การทำงานให้สนุกเหมือนกับการเล่นกีฬา โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

การทำงานให้สนุกเหมือนกับการเล่นกีฬา โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – ธรรมพยางค์เดียว
กายสิทธิ์ก็ได้ถ้ารู้จักใช้มันก็จะแก้ปัญหาทั้งหลายทั้งหมดทั้งสิ้นด้วยสิ่งที่เรียกว่าธรรมเพียงคำเดียวเท่านั้นแหละขอท้าทายว่าธรรมพยางค์เดียวจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้ขอแต่ให้ท่านทั้งหลายรู้จักสิ่งนี้โดยถูกต้องและครบถ้วนจริงๆตัวอย่างเช่นธรรมะเป็นคู่ชีวิตขาดธรรมะจะต้องตายและตายในทันมีด้วยธรรมะอย่างนี้แปลว่าหน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ของสิ่งที่มีชีวิตธรรมะโดยแท้จริงนั้นตัวหนังสือโบราณนั้นแปลว่าหน้าที่นั้นที่แปลว่าคำสั่งสอนมันก็เรื่องหน้าที่ หน้าที่ของสิ่งที่มีชีวิตมันก็ต้องทำไม่ทำมันก็ตายคนก็ตาย สัตว์ก็ตาย ต้นไม้นี่ก็ตายลองไม่ทำหน้าที่หมายถึงเซลล์ทุกๆชนิดที่มันประกอบกันขึ้นเป็นสิ่งที่มีชีวิตนั้นมันทำหน้าที่ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าเซลล์ทั้งหลายไม่ทำหน้าที่มันก็ตายวูบเดียวเป็นแบบนี้ซึ่งที่มันเป็นสัตว์ส่วนเป็นอวัยวะขึ้นมาเป็นตา เป็นหู เป็นจมูก เป็นลิ้น เป็นกาย เป็นใจเป็นอวัยวะ ตับ ไต ไส้ พุงอะไรก็ตามมันก็ต้องทำหน้าที่ถ้าไม่ทำหน้าที่มันก็คือตายลักษณะอย่างนี้ธรรมะเป็นคู่ชีวิตขอให้ท่านทั้งหลายสนใจให้ดีเป็นพิเศษท่านก็จะมีชีวิตมีสุขภาพดีในด้านจิตใจถ้ามีธรรมะแล้วชีวิตนี้จะไม่ตัดเจ้าของท่านดูให้ดีว่าชีวิตแต่ละวันๆมันกัดแทะตัวเองหรือเปล่านี่เพราะมันขาดธรรมะอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่นอนถ้าชีวิตมันตัดเจ้าของ ความรักบ้าง ความโกรธบ้างความเกียจบ้าง ความกลัวบ้าง ความตื่นเต้นบ้างวิตกกังวลอาลัยอาวรณ์ อิจฉาริษยา หวง หึงและในที่สุดพอไปมีเข้ามันก็กัดเจ้าของมันมีธรรมะ ไอ้สิ่งเหล่านี้มันก็ไม่มีแต่ชีวิตมันก็ไม่ตัดเจ้าของขอให้สนใจด้วยธรรมะเป็นเหมือนกับสิ่งสารพัดนึกทำให้ได้ทุกอย่างจะไปแก้ปัญหาอะไรก็ได้วันนี้อาตมาจะบรรยายในลักษณะที่ว่าธรรมะจะทำให้หน้าที่การงานหน้าที่เหมือนกับการเล่นกีฬาการทำงานให้สนุกเหมือนกับเล่นกีฬาการงานคือการเล่นกีฬาหลายคนคงจะไม่เชื่อว่าบ้าแต่อย่าเพิงเดี๋ยวคนบ้ามันจะบ้าเสียเองเพราะมันไม่รู้จักใช้ธรรมะเพื่อจะทำชีวิตกระทั่งการงานหน้าที่ให้สนุกเหมือนเล่นกีฬาต้องรู้เสียก่อนว่าเราเป็นคนเล่น เป็นคนเล่นกีฬาและก็เป็นคนดูกีฬาพร้อมไปด้วยแล้วก็เป็นผู้ตัดสินกีฬาด้วยถ้ามีการให้รางวัลเรานั่นแหละเป็นผู้รับรางวัลจากการเล่นกีฬาถ้ามีธรรมะแล้วสามารถทำให้การงานอันแสนจะน่ารังเกียจแสนจะเป็นเราเล่นกีฬาไปคนเห็นแก่ตัวไม่มีธรรมะ ไม่อยากทำงานแต่อยากได้โน่นได้นี่มันเห็นตัวอิจฉาริษยาเพราะมันไม่มี

ถ้ามันมีธรรมะแล้วมันจะสามารถทำให้ชีวิตการงานนี่มันกลายเป็นการเล่นกีฬามันเป็นกีฬาอะไรกันพอลงมือทำงานมันก็เกิดการแบ่งแยกเป็น 2 ฝ่ายคือฝ่ายที่จะสำเร็จกับฝ่ายที่เหลวไหลไม่สำเร็จมันแบ่งเป็น 2 ฝ่ายอย่างนี้แล้วก็ต่อสู้กันเหมือนการเล่นกีฬาในขณะทำงานมีจิตใจรวนเรอยากจะทำต่อไปหรืออยากจะเลิกเสียพ่ายแพ้แก่การงานพ่ายแพ้ต่อความเหน็ดเหนื่อยก็เลิกเสียนี่เรายังต้องมีการต่อสู้ระหว่างความสำเร็จกับไม่สำเร็จให้เหมือนกับเล่นกีฬาให้มีการต่อสู้กันระหว่างความเหลวไหลกับความเอาจริงให้ 2 อย่างนี้มันต่อสู้กันและมันก็มีเคล็ดรับ เคล็ดลับที่ท่านจะใช้ให้เป็นผู้ชนะกีฬานั่นแหละคือธรรมะๆ นั้นขอให้ฟังดูให้ดีๆธรรมะ ธรรมะจะช่วยให้การเล่นกีฬาในชีวิตและการงานนั้นประสบความสำเร็จหรือมีชัยชนะได้อย่างไรพูดถึงความชนะๆก่อนเราจะชนะการงานนั่นเองถ้าเราทำการงานสำเร็จเราก็ชนะๆต่อการงานนั่นเองขอให้คิดดูดีๆมันมีชนะอยู่เอากล้าพูดเลยว่าเราจะชนะน้ำใจนายจ้างชนะน้ำใจผู้บังคับบัญชาทุกคนมีผู้บังคับบัญชามีนายจ้างแล้วก็มีคนเคยดูด้วยเอาชนะน้ำใจนายจ้าง เอาชนะผู้บังคับบัญชาแล้วเราจะชนะด้วยการเป็นผู้แสดงความสามารถ ฝีไม้รายมือให้มันชนะการงานให้มันชนะการงานชนะน้ำใจขึ้นยู่กับการใช้หนี้ เห็นอย่างที่ท่านกล่าวมวลมาเราจะทำอย่างว่าเป็นการเกิดแก่เจ็บตายช่วยกันสร้างโลกนี้ไม่ถือเป็นนายจ้างลูกจ้างอะไร อยู่ไหนถือเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายให้ความสะดวกแก่กันและกันในการสร้างโลกนี้ให้งดงาม โดยการกระทำอย่างนี้เราก็เป็นผู้ชนะคือประสบความสำเร็จในการสร้างโลกนี้ให้ทำงานให้งดงามพูดอีกทางหนึ่งมันก็จะคือพระเก่าโบราณสักหน่อยคือเราจะทำงานบูชาพระเป็นเจ้าคุณเข้าใจดีๆคำว่าพระเป็นเจ้าไม่ได้หมายความว่าพระเป็นเจ้าในความหมายของเด็กๆพระเป็นเจ้าคือสิ่งสูงสุดและก็เชื่อพระเป็นเจ้าอย่างเทวดาอย่างนี้ก็ได้ถ้าทำงานบูชาพระเป็นเจ้าแล้วมันก็สำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อเดี๋ยวนี้เขาถือกันเป็นหลักและลงมติว่าไอ้งานอันใหญ่หลวงมันสำเร็จด้วยศรัทธาของบุคคลผู้ทำงานบูชาพระเป็นเจ้านครวัดก็ดีถ้าคุณเคยไปคุณจะรู้ว่ามันใหญ่โตลำบากแค่ไหนมันก็สำเร็จได้สำหรับผู้ที่บูชาพระผู้เป็นเจ้าทั้งหัวหน้าทั้งลูกน้องสิ่งใหญ่โตมหัศจรรย์ในโลกกี่แห่งๆมันสำเร็จส่วนลึกด้วยอำนาจศรัทธาทำเพื่อบูชาสิ่งสูงสุดอย่างนี้เป็นกันทั้งหัวหน้าทั้งลูกน้องคือท่านพระเจ้าแผ่นดินผู้สร้างทั้งประชาชนผู้ช่วยนี่มันทำด้วยเพื่อบูชาสิ่งสูงสุดคือพระเป็นเจ้าตามความเชื่อถือของตนๆว่าอยู่ที่ไหนว่าเป็นอย่างไรนี่มันมีหลักการอย่างนี้แล้วนี่เรียกว่ามีความชนะชนะงานนั่นเองชนะน้ำใจนายจ้างหรือผู้บังคับบัญชาทั่วไปที่ชนะการแสดงฝีมือประกวดฝีมือ ฝีไม้ลายมือนั้นเราก็ชนะในการช่วยกันสร้างโลกนี้ให้สำเร็จสวยสดงดงามเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายผู้ชนะในการที่ทำเพื่อบูชาสิ่งสูงสุดคือพระเป็นเจ้าท่านทั้งหลายมีความรู้สึกอยู่ในใจว่าอะไรเป็นพระเป็นเจ้าสูงสุดขอให้มีศรัทธาตั้งใจทำงานหน้าที่บูชาเหล่านั้นเกิดมันก็บูชาสิ่งสูงสุดตามคือมันจะไม่เพียงแค่ปาก แค่หากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเอาเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยง ท้องถ้าไม่ใช่อย่างนั้นไกลไปถึงสิ่งสูงสุดที่มันครอบครองดูแลมนุษย์เอาชนะน้ำใจพระเป็นเจ้าเสียให้ได้อย่างนี้แล้วพระเป็นเจ้าก็จะประทานพรเรียกกันในภาษาคริสต์ว่าเกเซ่อคือพระหันสะทานให้มาเป้นความสุขความเจริญความสะดวกสบายความเยือกเย็นเป็นสุขอย่างโลกพระศรีอาริยะเมทไตรมันตายอย่างนั้นถ้าชนะแล้วมันได้อย่างนั้นเอาทีนี้เราจะใช้ธรรมะอย่างไรในทำการงานเรียกว่าเรอยู่กับฝ่ายขาว ฝ่ายดี ฝ่ายถูกต้อง ฝ่ายสุจริต ฝ่ายยุตธรรม ฉันเลยอยู่กับฝ่ายขาวเล่นกีฬาเกยอยู่ฝ่ายขาวไม่ยอมเป็นฝ่ายดำมีการเล่นที่อยู่กับฝ่ายขาวแล้วก็มีพระพุทธเจ้าเป็นกองเชียร์ อย่าเพิ่งตกใจอย่าเพิ่งหาว่าบ้าเล่นกีฬาชนิดที่มีพระพุทธเจ้าเป็นกองเชียร์อยู่ฝ่ายเรา ก็คือเราใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้าทุกอย่าง