มาร่วมเดินทางไปกับทีมงานตาม รอย: สมเด็จพุฒจารย์ (โต พรหมรังสี)

มาร่วมเดินทางไปกับทีมงานตาม รอย: สมเด็จพุฒจารย์ (โต พรหมรังสี) กันค่ะ

สัปดาห์นี้ทีมงานจะพาเพื่อนๆ เดินทางย้อนอดีตตามรอยสมเด็จพุฒจารย์ (โต พรหมรังสี) กันนะค่ะ ก็อย่างที่เพื่อนๆ ทุกท่านน่าจะทราบดีเกี่ยวกับพระที่ท่านได้จัดสร้าง และปลุกเสกไว้ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมากเป็นสุดยอดพระเบญจภาคี ที่นักสะสมพระเครื่องทุกคนใฝ่ฝันกัน แต่ใช่ว่าจะมีแต่เพียงพระเครื่องของสมเด็จโตเท่านั้นที่น่าสนใจ ประวัติและวัตรปฎิบัติ ของท่านก็เป็นที่เลื่อมใส น่ายกย่องเช่นกัน ตามทีมงานเรามาดูซิค่ะ ว่าปัจจุบันวัดที่ท่านเคยพำนักเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้ววัดแรกที่ทีมงานเดินทางพาเพื่อนๆ ไป คือ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ค่ะ เป็นพระอารามหลวงชั้นโท เดิมเป็นวัดราษฎร์ ชื่อ วัดบางหว้าใหญ่ สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่วัดนี้มีชื่อว่า วัดระฆัง ก็เพราะในสมัยรัชกาลที่ 1 มีการขุดค้นพบระฆังเสียงดีที่นี่ พระองค์จึงนำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และสร้างของใหม่ไว้ที่นี่ 5 ลูกเก็บไว้แทน ที่สำคัญวัดนี้เป็นที่ประทับของ สมเด็จพระสังฆราชสี ซึ่งเป็นปฐมต้นบรมสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และสมเด็จพุฒจารย์ (โต พรหมรังสี) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมเด็จ

ภายในวัดพอมีที่จอดรถบ้างค่ะ แต่ไม่มาก หากเพื่อนๆ นั่งรถประจำทางมาก็ต้องเดินตั้งแต่ปากทาง เข้าไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงค่ะ (แนะนำให้เรียกสามล้อ หรือแท็กซี่ก็ได้ค่ะ)
วันนี้บรรยากาศไม่ร้อนมากค่ะ มีฝนลงเม็ดบ้างประปราย

เพื่อนๆ เดินเข้ามาตามทางก็จะพบทางเข้าที่ ประตู พรหมรังสี ๒๕๐๗

เดินพ้นประตูเข้ามาด้านหน้าจะเป็นวิหารประดิษฐานพระประธาน ศาลาด้านซ้ายเป็นที่กราบสักการะรูปหล่อองค์สมเด็จโต (นามที่ชาวบ้านมักเรียกกันจนติดปาก) ส่วนศาลาด้านขวาเป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ

ภาพจิตกรรมฝาผนังที่มีอายุเก่าแก่ พึ่งได้รับการบูรณะไปเมื่อไม่นานมานี้

ไหว้พระทำบุญกันแล้ว อย่าลืมทำบุญร่วมสมทบทุน สร้างอาคารปฎิบัติธรรมและลานจอดรถกันนะค่ะ เพราะทางวัดมีปัญหาเรื่องที่จอดรถที่ค่อนข้างจะน้อย หากอยากจะตักน้ำมนต์กลับบ้านทางวัดก็มีบริการถุงเตรียมไว้ให้นะค่ะ (ใครสุขภาพไม่ค่อยดี แนะนำค่ะ และจะดียิ่งขึ้นหากท่องบทสวดมนต์คาถาชินบัญชร ด้วยยิ่งดีมากๆ เลยค่ะ)

ถัดไปด้านข้างวิหารเป็นที่ถวายสังฆทาน และให้เช่าหาบูชาพระเครื่องของทางวัดค่ะ

ใกล้กับวิหาร เพื่อนๆ จะมองเห็นเรือนไม้อยู่ ทีมงานแนะนำให้เดินเข้าไปชมนะค่ะ เป็นหอพระไตรปิฎก ตามมาสำรวจกันเลยค่ะ

