แม่, พระคุณของแม่ โดย พุทธทาสภิกขุ

แม่, พระคุณของแม่ โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – เมื่อถูกถามว่าแม่คืออะไร
อาตมาต้องขอโอกาสจากญาติโยมทั้งหลายพูดแก่นักเรียนที่อยู่ข้างหลัง ที่พึ่งมาถึง ก็คิดอยู่ว่าจะพูดเรื่องอะไรดี แต่ก็คิดอยู่ว่าเรื่องแม่, เรื่องพระคุณของแม่โดยยึดหลักว่า คนที่ไม่รู้เรื่องแม่คืออะไรนั้น เป็นเรื่องที่ไม่รู้อะไรแล้วจะไปรู้อะไรอีก ในเมื่อแม่มันยังไม่รัก มันจะไปรักใครได้ ต้องดูที่ตรงนี้ มันจะไม่มีพื้นฐานทางศีลธรรม ไม่อาจจะรักผู้อื่น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นักเรียนเมื่อถูกถามว่าแม่คืออะไร นักเรียนก็อึกอัก ตอบไม่ได้ มักจะเห็นแต่เรื่องภายนอก ตั้งแต่เกิดมา แม่เป็นผู้ให้สตางค์ใช้ ก็เห็นกันเท่านี้ มันควรจะลึกลงไปถึงเรื่องจิตใจว่าเราเป็นอะไร นิสัยดีเลวอย่างไร มารยาทจะดีหรือเลวนั้นเพราะแม่เขาใส่มาให้ อบรมมาให้ แต่ถ้ารับการอบรมมาไม่เพียงพอก็เอาตัวไม่รอด จะรอดหรือไม่รอด อยู่ที่แม่นั่นเอง เด็กๆควรจะรู้พระคุณของแม่ ว่าไม่ใช่แค่ให้ทางด้านกาย เงินใช้ ที่อยู่ ที่กิน แต่แม่สร้างด้วยจิตใจ ว่าจะให้ดีหรือเลวอย่างไร ควรมองให้ลึก พุทธเจ้าท่านตรัสว่า บิดามารดา เป็นพรหมของลูก เป็นเทวดาของลูก เป็นพระอรหันต์ของลูก ถ้านักเรียนคนไหนตอบได้อย่างนี้ น่าจะมีรางวัลให้ แต่ส่วนใหญ่ตอบแค่ แม่เป็นผู้ให้สตางค์ใช้ เท่านั้นเอง ถ้ามองกันให้ลึกว่า ลูกจะขึ้นสวรรค์หรือจะลงนรก ก็ขึ้นอยู่กับบิดามารดานั่นเอง มันมีการสนับสนุนถูกหรือผิดตั้งแต่เกิด ถ้าสนับสนุนในทางที่ผิดเด็กก็จะเลว แต่ถ้าสนับสนุนในทางที่ถูกเด็กก็จะดี

บิดามารดาและเด็กควรจะคำนึงถึงข้อดี เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครมองด้านจิตใจ มองแต่วัตถุ ว่าใครรวย ใครสวยก็ดี ไม่มองด้านจิตใจ ว่ามันอันตรายหรือไม่ ไว้ใจได้หรือไม่ บังคับบัญชาตัวเองได้หรือไม่ จะเป็นอย่างนั้นก็เพราะบิดามารดา ถึงขั้นครูบาอาจารย์ที่ทำหน้าที่ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในทางถูกต้องยิ่งๆขึ้นไป ถึงจะเรียกว่า จิตสร้างวิญญาณให้แก่มนุษย์ คิดดีๆว่า บิดามารดา สร้างมนุษย์ไม่ใช่แค่การเกิด ต้องสร้างจิตใจด้วย ถ้าสร้างจิตใจที่ดี โลกก็จะสงบสุข แต่ถ้าบิดามารดาบกพร่องหน้าที่นี้ จะสร้างบุตรหลานที่เลวขึ้นมา โลกก็จะเต็มไปด้วยคนเลว