ศาสนาเปรียบเทียบแห่งสากลโลก โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ศาสนาเปรียบเทียบแห่งสากลโลก โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – พระพุทธเจ้าประสูติ
แต่บางคนก็ยังไม่ทราบมันก็พูดกันได้ง่ายๆแต่กันลืมว่าพระพุทธเจ้าประสูติกลางดินพระพุทธเจ้าตรัสรู้กลางดินพระพุทธเจ้าสอนกลางดินพระพุทธเจ้าอยู่กลางดินพระพุทธเจ้านิพพานกลางดินให้ดูที่แผ่นดินมันมีความหมายสำหรับพระพุทธเจ้าอย่างไรเดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้มาพูดกันกลางดินเราควรจะรู้สึกภาคภูมิใจแม้ศาสดาแห่งศาสนาอื่นก็เช่นเดียวกันเข้าใจว่าคงมีลักษณะอย่างนี้บ้างไม่มากก็น้อยอีกอย่างหนึ่งก็ใต้ต้นไม้ๆ เดี๋ยวนี้เรานั่งกันใต้ต้นไม้พระพุทธเจ้าประสูติโคนต้นไม้พระพุทธเจ้าตรัสรู้โคนต้นไม้พระพุทธเจ้าสอนส่วนใหญ่โคนต้นไม้ส่วนใหญ่ประทับอยู่โคนต้นไม้และในที่สุดก็นิพพานโคนต้นไม้อย่าเข้าใจว่านิพพานที่โรงพยาบาลหรือบนศาลาบนกุฏิวิหารอะไรพระองค์นิพพานกลางดินโคนต้นไม้เดี๋ยวนี้เราก็ได้มานั่งกันโคนต้นไม้เป็นการง่ายที่สุดที่จะทำในใจเป็นพุทธานุสติระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประสูติกลางดินโคนต้นไม้เป็นต้น ดังที่กล่าวแล้วจึงขอให้ความรู้สึกอันนี้ติดใจท่านทั้งหลายไปเป็นเครื่องเตือนความทรงจำว่าเราได้มานั่งพูดกันในลักษณะอย่างนี้ในสถานที่อย่างนี้มีความหมายราวกับว่าในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดคือกลางดินโคนต้นไม้กลางดินโคนต้นไม้อันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็เป็นที่ประสูติตรัสรู้สั่งสอนอยู่และนิพพานของพระพุทธเจ้าแต่บางคนอาจจะสงสัยว่าพูดแก้ตัวไม่มีที่นั่งที่ให้มันเหมาะสมกันแล้วก็พูดแก้ตัวเอาแหละจะว่าแก้ตัวเป็นส่วนที่แก้ตัวแต่จะขอร้องให้ทำความเข้าใจว่าในส่วนที่มันจะได้รับมากยิ่งไปกว่าการแก้ตัวนั้นมันมีอยู่มากคือการที่เราจะได้มีจิตใจเหมาะสมที่จะฟังหรือจะศึกษาพระธรรมแล้วเป็นอยู่คลายๆธรรมชาติมันก็จะเข้าใจเรื่องของธรรมชาติได้โดยง่ายเป็นเคยกับธรรมชาติมันก็รู้เรื่องของธรรมชาติได้โดยง่ายเรื่องของธรรม

โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนานั้นไม่มีเรื่องอะไรนอกไปจากเรื่องของธรรมชาติเรื่องตัวธรรมชาติเรื่องกฎของธรรมชาติเรื่องหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติและเรื่องผลที่จะได้รับจากหน้าที่นั้นมันเป็นเรื่องธรรมชาติถึงขนาดนี้แค่มานั่งอยู่เป็นเกลอกับธรรมชาติมันก็ง่ายและสะดวกที่จะเข้าใจเรื่องธรรมชาติเพราะฉะนั้นขอให้ตระเตรียมจิตใจของท่านทั้งหลายให้เป็นไปในรูปของลักษณะอย่างนี้ด้วยที่นี้ โดยส่วนตัวมันก็เกือบจะมาพูดไม่ได้คือเป็นหวัดก็ต้องขออภัยที่จะต้องพูดเบาๆถ้าพูดดังแล้วมันก็ไอขึ้นมาทันที่ถ้าพูดเบาก็พอที่จะพูดไปได้บ้างเพราะนั้นก็จำเป็นที่จะต้องพูดเบาๆจึงขอให้ตั้งใจฟังเอาก็แล้วกันมันเป็นหวัดอาตมาพยายามอย่างยิ่งต่อต้านอย่างยิ่งนี่เอากระป๋องลูกอมแก้หวัดยาดมแก้หวัดมาขู่ไวรัสไม่รู้มันจะกลัวหรือไม่กลัวมันอาจจะพูดไม่จบก็ได้แต่ไหนๆก็ได้ตั้งใจจะพูดแล้วก็พยายามจะพูดที่นี้เรื่องที่จะพูดวันนี้คืนนี้นั้นก็คือหัวข้อที่ว่าศาสนาเปรียบเทียบแห่งสากลโลกท่านจงทำในใจถึงศาสนาทุกศาสนาที่มีอยู่ในโลกตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีมาจนกระทั่งถึงบัดนี้ปัจจุบันนี้มันจะมีอยู่สักกี่ศาสนาก็สุดแท้เราจะมาวินิจฉัยกันจะได้พิจารณากันจะได้เปรียบเทียบและการเปรียบเทียบนี้มีได้ทั้งสองอย่างคือเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างกันและก็เกลียดชังกันก็ได้ให้มา สังเกตเห็นว่านักศึกษาศาสนาเปรียบเทียบนั้นมักจะเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างกันเข้ากันไม่ได้หรือเกลียดน้ำหน้ากันราจะเปรียบเทียบกันอย่างนี้ก็ได้หรือเปรียบเทียบอีกอย่างคือการเปรียบเทียบเห็นอีกความที่มันคล้ายกันที่มันเข้ากันได้ในที่สุดก็พอใจที่จะร่วมมือกันอย่างนี้ก็มีนี่คือการเปรียบเทียบมีอยู่เป็นสองอย่างอย่างนี้เดี๋ยวนี้เราจะเปรียบเทียบในลักษณะที่เป็นประโยชน์แก่มนุษย์คือมองเห็นช่องทางที่เหมือนกันถึงจะเข้ากันได้แล้วก็ร่วมมือกันทุกฝ่ายทำประโยชน์ให้แก่โลกเพื่อช่วยมนุษย์ในโลก ถ้าศาสนาทุกศาสนาร่วมมือกันเพื่อทำประโยชน์ให้แก่โลกถึงโลกจะดีกว่าอย่างที่มีอยู่ในปัจจุบันและปัญหาเรื่องการกระทบกระทั่งระหว่างศาสนาก็จะไม่มีนี่เป็นสิ่งที่เราจะต้องระลึกนึกถึงประจำใจอยู่เสมอว่าโลกมนุษยโลกมนุษยชาติกำลังต้องการความช่วยเหลือจากศาสนาทุกศาสนารวมกันแต่มนุษย์มันไม่รู้มนุษย์มันไม่รู้เรื่องนี้มันหลับตาไม่รู้เรื่องนี้ไม่ส่งเสริมเพื่อการกระทำอย่างนี้และบางทีก็กระทำเพื่อการแตกแยกกันเสียด้วยมันกลายเป็นเพิ่มวิกฤตการณ์เพิ่มความเลวร้ายขึ้นมาในโลกถ้าในทางโลกยังแตกกันในทางศาสนาก็แตกกันและโลกนี้ก็เลวร้ายลงไปกว่านี้อีกมากเพราะนั้นจึงควรหาทางทำความเข้าใจเป็นการป้องกันวิธีหนึ่งก็ว่าจะขึ้นปีใหม่อยู่รอมร่อแล้วเราควรจะทำอะไรให้ดีกว่าปีเก่าเพราะนั้นเรามาทำความเข้าใจระหว่างศาสนากันให้มากยิ่งขึ้นไปกว่าปีเก่าในศาสนามีบทบาทเพื่อสันติภาพของโลกยิ่งขึ้นเพราะนั้นยิ่งขึ้นปีใหม่กี่ปีกี่ปีมันก็เป็นการเพิ่มความหวังเพิ่มความปลอดภัยในการได้รับสันติภาพสันติสุขในโลกนี้ นี่เราควรทำความเข้าใจกันในตอนนี้อีกอย่างหนึ่งพูดกันตรงๆว่าเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างศาสนาทำให้เกิดการกระทบกระทั่งภายในสังคมเดียวที่มีศาสนาต่างกันเช่นประเทศไทยสังคมนี้ก็ถือศาสนาได้ตามชอบใจศาสนาไหนก็ได้รัฐธรรมนูญอนุญาตให้อย่างนั้นดังนั้นแม้ประเทศไทยประเทศเดียวจะถือศาสนาทุกศาสนาก็ได้แต่จะทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดการกระทบกระทั่งกันในระหว่างศาสนา อาตมาเห็นว่ามีอยู่ทางเดียวเท่านั้นนั่นคือการทำความเข้าใจซึ่งกันและกันด้วยการทำการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างศาสนาเนี่ยคือความมุ่งหมายที่จะพูดเรื่องนี้จึงขอให้ทุกคนทุกท่านที่มีศาสนาศาสนาใดก็ตามใครมีศาสนาก็ขอให้ตั้งใจฟังเอาไว้เราจะทำความเข้าใจกันระหว่างศาสนาได้อย่างไรจึงจะเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่สังคมของเราเรายังจะต้องมีปัญหาอย่างนี้กันไปอีกทุกๆประเทศก็ได้หรือทั่วโลกก็ได้อยู่ที่ว่าในโลกนี้มันมีศาสนาหลายศาสนาอยู่ในโลกจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไรที่นี้จะดูในส่วนน้อยที่สุดส่วนเล็กที่สุดว่าในครอบครัวหนึ่งนะมันมีต่างศาสนาก็ได้จะมีการสมรสระหว่างศาสนาผัวถือศาสนาหนึ่งเมียถือศาสนาหนึ่งและจะอยู่กันได้อย่างไร ด้วยความสนิทสนมผาสุขสันติสุขร้อยเปอร์เซ็นต์ได้มันก็ไม่มีอะไรนอกจากการทำความเข้าใจระหว่างศาสนาอันนั้นจึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะทำความเข้าด้วยการศึกษาเปรียบเทียบในลักษณะที่ให้มองเห็นความที่จะร่วมมือกันได้ซึ่งไม่ใช่เห็นความแตกต่างแล้วเกลียดชังกันซึ่งชอบกระทำกันเป็นอันมากซึ่งอาตมาเห็นว่านั่นเป็นการทำบาปการเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่างศาสนาเพื่อเข้าหน้ากันไม่ได้ถือว่าเป็นการทำบาปอย่างยิ่งก็จะสังวรณ์กันไว้ที่นี้ก็จะได้พูดต่อไปในข้อแรกประเด็นแรกก็คือจะพูดว่าเมื่อคำพูดหรือคำถามที่จะถามว่าศาสนาไหนดีกว่าศาสนาไหนศาสนาไหนดีที่สุดนี่ ขอให้เข้าใจว่าเป็นคำถามที่บ้าบอที่สุดคำถามที่บ้าบอที่สุดก็คือคำถามที่ว่าศาสนาไหนดีกว่าศาสนาไหนถ้าเรามองเห็นส่วนลึกแก่นแท้ของศาสนาแล้วก็จะไม่เกิดคำถามอย่างนี้เพราะว่าศาสนาหนึ่งๆมันก็ดีไปอย่างหนึ่งเหมาะสำหรับคนพวกหนึ่งยุคสมัยหนึ่งในถิ่นที่แห่งหนึ่งมันเป็นอย่างนี้เพราะฉะนั้นมาถามว่าศาสนาไหนดีกว่าศาสนาไหนมันก็เป็นการหลับตาถามมันเป็นคำถามที่บ้าบอที่สุดเช่นเดียวกับจะถามว่ากินขนมปังอย่างฝรั่งดีหรือกินข้าวอย่างคนไทยกินดีกินขนมปังกับการกินข้าวเนี่ยอย่างไหนดีกว่ากันหรือถูกกว่ากันนี่คำถามนี้บ้าบอที่สุดเลยเราทั้งหลายคงจะทราบได้ว่าเป็นคำถามที่บ้าบอที่สุดเท่าไหร่ที่จะถามว่ากินขนมปังดีหรือกินข้างดีสำหรับคนที่กินขนมปังมันก็ดีมันก็ถูกมันก็มีเหตุผลมันก็เป็นปกติสุขไปแล้ว

หน้าที่ 2 – ดับความทุกข์
ไอ้คนที่กินข้าวมันก็มีความถูกต้องมีปกติสุขไปแล้วมาถามว่าอันไหนดีกว่ากันเนี่ยมันตอบไม่ได้มาถามฝ่ายหนึ่งมันก็ต้องตอบอย่างหนึ่งไอ้คนที่มาถามมันไม่รู้ว่ามันกินอะไรถ้าตัวเองกินข้าวมันก็ต้องตอบว่ากินข้าวดีเพราะนั้นมันเป็นคำถามที่บ้าบอที่จะถามว่ากินขนมปังดีหรือกินข้าวดีที่นี้แคบเข้ามาในหมู่พวกที่กินข้าวภาคเหนือภาคอีสานกินข้าวเหนียวภาคใต้กินข้าวเจ้าภาคกลางกินข้าวเจ้าถ้าเกิดถามว่ากินข้าวเหนียวดีกว่ากินข้าวเจ้าหรือกินข้าวเจ้าดีกว่ากินข้าวเหนียวมันก็เป็นคำถามที่บ้าบอที่สุดนั่นเอง อาตมาเคยไปลองกินข้าวเหนียวมาแล้วมันกินไม่ได้มันกินไม่ค่อยจะได้มันฝืนมากเกินไปนี่เพราะว่าเรามันกินข้าวเจ้าพวกที่กินข้าวเหนียวก็มากินข้าวเจ้าก็บ่นว่าไม่เต็มท้องไม่อิ่มท้องไม่มีกำลังวังชาอะไรอย่างนี้เป็นต้นที่จริงเลือกคำถามอย่างนี้ให้มันมีความถูกต้องของภูมิหลังเบื้องหลังเกิดมาอย่างไรเกิดมาในถิ่นไหนในยุคไหนในสมัยไหนมีเลือดเนื้อที่สร้างมาในลักษณะอย่างไรในลักษณะอย่างนั้นมันถึงจะถูกต้องจงมีหรือกินก็ได้ ถ้ามีก็มีศาสนาถ้ากินก็กินข้าวให้มันถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องของตนเองภูมิหลังของตนเป็นอย่างไรมีวัฒนธรรมอย่างเกิดในถิ่นไหนคือในบ้านเมืองที่ดีมีดินฟ้าอากาศอย่างไรมันมีอีกหลายอย่างหลายปัญหาที่มันจะทำให้มองเห็นได้ไม่ว่าจะกินเนยดีหรือกินน้ำกะทิดีเผือกผลอย่างเดียวกันมันก็ตัดสินไม่ได้หรอกมันเป็นเรื่องของความเคยชินมากกว่าที่เรียกว่ารสนิยมหรืออะไรก็แล้วแต่เพราะนั้นเราจะไม่ถามกันว่าศาสนาไหนดีกว่าศาสนาไหนเพราะศาสนาหนึ่งย่อมดีสำหรับคนพวกหนึ่งโดยสมบรูณ์เพราะนั้นเข้าก็รับเอาศาสนานั้นเป็นศาสนาประจำสืบทอดกันมาจนกลายเป็นศาสนาประจำตระกูลหรือศาสนาประจำชาติก็แล้ว

