ธรรมบรรยาย วิถีชีวิตของคน

ธรรมบรรยาย วิถีชีวิตของคน

เป็นธรรมะที่บรรยายโดยพระเทพสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) ในโอกาสต่างๆ ที่ผ่านมาในอดีต

ท่านสาธุชนชายหญิงทั้งหลาย
วิถีชีวิตของคนนี้ หมายเอาหนทางดำเนินแห่งชีวิตของเราทุกคน ซึ่งมีการกระทำทางกิริยา วาจา ใจ พร้อมด้วยเจตนาเป็นสัญลักษณ์บอกให้รู้ว่า ถ้าการกระทำเป็นชั่วทุกระยะ ชีวิตก็มืดมัวทั้งมาและไป แต่หากการกระทำดีบ้างชั่วบ้างคละกันไป ชีวิตจะสว่างบ้างมืดบ้าง ตามระยะของการกระทำ และผิว่าการกระทำเป็นดีตลอดแล้ว ชีวิตก็จะสว่างทั้งมาและไป เชิญมาไปดูกันเถิด นี่วิถีชีวิตของคนเรา พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ ๔ จำพวก คือ คนมืดมาไปมืด, คนมามืดกลับไปสว่าง, คนมาสว่างกลับไปมืด, คนมาสว่างกลับไปสว่าง
คนมืดมาไปมืด ชีวิตของคนมามืดไปมืดนี้ มีมืดมัวตลอดต้นตลอดปลาย ย่อมเป็นสิ่งที่น่าสะดุ้งหวาดเสียเหลือล้น เราทุกคนไม่มีใครชอบ เพราะมันทรมานให้เราต้องเป็นทุกข์เดือดร้อน ยิ่งนัก มีลักษณะอยู่ ๓ ประการ

๑. ชีวิตมาอับไปอับ ผู้เกิดมายากจน และยอมจำนนทนจนไปตลอดชีวิต ไม่รู้จักคิดสร้างเนื้อสร้างตัว เราย่อมรู้ทั่วกันดีว่า คนจนนั้นเป็นคนหมดราคา ชีวิตอยู่สักว่าลมหายใจเข้าออก ยันตัวลงเป็นคนขอทานเขากิน น่าจะสำนึกว่า คนขอทานมิใช่จะมาขอทานเท่านั้น ยังมาเตือนเราให้รู้สึกว่า ต้องอย่าเป็นคนขอทาน แต่กลับเห็นการขอทานเป็นของดี จริงอยู่ การอาศัยผู้อื่นกับการอาศัยตัวเอง จำต้องไปด้วยกัน แม้อย่างนั้น ก็ควรยึดการอาศัยตัวเองเป็นสำคัญ ถือการอาศัยผู้อื่นเป็นเพียงชั่วคราว จึงจะเอาตัวข้ามทุกข์ยากได้ตลอดฝั่ง
เขาจนแล้วยังไม่พอ ซ้ำมีขี้เกียจเป็นสันดาน เห็นเกียจคร้านเป็นเครื่องอยู่สบาย เอามักง่ายเป็นอาภรณ์ ยึดอ่อนแอเป็นจุดหมาย เบื่อหน่ายการงานเป็นกำลัง ไม่คิดตั้งตัวให้เป็นหลัก หนักไม่เอาเบาสลัด จะทำงานอะไรมักอ้างเลศว่า หนาวร้อนหิวกระหายเช้าสายบ่ายเย็น ปวดหัวมัวตา เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ดีแต่ขยันแก้ตัวเป็นที่หนึ่ง งานประจำของเขาคืองานกิน งานนอน และงานรบกวนเพื่อนบ้าน ทนแบกความจนไว้บนไหล่ไปจนวันตาย นี่คนมีชีวิตมาอับไปอับ
มานี่ ไป ลง ลุกขึ้น พูด นิ่ง คำเหล่านี้เป็นคำของผู้มีทรัพย์บัญชาเล่นกันคนชะตาอับ ซึ่งหวังพึ่งเขาบ่ายหน้าเข้าไปหา ด้วยอยากได้ทรัพย์เลี้ยงชีวิต ระวังจงดีอย่าให้เขาบัญชาเล่นกับท่านเช่นนี้ จะเสียเกียรติ จำไว้ว่า มีเงินมีทองเจรจาได้ ไม่มีไร่ปลูกเรือนงามมีเงินเขาเรียกน้อง มีทองเขาเรียกพี่ ไม่มีเงินไม่มีทองพี่น้องไม่มี ความผิดพลาดเป็นของคน แต่คนดีต้องรู้จักกลับตัว