ครูบาอาจารย์ก็เหมือนกัน สร้างศิษย์ให้ดี โลกก็จะดี แต่ถ้าบกพร่องเหลวไหลในหน้าที่ ศิษย์ก็จะไม่ดี โลกก็จะเต็มไปด้วยคนไม่ดี เราต้องมองกันถึงขนาดนั้น ครูบาอาจารย์เป็นผู้สร้างโลก ถ้าครูบาอาจารย์เป็นคนไม่เคารพตัวเอง ว่าหน้าที่มันยากเกินไป หรือมองว่าไม่อาจสร้างให้เด็กมันดีได้ ครูบาอาจารย์ก็จะสอนหนังสือไปวันๆหนึ่ง เพื่อเลี้ยงชีวิต ไม่ได้หมายมั่นว่าจะสร้างชีวิตสร้างวิญญาณของเด็กให้ดี บิดามารดาก็เหมือนสร้างในตอนต้น ส่วนครูบาอาจารย์ คือผู้สร้างต่อ ถือว่า เป็นบิดามารดาเหมือนกัน แต่ในทั้งนี้ตามโรงเรียน เขาสอนกันแต่ในหนังสือ แต่อาชีพ ไม่รับรองเรื่องจิตเรื่องวิญญาณ เด็กๆของเราก็จะรู้แต่หนังสือ อาชีพ ไม่รู้คำว่าแม่คืออะไร เรียนจบประถม มัธยม ก็ยังไม่รู้ว่าแม่คืออะไร แม้จะเรียนจบมหาวิทยาลัย ได้ปริญญา ก็ยังไม่รู้ว่าแม่คืออะไร เราไปถามพวกจบปริญญามาแล้ว มันก็ตอบได้อึกอัก ตอบได้ไม่น่าฟัง มันถือเป็นการมองข้ามกันเกินไปที่ไม่รู้ว่าแม่คืออะไร โดยถูกต้อง เพราะว่าการศึกษาเหมือนหมาหางด้วน ขอโทษที่พูดหยาบคายไปหน่อย เพราะว่าการศึกษามันไม่สมบูรณ์ เรียนจบออกมาแล้วยังไม่รู้ว่าแม่คืออะไร ไม่รู้ว่าพ่อคืออะไร มันเลยไม่มีความรักพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่น้ำตาตกบ่อยๆ นักเรียนเหล่านี้ไปดูเถิดว่า เคยทำให้พ่อแม่น้ำตาตกบ้างหรือเปล่า รีบสำนึกเดี๋ยวนี้ว่า เราไม่ไหวแล้ว เรามันรับการศึกษาหางด้วนมา ไม่มีความรู้สมบูรณ์ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ ถ้าเป็นลูกมนุษย์ อย่าทำให้พ่อแม่น้ำตาตก ถ้าเรารูว่าพ่อแม่คืออะไร เราก็จะรู้ธรรมะ มีศีลธรรมมากที่จะทำให้พ่อแม่สบายใจ ยินดีเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เมื่อมีเราเป็นลูก มันมีคำกล่าวในสมัยพุทธกาล เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะยังไม่ออกบวชเป็นพระพุทธเจ้า มีคนชมเจ้าชายว่า ถ้าคนนี้เป็นลูกของใคร แม่ของเขาก็นิพพาน ถ้าคนนี้เป็นลูกของใคร พ่อของเขาก็นิพพาน ถ้าคนนี้เป็นสามีของใคร ภรรยาของเขาก็นิพพาน ใช้คำว่านิพพาน หมายถึง เย็น เย็นสุขเย็นใจ ดับความทุกข์ร้อน ก็มีคำชมเชยกันอย่างนี้ แต่เดี๋ยวนี้เด็กมันไม่ดีเพราะไม่อบรมเด็กๆให้มีศีลธรรม ให้รัก ซื่อตรง เกรงกลัว กตัญญู ต่อบิดามารดา ไม่เคยทำอะไรให้เกิดความยุ่งยากลำบากใจ แม้แต่เพียงแค่ความอึดอัดใจ ขัดใจ ก็ไม่มี ลูกของใครเป็นเช่นนี้ แม่ของเขา พ่อของเขาก็นิพพาน สามีหรือภรรยาของเขาก็นิพพาน ทีนี้อยากพูดกับเด็กนักเรียนต่อไปอีกว่า ถ้าเธอจะเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง ก็ต้องสนใจสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า ธรรมะ บางทีเราก็เรียกว่า ศีลธรรม ถ้าเราไม่มีธรรมะ เราก็เป็นมนุษย์ไม่ได้ เราดูว่าสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย มันไม่ต้องมีธรรมะ ส่วนเราทำไมต้องมีธรรมะให้ลำบาก เพราะเราดีกว่าสัตว์เดรัจฉาน เราจึงมีหน้าที่ที่จะดับความทุกข์ของเราที่ใหญ่หลวงกว่าสัตว์เหล่านั้น ใครไม่เข้าใจให้ฟังดีๆว่า สัตว์เหล่านั้นไม่มีความทุกข์มากเหมือนมนุษย์ ใครเคยเห็นไก่ปวดหัวบ้าง แมวเป็นประสาทบ้าง เพราะฉะนั้นคนเราต้องมีวิชาความรู้ไว้ดับทุกข์มากกว่าสัตว์ ความรู้ที่ว่าวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา สัตว์เหล่านั้น มันมีสมองต่ำมากไม่สูงเหมือนมนุษย์ สัตว์จึงไม่มีสติปัญญาอย่างมนุษย์ ใช้สัญชาตญาณมากกว่าใช้ปัญญา เพราะฉะนั้นมันทำอะไรให้เป็นปัญหามากไม่ได้ เรื่องมันจึงน้อย ทุกข์มันจึงน้อย ส่วนมนุษย์มีวิวัฒนาการสูงมาก รู้จักคิดและคิดมาก ทำอะไรได้ดีกว่าสัตว์ แต่พร้อมกันนั้นมันกับคิดได้ทุกข์มากกว่าสัตว์ จนเป็นโรคประสาท โรคจิต จนเต็มไปด้วยคนอันธพาล มีปัญหากันไปทั้งโลก ทั้งเศรษฐกิจก็ดี ปัญหาอะไรก็ดี ก็มาจากความคิดที่สูงกว่าสัตว์ทั้งนั้น สัตว์จึงไม่มีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง สงคราม เพราะมันคิดไม่เป็น แค่คิดว่าพรุ่งนี้มันจะกินอะไรมันก็คิดไม่เป็น มันจึงไม่มีปัญหาเรื่องพรุ่งนี้ มะรืนนี้ เดือนหน้า ปีหน้า แต่เราคิดเป็น พรุ่งนี้จะกินอะไร ลูกจะกินอะไร หลานจะกินอะไร คิดมากหลายร้อยเท่า นี่ถ้าเราแก้ปัญหาอันนี้ไม่ได้ เราก็แก้ความทุกข์ที่เกิดจากเราไม่ได้ เราก็ไม่ดีไปกว่าสัตว์เหล่านั้น เราจึงต้องศึกษาธรรมะให้พอ ที่จะแก้ปัญหาของมนุษย์ ความฉลาดของมนุษย์ ฉลาดมากทุกข์มาก แต่ตอนนี้อยากจะพูดถึงผู้ใหญ่ด้วย ไม่ใช่เฉพาะเด็กๆ ผู้ใหญ่ควรสังวรด้วยว่า เราจำเป็นอย่างยิ่งที่สุด ที่จะต้องมีธรรมะเห็นเป็นของเล็กน้อย ไม่สนใจธรรมะ ธรรมะที่จะจัดการกับปัญหาที่ทำให้มนุษย์มีปมด้อยกว่าสัตว์เดรัจฉาน ในปัจจุบันเราเห็นอยู่ ในหมู่สัตว์ ไม่มีอันธพาลมากเหมือนในหมู่มนุษย์ เช่นในกรุงเทพมหานคร มีอันธพาลมาก คุณคิดดูเถิด มนุษย์มีปัญหาทางเกิน แต่งตัวเกิน กินเกิน ใช้เกิน บ้านเรือนเกิน ซึ่งเป็นปัญหาที่ปวดหัว แต่สัตว์กลับไม่มีปัญหาเรื่องเสื้อผ้าเกิน กินเกิน ใช้เกินจนเงินเดือนไม่พอใช้ คิดดูว่า มนุษย์ต้องกินยาแก้ปวดหัว กินยาแก้ประสาท แต่สัตว์เหล่านั้นไม่ต้องกิน นี่คือปมด้อยของมนุษย์ที่มันมี ที่สัตว์นั้นเหนือกว่า ทีนี้ทำยังไงถึงแก้ได้ ไม่มีทางอื่น นอกจากต้องมีธรรมะ เมื่อมีแล้ว อันธพาลก็ไม่มี่ ไม่ต้องปวดหัว ประสาท โรคจิต และไม่ต้องอายสัตว์เดรัจฉาน

หน้าที่ 2 – ความหมายมั่นจะมีธรรมะ
อาตมาอยากขอร้องให้ดูให้ดีว่า สัตว์เดรัจฉาน มันไม่โหดร้ายเหมือนมนุษย์ แม้ว่าบางชนิดก็กินกันเองเป็นอาหาร มันก็ไม่ได้ทารุณโหดร้ายเหมือนมนุษย์ที่ฆ่าฟันกัน อย่างแมวที่จับหนูเป็นอาหาร มันไม่ได้ทำด้วยความคิดโหดร้าย แต่มนุษย์มีเจตนาฆ่าเป็นสงคราม เป็นมหาสงคราม ความป่าเถื่อนโหดร้ายของมนุษย์มีมากถึงขนาดนี้ ที่เรียกว่าปมด้อยนี่แหละ มีธรรมะจะไม่เบียดเบียนกัน มนุษย์มีหน้าที่แก้หน้าตัวเองไม่ให้ละอายต่อสัตว์ ทางอื่นไม่มีนอกจากมีธรรมะ มีธรรมะแล้วก็จะไม่มีอะไรเลวกว่าสัตว์ และที่มนุษย์ต้องกินยาแก้ปวดหัว อย่างนี้สัตว์เหล่านั้นหัวเราะตายเลย เพราะมันไม่ต้องกินยา และปัญหาทางร่างกายมนุษย์ก็มีมากกว่า ทั้งเรื่อง อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม มีปัญหามากจนบางทีร้องด่ากันระหว่างประชาชนกับรัฐบาล รัฐบาลกับประชาชน เป็นกันทั้งโลก มีอันธพาลมากจนรุกรานเข้าไปในบ้านเรือน เข้าในห้องนอนแล้ว แล้วต่อไปนี้จะอยู่กันได้อย่างไร คิดสร้างกองทัพ สร้างอาวุธ คิดรบกันไปครึ่งโลก สัตว์มันทำอย่างนี้ไม่เป็น คิดดูเอาเองว่าใครมันดีกว่าใคร มันน่าละอายใจ แต่ที่น่าละอายใจที่สุดคือ สัตว์ไม่ต้องกินยานอนหลับแต่คนต้องกินยานอนหลับ มีธรรมะก็ไม่ต้องกินยานอนหลับ

แล้วคราวนี้ก็เลื่อนขั้นขึ้นไป อย่าทำให้หมู่เพื่อนต้องเดือดร้อน ในสัตว์เดรัจฉานไม่มี ไม่มีลูกหมาลูกแมวตัวไหนที่ทำให้พ่อแม่ของมันน้ำตาตก แต่ลูกคนทำไมมันมีมากนักเล่า ขอพูดกันตรงๆอย่างนี้ มีธรรมะอย่างเดียว ธรรมะของลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่น้ำตาตก พ่อแม่ก็เหมือนกัน ถ้ามีธรรมะ ก็ทำให้ผาสุกทั้งครอบครัว