พระพุทธเจ้าได้สอนไว้อย่างไรในการประสบความสำเร็จเอามาใช้นี่ก็เหมือนมีพระพุทธเจ้าสนับสนุนอยู่อย่างนี้เราก็ทำงานอยู่กับฝ่ายขาวมีพระพุทธเจ้าเป็นกองเชียร์ช่วยจำคำนี้ไว้ทีเถอะเห็นว่าบ้าๆบอก็ช่วยจำคำนี้ไว้ทีเถอะจะมีประโยชน์ที่สุดแหละมีจิตใจอยู่กับฝ่ายขาวมีพระพุทธเจ้าเป็นกองเชียร์เอามีพระพุทธเจ้าเป็นกองเชียร์ได้อย่างไร มันก็คือมีธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ขึ้นปากขึ้นใจกันอยู่เป็นนักเป็นหนาก็คือสิ่งที่เรียกว่าปะติจะตุบาทอย่างหนึ่ง คะราวาสะธรรมอย่างหนึ่ง สัพปุริสะธรรมอย่างหนึ่งมันกลายเป็น 3 หมวดแต่มันก็ไม่ลำบากยุ่งยากอะไรใช้ได้ง่ายๆ ปะติจะตุบาทแบ่งเป็น 4 อย่างคือ ฉันทะ ความพอใจ ความรักที่จะทำนี่มาก่อนพอใจต้องบริสุทธิ์ใจต้องพอใจต้องเห็นความดี ความจริง ความประเสริฐ ความวิเศษของงาน มันอยากจะทำไม่ใช่ฟืนใจทำนี่พวกอันธพาล พวกอันธพาลก็ไม่ตั้งใจทำก็อยากจะเอาเงินเป็นประโยชน์ของตนจี้ก็ตาม พวกนี้ไม่อยากจะทำงาน เห็นงานเหงื่อออกมาเป็นน้ำร้อน ถ้าเรามีธรรมะอยู่ในใจเหงื่อจะออกมาเป็นน้ำมนต์หรือน้ำเย็นนี่คือประโยชน์ของฉันทะ ฉันทะอิทธิบาททำเป็นเครื่องทำความสำเร็จเรียกว่าฉันทะคือพอใจที่จะทำอย่างนี้มันต้องมาก่อนบุญไม่มีความพอใจที่จะทำมันก็ตกนรกทั้งเป็นฟืนทำมันไม่สนุกเหงื่อออกมามันจะเป็นน้ำร้อนจริงๆด้วย ถ้าพอใจที่จะทำรักบูชางานที่จะทำเหงื่อออกมาเป็นน้ำมนต์ส่งเสริมให้สนุกยิ่งๆขึ้นไปในการที่จะทำ ข้อ 2. เรียกว่าวิริยะ นี้แปลว่าความพากเพียรก็ได้ แปลว่าความกล้าหาญก็ได้เพราว่าถ้าไม่กล้าหาญมันไม่พากเพียรไปไม่ไหวต้องมีความกล้ามีความแน่ใจมีความทะนงว่าเราทำได้เพราะความเพียรมันก็จะมีเราก็ทำๆๆๆๆนี่เรียกว่าวิริยะเป็นพลังอันมหาศาลนี้ข้อถัดไปเรียกว่าจิตตะ ความเอาใจใส่มันรักที่จะทำแล้วก็เอาใจใส่เหมือนพ่อแม่รักลูกมันก็เอาใจใส่เหลือคะนานขอให้มีการเอาใจใส่ทำหน้าที่การงานที่ทำให้เหมือนอย่างนั้นแหละเรียกว่าจิตตะ ข้อสุดท้ายเรียกว่าวิมังสา สอดส่องวิจัยในหน้าที่เสมอหน้าที่การงานที่จะทำอยู่อย่าคิดว่าไม่มีอะไรอีกแล้วไม่มีอะไรลึกลับอีกแล้วไม่มะไรได้ดีกว่านี้อีกแล้วคนโง่หรือคนขี้เกียจมันจะคิดอย่างนั้นสัตตะบุรุษจะมองอยู่เสมอว่าจะทำอะไรให้ดีขึ้นไปกว่านี้ให้ดีขึ้นไปกว่านี้ทีละนิดๆก็ตามนี่เรียกว่าวิมังสา ท่องไว้ให้ขึ้นใจ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา คือความรักที่จะทำ ความพยายามทำความเอาใจใส่ทำความสอดส่องแก้ไขปรับปรุงทำ 4อย่างแล้วไม่เจริญจะเป็นอย่างไร มีพระพุทธเจ้าเป็นกองเชียร์หมายความว่าอย่างนี้ทีนี้ก็จะเข้มข้นเข้ามามีน้ำหนักมากขึ้นเรียกว่าคะราวาสะธรรมในหลวงท่านเอามาประกาศให้ถือเป็นหลักของประชาชนทั่วไปในวัน 200 ปีที่สนามหลวง พระพุทธเจ้าท่านได้สอนไว้เรียกว่าคะราวาสะธรรม อาตมาแรกบวชก็เทศแต่เรื่องนี้ไปเทศสอนประชาชนก็เทศแต่เรื่องนี้ตั้ง 500 ครั้งเห็นจะได้ไอ้คะราวาสะธรรมคือสัจจะ ทะมะ ขันติ จาคะๆนี่หัวใจของการเป็นฆราวาสเรียกว่าคะราวาสะธรรม สัจจะนั้นคือความจริงใจ ไม่คด ไม่โกงจริงต่อเวลา จริงต่อบุคล จริงต่อหน้าที่การงาน มันจริงต่อความเป็นมนุษย์ของตนจริงถ้าไม่จริงต่อความเป็นมนุษย์ของตนมันจะเป็นหมา ขอใช้คำหยาบๆตรงๆอย่างนี้ สัจจะจริงๆๆๆต่อความเป็นมนุษย์ของตนมนุษย์จะต้องเป็นอะไร จะต้องเป็นอย่างไร จะต้องทำอย่างไรแน่นอนชีวิตไม่จริงแต่ความเป็นมนุษย์อะไรๆก็ไม่เป็นปัญหาเมื่อมีความจริงและก็มีทะมะแปลว่าบังคับมันยังคงให้จริงๆอยู่ได้เรียกว่า ทะมะมันจะยุ่งยากลำบากเท่าไรก็จะบังคับให้ได้ความพอดีก็เปรียบไว้ว่าเหมือนกวานช้างที่ฉลาดสามารถบังคับช้างที่ตกมัน จิตใจมันบาบอมันมันวุ่นวายเหลวไหลเหมือนกับช้างตกมันแต่กวานช้างที่ฉลาดสามารถบังคับไว้ได้ เราก็เป็นเหมือนกวานช้างที่ฉลาดบังคับช้างที่ตกมันไว้ให้ได้ไม่ยอมให้เสียสัจจะโดยเฉพาะสัจจะความเป็นมนุษย์ของตนอย่าพลั้งพลาดกลายเป็นสัตว์เสียขอให้แน่ใจและบังคับให้ถูกตามความแน่ใจ