๒. ชีวิตมาด้อยไปด้อย ผู้เกิดมาโง่ แต่ชอบขี้โอ่ว่าตัวฉลาดแหลมลึก หารู้สึกไม่ว่าตัวโง่ รู้อะไรบ้างเล็กน้อยมักนึกภูมิใจ เห็นความรู้น้อยนั้นว่ามาก ทำนองกบที่ไม่เคยเห็นน้ำในทะเล สำคัญเอาว่าน้ำในบ่อมากมาย และเป็นคนมีใจผยองหยิ่งว่าข้ารู้ทุกอย่าง คนนี่โง่เขลา คนขี้เมา คนเจ้ามายาสาไถย คนใฝ่แง่ร้าย คนขี้โกรธ คนโหดร้าย คนโลภจัด คนขี้ขลาด และคนชาติริษยา ทั้งนี้ย่อมเป็นที่เพาะความชั่วทั้งหลาย ใครจะล้วงเอาดวงแก้วจากซอกฟันในปากมังกร ยังอาจทำได้ จะข้ามมหาสมุทรอันหนาแน่นด้วยแนวคลื่นครื้นครันอยู่ และจะทูนแม้งูพิษร้ายไว้บนเศียรต่างมาลัยก็ยังได้ แต่จะยังใจคนโง่ให้กลับรู้สึกตัวนั้น มิพึงได้ง่ายเลย คนโง่นั้นดีอยู่แต่ขี้เกียจหยิบโหย่ง เที่ยวโม้คุยดี เก็บโง่ไว้ครอบกะบาลไปจนวันตาย นี่คนมีชีวิตมาด้อยไปด้อย
๓. ชีวิตมาร้ายไปร้าย ผู้มีนิสัยร้าย ใจน้อย โกรธง่าย มาแต่เกิด และกลับไปเป็นคนหัวดื้อว่ายากสอนยาก ถึงจะมีผู้รู้ช่วยกันสั่งสอนมากสักเท่าไร ก็ยังขืนดื้อถือรั้นดันทุรังอยู่ดังเดิม ซ้ำเป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณของผู้มีพระคุณเพิ่มอีก เมื่อพ่อแม่หรือคนอื่นแนะนำพร่ำสอนในทางดีทางชอบ ก็โกรธและกลับคิดร้าย ยิ่งประพฤติเลวทรามต่ำช้า แสดงกิริยาแทงตา ใช้วาจาแสลงหู น้ำใจดุร้ายหนักลง เป็นคนต้นคดปลายงอ สมบัติเสีย ถือว่าไม่มีอะไรเสีย สุขภาพเสีย ถือว่าบางสิ่งบางอย่างเสีย แต่คนนิสัยเสียนั้น ย่อมเป็นอันเสียหมดสิ้น นี่คนมีชีวิตมาร้ายไปร้าย
คนมามืดกลับไปสว่าง ชีวิตของคนมามืดกลับไปสว่างนี้ มีมืดหรือเตี้ยต่ำในเบื้องต้น กลับสว่างหรือสูงขึ้นในภายหลัง เพียงดังคนอยู่ในห้องมืด ได้ออกมารับแสงสว่าง มีลักษณะอยู่ ๓ ประการ
๑. ชีวิตมาอับกลับไปรุ่งเรือง ผู้เกิดมายากจน แต่เป็นคนจนที่เข้มแข็ง ถือความจนเป็นมนต์อันประเสริฐ แม้จะไม่มีทรัพย์อำนาจและชาติกำเนิด อันจะเชิดชูฐานะของตนให้รุ่งเรือง ก็เชื่อตัวเองว่าจะทำงานให้แก่เพื่อนร่วมชาติได้ ไม่น้อยไปกว่าผู้มีทรัพย์มีอำนาจและชาติกำเนิดนั้นเลย เพราะเห็นว่าคนทุกคนไม่มีทรัพย์ติดตัวมาแต่กำเนิด สมบัติเป็นของมีประจำโลกนี้อยู่ทุกแห่งหน ทั้งบนดินและใต้ดิน ใต้น้ำ เมื่อเกิดมาแล้วย่อมหาเอาได้ ดังคำโบราณว่า ทรัพย์นี้มิไกล ใครปัญญาไวหาได้บ่นาน ทั่วแคว้นแดนดิน มีสิ้นทุกสถาน ผู้ใดใจคร้านบ่พานพบนา และถือภาษิตว่า ใฝ่ร้อนจะนอนเย็น ใฝ่เย็นจะดิ้นตาย เป็นยาบำรุงหัวใจ ให้มีกำลังขยันขันแข็ง
