ประวัติสมเด็จโตทำบุญก่อนวันตาย(อจินไตย)

ประวัติสมเด็จโตทำบุญก่อนวันตาย(อจินไตย)

[รายละเอียด] ราวปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ 2415 ท่านโตอายุครบ 85 ปี ใด้เลี้ยงพระและเณรหมดทั้งวัดเสร็จแล้วก็บอกลาพระทุกองค์ทำไห้พระทุกองค์แปลกใจไปตามๆกันบางองค์ถามว่าท่านจะไปอยู่ที่ใหน ฉันต้องไปอยู่ในที่ของฉันที่เขาจัดไว้ไห้ฉันแล้ว พวกโยมหลังวัดที่อยู่ที่บ้านช่างหล่อใด้ช่วยฉันมาโดยตลอดไม่ว่าวัดจะมีงานอะไรก็ใด้พวกโยมมาทำกิจการงานเสมอมา ถ้าพวกโยมไม่ช่ายวัดก็คงไม่สวยถึงขนาดนี้ฉะนั้นฉันไม่มีอะไรที่จะให้โยมนอกจากพระที่ฉันทำ ให้โยมเก็บรักษาใว้ให้ดี ปู่คำนั่งฟังอยู่นานก็เอ่ยกับนายเหลี่ยมกับคุณนายแป้นว่าวันนี้ท่านโตพูดจาแปลกเหมือนจะต้องตายจากกัน นายเหลี่ยมก็คิดเหมือนกับปู่คำเหมือนกัน แล้วท่านโตก็หันมาสั่งเณรช่วงว่าหย่าลืมไปนิมนต์ท่านเป้งวัดลครธรรมและหลวงพี่คำที่วัดอมรินทร์มาด้วย วันรุ้งขึ้นก่อนเพลพระและเณรมากันที่หอฉันท์เต็มไปหมดท่านเจ้าคุณสมเด็จโตก็ออกมานิมนต์พระและเณรมาฉันท์พร้อมๆกันรวมทั้งพระครูที่ท่านใด้แต่งตั้งอีก 8 รูป 1 พระครูปลัดมิศร์ 2พระครูวินัยทร นายปลื้มบ้ายทรายน้อย 3 พระครูศัทธาสุนทร นายหมาบ้านมะกอกน้อย 4 พระครูโฆสิทธิ์ นายแจ้บ้านลำละมาด 5 พระครูสมุ นายเดชบ้านช่างหล่อ 6 พระครูใบฎีกา นายเชื้อบ้านช่างหล่อ 7 พระธรรมรกิจ นายดีบ้านลานมะเกลือ 8 พระครูพิภัทรท่านเป้งวัดละครธรรม ท่านโตใด้ถามพระครูพิภัทรว่าอยู่ที่ดละครธรรมเป็นยังไงบ้างพระครูพิภัทรตอบก็สบายดีแต่ไม่ค่อยว่างพอดีโยมไห้สร้างศาลาไห้กับวัดหลังหนึ่งก็เลยไม่ใด้มาหาหลวงพ่อเลย พ่อจะให้ฉันทำอะไรหรือ พ่อไม่ได้ให้ท่านเป้งทำอะไรหรอก ปีนี้พ่ออายุ85ปีแล้ว ขอให้ท่านเป้งบูรณะวัดที่ท่านอยู่ให้สวยงาม และเจริญต่อไป