เมื่อเดินเข้าไปยังบริเวณหอไตร จะพบกับรูปขนาดใหญ่ของปฐมกษัตริย์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ ภาพนี้ศิลปินวาดตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๕

เพื่อนๆ จะพบกับวัตถุโบราณ และภาพวาดจิตรกรรมเก่าแก่ หลายชิ้นที่เหมาะแก่การศึกษาความเก่าของวัตถุ

บานหน้าต่างไม้เก่า ถอดมาจากกุฎิ ของสมเด็จโต ยังพอเห็นร่องรอยการวาดลายบนบานหน้าต่างอยู่บ้าง

หน้าบันเก่าแก่ ที่ทางวัดนำมาเก็บอนุรักษ์ไว้

บรรยากาศภายในวัดที่ร่มรื่น มีสวนย่อมให้นั่งพักคลายร้อน

(ซ้าย) บริเวณรอบๆ จะมีแม่ค้ามากมาย มาจำหน่ายปลาปล่อย มีบริการทุกชนิด พร้อมคู่มือกำกับเทคนิดวิธีการปล่อยปลาแต่ละชนิด ก็แล้วแต่ความเชื่อนะค่ะ
(ขวา) หลังจากการกราบพระเป็นที่เรียบร้อย ทีมงานก็เดินตรงออกประตูเดิม (ประตู พรหมรังสี ๒๕๐๗) เดินทางมารอเรือข้ามฝาก

ขึ้นเรือข้ามฝาก ท่าช้าง-วัดระฆัง ค่ะ บรรยากาศ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ลมเย็น อากาศ ดีจริงๆ

ถึงแล้วค่ะ ท่าช้าง ค่าโดยสารคนละ 3 บาท เท่านั้นะค่ะ ขึ้นจากเรือก็จะพบของกินมากมายเลย เดินตรงเลี้ยวไปทางซ้าย จะเจอกับ ท่าพระจันทร์ นี่และค่ะ แหล่ง เช่าหาพระเก่าแก่ มีหมดค่ะ ทั้งพระเหรียญ พระบูชา อุปกรณ์เกี่ยวกับพระ ราคาส่ง-ปลีก มีหมด ค่ะที่นี่

รอรถประจำทางสาย 53 แถวท่าพระจันทร์ นี่ละค่ะ เพื่อไปลงที่ปากซอยสามเสน 8

วัดต่อไปที่ทีมงานจะพาไปก็ คือ วัดใหม่อมตรส พระชุดสมเด็จฯ บางขุนพรหม คุ้นๆ ไหมค่ะ วัดนี้จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า วัดบางขุนพรหม ค่ะ
(ในอดีตเมื่อปีพ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๑๕ เสมียนตราด้วง ต้นตระกูลธนโกเศศ ได้ทำการบูรณะปฎิสังขรณ์พระเจดีย์ เมื่อเสร็จได้มีการจัดสร้างพระพิมพ์ผงสมเด็จโต โดยองค์เจ้าประคุณสมเด็จได้มาเป็นประธานในพิธีด้วย และบรรจุไว้ในเจดีย์ จำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์)

บรรยากาศภายในวัดค่ะ มีชาวต่างชาติมาเที่ยว ถ่ายรูปด้วยนะค่ะ ที่วัดก็มีรูปหล่อองค์สมเด็จโต ให้สักการะเช่นกันค่ะ

ทางวัดมีการจัดแสดงพระเครื่องที่ทางวัดเคยมีการจัดสร้างตั้งแต่อดีตจนถึง ปัจจุบันให้ ศึกษาเนื้อ และเช่าหากันด้วยนะค่ะ เพื่อนๆ ก็สามารถมาหาความรู้ได้จากที่นี่ค่ะ

รูปที่ติดจัดแสดงนี้ถือว่าถ่ายไว้ได้ดีมากเลยค่ะ เพื่อนๆ สามารถจำเป็นต้นแบบได้เลย

ป้ายชื่อเดิมของทางวัดค่ะ เดิมชื่อวัด วะรามะดาราม

ภาพแสดงให้เห็นการจัดสร้างพระในแต่ละรุ่นของทางวัด มีพระเกจิท่านใดบ้างที่เชิญมาร่วมปลุกเสก

(ซ้าย) เจดีย์ที่เห็นนั้น คือ เจดีย์ที่เกิดกรุแตก บางขุนพรหม ปี 09 นั้นเอง (ขวา) เดินทางต่อค่ะออกทางประตูด้านข้าง

เดินต่อไป ประมาณ 200 เมตร จะพบประตูวัดทางฝั่งสะพานพระราม 8 มองไปฝั่งตรงข้ามจะพบกับวัด อินทรวิหาร ข้ามถนน ข้างใต้สะพานพระราม 8 (ข้ามระวังๆ กันนะค่ะ)

วัดอินทรวิหาร พระเครื่องที่รู้จักกันดี คือ พระเครื่องบางขุนพรหม ไงค่ะ เป็นวัดที่สร้างตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยา เดิมเรียกวัด ไร่พริก เกี่ยวพันกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จ คือ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ สมเด็จพุฒจารย์ (โต พรหมรังสี) ขณะนั้นมีอายุ ๘๐ พรรษา แล้ว ได้มาก่อสร้าง องค์หลวงพ่อโต ที่วัดนี้ หากเพียงสร้างได้ถึงแค่ พระนาภี (สะดือ) ท่านก็มรณภาพเสีย

เดินเข้ามาภายในวัดจะพบกับรูปเคารพสักการะ ทั้งไทยและจีน อาทิเช่น พระเจ้าตากสิน พระปิยมหาราช เจ้าแม่กวนอิม หลวงปู่ทวด เป็นต้น มีชาวต่างชาติ และไกด์ มากมาย มาถ่ายรูปความสวยงามของวัด

องค์หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางทรงบาตร ใหญ่ที่สุดในโลก หากจะขอพรองค์ท่าน ต้องแก้บนด้วย หัวปลาทู, ไข่ต้ม, พวงมาลัย จะสมตามประสงแล

ตามที่เกริ่นข้างต้น พระประธานของวัด องค์หลวงพ่อโต ได้เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๐ แล้วเสร็จ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๐ รวมระยะเวลาการสร้าง ๖๐ ปี (รัชกาลที่ ๗) หลังจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตมรณภาพ หลวงปู่ภู (พระครูธรรมนุกูล) และหลวงปู่เงิน (พระอินทรสมาจาร) ก็ก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จ

บริเวณรอบที่ประทับ องค์หลวงพ่อโต ทางวัดจัดเป็นที่แสดงวัตถุโบราณ พระ ทั้งเก่า และใหม่สวยงามมากค่ะ ตรงผนังที่เห็นเป็นช่องๆ นั้น สำหรับเก็บอัฐิค่ะ

ตรงบริเวณช่องเก็บอัฐิ ให้เพื่อนๆ หาแถวที่อยู่ก่อน แถวหมายเลข ๑ นะค่ะ มีความสำคัญมาก เพราะเป็นที่เก็บอัฐิของ สมเด็จพุฒจารย์ (โต พรหมรังสี), หลวงปู่ภู, หลวงปู่เงิน

เดินตามป้ายบอกทางไปบ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์นะค่ะ เพื่อนๆจะพบกับทางเข้า ที่เป็นต้นกำเนิดน้ำมนต์ที่ทางวัดให้ตักด้านหน้าวัดค่ะ

บริเวณภายใน สงบมากค่ะ มีประชาชนมานั่งสมาธิกันเยอะ ขวดที่เห็นรอบๆ เป็นน้ำมนต์จากวัดต่างๆ ค่ะ

ติดกับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ จะเป็นที่จัดแสดงพระเครื่องของทางวัดค่ะ ทางวัดมีจัดทำอุปกรณ์เปิดสวดคาถาชินบัญชร แบบไฮเทค หลายรูปแบบให้เลือกด้วยนะค่ะ

และยังมีพระบรมสารีริกธาตุจากวัดพระเขี้ยวแก้ว ให้กราบสักการะค่ะ

ภายในพระอุโบสถ มีภาพเขียนจิตรกรรมที่บอกถึง ประวัติของท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตฯ ดูเข้าใจได้ง่ายค่ะ