เขาเป็นคนทรหดอดทนจริง ไม่เห็นแก่ความลำบากที่ตนเคยพบมา หรือความลำบากในปัจจุบัน และความลำบากในห้วง นึกว่าจะพบข้างหน้า ปลูกอำนาจแห่งการพึ่งตัวเองให้ตื่นขึ้น ทีละเล็กละน้อย เริ่มต้นชีวิตมาด้วยงานที่คนอื่นเห็นเขาเตี้ยต่ำ อาศัยลำแข้งขาแขนของตนเองก้าวและเอื้อมไปเอาทรัพย์ในดินสินในน้ำ หรือเอาเงินใต้น้ำใต้ดิน ซึ่งมีอยู่ทั่วทุกถิ่นทั้งดินน้ำ รวบรวมมาเป็นสมบัติของตนได้มากหลาย จนเจริญรุ่งโรจน์ปรากฏแก่เพื่อนบ้าน พึงเห็นหลักฐานที่เป็นปึกแผ่นแน่นหนา เช่นมีที่ดินสำหรับทำเลือกสวนไร่นา มีอาคารบ้านเรือนอุ่นหนาฝาคั่ง มีการงานเป็นล่ำเป็นสัน โดยที่คนอื่นคาดไปถึง เพราะทุกคนเห็นเขาเสมือนม้าสีดำ ซึ่งไม่มีใครกล้าแทง แต่เป็นม้าตัวชนะเลิศในที่สุด นี่คนมีชีวิตมากลับไปรุ่งเรือง
๒. ชีวิตมาด้อยกลับไปเด่น ผู้เกิดมาโง่แต่รู้สึกตัวว่าโง่ เกลียดความโง่เป็นกำลัง รักความฉลาดดังดวงใจ ชอบความเป็นอิสระอยู่เหนือความโง่ยิ่งกว่า เห็นว่า ความรู้ความฉลาด อาจอบรมให้เทียมทันกันได้ ดังพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๕ ว่า
ฝูงชนกำเนิดคล้าย คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด
ยกแต่ชั่วดีกระด้าง อ่อนแท้ ฤาไหว.
อันที่จริง การเรียนเป็นบ่อเกิดแห่งความรู้ ความฉลาด และความรู้ความฉลาดช่วยให้มีสมรรถภาพ ส่วนสมรรถภาพเป็นกำลังให้ทำการได้สะดวก การงานนั้นเป็นเหตุให้ได้เงินมาเลี้ยงชีวิต เขาได้ตระหนักว่า การทำตนให้ดีขึ้นด้วยการศึกษาและการงาน เป็นหนทางก้าวหน้าไปสู่ปมเด่น จึงขะมักเขม้นอบรมตนให้ฉลาดและสามารถ โดยคำนึงถึงว่า ใครจะดูถูกดูหมิ่นเย้ยหยันประการใด มุ่งมั่นแต่จะบำเพ็ญตนให้ดีขึ้นโดยลำดับ จนกลับเป็นคนเด่นในหมู่คณะ เด่นด้วยวิทยฐานะ เด่นด้วยตำแหน่งหน้าที่และเด่นด้วยยศศักดิ์ ได้ในคำว่า ไพร่กลับตั้งตัวเป็นผู้ดี ผู้น้อยนิยมสมพร ผู้เสมอกันนับถือรักใคร่ ผู้ใหญ่เมตตาและไว้วางใจ เชื่อในสมรรถภาพของเขา นี่คนมีชีวิตมาด้อยกลับไปเด่น