เมื่อทำได้อย่างนี้แล้วมนุษย์ก็จะเป็นสัตว์ประเสริฐสูงสุดเหลือประมาณ แต่ถ้าเมื่อมนุษย์ไม่มีธรรมะ มนุษย์ก็จะเลวกว่าสัตว์อย่างสูงสุด จึงขอให้ท่านทั้งหลายสนใจธรรมะที่จะเรียนรู้ ปฏิบัติ เพื่อขจัดปมด้อยให้หมดไป เหมือนคำกล่าวที่ว่า เมื่อมนุษย์ปราศจากธรรมะแล้ว มนุษย์ก็จะเสมอกับสัตว์ ที่พูดไว้แต่โบราณก่อนพุทธกาล แต่อาตมาอยากขอค้านไม่เห็นด้วย เพราะถ้ามนุษย์ไม่มีธรรมะแล้วจะเลวยิ่งกว่าสัตว์อีก มนุษย์จะไม่เป็นมนุษย์ จะเป็นคนที่เลว คุณลองไปคิดดูก็ได้ ดังนั้นเด็กๆรู้ไว้ว่า ธรรมะนั้นจะกู้หน้าเราไม่ให้เลวกว่าสัตว์ การเป็นมนุษย์นั้นถือว่าเป็นบุญเป็นกุศล โชคดีที่ได้เกิด ธรรมะจะช่วยมนุษย์ให้ดีขึ้น ไม่ทุกข์ทรมาน การที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ที่ไม่มีธรรมะ มันไม่ใช่บุญไม่ใช่กุศล ที่พูดกันว่ามนุษย์เป็นได้ยาก เกิดแล้วเป็นบุญอันใหญ่หลวงเพราะมนุษย์ที่มีธรรมะ จะไม่ทำให้เดือดร้อนทั้งตนเองและผู้อื่น เราจงมีความหมายมั่นจะมีธรรมะ แล้วรากฐานของธรรมะขั้นต้นนั่นคือ แม่คืออะไร ที่พูดตะกี้ ขอให้นักเรียนทั้งหลายเรียนธรรมะตัว ก ตัว ข แล้วรู้ว่าแม่คืออะไร พ่อคืออะไร เรื่อยขึ้นไปจนครูบาอาจารย์ และก็ปฏิบัติกับมนุษย์ให้ถูกต้อง รู้จักรักผู้อื่น ที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน และรู้จักบังคับความรู้สึกซึ่งสำคัญมาก เป็นธรรมะขั้นสูง แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ต้องบังคับความรู้สึก ปล่อยตามสบาย เช่นพวกฝรั่ง มันอุตริว่า ปล่อยสบายดีกว่า มันก็เลยไม่ต้องเคารพบิดามารดา ครูบาอาจารย์กัน ก็เลยมีผลร้ายเกิดขึ้นเพราะไม่บังคับความรู้สึก อยากจะรักก็รัก อยากจะโกรธก็โกรธ อยากจะเกลียดก็เกลียด จนเดี๋ยวนี้มองตากันก็ไม่ได้ ก็ฆ่าฟันกันแล้ว ดังนั้นจึงขอให้นักเรียนทั้งหลายถือศีลสูงสุดสักข้อหนึ่งคือ การบังคับความรู้สึก เมื่อได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง มันจะเกิดอารมณ์แรง ให้บังคับไว้ โกรธก็ดีให้บังคับไว้ คือทุกๆทางอย่าให้อารมณ์มันแรง เพราะถ้าแรงแล้วจิตมันผิดปกติ แล้วมันจะบ้านั่นเอง มีแต่ทำผิดทั้งนั้น รักก็รักผิด โกรธก็โกรธผิด กลัวก็กลัวผิด กล้าก็กล้าผิด กล้าอย่างคนบ้า ในทางธรรมะ เขาสอนให้หยุดยั้งความรู้สึกกันมาก เรียกว่า ทมะ คือการข่ม บังคับตนเอง และ อนทน ที่เขาเรียกว่า ขันติ ถ้าปราศจากขันติมันก็จะล้มละลาย ทำผิด ทำร้ายผู้อื่น มันไม่มีความอดทน