แต่ถ้ามองดูถึงความเหมาะสมที่ได้รับจากศาสนาแล้วมันก็ดีด้วยกันทั้งนั้นไม่มีคำว่าดีกว่าและก็ไม่คำว่าดีที่สุดอาตมากล้าพูดว่าไม่มีศาสนาไหนดีที่สุดเช่นพุทธศาสนานี้ใช้กับคนโง่ไม่ได้พุทธศาสนาจะดีที่สุดอย่างไรเพราะมันใช้กับทุกคนไม่ได้ศาสนาที่นิยมปัญญารุ่งเรืองอยู่ด้วยปัญญามันใช้กับคนโง่ไม่ได้เนี่ยคือข้อที่ว่ามันไม่ดีที่สุดไปได้ถ้ามันดีที่สุดมันต้องใช้ได้กับคนทุกคนได้ทุกพวกทุกชนิดจริงเพราะนั้นเราจึงไม่อาจจะพูดว่ามีศาสนาใดดีที่สุดแล้วก็จะไม่พูดว่าศาสนาไหนดีกว่าศาสนาไหนเพราะว่ามันจะเหมาะสำหรับผู้ที่ถือศาสนานั้นๆตามภูมิหลังของคนที่มีอยู่ที่นั้นเราจะเลิกพูดเลิกถามชนิดนี้คือที่นี้ก็จะมาดูในแง่ดีแต่ละศาสนาก็จะมีจุดดีมีแง่ดีส่วนที่เป็นประโยชน์แก่ศาสนิกของศาสนานั้นเต็มที่เป็นศาสนาๆไปทุกๆศาสนาเนี่ย เดี๋ยวนี้มาพิจารณากันถึงคำว่าศาสนาๆนี้ก่อนเพราะว่าศาสนาๆนี้ไม่ได้หมายถึงลัทธิของความเชื่อเพียงแต่เป็นลัทธิของความเชื่อไม่ได้เรียกว่าศาสนาต้องเป็นระบบของการปฏิบัติปฏิบัติอยู่ปฏิบัติลงไปแล้วเป็นระบบๆถูกต้องตามระบบแล้วเนี่ยจึงเป็นตัวศาสนาถ้ายังเป็นแต่เพียงลัทธิความเชื่อมันยังเป็นของลมๆแร้งๆมันยังไม่เป็นตัวศาสนามันต้องมีการปฏิบัติเมื่อมีการปฏิบัติลงไปแล้วมันก็จะมีผลของการปฏิบัติก็จะเกิดผลขึ้นมาตามสมควร ดังนั้นจึงดับความทุกข์หรืแก้ปัญหาได้อย่างใดอย่างหนึ่งเสมอไปหัวใจของทุกศาสนามันจึงอยู่ที่ความดับทุกข์ปฏิบัติและทุกข์ได้จะเป็นแต่เพียงความรู้เฉยๆยังไม่พอเอาหละสำหรับวิชาความรู้มันก็มีเพื่อจะปฏิบัติได้ถูกต้องปฏิบัติอย่างเดียวยังไม่พอมันต้องได้รับผลของการปฏิบัติด้วยแล้วผลของการปฏิบัตินั้นก็คือการดับทุกข์ได้เพราะนั้นก็เลยมีค่าอยู่ที่การดับทุกข์ซึ่งมีด้วยกันทุกศาสนาศาสนานี้ดับทุกข์ของคนในเอเชียได้ศาสนานี้ดับทุกข์ของคนในยุโรปได้ในแอฟริกาในที่ไหนได้ไอ้ส่วนที่มันดับทุกข์ได้เนี่ยมันเหมือนกันสำหรับความทุกข์นั้นมันไม่มีต่างชาติต่างศาสนาตัวความทุกข์มันทุกข์เหมือนกันหมดเลยเพราะนั้นถ้ามันดับทุกข์ได้มันก็มีค่าเท่ากันคำอธิบายเรื่องจะดับทุกข์อย่างไรมันเป็นส่วนพิเศษประจำศาสนา แต่ว่าสำคัญอยู่ที่การปฏิบัติขั้นปฏิบัติแล้วดับทุกข์ได้ไอ้การดับทุกข์ได้เนี่ยคือค่าที่แท้จริงซึ่งมีอยู่ในทุกศาสนาถ้าศาสนาไหนไม่มีส่วนที่ดับทุกข์ได้และก็ขีดค่าออกไปได้เลยขีดชื่อออกไปได้เลยจากบัญชีของศาสนาถ้ามันยังมีอยู่มันต้องดับทุกข์ได้ในชนิดใดชนิดหนึ่งหรือในระดับใดระดับหนึ่งก็ตามเพราะว่าคนในโลกมันมีหลายชนิดนักหลายระดับนักมันจึงต้องมีหลายศาสนาเพื่อพอเหมาะพอดีแก่กันกับคนเหล่านั้นเพราะนั้นศาสนาทุกศาสนาจึงมีส่วนดีตรงที่ดับทุกข์ได้ด้วยการปฏิบัติถูกต้องจนดับทุกข์ได้เพราะนั้นจะมีรูปร่างของการปฏิบัติแตกต่างกันบ้างไม่เป็นไรๆเช่นการกินข้าเหนียวเข้าไปมันก็บำรุงร่างกายได้กินข้าวเจ้ามันก็บำรุงร่างกายได้กินขนมปังมันก็บำรุงร่างกายได้ไม่เป็นไรขอแต่ให้ดับทุกข์ได้ดังนั้นจึงมองดูที่ส่วนลึกของหัวใจที่เป็นจุดกลางใจกลางของทุกข์ศาสนามันก็ดับทุกข์ได้ ดังนั้นในทุกข์ศาสนาจึงเหมือนกันในส่วนนี้เปรียบเทียบข้อนี้ก็จะเปรียบเทียบได้กับว่าน้ำน้ำของเหลวของเหลวที่เรียกว่าน้ำนะมันมีมากชนิดเหลือเกินนับไม่ไหวหละน้ำฝน น้ำประปา น้ำบ่อ น้ำคลอง น้ำท่า น้ำในนา น้ำในคู น้ำในหนอง แม้กระทั่งน้ำสกปรกใต้ถุนบ้าน มันเป็นน้ำเหมือนกันกระทั่งว่าน้ำผึ้ง น้ำตาล น้ำส้ม น้ำปลา น้ำอะไรก็สุดแท้ที่มันเหลวเป็นน้ำก็เรียกว่าน้ำจะเป็นเหม็นหรือหอมเปรี้ยวหรือขมหรืออะไรก็สุดแท้แต่ถ้ามีสติปัญญาก็จะรู้ว่าในน้ำทุกชนิดนั้นมีน้ำบริสุทธิ์ในน้ำโคนก็เอาแยกเป็นน้ำบริสุทธิ์เป็นน้ำกลั้นออกมาได้เป็นน้ำคลองก็ได้ในน้ำฝนก็ได้แม้แต่ในน้ำส้ม ในน้ำคล่ำ

หน้าที่ 3 – ศาสนา
ในน้ำอุจจาระมันก็แยกเอาน้ำบริสุทธิ์ออกมาได้น้ำบริสุทธิ์H2Oนั่นแหละเอาออกมาได้ทุกจากทุกน้ำจากทุกน้ำน้ำเหงื่อน้ำไคลน้ำปัสสาวะน้ำอุจจาระมันก็มีน้ำบริสุทธิ์อยู่ในนั้นแยกออกมาได้แต่ที่นี้คนเรามันก็เกลียดเกลียดน้ำเหม็นน้ำสกปรกจนถึงกับว่ามันเข้ากันไม่ได้โดยที่ไม่รู้ว่าในน้ำเลือดน้ำหนองของตนนั้นมันก็มีน้ำบริสุทธิ์อยู่ในนั้นน้ำทั้งหลายมีหัวใจเป็นน้ำบริสุทธิ์อยู่ด้วยกันทั้งนั้นมันแล้วแต่ใครจะรู้จักแยกออกมาหรือไม่รู้จักแยกออกมาคือมันจะมองให้เห็นว่าน้ำทั้งหลายมีน้ำบริสุทธิ์อยู่เป็นแกนกลางทั้งนั้นอย่าไปดูถูกดูหมิ่นมันเลยเพราะนั้นทุกศาสนากี่สิบศาสนาก็ตามมันมีส่วนที่ดับทุกได้ตามมากตามน้อยอยู่ทั้งนั้น ตั้งแต่มีโลกมีมนุษย์ขึ้นมามันมีศาสนาตั้งตนมาหลายรูปแบบเปลี่ยนแปลงมาตามลำดับถ้าจะนับกันจริงๆแล้วตั้งหลายสิบศาสนาแล้วในแต่ละศาสนานั้นเคยดับทุกข์ของประชาชนที่นั่นมาแล้วทั้งนั้นไม่มากก็น้อยหมายความมันเคยดับทุกข์มาแล้วทั้งนั้นเพราะนั้นส่วนที่มันดับทุกข์ได้นั้นมันคือหัวใจของศาสนาเราจึงถือว่าทุกศาสนานั้นมีหัวใจเหมือนกันที่ดับทุกข์ได้เหมือนกับของเหลวทุกชนิมีน้ำบริสุทธิ์อยู่ในนั้นทั้งนั้นและจะไปรังเกียจรังงอนให้มันพูดหยาบคายอีกแล้วจะไปรังเกียจกันมันโง่ทำไม่ในทุกศาสนามีค่าดับทุกข์ได้อย่างเดียวกันเลยไม่ต้องเปรียบเทียบดับทุกข์ได้โดยเสมอกันแล้วอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วมันก็เป็นศาสนาแล้วโดยไม่ต้องเปรียบเทียบก็ได้มีแต่จะเลือกๆให้เหมาะกับปัญหาของตนให้เหมาะสมแก่ความทุกข์ของตนแล้วก็ไปใช้ดับทุกข์ได้ก็พอ