๓. ชีวิตมาร้ายกลับไปดี ผู้มีนิสัยร้ายติดสันดานมา เป็นคนโลนทะลึ่งตึงตังโผงผาง กิริยาวาจาแข็งกระด้าง หยาบคายลวนลามใจเลวทรามโหดร้าย แต่รู้จักกลับตัวเป็นคนว่าง่ายสอนง่าย เมื่อมีผู้แนะนำพร่ำสอนก็ยอมรับด้วยเหตุผล และรู้สึกผิดชอบชั่วดีว่า คนดีแม้จนแสนจนไร้ยศศักดิ์หรือตระกูลต่ำ ก็ยังเลิศล้ำกว่าคน ชั่วแม้มั่งคั่ง เด่นด้วยยศศักดิ์หรือตระกูล เพราะคนชั่วถึงจะมีทรัพย์ รุ่งเรืองด้วยยศ ปรากฏด้วยตระกูล ก็หาเป็นคุณแก่ตนและคนอื่นไม่ มิหนำซ้ำจะให้โทษแก่ตัวเองเสียอีก
เมื่อเขารู้สึกอย่างนี้แล้ว ได้กลับตัวประพฤติดีเรียบร้อย มีกิริยาวาจาสุภาพ ใจสงบเสงี่ยม มีเมตตาการุณย์อ่อนละมุนละไม พยายามปรับตัวเองให้เหมาะแก่โลกและธรรม ไม่มัวดึงโลกฉุดธรรมให้ผันแปรมาสำหรับเหมาะแก่ตัว เป็นคนต้นคดปลายตรง ยึดมั่นว่าการประพฤติให้ชอบแก่ทางโลกนิยมถูกกว่าทำตามอำเภอใจตัวเอง แต่การประพฤติให้ชอบแก่ทางธรรม ยิ่งถูกกว่าทำเพียงให้ชอบแก่ทางโลกนิยม นี่คนมีชีวิตร้ายกลับไปดี
คนมาสว่างกลับไปมืด ชีวิตของคนมาสว่างกลับไปมืดนี้ ได้รับแสงสว่างหรือสูงมาก่อน น่าชื่นใจด้วย แต่ภายหลังกลับมืดหรือทรุดต่ำลง เหมือนคนลงหลุมลึกหรือเข้าห้องมืด น่าทุเรศยิ่งนัก มีลักษณะอยู่ ๓ ประการ
๑. ชีวิตมารุ่งเรืองกลับไปอับ ผู้เกิดมาบนกองเงินกองทอง อาศัยร่มเงาของพ่อแม่เชิดชูให้มีหน้ามีตา และอยู่เย็นเป็นสุขชื่นบานสราญรมย์ จะประสงค์สิ่งไรได้สมประสงค์ทุกอย่าง แต่เขาเป็นผู้ดีที่ประมาท ถูกมอมให้เพลินด้วยความมั่งมีของพ่อแม่ เพลินเอาจนหลง และหลงจนเหลิง อันเหลิงนี่เอง คือเสียคน เขาน่าสนใจศึกษา และทำงานให้เกิดผลประโยชน์ ไพล่ไปโปรดอบายมุขเหตุเครื่องฉิบหาย กลายเป็นเสือเจ้าชู้ตัวเก่ง เป็นนักสุราตัวยง เป็นนักเลงการพนันตัวลือ ชอบนับถือคนชั่วเป็นมิตร
ชีวิตของเขาที่รุ่งเรืองกลับมาตกอับเช่นนี้ ตัวเขาก็ยุบลงเหมือนผักนึ่ง กลายเป็นคนหมดกำลังอ่อนแอ กระปลกกระเปลี้ยละเหี่ยใจ เห็นการงานให้โทษแก่ร่างกาย ทำลายสุขภาพอนามัย มองไม่เห็นว่าการงานแม้จะยากแสนยาก หนักแสนหนัก ก็เป็นเครื่องเจริญนำมาซึ่งความสุขสำราญ เมื่อได้รับทรัพย์มรดกจากพ่อแม่แล้ว ก็ครองทรัพย์ไว้ไม่อยู่ ผลาญไปในอบายมุขเสียจนหมดสิ้น ลงเป็นคนตกยาก ได้ในคำว่า ผู้ดีกลับตกยาก เพราะชีวิตรุ่งเรืองมาแล้วได้กลับตกอับจมหายไป นี่คนมีชีวิตมารุ่งเรืองกลับไปอับ