หน้าที่ 2 – ขันติ
ข้อที่ 3. ขันติ นี่ก็แปลว่าความอดกลั้น อดทน อดกลั้น อดทนจนถึงประสบความสำเร็จคำว่าขันติแปลว่าอดทนที่จริงตัวหนังสือแท้ๆมันแปลว่าความสมควรที่จะได้รับผลมีความสมควรมีความเหมาะสมที่จะได้รับผลของการกระทำแต่ว่ามันสำเร็จมาจากการอดทนฉะนั้นขันติก็แปลว่าทนทำให้สำเร็จๆให้ควรแก่การรับผลของการงาน ข้อสุดท้ายนี่ก็จาคะ จาคะ สละสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในตนข้อนี้ต้องยุติธรรมหน่อยต้องเป็นคนซื่อสัตย์เคารพความจริงมันจึงจะตัดสินอะไรได้ถูกต้องเด็ดขาดว่าอะไรควรมีอยู่ในตน อะไรไม่ควรมีอยู่ในตนถ้ามันไม่เป็นคนจริงมันตัดสินไม่ได้มันก็ทำไม่ถูกมันก็ลำเอียงมันก็เอาขวดเหล้ามาเป็นสิ่งที่ควรมีในตน เอาสนามม้ามาเป็นสิ่งที่ควรมีในตนเอาสถานเริงรมบ้าๆบอๆมาเป็นสิ่งที่ควรมีในตนมันก็ไม่ฉลาด แต่ถ้าฉลาดเอาไอ้รี่มันไม่ใช่สิ่งที่ควรมีในตนสละเสียให้หมดอบายมุขทั้งหลายเป็นปากทางแห่ง อบาย ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านทำการงานอย่างนี้พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเป็นอบายมุขเป็นปากทางแห่งความเสื่อม เสื่อมทุกอย่างไม่ว่าเป็นอะไรเสื่อมหมดเลยปากทางนี้อย่าเอากับมันลาออกไป สละออกไปไม่มีใครรับเราก็สละออกไปๆ สละสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในตนเป็นสิ่งที่เรียกว่า จาคะ มันก็เลยได้เป็น 4 อย่าง เครื่องมือต่อสู้กับความสำเร็จของฆราวาสคือ สัจจะ ทะมะ ขันติ จาคะขอให้คล่องปากที่จะพูดขอให้คล่องเนื้อตัวร่างกายจิตใจในการที่จะทำคล่องจิตคล่องใจคิดนึกสว่างไสวแจ่มแจ้งอยู่เสมอในคะราวาสะธรรม สัจจะ ทะมะ ขันติ จาคะ หมวดที่หนึ่งเรียกว่าอิทธิบาทฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา หมวดแรกทำให้มีฤทธิ์มีเดชประสบความสำเร็จ หมวดที่ 2 เป็นของฆราวาส สัจจะ ทะมะ ขันติ จาคะ นี้ขอแถมอีกหมวดหนึ่งเรียกว่าสัพปุริสะธรรม แปลว่าธรรมะของสัตตะบุรุษธรรมะของคนดีคนถูกต้อง นี่จะเรียกว่าสุภาพบุรุษก็ได้ธรรมะของสุภาพบุรุษแต่ในบาลีเขาเรียกสัตตะบุรุษ คำนี้ใช้กันตั้งแต่คนขึ้นไปจนพระอรหันต์มีอยู่ 7 อย่าง

ขอให้ช่วยฟังให้ดีๆคล่องปาก คล่องใจว่า เหตุ ผล ตน ประมาณ กาย บริษัท บุคคล เป็นผู้รู้ในเรื่อง 7 เรื่องนี้รู้จักเหตุว่าอะไรเป็นเหตุแห่งความเจริญขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าเถอะเชื่อได้ว่าสิ่งทั้งปวงมันมีเหตุถ้าเป็นเรื่องในโลกนี้สิ่งทั้งปวงมันมีเหตุต้องหาเหตุให้พบว่าอะไรเป็นเหตุแห่งความเสื่อมอะไรเป็นเหตุแห่งความเจริญแล้วเหตุนี้มันจะให้เกิดผลอะไรนี่เรียกว่าเหตุที่รู้จักผลว่าผลอะไรที่ควรต้องการอย่าไปเอาเรื่องบ้าเรื่องบอเรื่องเกินเรื่องเฟ้อมาเป็นผลที่เราต้องการผลที่ถูกต้องแท้จริงที่มันทำความสงบให้แก่ชีวิตที่แท้จริงชีวิตนี้เป็นประโยชน์ผลอย่างนี้แหละแท้จริงแล้วรู้ชัดว่าผลมันมาจากเหตุอะไรถ้าต้องการผลอย่างนี้จะต้องทำเหตุอะไรข้อแรกรู้เหตุว่าจะเกิดผลอย่างไรข้อ 2 รู้ผลว่ามันจะเกิดมาจากเหตุอะไรรู้เหตุรู้ผลข้อที่ 3 รู้ตน รู้จักตัวเองว่าอยู่ในฐานะอย่างไรควรจะแสดงฝีไม้ลายมืออะไรให้ดีที่สุด