ที่นี้เราจึงไม่มีการกระทบกระทั่งระหว่างพุทธศาสนานี่คือการเปรียบเทียบชนิดที่ว่าให้มันเข้ากันได้ให้มันเป็นมิตรกันได้ให้มันร่วมมือกันได้แก้ไขปัญหาในโลกได้ไม่ใช่มาเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างกันหรือว่าเกลียดชังกันอันนี้มันไม่ใช่เรื่องของศาสนาแล้วแต่มันเป็นเรื่องของภูตผีปีศาจไปแล้วไม่ใช่เรื่องของพระศาสนาแล้วถ้าเป็นเรื่องของพระศาสนามันก็ต้องทำชนิดที่ว่าให้มนุษย์ได้รับประโยชน์โดยร่วมมือกันได้เดี๋ยวนี้เรามองเห็นหัวใจของศาสนาแต่ละศาสนาดับทุกข์ได้ไม่อย่างไหนก็อย่างหนึ่งอย่างนี้มันเหมือนกันเสียแล้วไม่ต้องเปรียบเทียบโดยขนาดมันไม่มีความหมายเพราะความทุกข์ของคนโง่เอาศาสนาของคนฉลาดมาดับไม่ได้ความทุกข์ของคนฉลาดเอาศาสนาของคนโง่มาดับไม่ได้มันต้องมีถูกฝาถูกตัวกันไปทั้งนั้น เพราะนั้นมันก็เลยมีค่าเหมือนกันก็คือดับทุกข์ได้นี่เราจะมองกันในแง่นี้ว่าทำให้มนุษย์หลุดพ้นจากความทุกข์ของตนมีแต่ความสงบสุขมีแต่การทำให้การเป็นมนุษย์นี้เป็นประโยชน์อยู่ร่วมกันอย่างมีประโยชน์ทุกคนไม่มีความทุกข์และทุกคนกำลังผลิตประโยชน์ออกไปรอบตัวให้เพื่อนมนุษย์กันพลอยได้รับนี่คือความสมบรูณ์ของศาสนาเมื่อยู่ในระดับต่ำมันก็มีความหมายเต็มที่ของการดับทุกข์เมื่อยู่ในระดับสูงเท่าไหร่มันก็มีความหมายเต็มที่ของการดับทุกข์เอาที่ไม่มีความทุกข์เอานั้นนั่นแหละเป็นเครื่องวัดนี่เรียกว่าเราจะเปรียบเทียบดูว่าแต่ละศาสนานั้นมีส่วนดีไม่ใช่เพียงแต่ว่าสอนให้คนทำดีเหมือนที่เขาชอบพูดกันมาก อาตมาพูดว่าพูดอย่างนั้นมันเป็นเด็กอมมือเกินไปเช่นพูดว่าศาสนานาทุกศาสนาล้วนแต่สอนให้คนทำดีแล้วก็เหมือนกันอย่างนี้ก็ได้ถูกที่สุดที่มันถูกอย่างเด็กอมมือมันจะต้องพูดว่าทุกศาสนาดับทุกข์ได้ดับทุกข์ของมนุษย์ได้มนุษย์มีกี่ร้อยชนิดมันก็มีศาสนาหลายร้อยชนิดเหมาะสมถูกฝาถูกตัวดับทุกข์ของมนุษย์แต่ละชนิดได้เราจึงพอใจเอาที่นี้ก็ดูต่อไปในอนาคตในอนาคตนี่โลกมันอยู่ใต้อำนาจวิสัยของวิชาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์ที่กำลังก้าวหน้าๆอยู่ในโลกและโลกก็ยอมรับวิทยาศาสตร์ยอบรับนับถือวิทยาศาสตร์ยิ่งๆขึ้นไปโลกมันเปลี่ยนพื้นฐานเปลี่ยนอุปนิสัยเปลี่ยนอะไรไปในทางที่ยึดแต่วิทยาศาสตร์เป็นหลัก ดังนั้นในอนาคตมันจะเหลืออยู่แต่ศาสนาเดียวคือศาสนาวิทยาสตร์ไม่ต้องเรียกว่าพุทธ คริสต์อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู สิกข์ ก็แล้วแต่ไม่ต้องเรียกมันแล้วมันจะเรียกว่าศาสนาวิทยาสตร์คือศาสนาที่กล่าวถึงความจริงอันเด็ดขาดของธรรมชาติเรียกว่าศาสนาของความจริงความจริงของอะไรของธรรมชาติที่ศึกษาได้เกี่ยวข้องได้ด้วยวิทยาศาสตร์ด้วยวิถีทางวิทยาสตร์ในอนาคตที่มนุษย์เข้าถึงในระดับสูงสุดของวิทยาศาสตร์ศาสนามันก็จะเหลืออยู่แต่ศาสนาวิทยาศาสตร์ที่เข้ากันได้กับวิทยาศาสตร์ที่ไอสไตร์ได้พูดไว้ว่าจะเหลืออยู่ศาสนาเดียวที่สามารถจะโคบแมคจะรอนี่ศาสนาที่สามารถจะตอบคำถามหรือสู่หน้าได้กับความต้องการของวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติศาสนานี้จะเหลืออยู่ก็เรียกว่าศาสนาอะไรก็ตามใจเพราะมนุษย์เป็นลูกน้องของวิทยาศาสตร์ไปหมดแล้วมันก็เป็นศาสนาวิทยาศาสตร์แต่อย่าลืมว่าหัวใจของทุกๆศาสนาแต่ละศาสนามันเข้าไปอยู่ที่นั่นคือมันดับทุกข์ได้มันจะดับทุกข์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ตามใจเถอะมันก็ตรงกับหลักของศาสนาใดศาสนาหนึ่งที่เป็นมาแล้ว

หน้าที่ 4 – พุทบริษัท
แต่ในอดีตมันจะได้เชื่อพระเจ้าหรือจะได้เชื่อการกระทำของตนเองแล้วแต่เดี๋ยวนี้เค้าแบ่งเป็นเหลือสองศาสนาแล้วในโลกนี้สองศาสนาแล้วเหลือเพียงสองศาสนาแล้วในโลกนี้คือพวกเครชันนิตเชื่อพระเจ้าพระเจ้าสร้างเชื่อพระเจ้าเนี่ยเป็นเครชันนิตมีอยู่กี่ศาสนาก็ลองไปนับดูเอาเองที่นี้ศาสนาอีกพวกหนึ่งก็คือเอฟฟารูชันนิตเชื่อวิวัฒนาการทางธรรมชาติมีอยู่กี่ศาสนาก็ลองไปนับดูเอาเองเท่าที่มันเห็นชัดๆอยู่พุทธศาสนาอยู่ในเอฟฟารูชันนิตยึดถือความเป็นไปทางธรรมชาติตามเหตุตามปัจจัยของธรรมชาติพุทธศาสนาที่แท้จริงไม่ได้สอนว่าความสุขทุกข์เป็นไปตามกรรมความสุขความทุกข์ของมนุษย์ไม่ได้เป็นไปตามกรรม