ทีมงานเดินทางต่อไปทางแยกวิสุทธิกษัตริย์ ข้ามถนน ไปต่อที่ วัดตรีทศเทพ เป็นพระอารามหลวง ที่สวยงามมาก สร้างด้วยหินอ่อนเกือบทั้งหมด

ความงดงามของสิ่งปลูกสร้างภายในวัด หากจะถ่ายรูปบางจุดต้องขออนุญาตก่อนนะค่ะ

แนะนำพระเครื่องของทางวัดที่น่าหาเก็บไว้บูชา คือ พระเหรียญ และพระพิมพ์เนื้อพุทธคุณ พระพุทธนวราชบพิตร มวลสารดี ราคาไม่สูง ที่วัดยังมีนะค่ะ ซึ่งสามารถไปชมได้ที่อาคารศาลาอเนกประสงค์ค่ะ

เห็นว่าเวลายังพอเหลือ และวัดบวรนิเวศวิหาร ก็อยู่ไม่ไกลนัก ทีมงานก็เลยเดินออก ทางหลังวัด เดินตรงไปเรื่อยๆ ผ่านสะพานข้ามคลองก็จะเจอกับถนนใหญ่ มองไปรอบๆ อ้อ! บางลำภูนั้นเอง

แต่เดี๋ยวก่อน ปากซอยก่อนข้ามถนนไปกราบพระที่วัดบวรนิเวศวิหาร แวะพักเหนื่อย คลายร้อนด้วย บ๋วยเกี้ย-เลี่ยงฮุ้น ขนมอร่อยของไหหลำ สั่งเลยค่ะ ใส่ทุกอย่างอร่อยทุกอย่าง ทีมงานชิมแล้ว พี่เปิบพิสดาร เค้าก็รับรองมา

ที่วัดบวรมีงานค่ะ พอดีเสาร์นี้เป็นวันดีซะด้วยเสาร์ห้า เราจึงเก็บภาพมาได้จากระยะไกลเท่านั้น

วัตถุมงคลที่ทางวัดเปิดให้เช่าอยู่ขณะนี้

ทีมงานเดินอ้อมมาทางด้านหลังพระวิหาร ชมสถาปัตยกรรมที่งดงามของทางวัด และก็จะพาเพื่อนๆ มานี่ค่ะ

กราบสักการะ พระไพรีพินาศ เพื่อให้แคล้วคลาด ปราศจากศัตรู ผู้มิหวังดี กันนะค่ะ จริงๆ องค์ท่านเป็นหินแกะนะค่ะ แต่รูปอาจไม่ชัดเจน เพราะเมื่อท่านคุ้มครองเราแล้ว เราก็ต้องดูแลรักษาท่านด้วยนะค่ะเพื่อความปลอดภัย จะได้มีให้ชื่นชมสักการะไปอีกนาน

กลมกลืนน่าดูทีมงานเรา เค้าให้มาศึกษาโบราณวัตถุกันนะจ๊ะ เดี๋ยวก็แยกไม่ออกกันพอดี (อะ อะ น้องล้อเล่นนะค่ะ)

เป็นไงละเดินถ่ายรูปกันเพลินฝนตกกระหน่ำเลยค่ะ อยู่ในศาลายังเปียกกันเลย (พระพิรุณ โปรยน้ำมนต์ให้อีกแล้ว) เลยอดแนะนำของกินข้าวต้มร้านอร่อย อยู่ฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าวัดนี่ละค่ะ ใกล้กับร้าน บ๋วยเกี้ย (ด้านบน) ประมาณ 4 โมงเย็นก็เริ่มทยอยกับข้าวออกมาแล้วค่ะ เพื่อนๆ ผ่านไปก็อย่าลืมแวะไปชิมกันนะ ทริปนี้ขอจบเพียงเท่านี้จ้า…

สงวนลิขสิทธิ์ภาพและข้อมูลทั้งหมด 2011 ทีมงานบ้านเลขที่ 25. ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ขอขอบคุณ : http://bangkoknoi25.blogspot.com/2011/04/blog-post_25.html

. . . . . . .