ นานา ต่อผู้ขับอีกด้วยที่ถูก นั้น เมื่อนึกถึงความไม่เที่ยงของชีวิต เห็นความน่ากลัว

อย่างยิ่ง และกลัวนักหนา ก็อย่าหยุดเพียงนั้น ให้นึกถึงชีวิตอื่น ๆ ทั้งหลาย ทุกชีวิตกลัวตายด้วยกันทั้งนั้น การไม่เบียดเบียนกันมีเมตตา

ต่อกันจึงสมควรที่สุด ไม่ว่าเราหรือเขา ต่างก็ล้วนต้องการความเมตตา เมื่อเกิดความกลัวอันตรายนักหนา เป็นต้นขณะนั่งรถที่คน

ขับแบบไม่รู้จักความตาย เราก็อยากขอให้เขาเห็นใจเรา ที่เรากลัวอย่าขับรถให้น่ากลัวถึงเพียงนั้น ถ้าคนขับยังใจดี ฟังเสียงขอร้อง

ของเราบ้าง เราก็จะสบายใจขึ้น ถ้าเป็นคนขับรถที่ไม่ยอมฟังเสียงเราเลย ไม่เห็นใจเลยว่าเรากลัว เราก็จะต้องแทบหัวใจหยุดเต้นต่อ

ไปนาน ผู้ตกอยู่ในความทุกข์ ทุกคนต้องการผู้เห็นใจ ต้องการผู้เมตตาเช่นเดียวกับที่ผู้นั่งรถเร็ว ๆ ต้องการให้คนขับรู้จักคิดถึงใจบ้าง

เห็นใจบ้าง ที่ต้องทุกข์ทรมานใจเพราะความกลัวนั้นนักหนาไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้นต่อไป ทุกคนต้องการความเมตตาทั้งนั้น เราก็

ต้องการ เขาก็ต้องการ เราจึงไม่ควรจะเป็นผู้รับฝ่ายเดียว ควรเป็นผู้ให้ด้วย และควรให้อย่างเสมอ คือ มีเมตตาให้เสมอ ให้ไม่มีขอบ

เขต โลกเย็นเพราะเมตตายิ่ง โลกเย็นเพราะเมตตายิ่ง โลกร้อนเพราะเมตตาหย่อน นี้เป็นความจริงที่ควรยอมรับ และควรแก้ไข อัน

การแก้นั้นก็ไม่ต้องไปแก้ผู้อื่น ต้องแก้ที่ตัวเอง แก้ตัวเองให้ยิ่งด้วยเมตตา หรือให้เมตตายิ่งขึ้นนั่นเอง เมื่อลูกหลานออกมาเห็นโลกเป็น

ครั้งแรก สิ่งที่มารดาบิดาปู่ย่าตายายควรนึกถึงนั้น คือ ความน่าสงสารอย่างยิ่งของทารกน้อย ชีวิตแห่งความทุกข์ของเขาเริ่มจริงแล้ว

ทุกชีวิต จริง ๆ ไม่ว่าเด็กคนไหน ไม่ว่าลูกใครหลานใคร เมื่อมาสู่โลกเมื่อไร เข้าสู่เงื้อมมือของความทุกข์เมื่อนั้น เช่นนี้แล้วจะไม่น่า

เมตตาได้อย่าไร เมื่อมีเมตตาต่อผู้ใดอย่างจริงใจ ก็แน่นอนที่จะต้องคิดพูดทำทุกอย่างตามกำลังความสามารถ เพื่อช่วยให้สบายใจ

ช่วยให้สบายกาย ช่วยให้หายร้อน ช่วยให้หายทุกข์ มีเมตตาที่จริงใจเพียงอย่างเดียว จะเป็นเหตุให้เกิดผลงานมากมาย เป็นคุณทั้งแก่ผู้

รับและผู้ให้ทุกคน สนิทใจ ยินดี อบอุ่น ที่จะได้เข้าใกล้สนทนาวิสาสะกับผู้ที่มีเมตตา แต่ทุกคนจะไม่สบายใจนัก แม้จะต้องอยู่ร่วม