แต่พุทบริษัทส่วนมากยังโง่อยู่ว่าสุขทุกข์เป็นไปตามกรรมแต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าสุขทุกข์ไม่ได้เป็นผลของกรรมเก่าแต่เป็นผลของอิทปัตยาตาที่มันทำผิดหรือมันทำถูกที่นี่เดี่ยวนี้เนี่ยคือวิทยาศาสตร์ที่เอฟฟารูชันนิตคือไม่ต้องมีพระเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วก็ว่าสุขทุกข์เนี่ยไม่ใช่เป็นเพราะว่าพระเจ้าบันดาลนี่พุทธศาสนาเป็นแบบนี้ความสุขความทุกข์ของมนุษย์ไม่ใช่พระเจ้าหรือสิ่งสูงสุดบันดาลและไม่ใช่ผลของกรรมเก่าแต่เป็นผลของอิทปัตยาตาที่ทำลงไปผิดหรือทำลงไปถูกเพราะถ้ามันเกิดความทุกข์ร้อยเจียนตายขึ้นมาแต่ถ้าปฏิบัติถูกตามกฏของอิทปัตยาตาแล้วมันก็ไม่เป็นทุกข์เลยขอให้เข้าใจส่วนนี้แม้จะเจ็บไข้ได้ป่วยเจียนตายเป็นทุกข์เจียนตายอยู่แล้วแต่ถ้าดำรงจิตให้ถูกต้องตามกฏของอิทปัตยาตาแล้วมันก็ไม่เป็นทุกข์เลยมันถึงได้ยกเลิกกรรมเก่าหรือยกเลิกอำนาจของพระเจ้าของเทพเจ้าของภูตผีปีศาจของอะไรออกไปหมดสิ้นเนี้ยพุทธศาสนามีลักษณะเป็นเอฟฟารูชันนิตมไม่มีลักษณะเป็นเครชันนิตเดี๋ยวนี้ศาสนาในโลกเหลืออยู่เพียงสองศาสนาแล้วศาสนาหนึ่งเป็นเครชันนิตมีพระเจ้าเป็นผู้สร้างก็ทำไปตามแบบนั้นศาสนาหนึ่งเป็นเอฟฟารูชันนิตเป็นไปตามกฎของวิวัฒนาการ

เหตุปัจจัยก็ทำไปตามแบบนั้นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรเอามาเปรียบเทียบว่าศาสนาไหนดีกว่ากันอย่าให้มันโง่ไปอีกมันจะเป็นคำถามที่โง่เง่าที่สุดที่จะมาถามว่าศาสนาไหนดีกว่ากันเพราะว่าสำหรับคนบางพวกนั้นมันก็ต้องใช้แบบของตนแบบอื่นใช้ไม่ได้พวกที่มีพื้นเพนิสัยสันดานวัฒนธรรมจิตใจมาตามแบบที่เหมาะสมกับศาสนาเครชันนิตมันก็ถือศาสนานั้นส่วนพวกที่ไม่เป็นอย่างนั้นคือเป็นไปตามแบบธรรมชาติมันก็ต้องถือศาสนาเอฟฟารูชันนิตเป็นธรรมดา แต่ว่าทั้งสองศาสนาจะมาเปรียบเทียบกันอย่างไรมันก็ยังเสมอกันหรือได้ผลด้วยกันคือดับทุกข์ได้ตามแบบของตนของตนถ้ามันเหลือสองศาสนามันก็ยังไม่มีการที่จะมาพูดว่าอันไหนดีกว่าอันไหนอันไหนดีที่สุดอยู่นั่นเองถ้าประชาชนหรือคนสัตว์ทั่วไปมันมีปัญหาตามแบบของตนของตนตามลักษณะนิสัยจิตใจของตนและยังเป็นไปตามไอ้การศึกษาหรือวัฒนธรรมหรือประเพณีอะไรอีกมากซึ่งฝังแน่นอยู่ในสันดานเค้าก็ต้องได้ศาสนาที่เหมาะสมเค้าจึงจะดับทุกข์ของเค้าได้ก็ยังดีไปตามแบบนั้นถ้าไม่เป็นอย่างนั้นมันก็ต้องมาแบบอิทปัตยาตาคือว่าเป็นไปตามเหตุปัจจัยกฎของธรรมชาติอย่างไรปฏิบัติถูกต้องก็ดับทุกข์ได้เพราะนั้นพวกที่กินขนมปังก็กินไปสิพวกกินข้าวก็กินไปสิเพราะนั้นจะมามีปัญหาอะไรที่จะถามว่าอันไหนดีกันอันไหนดีที่สุด แต่ที่นี้ถ้ามันมาถึงชั้นวิทยาศาสตร์ขออภัยที่จะพูดว่าในอนาคตข้างหน้าอันยาวไกลถ้าคนในโลกมันเป็นสมาชิกของวิทยาศาสตร์ไปหมดแล้วน่ากลัวว่าจะเหลือเพียงศาสนาเดียวคือศาสนาวิทยาศาสตร์ทุกศาสนาเอามาใส่ครกหลอมตำๆเข้าเป็นอันเดียวกันเหลือเพียงศาสนาวิทยาศาสตร์นั่นนะจะอยู่เหลือเพียงศาสนาเดียวแล้วไม่ต้องเปรียบเทียบเพราะมันเหลือศาสนาเดียวจะเปรียบเทียบกับใครได้ อย่างไรมันก็ไม่ต้องเปรียบเทียบการเปรียบเทียบทางศาสนามีไม่ได้อีกต่อไปเพราะมันเหลือศาสนาเดียวซะแล้วเนี่ยศาสนาเปรียบเทียบแห่งสากลโลกสากลจักรวาลมันมีเค้าเงื่อนอย่างนี้มีเค้าโครงอย่างนี้มีปัญหาอย่างนี้เรามาพูดกันเหมือนกับพูดถึงอนาคตอนาคตนี่ไม่แค่ไหนไม่เท่าไหร่ก็กลายเป็นอดีตอีกไม่กี่หมื่นปีอีกไม่กี่พันปีอีกไม่กี่หมื่นปีอนาคตนั้นก็กลายเป็นอดีตอันนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาไปอีกเพราะว่าอนาคตมันก็จะกลายเป็นอดีตอยู่เรื่อยไปพรุ่งนี้มันก็จะกลายเป็นวานนี้ของวันนี้ได้เรื่อยไปๆเพราะนั้นอนาคตมันอยู่ใกล้ๆนี่เองสักวันหนึ่งมันก็จะถึงยุคหนึ่งซึ่งอะไรๆมันก็ต้องเหมาะสมสำหรับยุคนั้นนี่ อาตมาจึงคิดว่าและเชื่อว่าด้วยมันจะมีเหลืออยู่ศาสนาเดียวในยุคหนึ่งคือศาสนาวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์ทุกคนในโลกเป็นสมาชิกของวิทยาศาสตร์ไปหมดแต่ถ้ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นมาอีกนอกจากวิทยาศาสตร์นั้นก็ค่อยพูดกันแต่เค้าเงื่อนที่มันเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้มันมองเห็นอยู่ว่าวิทยาศาสตร์ความรู้เหตุผลเหตุปัจจัยตามกฎวิวัฒนาการมันจะครองโลกเราเปรียบเทียบกันไว้ล่วงหน้าเปรียบเทียบกันว่าเพื่อจะให้ร่วมมือกันได้ถ้าเราจะถือเป็นศาสนาๆนั้นศาสนานี้ ขอให้รู้ไว้เถิดว่าเราจะมีปัญหาอย่างเดียวกันปัญหาร่วมกันคือจะต้องต่อสู้กับศาสนาวิทยาศาสตร์อันจะมีมาในอนาคตศาสนาไหนก็ตามที่มีอยู่ในโลกเวลานี้จะต้องเผชิญปัญหาในอนาคตคือต่อสู้กับศาสนาวิทยาศาสตร์ถ้าศาสนาไหนเป็นวิทยาศาสตร์อยู่แล้วก็ดีไปแต่ศาสนาที่มีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์นั้นนะจะเป็นอยู่ได้ง่ายเป็นไปได้ง่ายหรือเคลื่อนไหวได้ง่ายที่นี้เปรียบเทียบอย่างนี้แล้วก็จะทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นมาอย่างหนึ่งว่าต่อไปนี้มันต้องเตรียมตัวสำหรับอย่างนี้ความรู้เรื่องของธรรมชาติรู้เรื่องกฎของธรรมชาติรู้เรื่องหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ รู้หน้าที่ผลของธรรมชาติและผู้ที่เคยเรียกว่าพระเจ้าก็จะต้องเปลี่ยนพระเจ้าเป็นธรรมชาติที่เคยเรียกว่าธรรมชาติก็จะต้องเปลี่ยนธรรมชาติเป็นพระเจ้าคือเป็นสิ่งสูงสุดแล้วแต่จะใช้ชื่อไหนแล้วแต่จะชอบชื่อไหนคำว่าพระเจ้าหมายถึงสิ่งสูงสุดก็แล้วกันไอ้สิ่งสูงสุดนั่นคืออะไรก็ไปว่ากันข้างหน้าแล้วไอ้การถือศาสนาแล้วแต่คนในโลกถ้าคนในโลกถือศาสนาอะไรศาสนานั้นมันก็ยังอยู่แต่ถ้าคนในโลกไม่ได้ถือศาสนานั้นศาสนามันก็จะดับไปมันก็มีเท่านี้วิทยาศาสตร์ในที่นี้

หน้าที่ 5 – กฎของธรรมชาติ
หมายถึงความจริงของธรรมชาติตามธรรมชาติตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติเดี๋ยวนี้ก็อยากจะพูดถึงเค้าเงื่อนของธรรมชาติเพราะว่าเราพิจารณาดูแล้วเห็นเรื่องทุกเรื่องเป็นเรื่องของธรรมชาติในหลักของพุทธศาสนาจะเรียกว่าธรรมชาติเสมอกันหมดไม่มีอะไรมากไปกว่าธรรมชาติในการศึกษาใหม่ๆการศึกษาของฝรั่งก็ดีที่มีคำว่าซิวเปอร์เนเจอร์รัลเหนือธรรมชาติหรือผิดธรรมชาตินั้นนะเป็นคำพูดที่ไม่มีในพุทธศาสนาในพุทธศาสนาไม่มีคำว่าเหนือธรรมชาติหรือผิดไปจากธรรมชาติมันจะเป็นธรรมชาติไปหมดเนี่ยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในโลกนะยังไม่ทันพุทธศาสนาเพราะว่าไอ้คำวิทยาศาสตร์ที่ใช้อยู่ในโลกมันยังมีคำว่าซิวเปอร์เนเจอร์รัลคือเหนือธรรมชาติแต่หลักพุทธศาสนาไม่มีอะไรเหนือธรรมชาติหรือผิดจากธรรมชาติเป็นธรรมชาติไปหมดรู้จักธรรมชาติที่มีอยู่ทางธรรมชาติรู้จักตัวของธรรมชาติจะเป็นร่างกายก็ได้เป็นจิตใจก็ได้เป็นความรู้สึกนึกคิดเป็นการกระทำอะไรก็ได้มันเป็นธรรมชาติแล้ว มันก็มีกฎของธรรมชาติบังคับให้เป็นไปแล้วมันก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำตามกฎนั้นๆแล้วก็ได้รับผลจากการกระทำนั้นๆเช่นคนคนหนึ่งมีเนื้อหนังร่างกายกระดูกโลหิตอะไรต่างๆทั้งหมดเรียกว่าธรรมชาติจะเรียกว่าธรรมชาติสี่ก็ได้หรือจะเรียกว่าอะไรก็ได้เป็นวิชาอะไรแต่ว่ามันเป็นธรรมชาติมีมาตามธรรมชาติสืบต่อกันมาตามธรรมชาติเป็นตัวธรรมชาติที่นี่ในตัวธรรมชาติในตัวธรรมชาติมันมีกฎของธรรมชาติบังคับอยู่มันจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นเนื้อหนังของเราเจริญเติบโตได้เป็นผู้ใหญ่ได้เป็นของขับถ่ายออกได้เป็นของเกิดใหม่ได้เป็นของสะสมไว้ได้นี่กฎของธรรมชาติธรรมทำให้เป็นอย่างนี้ในตัวเรามีทั้งธรรมชาติเป็นทั้งธรรมชาติและมีกฏของธรรมชาติและเราก็มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎของธรรมชาตินับตั้งแต่ว่าเราต้องกินอาหารต้องขับถ่ายอุจจาระถ่ายปัสสาวะต้องบริหารร่างกายให้ถูกต้องมันจึงจะไม่ตายมันอยู่ได้ถ้ามันมีความทุกข์เกิดมาจากอะไรเราต้องบริหารให้ถูกต้องความทุกข์เกิดมาจากกิเลสตัวไหนข้อไหนก็ต้องละกิเลสตัวนั้น ข้อนั้นแล้วก็ไม่มีความทุกข์นี่ก็กฎของธรรมชาติกิเลสเกิดขึ้นมาเพราะความไม่รู้ความโง่ของมนุษย์นั่นเองความโง่ของมนุษย์นั่นเองปรุงให้เกิดสิ่งที่เรียกว่ากิเลสแล้วสิ่งที่เรียกว่ากิเลสก็บังคับให้ทำไปผิดๆก็เดือดร้อนเป็นทุกข์ทั้งตนเองและผู้อื่นถ้าศึกษาเรื่องนี้อย่างเพียงพอแล้วกิเลสเกิดไม่ได้คือโง่ไม่ได้นั่นเองเมื่อโง่ไม่ได้มันก็ไม่มีกิเลสเกิดมันก็ไม่ทำอะไรผิดมันก็ไม่มีปัญหาไม่มีความทุกข์เมื่อเราทำหน้าที่ตามธรรมชาติได้ถูกต้องแล้วก็ได้รับผลเป็นที่พอใจก็คือไม่ต้องเป็นทุกข์มนุษย์เป็นอย่างนี้ๆแม้แต่สัตว์เดรัจฉานมันก็เป็นอย่างนี้แม้แต่สุนัขตัวหนึ่งเนี่ยทั้งหมดนั้นมันก็เป็นธรรมชาติและมันไปไปตามกฎของธรรมชาติทุกอณูทุกอณูทุกปรมาณูที่ประกอบขึ้นเป็นร่างกายของมันมันเลยมีหน้าที่ตามแบบของมันจะต้องกินอาหารขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะจะต้องบริหารอย่างนั้นอย่างนี้ตามกฎของธรรมชาติมันรอดชีวิตอยู่ได้มันได้รับผลจากการปฏิบัติถูกต้องตามหน้าที่ของธรรมชาตินี่

ต้นไม้ต้นไร่ก็เหมือนกันมันมีตัวธรรมชาติที่ประกอบกันขึ้นเป็นต้นไม้จะเป็นธาตุดินน้ำลมไฟธาตุอะไรก็แล้วแต่จะเรียกตามภาษาภาษาอะไรและวิชาแขนงไหนต้นไม้แต่ละต้นทั้งต้นนั้นมันเป็นธรรมชาติและมันมีกฎของธรรมชาติบังคับอยู่ทุกๆปรมาณูมันต้องเปลี่ยนไปทุกๆปรมาณูตามกฎของธรรมชาติดังนั้นต้นไม้จึงมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติเช่นว่ามันจะต้องดูดน้ำขึ้นไปดูดแร่ธาตุขึ้นไปเมื่อมีแสงแดดมันก็ปรุงให้เป็นอาหารทางใบส่งไปเลี้ยงลำต้นเพื่อให้เจริญงอกงามและมันก็รอดอยู่ได้เพราะมันปฏิบัติถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ เราจึงพูดว่าสิ่งที่มีชีวิตในระดับมนุษย์ก็ดีในระดับสัตว์เดรัจฉานก็ดีในระดับต้นไม้ต้นไร่ก็ดีอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์อันนี้เพราะมันเป็นธรรมชาติและมันถูกควบคุมอยู่ด้วยกฎของธรรมชาติทุกๆปรมาณูนี่จะเรียกว่าเป็นสิ่งสูงสุดกฎของธรรมชาติเป็นสิ่งสูงสุดเข้าไปควบคุมอยู่ในทุกๆปรมาณูที่ประกอบกันเป็นโลกแม้แต่ในกองอุจจาระกฎของของธรรมชาติก็เข้าควบคุมกองอุจจาระให้เปลี่ยนแปลงกลายเป็นอย่างอื่นไปได้กลายเป็นอาหารของหนอนกลายเป็นอาหารของแมลงอะไรไปได้นี่เรียกว่าไปควบคุมอยู่ทุกๆปรมาณูที่ประกอบกันขึ้นเป็นโลกนี่เราเรียกว่ากฎของธรรมชาติใครจะรียกว่าพระเจ้าหรือใครจะเรียกว่าอะไรก็สุดแท้ไม่มีใครห้าม