ดังนั้นเราต้องฝึกกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ บิดามารดาช่วยกันฝึกบุตรหลาน ลูกเล็กๆจะได้รูการบังคับความรู้สึก ต่อไปเค้าจะได้ดำรงตนอยู่ในความถูกต้อง หรือความพอดีได้ ปัญหาก็จะไม่มี ถ้าไม่บังคับความรู้สึก แม้แต่เรียน ก็ไม่สำเร็จ เหลวไหล หนีโรงเรียน อย่าว่าแต่ทำอะไรให้มากไปกว่านั้น ดังนั้นขอให้บูชาการบังคับความรู้สึก เป็นศีลข้อแรกของเยาวชน ถ้าไม่บังคับความรู้สึก เราจะดื้อ ทรยศ หักหลัง แม้แต่บิดามารดา จะทำให้ท่านน้ำตาตก ไม่เคารพครูบาอาจารย์ จึงเอาเป็นว่าเด็กๆเยาวชนต้องมีธรรมะให้พอ คุณพ่อ คุณแม่ ปู่ย่า ตายาย ก็เหมือนกัน จะได้ไม่ต้องกินยานอนหลับ ไม่ละอายต่อสัตว์ ล้างความยึดมั่นถือมั่นออกไปเสีย มีแต่ความพอดีๆที่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา อันเป็นธรรมะที่สำคัญที่สุดที่ท่านพระพุทธเจ้าตรัสสอนในวันสำคัญ อย่างเช่นวันนี้ วันอาสาฬหบูชา เป็นวันแรกที่ท่านพระพุทธเจ้าประกาศธรรมที่เรียกว่า ธัมมจักรกัปวัตนสูตร หรือเรียกว่า ปฐมเทศนา ซึ่งสอนถึงมัชฌิมาปฏิปทา คือความถูกต้อง 8 ประการเมื่อมีธรรมะความถูกต้อง 8 ประการนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เราจะต้องละอายสัตว์เดรัจฉาน เราจะไม่ทำความชั่วแก่ตนเองและสังคม โลภ โกรธ หลง ที่มาเผาตนเอง ก็จะไม่มี ไม่มีกิเลส ที่ทำให้นอนไม่หลับ ก็เพราะการปฏิบัติที่เรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา ลูกเด็กๆก็ช่วยจำจำไว้ด้วย ไม่ใช่เฉพาะคนแก่ ช่วยดูแลกันมาตั้งแต่แรกคลอดกันเลย โตขึ้นมาก็รู้มากขึ้น ดูแลตัวเองได้ จะไม่มีอะไรผิดพลาด ที่ต้องละอายสัตว์เหล่านั้น เรื่องที่จะพูดก็มีเท่านี้ ธรรมะนั้นสำคัญอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์ที่มนุษย์จะต้องมี ถ้าไม่มีแล้วก็จะสูญเสียความเป็นมนุษย์ เป็นคนก็ยังไม่ได้ เลวกว่าสัตว์เดรัจฉาน สัตว์อยู่อย่างปกติ ไม่คิดคดโกง ฆ่าฟัน แก่งแย่ง แต่คนก็ยังทำอยู่ จะพูดอย่างนี้ นี่เขาตามมาให้พูดกับเด็กนักเรียน หวังว่าต่อไปนี้ก็คงเอาไปคิด ศึกษา สังคายนาตัวเอง และแก้ไขตัวเอง อย่าทำให้พ่อแม่น้ำตาตก ดังนั้นเราต้องระวังในความเป็นมนุษย์ของเราให้ดี ให้มันถูกต้อง เพราะการศึกษาของพวกเธอเหมือนหมาหางด้วน เราจะไม่กลัวใครโกรธ ไม่กลัวเธอโกรธ ไม่กลัวครูโกรธ ไม่กลัวกระทรวงโกรธ ไม่กลัวรัฐบาลโกรธ เพราะเธอยังไม่รู้ว่า แม่คืออะไร มนุษย์เป็นอย่างไร แต่พอเธอได้ศีกษาธรรมะก็ไม่ถือว่าเป็นหมาหางด้วนแล้ว ถ้าหางด้วน ก็เหมือนเจดีย์ที่ยอดมันด้วน มันก็ไม่งามทั้งนั้นแหละ ดังนั้นส่วนที่ขาดอยู่ รีบไปทำให้เต็ม ศึกษาว่าแม่คืออะไร คนคืออะไร เกิดมาทำไม จะต้องได้อะไร จะตอบแทนคุณบิดามารดาอย่างไร ช่วยเพื่อนมนุษย์อย่างไร ให้มีสัมมาทิฐิที่เราเกิดมานี้จะต้องได้อะไร น่าจะจัดประกวดการบรรยายสักครั้งหนึ่งก็ได้ว่า เราเกิดมาจะต้องได้อะไร ใครตอบดี ก็ให้รางวัล

เราเกิดมานี้เพื่อไม่ให้เป็นทุกข์แก่ตัวและคนรอบด้าน มีแต่ความสุข และเรายังมีประโยชน์แก่คนรอบด้าน ไม่ใช่แค่คนเดียว อันนั้นไม่ถูก ไม่พอแน่ และอยู่ในโลกคนเดียวก็ไม่ได้ด้วย เราเกิดมาเพื่อให้มีสติปัญญา ที่จะไม่ทุกข์ และไม่ต้องละอายสัตว์ เพราะสัตว์เหล่านั้นมันไม่มีทุกข์ ให้มีจิตใจเย็น สงบ เป็นนิพพานอยู่เสมอ ทำประโยชน์ให้แก่คนอื่นอยู่เสมอพอแล้ว พระพุทธศาสนาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ อยู่อย่างนี้กิเลสมันอยู่ไม่ได้ มันจะหมดเชื้อ และมันก็นิพพาน ตอนนี้ก็อยู่กับนิพพานสมัครเล่นกันไปก่อน ไม่เกิดความร้อนมาในใจ นิพพานชั่วครู่ นิพพานตาเห็น ให้มันเย็นตลอดเวลา จนมันสูงสุดเป็นนิพพานบริบูรณ์ ถ้าเราไม่เติมเชื้อให้กิเลส เชื้อกิเลสก็จะเหือดแห้งไป ไม่ควรจะเกิดก็ไม่ให้เกิด ไม่ควรจะโกรธก็ไม่ให้โกรธ ไม่ควรจะรักก็ไม่ให้รัก ไม่ควรจะอิจฉาก็ไม่ให้อิจฉา ไม่ควรจะเกลียดก็ไม่ให้เกลียด ไม่ควรจะกลัวก็ไม่ให้กลัว ไม่ควรจะเศร้าก็ไม่ให้เศร้า ระวังไว้อย่างนี้ มีสติระวังตัวเอง อย่าให้ขาดธรรมมะ ขู่ตัวเองไว้ก็ได้ ในบ้านเราก็มีไก่ หมา แมว เราก็ไปดูมัน ถ้ามันไม่เป็นทุกข์เราก็ไม่เป็นทุกข์ ฝากถึงเด็กๆ นักเรียน ให้เป็นนักเรียนที่ถูกต้อง เรียนเพื่อรู้ รู้เพื่อปฏิบัติ เพื่อควบคุมกิเลสให้ได้ มีความก้าวหน้าในการทำงาน การศึกษา การเรียน ให้ประสบความสำเร็จ และเลี้ยงชีพให้รอด ขออำนาจพระธรรมอันสูงสุดที่พระพุทธเจ้าเคารพ จงคุ้มครองพวกเธอทั้งหลาย เรียนในสิ่งที่แท้จริง ในสิ่งที่ควรเรียน ไม่บกพร่อง และได้รับความสงบสุขทุกทิวาราตรี ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์

http://www.vcharkarn.com/varticle/16311

. . . . . . .