สมาคมกับผู้ไม่เมตตา เมตตาเป็นความสำคัญแก่ทุกจิตใจนึกถึงใจ ตนเอง แล้วก็นึกถึงใจคนอื่น จะไม่แตกต่างกันในเรื่องนี้ แม้ว่า

จะแตกต่างกันในเรื่องอื่น นั่นก็คือเครื่องรับรองว่าเมตตาเป็นความสำคัญแก่ทุกจิตใจ ผู้ไม่เมตตายังชอบผู้มีเมตตา ดังนั้นเพื่อทำตน

ให้เป็นที่ชื่นชอบของใครทั้งหลาย ก็พึงอบรมเมตตาให้อย่างยิ่ง ผู้มีเมตตา…สัตว์ก็รู้ พึงสังเกตได้เวลาผู้มีเมตตาไปที่ไหน หมาแมวก็จะ

ไม่เป็นศัตรู ไม่ขู่ ไม่กัด แม้ว่าจะไม่เคยพบเห็นมาก่อน สัตว์ก็ตาม เด็กไร้เดียงสาก็ตาม เป็นที่ยอมรับว่ามีใจสะอาด ไม่มีอคติย้อมความ

รู้สึกให้ผิดไปจากความจริงความ ไม่มีเมตตา เป็นภัยอย่างยิ่งต่อตนเอง ผู้มีเมตตาต่อสัตว์…สัตว์รู้ สัตว์จะไม่ระแวงภัย ผู้ไม่มี

เมตตาต่อสัตว์…สัตว์ก็รู้ สัตว์ก็จะระแวงภัย ภัยจากสัตว์นั้นอาจจะไม่น่าต้องเกรง ภัยจากหมาแมวเป็นภัยเล็กน้อยนัก แต่ภัยจากความ

ไม่มีเมตตาของตนเองนั้น เป็นภัยที่ยิ่งใหญ่ต่อตนเอง ยิ่งกว่าต่อผู้อื่น สัตว์อื่น เพียงแต่ไม่เห็นกันให้ถูกตามความจริงเท่านั้น รสแห่ง

ความเมตตา ชุ่มเย็นยิ่งนักใจที่ แล้งเมตตา น่าจะเปรียบได้ดังทะเลาทราย ไม่มีความชุ่มชื่นให้แก่สายตาหรือจิตใจผู้ใดเลย ผู้ไม่เคย

รู้รสของเมตตาในใจตน ก็ไม่แตกต่างกับทะเลทรายที่ไม่รู้สึกในความแห้งแล้งร้อนระอุ เป็นที่รังเกียจหวั่นเกรงของผู้คนทั้งหลายสัตว์

ทั้งปวง ถ้าไม่เคยรู้รสของเมตตามาก่อน ว่าให้ความชุ่มชื่นแก่จิตใจเพียงไร ก็พึงลองให้จริงจัง ก่อนอื่นก็ลองนึกเมตตาที่เคยได้รับจาก

ผู้อื่น แม้สักครั้งเดียว ในยามที่ปรารถนาความช่วยเหลือจากใครสักคนเป็นที่สุด ยิ่งเป็นในยามคับขันมากเพียงใด จะยิ่งเห็นความชุ่ม

ชื่นของเมตตาที่ได้รับจากผู้เข้ามาช่วยเหลือเมตตาให้พ้น ความคับขันเพียงนั้น สำหรับผู้ที่ปรารถนาจะสัมผัสรสของความเมตตา ก็

อาจจะเริ่มได้ด้วยการย้อนนึกถึงความชื่นใจ โล่งใจ ที่เคยรู้สึกแทนผู้มีมือแห่งเมตตามาช่วยให้พ้นความคับขันแต่ละครั้ง แต่ละเรื่อง

เช่น กรณีผู้ถูกตึกถล่มทับที่รอดได้ เป็นต้นเมตตา ที่แท้ มีคุณกว้างขวางนัก หาขอบเขตมิได้ เมตตามิได้มีคุณแก่ผู้ใดผู้หนึ่งโดย