แต่สำหรับพุทธบริษัทจะเรียกว่ากฏของธรรมชาติควบคุมสิ่งสถิตอยู่ในทุกๆปรมาณูของสิ่งที่ประกอบกันขึ้นเป็นสากลจักรวาลสากลจักรวาลจะมีกี่ปรมาณูกี่อะตอมจะมีกฎของธรรมชาติเข้าไปควบคุมอยู่ทุกๆปรมาณูแล้วมันก็เป็นไปตามกฎนั้นเพราะนั้นสิ่งใดจะมีชีวิตรอดสิ่งนั้นจะต้องประพฤติให้ถูกต้องตามกฎอันนั้นเพื่อให้ถูกต้องอย่างกฏวิทยาศาสตร์ที่ว่าเดอะฟิตเติดเดอะเซอร์ไววอนสิ่งใดเหมาะสมสมสิ่งนั้นยังรอดอยู่นี่มันจะต้องมีการประพฤติปฏิบติให้ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติที่ควบคุมอยู่ในทุกๆปรมาณูของสิ่งที่ประกอบกันขึ้นเป็นจักรวาลนี้แม้แต่ก้อนหินนี่ไม่มีชีวิตมันก็ยังเป็นธรรมชาติมีกฎของธรรมชาติควบคุมอยู่ในทุกๆปรมาณูให้ทุกๆปรมาณูของก้อนหินนี้เปลี่ยนไปตามกฎเกณฑ์อันนั้นและในที่สุดมันจะเป็นอย่างอื่นหรือมันจะเป็นอะไรก็สุดแท้เพราะมันจะเป็นไปตามกฎของธรรมชาตินี่คือความเป็นวิทยาศาสตร์ตามหลักแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งอาตมาได้กล่าวแล้วว่าพุทธศาสนาเป็นเอฟฟารูชันนิตไม่มีเค้าเงื่อนแห่งเครชันนิตเหลืออยู่เลยแต่การที่คนจะถือไขว้เขวกันนั้นมันห้ามไม่ได้มันแล้วแต่คนแต่ถ้าถือหลักพุทธศาสนาโดยตรงโดยถูกต้องแล้วมันจะมีลักษณะเป็นเอฟฟารูชันนิตเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของอิทปัตยาตาและก็สามารถที่จะใช้กฎเกณฑ์อันนี้ทำอะไรได้สร้างนั่นสร้างนี้โดยถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ สามารถที่จะสร้างอะไรขึ้นมาได้สามารถที่จะเลิกล้างอะไรขึ้นมาได้เพราะทำถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติขอให้เรามองดูส่วนลึกที่สุดของสิ่งที่เรียกว่าว่าความจริงๆๆความจริงของธรรมชาติซึ่งจะเป็นพื้นฐานของวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับจะค้นคว้าสำหรับจะรู้สำหรับจะบัญญัติแต่งตั้งกฎเกณฑ์อะไรต่างๆนี่เป็นสิ่งที่ว่าเป็นใจกลางแกนกลางของสากลจักรวาลๆของคอตโหมดมันยิ่งกว่าทุกโลกซะอีกของสากลจักรวาลทุกๆจักรวาลอยู่รวมกันเป็นนี่ไม่ใช่เพียงระหว่างชาติมันระหว่างจักรวาลประกอบอยู่ในกฎเกณฑ์อันนี้แล้วจะอยู่เป็นใจกลางสำหรับที่ใครจะศึกษาให้รู้และจะปฏิบัติให้ได้รับผลตามที่ตนต้องการจึงถือโอกาสที่ว่าพูดในวันที่มันจะขึ้นปีใหม่ หากขอให้ความรู้ของเราก้าวหน้าๆไปตามคำว่าปีใหม่ๆๆให้เรื่อยๆไปแล้วมันจะถึงความสมบรูณ์เข้าสักวันหนึ่งถูกต้องตามความจริงทั้งหมดทั้งสิ้นมนุษย์ก็จะหมดปัญหามนุษย์ก็จะถือความจริงข้อเดียวกันความจริงสิ่งเดียวกันและก็จะรักใคร่กันเป็นมนุษย์คนเดียวกันทั้งสากลจักรวาลเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นไปไม่ได้แม้แต่ในประเทศไทยนิดเดียวก็ยังรักกันไม่ได้และเราจะเข้าถึงความจริงอันสูงสุดของสากลจักรวาลและทุกคนจะยอมปฏิบัติเป็นสมาชิกเดียวกันของสากลจักรวาลเดียวจะรักใคร่กันจะเลิกเบียดเบียนกันจะเลิกรบลาฆ่าฟันกันเลิกแย่งชิงกันเลิกเอาเปรียบกันอย่างที่กำลังกระทำอยู่บัดนี้เพราะมันมีตัวกูมีของกูเกิดมาจากความโง่ของตนเห็นแก่ตนความเห็นแก่ตนเดี๋ยวนี้เพียงแต่ทุกๆศาสนาช่วยกันทำลายความเห็นแก่ตนของมนุษย์ให้หมดไปก็นับว่าประเสริฐที่สุดแล้วแล้วก็เป็นหน้าที่ด้วยไปศึกษาดูให้ดีโดยประวัติความเป็นมาของแต่ละศาสนา

หน้าที่ 6 – ดับทุกข์
จึงขอถือโอกาสนำมาพูดในลักษณะคล้ายๆว่าเป็นของขวัญปีใหม่ที่จะมาถึงในวันมะรืนนี้แล้วจะได้ช่วยกันเข้าใจไว้ช่วยกันสืบต่อออกไปๆให้มันมีสิ่งสูงสุดหรือความจริงอันสูงสุดนี้มาช่วยโลกมาควบคุมโลกมาช่วยโลกให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎของความจริงเนี่ยมีธรรมะสื่อความหมายเป็นบทเรียนคือเรียนรู้เรื่องธรรมชาติเรียนรู้เรื่องกฎของธรรมชาติเรียนรู้เรื่องหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติเรียนรู้เรื่องผลอันเกิดจากหน้าที่นั้นก็จะเป็นความจริงของสากลจักรวาล การปฏิบัติเข้าถึงความจริงข้อนี้แล้วจะประเสริฐที่สุดคือดับทุกข์ได้เมื่อดับทุกข์ได้ก็ต้องเรียกว่าเป็นทุกศาสนาด้วยการปฏิบัติให้ดับทุกข์ได้เนี่ยเราจะเป็นสมาชิกของทุกศาสนามันจะมีกี่สิบศาสนาในโลกเดี๋ยวนี้มาถือกันแต่ปากเป็นพุทธเป็นคริสต์เป็นอิสลามเป็นฮินดูเป็นสิกข์มันว่าแต่ปากแล้วมันก็ไม่ได้เป็นด้วยซ้ำไปเป็นเพียงศาสนาเดียวกันก็ยังไม่ได้เพราะมันเป็นแต่ปากและปฏิบัติจริงๆมันก็ดับทุกข์ได้ปฏิบัติความจริงจนดับทุกข์ได้คนคนเดียวจะถือหมดทุกข์ศาสนามันจะมีกี่สิบศาสนาก็ตามใจเราคนเดียวสามารถถือได้ทุกศาสนามีศาสนาทุกศาสนาในคนคนเดียวเนี่ยดูอย่างนี้สิว่ามันดีหรือไม่ดีมันจะมีกี่ศาสนาก็ลองว่ามาดูถ้าปฏิบัติความดีเพื่อดับทุกข์ได้มันก็เป็นทุกศาสนานั่นแหละผู้ทำความดีอยู่นั่นแหละเป็นผู้ถือศาสนาทุกศาสนาโดยไม่ต้องเรียกชื่อโดยไม่ต้องขึ้นทะเบียนโดยไม่ต้องไปจดบัญชีคือเค้าปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติดับทุกข์ได้อย่างถูกต้องเค้าถือเนี่ยคือเค้าถือทุกศาสนาก็มีศาสนาจริงจริงทุกศาสนาเป็นศาสนาจริง