นี่เรียกว่ารู้จักตัวเองอย่าให้มันอย่าให้มันเกิน รู้จักตัวเองว่าอยู่ในฐานะอย่างไรมีหน้าที่อย่างไรรู้จักตัวเองให้เพียงพอไม่ยกหูชูหางและต้องไม่หงอยเหงาเศร้าสร้อยหงอยเหงา ดำรงตนให้มันพอเรียกว่ารู้จักตน ข้อที่ 4 เรียกว่ารู้จักประมาณประมาณคำนี้บาลีเรียกมาตรา มาตราแปลว่าประมาณประมาณนี้ได้ในทุกสิ่งมันมีไม่ว่าอะไรการศึกษา การงาน การได้เงิน การหาเงิน การใช้เงิน การมีเงิน การอะไร เกี่ยวข้องกับสังคมอะไรก็ไม่รู้ทุกอย่างจะต้องมีประมาณที่พอดีที่พอเหมาะอย่าให้มันเกินประมาณอย่าให้มันขาดประมาณแข็งข้อทำให้เต็มประมาณเลื่อยๆไปนี่เรียกว่าประมาณ 5. เรียกว่ากาล กาลเวลาแปลว่าเวลารู้จักว่าเวลาไหนควรทำอะไรๆถ้าทำผิดเวลามันมีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละถ้าทำถูกตามเวลานั่นคนปกติเวลาไหนควรทำอะไรเดี๋ยวนี้มันเอาเวลานอนไปอบายมุขเสีย ไปสถานเริงรมเสียขอให้รู้จักเวลาทำงานทุกอย่างให้ถูกต้องกับเวลากลับมาบ้านคบหาสมาคมเวลาไหนควรทำอะไรทำอะไรให้มันถูกตามเวลามันจะง่ายๆสิ่งที่ควรทำในฤดูแล้งไปทำในฤดูฝนมันก็บ้า สิ่งที่ควรทำในฤดูฝนไปทำในฤดูแล้งมันก็บ้ามันไม่รู้จักเวลา แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ เล็กๆน้อยๆที่สุดมันก็ต้องทำให้ถูกกับเวลาอย่าเอาเวลาที่ทำงานการได้ไปดูทีวีเสียนี่มันจะผิดเวลาขอให้รูจักเวลาๆเฉพาะเรื่อง เฉพาะกิจส่วนตนอย่าให้เวลามันกัดเอาๆอย่าทำด้วยความหวังด้วยความหิวทำงานทำการทั้งหลายอย่าทำด้วยความหวังด้วยความหิวบ้าๆบอๆดูเขาพูดกันนี่มันขี้ปากของฝรั่งทำงานด้วยความหวังเราไม่ทำงานด้วยความหิวเราทำงานด้วยสติปัญญาและคดออกแล้วว่าจะต้องทำอย่างไรทำไปสบายใจด้วยอำนาจสติปัญญาไม่ทำด้วยความหิว ทำด้วยความหวังเด็กๆมันจะเป็นโรคตายกันเสียหมดไปยุให้มันทำด้วยความหวังความหวังนั่นมีและหวังว่าจะทำอะไรก็คิดเสียตกลงนั่นมันเป็นความหิวเมื่อความหวังเสร็จไปแล้วก็ทำอะไรอย่างที่สติปัญญาอันเยือกเย็นอย่างสบายอย่างนี้เรียกว่าเวลามันไม่กัดเอาถ้าเราทำด้วยความหิวความอยากเหมือนกับเปรตอยากหิวใจจะขาดอย่างนั้นเวลามันจะกัดเอารู้จักทำให้เวลาอย่ากัดเอาทำให้ชนะเวลาอยู่เหนือเวลามีแต่ความสำเร็จที่เรียกว่ากาลเวลา ข้อที่ 6 รู้จักบริษัทคือสังคม คุณต้องรู้จักสังคมคือบริษัทผู้คนมากๆรวมกันบริษัทนี้ก็ทำอะไร บริษัทนี้ก็มีอะไรไปเป็นอย่างไรรู้ให้ดีๆบริษัทแปลว่านั่งล้อมลอบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ปริแปลว่ารอบ ษัษแปลว่านั่ง มานั่งประชุมล้อมรอบด้วยวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งก็เรียกว่าบริษัทอย่างเขาตั้งบริษัทก็มีวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งจนมานั่งล้อมรอบคิดนึกเอานี่บริษัท ช่วงหนึ่งที่คนทุกคนต้องไปบริษัทเพราะทุกคนต้องไปรวมกันที่นั่นคำว่าบริษัทแปลว่าหมู่คณะของบุคคลนั่งล้อมประชุมกันแก้ไขอะไรให้สำเร็จเราจะเข้าไปหาบริษัทไหนจะต้องรู้จักบริษัทนั้นให้ดีอย่าให้ผิดวัตถุประสงค์ก็อย่าให้ขัดคอเขาให้มันกลมกลืนไปกับอุดมคติของเขาเราก็จะได้รับประโยชน์จากการได้รับบริษัท ข้อที่ 7 เรียกว่าบุคคลๆนี่เฉพาะคนๆเดียวรู้จักให้ดีคนๆเดียวแต่ละคนๆมันไม่เหมือนกัน จะไม่เหมือนกันสักคนเดียวดูหน้า ตั้ง 100คน 1000คน 10000 คน 100000คนมันยังไม่เหมือนกันเลยจะจำได้ใครเรารู้จักบุคคลแต่ละคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องให้มันถูกต้องเรียกว่าบุคคลก็สามารถประงานกันด้วยดีไม่เป็น เป็นมิตรอย่างสนิทสนมเรียกกันว่ารู้จักบุคคลทำ 7 