เฉพาะ นอกจากว่าจะมิได้เป็นเมตตาที่แท้ คือ นอกจากจะเป็นความรักความลำเอียง เพื่อผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของตนเท่านั้น เมตตามี

คุณกว้างขวางนัก หาขอบเขตมิได้ ทุกคนมีสิทธิจะแผ่เมตตาให้ทุกคนทุกชีวิตได้ และทุกคนมีสิทธิรับเมตตาจากทุกคนได้เมตตาที่ แท้

จริง ไม่มีขอบเขต คือ ไม่เลือกผู้รับ ไม่เลือกของเราขอบเขา ไม่เลือกชาติ ศาสนา และไม่เลือกมิตรศัตรู อย่างไรก็ตาม เมตตาในใจ

เท่านั้นที่ไม่มีขอบเขตได้ ความเมตตาไม่แท้ ทำให้เกิดโทษได้ การแสดงออกต้องอยู่ในขอบเขต ความถูกต้อง ความเหมาะ ความ

ควร จึงจะเป็นเมตตาแท้ เพราะจะไม่เกิดโทษ ถ้าการแสดงเมตตาไม่อยู่ในขอบเขตความถูกต้อง จะเป็นเมตตาไม่แท้ จะเกิดโทษได้

ทั้งแก่ผู้รับและผู้ให้ มารดาบิดาที่รักลูกตนไม่กล้าขัดใจเมื่อลูกจะทำผิด หรือไม่กล้าดุว่าทำโทษเมื่อลูกทำผิด เช่นนี้ไม่ใช่มีเมตตาต่อ

ลูก แม้จะไม่อาจชี้ชัดลงไปได้ว่าเป็นความไม่เมตตา แต่เมื่อคิดให้ลึกลงไปแล้ว ผู้ใดก็ตาม ไม่ช่วยชี้ให้ผู้ผิดรู้ตัว ทั้งยังส่งเสริมด้วยการ

ชื่นชมทั้งรูว่าผิด เช่นนั้นเป็นการแสดงความไม่เมตตาผู้มี กัลยาฯมิตร คือ มีมิตรดี หมายความว่ามีมิตรที่ไม่ตามใจให้ทำความผิดร้าย

ความไม่ดีต่าง ๆ มีมิตรคอยตักเตือนเมื่อทำผิดทำมิชอบ มีมิตรที่มีปัญญาสามารถช่วยแก้ไขป้องกันให้คิดผิดพูดผิด ผู้ใดทำตัวเป็น

กัลยาณมิตรของใคร ๆ ได้ ผู้นั้นคือ ผู้ให้เมตตาต่อใคร ๆ นั้นคุณ ของเมตตา คือ ความเย็นคุณของ เมตตา คือ ความเย็น เมตตามีที่

ใด ความเย็นมีที่นั้น ผู้มีเมตตาเป็นผู้มีความเย็นสำหรับเผื่อแผ่ และผู้ยอมรับเมตตาก็จักได้รับความเย็นไว้ด้วย ผู้มีเมตตาหรือผู้ให้

เมตตาเป็นผู้เย็น เพราะไม่มุ่งร้ายผู้ใด มุ่งแต่ดี มีแต่ปรารถนาให้เป็นสุข เมื่อความไม่มุ่งร้ายมีอยู่ ความไม่ร้อนก็ย่อมมีอยู่เป็นธรรมดา

ความปรารถนาด้วยจริงใจให้ผู้อื่นเป็นสุข ก็เท่ากับปรารถนาให้ตัวเองเป็นสุข จะให้ผลเป็นคุณแก่ตนเองก่อน เช่นเดียวกับการมุ่งร้าย

ต่อผู้อื่น ก็จะให้ผลเป็นโทษแก่ตนเองก่อน จึงควรมีสติรู้ตัวว่า มีความมุ่งร้ายหรือปรารถนาดีให้ผู้อื่นมีสุขอย่างไร ถ้ารู้สึกว่ามีความไม่

ปรารถนาดีเกิดขึ้นในใจ ก็ให้พยายามทำความรู้ตัวว่า ความร้อนรนในใจขณะนั้นหาได้เกิดจากผู้อื่นไม่ แต่เกิดจากใจตนเอง และให้

พยายามเชื่อว่า แม้ทำความรู้สึกไม่ปรารถนาดีให้ลดน้อยลงได้…ก็จะทำความร้อนภายในใจลดน้อย ลงได้ด้วย ทำความปรารถนาไม่ดี

หมดสิ้นได้…ก็จะทำความร้อนใจที่เกิดแต่เหตุนี้ให้หมด สิ้นได้ด้วย ความปรารถนาไม่ดีจึงเป็นโทษแก่ตนเองก่อนแก่ผู้อื่น เมตตาเป็น

เครื่องทำลายความมุ่งร้าย เมตตาเป็นเครื่องทำลายความมุ่งร้ายหรือความพยาบาทได้อย่างแน่นอน เมตตาจึงเป็นเหตุแห่งความ

สุขที่เห็นได้ชัด เป็นเหตุที่ควรสร้างให้มีขึ้น เพื่อทำความทุกข์ให้ลดน้อยถึงหมดสิ้นไป การพยายามมองคนในแง่ดี ในแง่ที่น่าเห็นอก

เห็นใจ พยายามหาเหตุผลมาลบล้างความผิดพลาดบกพร่องของคนทั้งหลาย และการพยายามคิดว่าคนทุกคนเหมือนกัน เป็นธาตุดิน

น้ำไฟลมอากาศด้วยกัน ไม่ควรจะถือเราเป็นเขา และเมื่อไม่ถือเป็นเราเป็นเขาแล้ว ก็ย่อมไม่มีการมุ่งร้ายต่อกันเป็นธรรมดา ความ

ปรารถนาดีต่อกันย่อมมีได้ง่าย และนั่นแหละเป็นทางนำมาซึ่งความลดน้อยของความทุกข์ การพยายามคิดให้เห็นความน่าสงสาร น่า

เห็นใจของทุกชีวิตที่ต้องประสบพบผ่านทุกวันเวลา คือ การอบรมเมตตา ไม่ว่าใครจะเป็นอย่างไรก็ตาม เรารู้ไม่รู้อย่างไรก็ตาม เมื่อ

ใครนั้นผ่านเข้ามาในสายตาของเรา ให้ปรุงคิดเอาเอง ว่าเขาอาจจะกำลังมีทุกข์แสนสาหัส แม่พ่อลูกหลานอาจจะกำลังเจ็บหนัก เขา

อาจจะกำลังขาดแคลนเงินจนไม่มีจะซื้อข้าวปลาอาหาร เขาอาจจะอย่างนั้นอาจจะอย่างนี้ ที่น่าสงสารน่าเห็นใจทั้งนั้น คิดเอาเองให้

จริงจังจนสงสารเขา จนอยากจะช่วยเขา จะสลดสังเวชเห็นความเกิดเป็นความทุกข์ พยายามคิดเอาเองเช่นนี้ทุกวันทุกเวลา แล้ว

เมตตาจะซาบซึ้งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับใจยิ่งขึ้นเป็นลำดับ เมตตามากขึ้นเพียงไร ใจจะอ่อนละมุนเพียงนั้น เมตตามากขึ้นเพียง

ไร ใจจะอ่อนละมุนจนตัวเองรู้สึกได้เพียงนั้นของแข็งกระด้างมือเมื่อสัมผัสถูก ต้อง กับของอ่อนนุ่มละมุนมือให้ความรู้สึกที่ประณีตนุ่ม

นวลแตกต่างกันเพียงไร ความแตกต่างของใจที่อบรมเมตตาแล้ว กับใจที่ยังไม่เคยอบรมเมตตาเลย นั้นยิ่งกว่าอย่างประมาณมิได้

เครื่องน้อมนำความรักจากผู้อื่น ไม่มีผู้ใดปรารถนาจะให้ตนเป็นที่รังเกียจเกลียดชังของใคร ๆ ทั้งนั้น ควรจะกล่าวไม่ผิดว่า ทุกคน