๒. ชีวิตมาเด่นกลับไปด้อย ผู้เกิดมาในตระกูลที่พ่อแม่เด่น เด่นด้วยวิทยฐานะ เด่นด้วยตำแหน่งหน้าที่ และเด่นด้วยยศศักดิ์ หากแต่เขาประมาทหลงงม เมาในปมเด่นของตระกูลวงศ์ หารู้สึกไม่ว่าการศึกษาและการงานเป็นสิ่งจำเป็นแก่ปมเด่นของคน ที่จริง การศึกษาคือการสร้างความฉลาด และการงานคือการสร้างสมรรถภาพ ไว้เพื่อเผชิญกับสถานการณ์แห่งชีวิต ความฉลาดและสมรรถภาพนี่แหละคือ เหตุแห่งปมเด่นของคน แต่เขาไม่สนใจที่จะบำเพ็ญตนให้ฉลาดและมีสมรรถภาพ ดีแต่มุ่งมั่นสนุกสนานเพลิดเพลินจนเลยเถิด เมื่อเขามาเกิดในร่มเงาของปมเด่นแล้ว น่าจะสร้างตนให้เด่นยิ่งขึ้น แต่กลับหลงเพลินไม่เอางานเอาการอะไรเลย ลืมนึกว่า ปมเด่นที่ตนอาศัยอยู่เป็นของพ่อแม่ เกิดกำเริบเหิมหื่นสำคัญเอาว่าปมเด่นเป็นของตน มัวดูคนอื่นด้วยตาหน้า ดูตัวเองด้วยตาหลัง ประมาณตนจนเกินค่าของตน เที่ยวเอารัศมีศรีศักดิ์ของพ่อแม่ไปอวดว่าตัวดีเด่น ให้เป็นเครื่องขันสำหรับเพื่อนบ้านเขาแย้มสรวลเล่น เมื่อพ่อแม่นั้นหาไม่แล้วปมเด่นนั้นก็หายไป ปมด้อยที่อยู่ในตัวได้ผุดขึ้นมาแทนที่ และกดดันให้เขาด้อยลง ด้อยอย่างล่มจม ได้ในคำว่า กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันน้อยจะถอยจม นี่คนมีชีวิตมาเด่นกลับไปด้อย
๒. ชีวิตมาดีกลับไปร้าย ผู้เกิดมามีนิสัยดีเรียบร้อย หากแต่เป็นคนใจเบาเชื่อง่าย คนเราจะอยู่คนเดียวในโลกนี้หาได้ไม่ ต้องอยู่ร่วมกัน มีการงานติดต่อกัน คบค้าสมาคมกันเป็นเพื่อนฝูง แต่เพื่อนนั้นมีทั้งดีทั้งชั่ว เป็นดังพี่น้องบ้าง เป็นดังศัตรูบ้าง เป็นดังครูของเราบ้าง เราจะดีหรือจะเสียย่อมอยู่ที่เพื่อน โบราณจึงว่า คบพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล หรือ คบพาลมักล้มทับถมตน คบบัณฑิตให้ผลจนวันตาย
คนนิสัยใจเบาเชื่อง่ายนี้ แม้จะมาดีแล้ว เมื่อมิตรสหายชักจูงไปในทางชั่วฉิบหาย ก็พลอยตามง่าย แน่นอนการคบกันใกล้ชิดสนิทสนมนี้ ย่อมทำให้คนใจเบาเปลี่ยนอัธยาศัย ใจคอได้ง่าย มีคำยืนยันว่า เพราะคบคนต่ำต้อย จึงจริตนิสัยด้อย เสื่อมด้วยตามกัน คือเขาได้กลายไปเป็นเสือเจ้าชู้ เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงการพนัน หรือเป็นนักเลงโต ใจยะโส เที่ยวหลอกลวงตีชิงวิ่งราวลักขโมย จี้ปล้น ฉ้อราษฎร์บังหลวง ประพฤติทุจริตตามเพื่อนได้ทุกประการ นี่คนมีชีวิตมาดีกลับไปร้าย
คนมาสว่างกลับไปสว่าง ชีวิตของคนมาสว่างไปสว่างนี้ นับเป็นชั้นดีเลิศ เขาเกิดมาเป็นลูกชายหญิงของพ่อแม่ใด พ่อแม่นั้นจะเย็นใจยิ่ง หากชายได้เป็นสามีของหญิงใด หรือหญิงได้เป็นภรรยาของชายใด หญิงนั้นชายนั้นจะสบายใจหายร้อน และได้เป็นพ่อแม่ของคนใด ก็จะเป็นเกียรติของคนนั้น โดยลักษณะมีอยู่ ๓ ประการ