ขอให้ท่านทุกองค์จงตั้งใจทำหน้าที่ที่ทำยู่อให้ดีที่สุด ฉันขอฝากอะไรหลวงพี่คำขอให้หลวงพี่คำช่วยพระรุ่นน้องที่ยังศึกษาอยู่ พระรุ่นน้องที่ยังไม่เข้าใจอะไร ให้ปรึกษาหลวงพี่คำด้วย เออฉันมีงานใหญ่ที่จะให้หลวงพี่คำจัดการอีก3วันข้างหน้า ให้ปลัดมิศร์และท่านโฮ้กับหลวงตาพลอย คอยรับแขกที่จะมาในงานวันนั้น ปู่คำว่ามีงานอะไร ท่านโตว่าถึงวันก็จะรู้เอง ท่านโตได้สั่งกับพระและเณรว่าให้ล้างหอสวดมนต์ทำความสะอาดให้หมดทุกที่ ให้หลวงตาพลอยนั้นเอาพระในหีบทั้งสองหีบเตรียมเอาไว้แจกคนที่จะมาในงาน ส่วนโยมทองหยอดขอแรงให้มาช่วยสัก3วัน คุณยายทองหยอดไม่เป็นไรหรอกพระคุณท่านเพราะว่าอีขำไปวัดทุกวัน เพื่อนอีขำก็มีอีกหลายคนจะเอา20คน30คนก็ยังได้ พระคุณท่านจะทำการงานอะไรหรือ แล้วฉันจะใคนไปบอกเอง ให้โยมหาแม่ครัวมาหลายๆคนหน่อย จะรบกวนเป็นครั้งสุดท้าย ให้โยมช่วยดูแลให้ทั่วถึงก็แล้วกัน สำหรับโยมแดงนายแดงวงค์ช่างหล่อหรือขุนศรีวราวุธ ให้มารับแขกผู้ใหญ่ โยมแดงเป็นนายทหารเก่าที่จะรู้จักคนในวังกันมาก คนที่มาอยู่แถวๆฝั่งธน จะต้องรู้จักขุนศรีกันทุกคน เมื่อรับราชการได้เป็นนายตรวจวังหลัง จึงมีคนรู้จักมาก ท่านเจ้าคุณสมเด็จถามว่าปีนี้โยมแดงอายุเท่าไหร่ โยมแดงตอบว่าปีนี้99แล้วปีหน้าอายุครบ100ว่าจะนิมนต์ท่านโตมาทำบุญอายุครบ100 ส่วนแม่ทองหยอดก็95ปีแล้ว ยังเป็นห่วงลูกอีกคนคืออีขำยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝา เห็นอีขำมันบอกท่านโตดูหมอให้มันว่าอีก 2 ปีมันจะรวยใหญ่ ต่อมาอีกวันหนึ่งนายตำรวจวังใด้นิมนต์ไปฉันท์ที่วังหน้าใด้พบกับมหาบพิธ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 5 พระองค์ใด้ถามว่าพระคุณท่านสบายดีรึ ท่านโตตอบก็สบายดีทุกวัน มหาบพิธจะถามอะไรก็ถามเสียต่อไปจะไม่ใด้ถามอีกจะไปอยู่ที่ ที่เขาจัดเอาใว้ให้ใหม่มหาบพิธจะไปหาก็คงจะลำบาก ตำรวจวังรูสึกว่าวันนี้ท่านโตพูดจาแปลกไปมากบอกลาหลายๆต่อหลายคน ต่อมาอีกวันหนึ่งท่านเจ้าคุณสมเด็จโตใด้พูดกับพระครูวินัยธรรมคือท่านปลื้มและพระคคูรสมุคือท่านเป้งซึ่งเป็นหลานนายผึ่งปฎิมากรข้าราชการเก่าหมู่บ้านช่างหล่อพระครู 2 รูปนี้เป็นที่ใว้วางใจสำรับท่านโตใด้มอบเงินจำนวลหนึ่งกับพระครูสมุเดชกับพระครูวินัยธรรมพร้อมกันนั้นก็สั่งว่าพรุ้งนี้วันงานเอาเงินนี้ไปให้แม่ทองหยอดจัดการเกี่ยวกับเรื่องอาหารสำหรับที่จะเลี้ยงคนและพระให้เรียบร้อยพระครู 