คำนี้ให้ผลดีคุ้มค่าการจดจำเอาไว้ว่า เหตุ ผล ตน ประมาณ กาว บริษัท เหตุผลมันก็ถูกต้องตามบริษัทให้มันเข้าใจว่าเป็นบุญสิทธิ์เช่น คุ้มรองไม่ให้ความไม่ดีเข้าไปคือมันจะมีแค่ความดีพอใจทุกกระเบียดนิ้วทุกเวลาเลยถ้าว่ามีสัพปุริสะธรรมในลักษณะอย่างนี้พอแล้วๆอยากจะเรียกว่าเกินพอด้วนซ้ำไป มีอิทธิบาท 4 ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสามีคะราวาสะธรรม 4 มีสัจจะ ธรรมะ ขันติ จาคะนี้สัพปุริสะธรรมเจ็บเหตุผลประเมินตาม ถ้าทำอย่างนี้ก็เรียกเวลาเขามีพระพุทธเจ้าเป็นกองเชียไม่ใช่พูดช่วงจาบพระพุทธจ้าเอาพระพุทธเจ้ามาเป้นกองเชียเพื่อเยื่อโดยแน่นอนเรียกว่าทำงานเป็นกีฬาคุณอย่ารังเกียจว่าเวลา กีฬาทำให้ไม่เห็นแก่ตัวว่าให้จิตใจครบพระรินำก็เล่นกีฬาถ้าทำไมถูกบอกให้เพราะพระอริยะเจ้าก็ดี ฤษีชีภัยก็ดีก็เล่นกีฬาคือท่าทั้งฤษีก็ดีมันก็เล่นกีฬา เข้าชานนานับเดือน ไม่เขยื้อนเขื่อนกายาจำศีลกินวาตาเป็นผาสุก ทุกคืนวันใครเคยอ่านแบบเรียนสมัยเก่าแบบเรียนหนังสือเข้าชานนานนับเดือนเป็นเดือนๆเลยไม่เขยื้อนเลื่อนวาจามั่นคงแน่วแน่ จำศีลกินวาตาคนโง่มันก็ตายกินรมมันก็ ได้จิตดีปิติปราโมทย์นี่ความสำเร็จความพอใจมิอยู่มีปิติปราโมทย์ร่อเลียงกินข้าวก็ได้ข้อความในบาลีก็มีว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วไม่ต้องฉันอาหารตั้ง 49 วันมันอยู่ที่ปิติปราโมทย์ต้องการบรรลุฤษีชีไพรกินวาตาเป็นความสุขทุกคืนวันปราโมทย์ปิติที่เกิดมาจากชาน เกิดมาจากสมาธิหลอกก็เลี้ยงให้อิ่มๆยิ่งไปกว่าอิ่มซะอีกนี่บอกให้รู้ว่าแม้แต่พระอริยะเจ้าฤษีชีไพรก็เล่นกีฬานั้นขอให้ทำทุกอย่างเป็นความสนุกสนานเป็นกีฬาจะมีผลงานจิตใจสูงสุดคือทำลายความเห็นแก่ตัวเดี๋ยวนี้มันมีกีฬาบ้าๆบอๆอะไรก็ไม่รู้มันเอาชนะเอาอะไรมาคดโกงอย่างยิ่งมันพร้อมที่จะคดโกงทุกกระเบียดนิ้วทุกประมาณในสนามกีฬาคุณไปดูเหอะว่ามีตัดสินลงโทษนักกีฬาอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ มันไม่ใช่นักกีฬามันนักขี้โกงมันไม่สนุกในความถูกต้องถ้าเป็นนักกีฬาต้องไม่โกงๆแม้แต่เส้นผมมีความเป็นนักกีฬานี่เรียกว่าทำให้ชีวิตเป็นกีฬาทำให้การงานกีฬาแข่งขันต่อสู้กันอยู่ระหว่างฝ่ายสูงกับฝ่ายต่ำ ฝ่ายผิดกับฝ่ายถูก ฝ่ายสำเร็จกับฝ่ายไม่สำเร็จขอให้ทุกคนทำการงานให้เป็นการเล่นกีฬาอยู่กับฝ่ายขาวมีพระพุทธเจ้าเป็นกองเชียร์ชนะแน่ ชนะทุกอย่างด้วยประการทั้งปวงขอให้สนุกในการต่อสู้ให้ชนะๆฉันจะต้องชนะ ชนะอย่างที่ว่ามาแล้ว ชนะการงานก็ได้ชนะในการแสดงฝีไม้ลายมือก็ได้ ชนะนายจ้างผู้บังคับบัญชาก็ได้ มีแต่ชนะอีกอย่างหนึ่งที่ควรเอามาพูดให้ฟังว่าทำการงาน ทำหน้าที่การงานให้เหมือนกับการรบ รบยุตทะแปลว่ารบพุ่งชนะคำว่าการรบไม่ใช่ตั้งใจจะฆ่าใครให้ตายแต่ว่าต้องการจะรักษาชีวิตของตนรักษาความถูกต้อง รักษาเป็นธรรมยุติธรรมในโลกถ้ารบอย่างนี้ไม่ใช่ทำบาปทหารไม่ใช่มีหน้าที่ฆ่าคน ทหารมีหน้าที่รักษาความสงบ เรียบร้อยเป็นธรรม ยุติธรรมรักษาชาติประเทศที่มันต้องมีการรบรบกับข้าศึกเพราะมันมีข้าศึกอะไรมันมีข้าศึกคือฝ่ายตรงกันข้ามเสมอรบชนะเท่าใดก็เป็นคนดีเท่านั้นในธรรมะล้วนๆเขามีคำพูดที่คุณอาจจะไม่เข้าใจ การให้ทานเหมือนกับการรบ ทานยุตทันจะสมาสะมารหูท่านผู้รู้ทั้งหลายกล่าวคำให้ทานกับการรบว่าเท่ากันว่าเสมอกันการรบมันก็ต้องรบให้ชนะการให้ทานมันเป็นการรบกับกิเลสความตระหนี่ความหวงแหนไม่ยอมสละสิ่งที่ควรสละแก่ผู้ควรสละ

หน้าที่ 3 – เหตุปัจจัย