ไม่มียกเว้นล้วนยินดีจะได้รู้สึกว่าตนเป็นที่รัก แต่อาจไม่ค่อยได้คิดนักว่า เครื่องน้อมนำมาซึ่งความรักความจริงใจจากผู้อื่นทั้งหลายนั้น

คือ เมตตามาก ๆ จริง ๆ จากใจตนเอง เหตุสำคัญที่สุดที่จะอบรมเมตตาได้สำเร็จ คือ ต้องเชื่อด้วยจริงใจเสียก่อนว่า เมตตามีผลวิเศษ

สุด พระพุทธศาสนาที่ประเสริฐเลิศล้ำไม่มีเสมอเหมือน ก็เกิดขึ้นได้ด้วยมีเมตตาเป็นพื้นฐาน มีปัญญาเป็นยอด คือ เกิดด้วยพระเมตตา

และพระปัญญาของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ปัญญาจำเป็นอย่างยิ่งต่อการอบรมเมตตาสำหรับ บางคน ที่เทิดทูน

บูชาสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นชีวิตจิตใจ แม้จะมีสติปัญญาเพียงน้อยนิดไม่อาจดำเนินไปตามทางที่ทรงแสดง

ประทานไว้ให้ บรรลุถึงจุดหมายปลายทางได้ แต่ก็มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา ในกรณีเช่นนี้การอบรม

ปัญญาย่อมพากเพียรทำ เมื่อระลึกอยู่ถึงความจริงที่ว่าสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นทรง มีเมตตาหาผู้เสมอเหมือนไม่

ได้ผู้เป็น พุทธศาสนิก แม้ไม่พยายามดำเนินรอยพระพุทธบาทในเรื่องนี้ ในทางแห่งเมตตานี้ หาสมควรเป็นศิษย์ของพระองค์ท่านไม่

การอบรมเมตตา…ไม่พ้นวิสัย หากตั้งใจจริง ผู้เทิดทูนสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจริง ความรู้สึกที่อาจตำหนิตนได้

ว่า ไม่สมควรเป็นศิษย์พระองค์ท่านนั้นจะรุนแรงแก่จิตใจ จะเห็นความไม่มีค่าของตนอย่างมากมายจนถึงจะทนความรู้สึกนั้นไม่ได้ ผล

ก็คือย่อมจะมุ่งมั่นทำสิ่งที่พึงทำได้ตามรอยพระพุทธบาท และการอบรมเมตตานั้น น่าจะเป็นการทำที่ทำได้ไม่พ้นวิสัยของทุกคนไป

แม้ตั้งใจจริงที่จะทำ ข้อแนะนำเพื่ออบรมเมตตา สำหรับผู้เทิดทูนสมเด็จพระบรมศาสดาด้วยจิตใจจริง มีความภาคภูมิใจจริงที่ได้

เกิดมาในพระพุทธศาสนา ได้เป็นศิษย์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้อแนะนำเพื่ออบรมเมตตาก็คือ พึงนึกถึงความจริงที่

ควรเป็นที่ภาคภูมิใจของผู้นับถือพระพุทธศาสนาทั้งหลาย คือ ทรงมีพระมหากรุณา มีพระเมตตาใหญ่ยิ่ง เป็นที่ประจักษ์ชัดจริงแล้วแก่

โลก ส่วนที่เป็นความเย็นท่ามกลางความร้อนระอุของโลก เกิดแต่พระมหากรุณา พระเมตตา แม้ไม่ใส่ใจอบรมเมตตาตามที่ทรงพร่ำ

อบรมสั่งสอนก็หาสมควรเป็นลูกศิษย์พระผู้ เลิศล้ำสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราไม่ เตือนตนเองเช่นนี้ให้สม่ำเสมอ

จะไม่อาจละเลยไม่แยแสการอบรมเมตตา แต่จะมีกำลังใจปฏิบัติอบรมเมตตาอย่างภาคภูมิใจเป็นสุขใจตลอดไป

http://www.watpanonvivek.com/index.php/section-table/2012-07-14-12-23-28/1960—2

. . . . . . .