2 รูปรับคำก็ลากลับพระครูทั้ง 2 คุยว่าเราเองยังไม่รู้เลยว่าจะมีงานอะไร แล้วพระครูทั้ง 2 ก็เอาเงินไปให้โยมทองหยอด 1 ชั่งเอาใว้ซื้อของในตอนเช้า คุณนายทองหยอดก็บอกว่าพระครูจะใช้จ่ายอะไรมากมายถึงเพียงนี้ พระครูทั้ง 2 บอกว่าพระคุณท่านให้ทำอาหารให้พอสำรับคนกินก็แล้วกันเรื่องอัดไม่ต้องห่วงฉันเตรียมใว้สิบกว่าชั่งทำบุญครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของท่านโต และในคืนวันนั้นเองท่านเจ้าคุณสมเด็จโตใด้เข้าจำวัดก่อน 4 ทุ่มที่หน้าหอสวดมนต์มีเณรช่วงใด้เข้าไปหาท่านโตแล้วถามสมเด็จโตว่าจะเอาน้ำร้อนหรือเปล่า ท่านโตบอกว่าฉันท์เรียบร้อยแล้ว เณรช่วงก็ออกมาปิดประตูใว้เหมือนเดิม พอตี 4 ครึ่งพระเคาะระฆังจบลงพระบางองค์ใด้ตื่นขึ้นมาสวดมนต์และตรวจน้ำให้ญาติโยม ทุกครั้งท่านเจ้าประคุณจะตื่นก่อนพระเคาะระฆัง แต่วันนี้ไม่เห็นท่านตื่นขึ้นมาเลย พอสว่างมีแม่ครัวบ้านช่างหล่อใด้ซื้อของมาเต็มโรงครัว ทุกคนแปลกใจว่าพระคุณท่านทำไมยังไม่ตื่น จนกระทั้งพระบิฑบาตรกลับมาแล้วยังไม่เห็นพระคุณท่านตื่นลงมาเลย หลวงตาพลอยสงสัยก็ใด้เปิดประตูดูกับเณรช่วง ภาพที่ปราฏกต่อสายตาทำให้ทุกคนตกใจ พระคุณท่านนอนหงายพนมมือมีธูป 3 ดอกเทียน 1 เล่มแล้วห่มดอ เณรช่วงถึงกับร้องให้โฮหลวงตาพลอยใด้ตีระฆังบอกพระทุกรูปมาประชุมกัน พอดีท่านเป้งและปู่คำมาถึงพวกบ้านช่างหล่อแต่งชุดดำกันทั้งหมู่บ้านไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่พอประชุมสงฆ์เสร็จใด้จัดตั้งศพที่หอสวดมนต์ เณรช่วงใด้เข้าไปในห้องของสมเด็จโตและก็บอกกับปลัดมิศร์ให้เปิดดูที่หลังรูปบานใหญ่ที่พระคุณท่านใด้เขียนวันตายตัวเองไว้ ปลัดมิศร์บอกเณรนี้เหลวไหลรู้เรื่องใด้ย่างไร เณรก็เล่าให้ปู่คำท่านเป้งและปลัดมิศร์ฟังว่าใด้เข้ามาทำความสอาดบังเอิญไม้กวาดที่ปัดยักใย้ไปโดนกรอบรูปตกลงมาจึงใด้แลเห็นตัวหนังสือที่เขียนติดไว้ที่ข้างฝาซึ่งเป็นวันตายของท่าน ปลัดมิศร์จึงเอากรอบรูปออกมาพระทุกรูปใด้เห็นข้อความที่เขียนเอาไว้ ปู่คำว่านับประสาอะไรวันตายท่านๆยังรู้ ในวันที่ท่านโตมรณะภาพแล้วในตอนบ่ายคนแถบนั้นรู้ไปทั่วทางวัดใด้ขอพระราชทานน้ำอาบศพและโลงทองทีแรกใด้พระราชทานโกศทองคำแต่ท่านโตสั่งไว้ถ้าฉันตายไม่ต้องเอาโกศมาใส่ฉันนะขอเป็นแค่โลงก็พอ วันที่รดน้ำศพท่านโตใด้มีพ่อค้าแม่ค้ามากันมากมายเต็มศาลาทุกคนใด้พูดว่าท่านโตสั่งไม่ให้มาตอนที่ท่านอยู่พอท่านตายเราก็จะต้องมารดน้ำท่านเผื่อคารวะเป็นครั้งสุดท้าย ตอนอาบน้ำศพท่านใด้เปลี่ยนผ้าครองใหม่ ผ้าครองเก่าชาวบ้านใด้แย่งฉีกกันแบ่งกันไปคนละชิ้นสองชิ้นเผื่อจะใด้เอาไว้บูชาติดตัว ในวันนั้นยังมีผ้าขี้ริ้วที่ท่านโตไว้เช็ดมือเช็ดแถวเชียนหมากของท่านมีคนแถวลานมะเกลือชื่อแม่ปลั่งใด้เก็บเอาใว้ซึ่งเข้าใจว่าเป็นผ้าครองของท่านดีใจฉีกเป็นเส้นเล็กๆผูกข้อมือลูกหลานทุกคนในบ้านแล้วที่เหลือก็เก็บเอาไว้บนหิ้งบูชา หลังจากนั้นลูกของแม่ปลั่งก็ใด้เอาของไปถวายพระที่วัดกัลยาบังเอิญหมาแม่ลูกอ่อนอยู่ไต้ถุนกุฎิวิ่งมากัดเด็กล้มลงติดบันไดพระก็เข้ามาไล่หมา หมากัดกางเกงขาดไปตั้งบานแต่ไม่เข้าเนื้อเด็กพระที่มาช่วยไล่หมาก็สงสัยลูกโยมปลั่งทำไมหมากัดไม่เข้าท่านดูที่คอของเด็กเห็นมีผ้าเหลืองผูกติดอยู่ พระท่านก็ถามว่าเชือกอะไร เด็กก็ว่าแม่เอามาผูกคอให้เพราะว่าหมาที่นี้เป็นหมาแม่ลูกอ่อนแม่ว่ากันหมากัดพระอยู่ที่นั้นหลายองค์ก็แปลกใจกางเกงขาดแต่ไม่เข้าเนื้อเด็กเลย ท่านก็เอาน้ำมันมนต์มาทาให้เด็กท่านคิดอยูเจ้าเปียลูกโยมปลั่งมีอะไรดีพรู้งนี้จะต้องไปถามโยมปลั่งให้รู้ เจ้าเปียเมื่อไปถึงบ้านแม่ปลั่งเห็นกางเกงเจ้าเปียขาดก็ร้องว่าเจ้าเปียเองไปทำอะไรมากางเกงถึงใด้ขาดย่างนี้ เจ้าเปียก็เล่าให้แม่ฟังหมาแม่ลูกอ่อนมันกัดจะแม่ แม่ปลั่งก็ก้มลงดูว่าแผลลึกใหม ดูแล้วไม่เห็นมีแผลมีแต่รอยเป็นเขี้ยวจำๆหลายแห่งยายปลั่งแกบอกท่านโตช่วยมึงรู้ใหมไอ้เปียถ้าท่านโตไม่ช่วยมึงตูดขาดไปแล้วพรุ้งนี้กลางวันมึงไปกลาบศพท่านโตเสียเขายังสวดอีกหลายวัน ตั้งแต่นั้นมาใครๆก็ไปขอผ้าสบงของท่านโตแม่ปลั่งก็ฉีกขายเส้นละ 2 สตางค์พอผูกข้อมือใด้เล่นเอาแม่ปลั่งมีเงินร่วม 5 ชั่งทำให้แกมีทุนค้าขายเลี้ยงลูกหลานมาจนกระทั้งทุกวันนี้ ปู่คำว่ายายปลั่งแกรวยเพราะผ้าขี้ริ้วของท่านโตแท้ๆ หลังจากทำบุญ 7 วันผ่านไปแล้ว ทางวัดเงียบเหงาไปหมดมีท่านเป้งและเณรช่วงเศร้าโศกไม่หายปู่คำใด้เตือนสติท่านเป้งว่ามันเป็นของธรรมดาคนเราเกิดมาแล้วก็ต้องดับกันทุกคนใครจะอยู่ค้ำฟ้าไม่ใด้ท่านโตท่านใด้รู้ตัวท่านๆลาทุกคน ที่อยู่นี้จะมีใครหยั่งน้ำดินใด้ไม่มีอีกแล้วปู่คำขอให้ทุกคนจงนึกว่ามันเป็นกฏแห่งกรรม ปู่คำใด้ถามหลวงตาพลอยว่าพระของท่านโตนั้นแจกหมดหรือยัง หลวงตาพลอยก็บอกว่าวันแรกๆ 4-5 วันไม่ใด้แจกเลยนึกไม่ออกว่าพระคุณท่านสั่งอะไรเอาไว้บ้างมาแจก 2 วันสุดท้ายก็หมดไปประมาณ 3000 กว่าองค์ ปู่คำว่าฉันต้องการสัก 500 องค์ เผื่อจะเอาไว้แจกญาติโยม หลวงตาพลอยบอกว่าเตรียมเก็บเอาไว้ให้พระที่มาในงานสวดศพทุกองค์ จะแจกวันเผาอีกหีบกว่าๆถ้าเหลือก็จะบรรจุกรุ พระคุณท่านใด้สั่งฉันเอาไว้ว่าตอนนี้ถ้าใครเขาจะขอบูชาจริงๆก็ให้เขาบูชาแต่ย่าให้หลายๆองค์ ต่อมาพวกบ้านช่างหล่อใด้ทำบุญ 50 วันกับท่านโตเลี้ยงพระและเณรทั้งวัดพวกบ้านช่างหล่อใด้ขอร้องทางวัดให้เอาศพไว้ 1 ปีแล้วค่อยเผา 100 วันมันน้อยไปทางวัดก็ตกลงให้ชาวบ้านช่างหล่อจัดการตามที่ขอเอาไว้ พอถึง 100 วันชาวบ้านช่างหล่อก็มาเป็นเจ้าภาพจัดงานทำบุญอีกครั้งหนึ่งใด้นิมนต์ปู่คำและท่านเป้งมาฉันท์ด้วยแต่ปู่คำกับท่านเป้งก็ทำบุญกับท่านโตเหมือนกันจึงมาไม่ใด้ให้เด็กมาบอกว่าตอนเทศจะมา ทางวัดก็ใด้แจ้งให้ทางวังเลื่อนการเผาศพออกไปอีก 1 ปี ควรทำเมนลอยจะใด้ไม่ขุขระ และมีคนกล่าวถึงท่านโตว่าท่านโตท่านรู้ทุกย่างที่คนทั่วไปไม่รู้ดูย่างวันตายท่านสิไม่มีใครรู้ว่าท่านโตใด้ทำบุญวันตายของท่านแล้วสั่งทุกย่างไว้เป็นที่เรียบร้อยก่อนที่จะมรณะภาพทำให้ทุกคนที่รู้ข่าวการตายของท่านโตโศกเศ้ราเสียใจบางคนที่ท่านโตไห้ของดีไปค้าขายท่านจะสั่งนักสั่งหนาว่าถ้ารวยแล้วไม่ต้องมาหาฉันถ้าจนไห้มาหาบ่อยๆพวกนี้ใด้มาร้องไหร้องห่มกันมากมาย เราอยู่ทางวัดก็พึ่งจะรู้ว่าพวกนี้ร้านมีรวงกันทุกคนไม่ต้องหาบคอนเหมือนตอนที่มาหาท่านโตทุกคนมาทำบุญพร้อมกันของถวายมากมายจนกระทั้งแบ่งไปถวายที่วัดแจ้งบาง