ในกรณีที่ควรสละมันไม่สละมันรักชาติแต่ปากมันไม่ช่วยชาติโดยแท้จริงมันจะต้องมีการเสียสละทีนี้จิตมันไม่เสียสละเอาต้องรบกับจิตชนะรบชนะเท่าใดมันก็ให้ทานเท่านั้นคุณรบชนะจิต 10 บาทก็ให้ทาน 10 บาท รบชนะพันบาทก็ให้ทานพันบาทรบชนะความขี้เหนียวเท่าไรมันจะให้ไปเท่านั้นรบชนะความชั่วเท่าไรความดีมันจะเกิดมาเท่านั้นคุณรบชนะการงานเท่าไรผลงานมันจะเกิดมาเท่านั้นโดยไม่ต้องสงสัยจงทำงานเหมือนกับการรบข้าศึกรบชนะเท่าไรผลดีก็เกิดขึ้นเท่านั้นในทางจิตใจเขาก็ยังพูดอย่างนั้นชนะความขี้เหนียวตระหนี่เท่าไรก็ให้ทานเท่านั้นเท่ากันชนะความขี้เหนียวน้อยก็ให้นิดเดียวชนะความขี้เหนียวมากก็ให้มากมันแล้ว แต่เหตุปัจจัยหรือความสมควรในที่มันรบกันอยู่ตลอดเวลาก็คือความรู้สึกฝ่ายสูงความรู้สึกฝ่ายต่ำขอให้คิดดูดีๆคนเรามีผีอยู่ 2 ตัวเป็นเทวดาฝ่ายสูงเป็นผีฝ่ายต่ำมันจะรบกันอยู่ด้วยอันหนึ่งจะไปฝ่ายตี่อันหนึ่งจะไปฝ่ายสูงความรู้สึกฝ่ายต่ำกับความรู้สึกฝ่ายสูงมันจะรบกันอยู่เรื่อยไปนี่อย่างนี้ชีวิตมันเป็นการรบซะเลยและการงานก็เหมือนกันถ้าความรู้สึกฝ่ายสูงมาเกี่ยวข้องสำเร็จ ความรู้สึกฝ่ายต่ำมาเกี่ยวข้องมันก็ล้มละลายหรือในหน้าที่การงานมันก็มีการรบกันฝ่ายต่ำกับฝ่ายสูงนั้นขอให้เราเป็นนักรบที่ดีๆเป็นฝ่ายสูงชนะฝ่ายต่ำให้ได้เป็นนักรบฝ่ายขาวมีพระพุทธเจ้าเป็นกองเชียร์นั้นเรายึดถือเอาธรรมะๆเป็นหลักสำคัญประจำใจธรรมะๆความถูกต้อง ขอให้จำไว้จะพูดอย่างไม่กลัวใครรำคาญจะพูดอย่างซ้ำๆว่าธรรมะๆคือระบบของการปฏิบัติที่ถูกต้องไม่ผิดพลาดถูต้องแก่ความรอดๆๆทั้งทางกาย ทางวัตถุ ทางจิตใจ รอดทั้งทางวัตถุ ทั้งทางกาย ทั้งทางจิตใจแล้วก็รอดทุกขั้นตอนวิวัฒนาการคือรอดตั้งแต่เกิดจนตายแล้วรอดทั้งตนเองและรอดทั้งผู้อื่นอย่ารอดคนเดียวอย่ารอดแต่ตัวเองให้รอดทั้งผู้อื่นด้วยนี่คือตัวธรรมะๆธรรมะแท้จริง ธรรมะไม่ใช่เป็นแต่เพียงคำสั่งสอนพูดผิดๆธรรมะคือคำสั่งสอนมันไม่ถูกธรรมะคือการปฏิบัติๆๆนั่นคือธรรมะมันคือหน้าที่ๆๆๆธรรมะคือระบบการปฏิบัติ

ทำไมต้องบพูดว่าระบบต้องทำหลายอย่างถูกต้องรวมกันธรรมะต้องปฏิบัติหลายอย่างอย่างว่า ฉันมะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ครบทั้ง 4 สัจจะ ทะมะ ขันติ จาคะ ก็ครบทั้ง 4 เป็นระบบ รู้ เหตุ ผล ตน ประมาณ กาล บริษัท ปฏิบัติทั้งระบบไม่ใช่ปฏิบัติเพียงอย่างเดียวนี่จึงเรียกว่าระบบการปฏิบัติไม่ใช่แต่เพียงการเล่าเรียนทั้งบทไม่ใช่เราก็ต้องถูกต้องๆคำว่าถูกต้องในที่นี้มันตามความหมายของธรรมะไม่ใช่ถูกต้องของกิเลสถ้าถูกต้องของกิเลสมันก็วินาศถูกต้องของธรรมะคือไม่มีโทษมีแต่ประโยชน์ฝายเดียวถ้าถูกต้องของกิเลสมันก็มีแต่โทษไม่มีประโยชน์เลยถูกต้องๆนี้ อย่าใช้หลักคำนวณให้มันยุ่งนักอย่างไรดีอย่างไรถูกก็บ้าเองทั้งโลกไม่ได้พุทธบริษัทมีความถูกต้องแก่ตนเองคือไม่เดือดร้อนฝ่ายใดแต่ให้ประโยชน์กับทุกฝ่ายนี่คือความถูกต้องๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่มนุษย์จะพูดให้ชัดว่าถูกต้องแก่ความรอดก็สิ่งสูงสุดคือความรอดไม่รอดก็คือตาย ไม่รอดก็คือทุกข์ ไม่รอดก็คือตายถ้ารอดก็คือไม่ตายไม่เป็นทุกข์รอดจากความทุกข์นั่นแหละสำคัญนี้ความรอดที่มันมีทั้งทางฝ่ายวัตถุสิ่งของฝ่ายร่างกายฝ่ายจิตใจ เดี๋ยวนี้วัตถุมันก็ไม่ถูกต้องไม่มีความมั่นคงวัตถุไม่ถูกต้องคือมันไม่รอดทางวัตถุคือทางวัตถุมันไม่ถูกต้องมีมากเกินไปมีน้อยเกินไปมีไม่ถูกจุดวัตถุประสงค์ไปดูที่บ้านเรือนมีอะไรที่เป็นส่วนเกินบ้าๆบอๆไม่ต้องมีก็ได้ไปดูที่หน้าหนังสือพิมพ์ขายของทุกฉบับทุกอย่างมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีโดยมากขายกันจนคนมาซื้ออันนี้มันไม่มีความถูกต้องทางวัตถุ มันไม่ถูกต้องทางวัตถุนี้มันถูกต้องกันทางร่างกายให้มีสุขภาพอนามัยดีมีกำลังแข็งแรงที่จะปฏิบัติหน้าที่การงานเยือกเย็นไม่เป็นโรคมะเร็ง ไม่เป็นโรคเอดส์ ไม่เป็นอะไร ทั้งหมดนี่เรียกว่ามันถูกต้องในทางร่างกายนี่มันถูกต้องในทางจิตใจคือมันคงความถูกต้อง เป็นโพธิ์เป็นสติปัญญาไม่เป็นกิเลส ไม่เป็นโมหะความหลงใหลนี้เรียกว่าความรอดทั้งทางวัตถุ ทั้งทางงร่างกาย ทางจิตใจนี่ก็เรียกว่ารอดทุกขั้นตอนวิวัฒนาการหมายความว่าชีวิตมันเปลี่ยนเลื่อยเป็นขั้นตอนของวิวัฒนาการไม่ซ้ำรอย ตั้งแต่เกิดจนตายมันเป็นวิวัฒนาการไม่ซ้ำรอยเอาทีนี้อันสุดท้ายว่าทั้งของตนเองและของผู้อื่นคนเห็นแก่ตัวมันคิดแต่เรื่องตนเองไม่คิดถึงเรื่องผู้อื่นไม่ไหวขอให้นึกถึงว่าเราอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้เขายกโลกให้เราทั้งโลกเราอยู่คนเดียวในโลกเราก็อยู่ไม่ได้ต้องตายอยู่ดีให้อยู่คนเดียวในโลกต้องนึกถึงคนอื่นว่าธรรมชาติสร้างมาให้อยู่เป็นหมวดเป็นหมู่คนก็อยู่กันมากๆสัตว์ก็อยู่กันมากๆต้นไม้ต้นไร่มันก็อยู่กันมากๆต้องนึกถึงผู้อื่นที่จะอยู่ร่วมกัน ขอให้มีประโยชน์ครบถ้วนประโยชน์ตนเองก็มีประโยชน์ผู้อื่นก็มีประโยชน์ที่พันสัมพันธ์กันเกี่ยวแยกไม่ออกก็มีประโยชน์มี 3 อย่างประโยชน์ตัวเอง ประโยชน์ผู้อื่น ประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกันไม่ได้นี่ขอให้มีประโยชน์ทั้ง 3 ที่จริงเรียกประโยชน์ของตนเองและผู้อื่นก็ขอย้ำอีกทีช่วยตั้งใจฟังให้ดีว่า ธรรมะคือหน้าที่ได้แก่ระบอบของการปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ความรอดทั้งทางกายและทางจิตและทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการทั้งเพื่อตัวเองและผู้อื่นคือธรรมะเรามีธรรมะคือสิ่งที่สูงสุดประเสริฐที่สุดแก้ปัญหาได้หมดใครมีธรรมะคนนั้นมีพระพุทธเจ้าเป็นกองเชียร์ในการทำหน้าที่การงาน ขอให้ประสบความสำเร็จในการทำงานให้สนุกสนานเหมือนกีฬาทำงานอาชีพ ทำสวนทำนา ทำงานออฟิตทำหน้าที่อาชีพมันก็ถูกต้องก็ทำหน้าที่บริหารร่างกายอยู่ที่บ้านที่เรือนกินข้าว อาบน้ำ ถ่ายอุจจาระปัสสาวะรวมอยู่ในนี้ล้างถ้วย ล้างจาน กวาดบ้านถูเรือนมันก็รวมอยู่ในนี้ถูกต้องนี่ ถูกต้องในการบริหาญชีวิตและก็ถูกต้องทางสังคมบุคคลที่ 2 ออกไปจากตัวเราเรียกว่าสังคมไอ้ครอบครัวนี้ก็เป็นสังคมออกไปนอกครอบครัวและเป็นบ้าน เป็นเมือง เป็นโลกเรียกว่าสังคมๆ เป็นสังคมให้ถูกต้องถูกต้องในอาชีพ ถูกต้องในการบริหาญชีวิต ถูกต้องในทางสังคมมีความถูกต้องอย่างนี้ แล้วมันก็เป็นสนุกสนานชื่นใจเป็นเหมือนการเล่นกีฬาอยู่ตลอดเวลาทำการงานให้สนุกเหมือนเล่นกีฬามันมีความสุขในตัวการงานนั่นเองไม่ต้องไปแสวงหาความสุขที่ไหนอีกเพราะว่ามันหาได้ในตัวการงานนั่นเองเรียกว่ามีธรรมะเป็นชีวิต ธรรมะชีวิตมีธรรมะเป็นชีวิต แล้วชีวิตก็จะสนุกสนานเหมือนการเล่นกีฬาและชีวิตก็จะเป็นความสุขในชีวิตเองเป็นชีวิตที่ไม่กัดเจาของแม้แต่นิดเดียวนี่อานิสงส์ของธรรมะขอแสดงความยินดีพอใจในการมาของท่านทั้งหลายสู่สถานที่นี้ในลักษณะอย่างนี้แสวงหาธรรมะเพื่อการศึกษาก็ดีหน้าที่การงานก็ดีล้วนแต่มีประโยชน์สูงสุด ขอแสดงความยินดีในการมาโดยที่ไม่ต้องอวยพรก็ประสบความสำเร็จเจริญงอกงามอยู่เป็นสุขทุกทิพาราตรีกาลเพราะมีธรรมะเป็นเครื่องอำนวยให้พระพุทธเจ้าเป็นกองเชียร์ขอยุติการบรรยายด้วยการสมควรแก่เวลา

http://www.vcharkarn.com/varticle/33145

. . . . . . .