ที่มาอยู่ในบุคคลเดียวทุกศาสนาเลยไม่ต้องเปรียบเทียบเห็นมัยไม่ต้องเปรียบเทียบคนเดียวสามารถเป็นศาสนิกได้ของทุกๆศาสนาของโลกใครจะเอาหรือไม่เอานั่นมันอีกเรื่องหนึ่งเดี๋ยวนี้คนเดียวเป็นศาสนาเดียวยังไม่ได้เพราะมันถือแต่ปากมันพูดแต่ปากมันดับทุกข์ไม่ได้คนเดียวแท้ๆถือศาสนาเดียวก็ยังไม่ได้เดี๋ยวนี้คนเดียวเป็นได้ทุกศาสนาเป็นผู้มีศาสนาทุกศาสนาเพราะปฏิบัติถูกต้องตามความจริงของธรรมชาติและดับทุกข์ได้ตามความมุ่งหมายของสิ่งสูงสุดซึ่งจะเรียกว่ากฎของธรรมชาติหรือจะเรียกว่าพระเป็นเจ้าหรือจะเรียกว่าไกรวัณฑ์หรือจะเรียกอะไรก็แล้วมันมีชื่อมากๆสิ่งสูงสุดนี่มีสิ่งสูงสุดที่แท้จริงไม่สักแต่ว่าชื่อสมมุติว่าจะใช้อำนาจของสิ่งสูงสุดนั้นดับทุกข์ได้จริงและคนนั้นจะมีศาสนาทุกศาสนาอยู่ในตัวเค้านี่ไม่ต้องเปรียบเทียบเรื่องก็จบเพราะไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบอีกต่อไปแล้วเรื่องก็จบคนคนเดียวปฏิบัติชนิดที่เรียกว่ามีศาสนาทุกศาสนาอยู่ในตัวเค้า

แล้วเรื่องมันก็จบอาตมาเรียกว่าศาสนาเปรียบเทียบแห่งสากลโลกหรือสากลจักรวาลสากลโลกนี่แคบนิดเดียวนะสากลจักรวาลคือทุกโลกทุกกลุ่มแห่งโลกเรามีศาสนาแห่งสากลจักรวาลครอบงำได้ทุกศาสนาที่ดับทุกข์ได้ศาสนาที่ดับทุกข์ได้ถ้าดับทุกข์ไม่ได้ไม่เป็นศาสนาถ้าเป็นศาสนาต้องดับทุกข์ได้เราก็มีทางที่จะช่วยกันแก้ปัญหาของมนุษย์ในโลกที่กำลังไม่มีสันติภาพเพราะมีแต่ความเอาเปรียบกันไม่รักกันเอาเปรียบกันคอยช่วงชิงคอยกอบโกยมีเครื่องมือเป็นการเมืองบ้างเป็นการทหารบ้างเป็นการอะไรบ้างและเราจะแย่งชิงประโยชน์ของกันและกันและก็ถูกลงโทษโดยกฎของธรรมชาติๆให้มันเป็นโลกที่เต็มไปด้วยวิกฤตการณ์เลวร้ายไม่มีความดีความงามเป็นความสุขเลยศาสนาทั้งหลายก็เป็นหมันถ้าในโลกนี้มันยังมีวิกฤตการณ์อันเลวร้ายก็ยังพูดว่าศาสนายังเป็นหมันทุกศาสนายังเป็นหมันอยู่ขอให้ทุกศาสนาลุกขึ้นมาจัดการให้วิกฤตการณ์เลวร้ายในโลกนี้หมดไป แล้วก็จะเรียกว่าศาสนานั้นยังอยู่และข้อนี้จะสำเร็จได้ด้วยความร่วมมือเพราะว่าศาสนาเดียวทำไม่ได้เพราะคนในโลกมันมีหลายสิบชนิดชนิดหนึ่งมันต้องการศาสนาชนิดหนึ่งชนิดหนึ่งมันต้องการศาสนาชนิดหนึ่งดังนั้นศาสนาทุกศาสนาลุกขึ้นมาร่วมมือกันกำจัดความเลวร้ายในโลกทำให้โลกนั้นมีสันติภาพทุกศาสนามีอำนาจศักดิ์คือดับทุกข์ได้อยู่ด้วยกันทุกศาสนาเช่นเดียวกับน้ำมีของเหลวทุกชนิดมีน้ำบริสุทธิ์อยู่ทั้งนั้นเอาน้ำชนิดไหนมาก็ตามเรามากลั่นมาแยกออกจากน้ำบริสุทธิ์ได้ทั้งนั้นนี่คือข้อที่ว่าทุกศาสนาจะอยู่ในชื่ออะไรอย่างไรก็มีส่วนหนึ่งที่จะใช้ดับทุกข์ได้เราเอาส่วนนี้มาเทรวมเข้าด้วยกันหลอมเข้าด้วยกันร่วมมือกันดับทุกข์ในโลกนี่คือการเปรียบเทียบศาสนาเพื่อเห็นการเข้ากันได้ความร่วมมือกันได้และสามารถขจัดวิกฤตการณ์อันเลวร้ายในโลกได้ไม่ใช่เปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่างศาสนาและเกลียดชังกันเหมือนที่กระทำกันอยู่โดยมากต้องขอพูดอย่างนี้ว่าเหมือนที่กระทำกันอยู่ โดยมากเพราะว่าศึกษาศาสนาและการเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างกันเปรียบเทียบให้เห็นความดีกว่ากันความเลวกว่ากันมันโง่มันโง่เหมือนกับที่ถามว่ากินขนมปังดีกว่ากินข้าวหรือกินข้าวดีกว่ากินขนมปังหวังว่าเราคงจะได้ต้อนรับปีใหม่กันด้วยความเข้าใจในสิ่งที่จะช่วยเราให้รอดนี่ยิ่งๆขึ้นไปกว่าทุกปีและพรุ่งนี้ก็จะพูดเรื่องปีใหม่ชีวิตใหม่ให้ละเอียดขึ้นไปอีกในวันนี้ขอให้เตรียมก็หวังว่าจะเข้าถึงเครื่องมือที่จะช่วยโลกให้มีสันติภาพให้มากกว่าปีเก่าก็เรียกว่าเราไม่บกพร่องในหน้าที่เราไม่บกพร่องในหน้าที่ของมนุษย์ อาตมาก็พ่ายแพ้แก่ไวรัสแล้วเจ็บคอแล้วพูดไม่ไหวแล้วจึงขอโอกาสยุติการพูดในวันนี้จึงขอแสดงความยินดีครั้งหนึ่งในการมาของท่านทั้งหลายมาจากที่ไกลมากจากที่ไกลมาทนความลำบากบางอย่างบางประการเพื่อจะศึกษาในสิ่งที่เรียกว่าธรรมะธรรมะในสี่ความหมายคือตัวธรรมชาติตัวกฎของธรรมชาติตัวหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติตัวผลที่จะได้รับจากหน้าที่ให้น้อมนำติดตัวไปศึกษาไปปฏิบัติให้เกิดเป็นศาสนาขึ้นมาคือมีระบบการปฏิบัติเป็นตัวศาสนาขึ้นมาอย่ามีแต่ความรู้หรือความเชื่ออย่างเดียวมันไม่พอต้องมีการปฏิบัติให้เกิดผลขึ้นมาหวังว่าคงจะมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นบ้างตามควรในการที่จะปรับปรุงชีวิตใหม่ให้มีความสุขอยู่ทุกทิวาราตรีอาตมาจึงขอยุติการบรรยาย

http://www.vcharkarn.com/varticle/32808

. . . . . . .