ของแห้งที่เอาไปถวายศาลาเต็มไส่ไม่หมดต้องแบ่งไปตามวัดหลายวัดเก็บไว้เวลาบิฑบาตรไม่ใด้เอามาหุงกินกันนี้เป็นเหมือนบุญญาธิการของท่านที่ใด้สร้างใหว้ของที่ทำบุญ 7 วันคุณยายทองหยอดและแม่ขำใด้จ่ายไปชั่งครึ่งวันแรกจ่ายของไป 11 ตำลึงเท่านั้นนอกจากจะซื้อของเล็กๆน้อยนอกนั้นชาวบ้านเอามาถวายทั้งนั้นของทั้งคาวและหวานทางแม่ครัวทำเองนี่เป็นบุญของท่านที่ใด้สร้างไว้ ข้างฝ่ายชาวจีนในสำเพ็งใด้มาเครารบศพเป็นอันมากใด้เอาผ้าห่มที่มีชื่อและยี่ห้อติดผ้าห่มคนละผืนติดรอบๆศาลาเป็นร้อยผืน พอสวดเสร็จ 7 วัน มีคนมาช่วยเงินรวมทั้งสิ้น 50 ชั่งกับ 63 สตางค์ ผ้าห่ม 147 ผืน แจกพระและเณรไป 29 ผืนหมดวัด ไห้วัดแจ้งไป 21 ผืน ไห้วัดอัมรินท์ไป 18 ผืน ไห้วัดตำรุไป 14 ผืน ไห้วัดบางยี่เรือ 15 ผืน ไห้วัดทรงกะบูรณ์ 4 ผืน ในปีนั้นหนาวจัดทางวัดใด้แจกผ้าห่มของท่านโตจนกระทั้งหมดคล้ายกับว่าท่านโตจะรู้ และแล้วกาลเวลาก็มาถึงวันเผาวันที่ 24 มิถุนายน จ.ศ 1235 ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เวลา 4 โมงเย็น ใด้ตั้งเมนลอยที่หน้าวัด มีการเล่น มีหน้งตลุง เพลงฉ่อยลิเก ทางในวังใด้จัดโขนหลวงมาเล่น พอใด้เวลาเวียนศพขึ้นเมนลอยเสร็จ ตาจ้อยใด้เปิดโลงดูทุกคนเห็นแล้วพระคุณท่านยังไม่เน่า รางกายเหมือนกับคนนอนหลับเอาลงโลงนอนยังไงก็อยู่ย่างนั้นไม่มีกลิ่นเหม็นบางคนถึงกับร้องไห้โฮ พอใด้เวลาเจ้าพระยากลาโหมเอาไฟจนถึง 4 ทุ่มคนที่มาใส่ไฟยังไม่หมดทำไห้ลานวัดแคบไปเป็นกอง ตลอดคืนการเล่นทุกย่างไม่ใด้หามาเลยมีแต่คนมาช่วยงาน งานในวันนั้นมีเจ้านายในวังมากันมากมาย ปู่คำกับท่านเป้งนะไม่ใด้นอนมาทั้งคืนปลัดโฮ้ช่วยรับแขก โรงครัวทำอาหารทั้งคืนเลี้ยงการเล่นแก่คนที่มาในงาน วันรุ้งขึ้นตอนเช้าใด้ไปดูที่กองพอนปู่คำเอาพระไปแปลธาตุทุกองค์ก็แปลกใจ ตาจ้อยบอกว่าอัฎิของท่านทุกชิ้นหยิบแล้วเป็นขี้เถ่าปู่คำใด้ไห้ตาจ้อยรวบรวมใส่ผ้าขาวทั้งหมดแล้วแปลธาตุ

ขอขอบคุณ : http://www.taradpra.com/itemDetail.aspx?itemNo=1034177&storeNo=7228

. . . . . . .