๑. ชีวิตมารุ่งเรืองไปรุ่งเรือง ผู้เกิดมาบนกองเงินกองทอง มีตระกูลมั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สิน และเป็นคนไม่ประมาท ถึงพ่อแม่จะหาไม่แล้ว ก็สามารถดำรงวงศ์สกุลไว้ได้ รู้จักครองตน ครองคนและครองทรัพย์ ตั้งจนเป็นพ่อบ้านแม่เรือน ที่มีศีลมีสัตย์ ถ้าเขาเป็นชาวนา ชาวสวน หรือชาวค้า ก็รักษาที่นาที่สวนหรือการค้าได้คงอยู่ และปรับปรุงให้ดีเหมาะกับกาลเทศะ ผลิตผลได้ดีมีรายได้เพิ่มมากขึ้น รู้จักแบ่งผลรายได้ให้มีรายเหลือ จำกัดรายจ่ายให้สมดุล ตามหาของที่หายให้รู้ว่ายังอยู่หรือหายไป และบูรณะของชำรุดให้กลับใช้ได้ สร้างฐานะให้เจริญขึ้นโดยลำดับ มีทรัพย์สมบัติมากมูล เกื้อกูลแก่กิจการบ้านเมืองได้ตามฐานะของตน นี่คนมีชีวิตมารุ่งเรืองไปรุ่งเรือง
๒. ชีวิตมาเด่นไปเด่น ผู้เกิดมาในตระกูลที่เด่น คือ พ่อแม่เด่นด้วยวิทยฐานะ เด่นด้วยตำแหน่งหน้าที่ เด่นด้วยยศศักดิ์ เมื่อเขาเกิดมาเด่นแล้ว ก็ไม่ประมาท ถือความฉลาดและสมรรถภาพเป็นคลังมหึมาที่สะสมปมเด่น ตั้งใจมาบำเพ็ญตนให้มีวิทยฐานะแล้ว เอาใจใส่มุ่งมั่นทำการให้เกิดสมรรถภาพปรากฏแก่วงงาน จนได้ดำรงตำแหน่งหน้าที่และยศศักดิ์สูงขึ้นโดยลำดับ นี่คนมีชีวิตมาเด่นไปเด่น
๓. ชีวิตมาดีไปดี ผู้เกิดมามีนิสัยดี มีอวัยวะสมประกอบทุกส่วน เมื่ออยู่ตั้งใจบำเพ็ญประโยชน์ไม่เบียดเบียนตนและคนอื่นให้เดือดร้อน แม้มีอำนาจวาสนา ก็ไม่ใช้อำนาจนั้นทำความเสียหาย ทำแต่คุณงามความดี เมื่อไปแล้ว มีแต่ผู้คิดถึงบ่นเสียดาย ไม่มีใครแช่งชักหักกระดูกตามหลัง นี่คนมีชีวิตมาดีไปดี

สรุปความว่า ชีวิตมาอับไปอับ ชีวิตมาด้อยไปด้อย และชีวิตมาร้ายไปร้าย นี่ชีวิตของคนมามืดไปมืด ชีวิตมาอับกลับไปรุ่งเรือง ชีวิตมาด้อยกลับไปเด่น และชีวิตมาร้ายกลับไปดี นี่ชีวิตของคนมามืดกลับไปสว่าง ชีวิตมารุ่งเรืองกลับไปอับ ชีวิตมาเด่นกลับไปด้อย และชีวิตมาดีกลับไปร้าย นี่ชีวิตของคนมาสว่างกลับไปมืด ชีวิตมารุ่งเรืองไปรุ่งเรือง ชีวิตมาเด่นไปเด่น และชีวิตมาดีไปดี นี่ชีวิตของคนมาสว่างไปสว่าง
วิถีชีวิตของคน ๔ จำพวก เมื่อนำเทียบกันดีแล้ว จะเห็นความเหลื่อมล้ำต่ำสูงกว่ากันได้ว่า ชีวิตของคนมามืดน่าเกลียดพิลึก ชีวิตบางคนมามืดกลับไปสว่างน่าชมเชย ชีวิตของคนมาสว่างกลับไปมืดน่าบัดสียิ่งนัก ส่วนชีวิตของคนมาสว่างไปสว่าง บัณฑิตย่อมยกย่องสรรเสริญ นับว่าเป็นชีวิตที่มีค่าควรถือเป็นแบบอย่างดำเนินตาม

ท่านสาธุชนทั้งหลาย ถ้าหากบางท่านได้มามืดแล้ว ขออย่ากลับไปมืดอีก แม้ท่านผู้มาสว่างซึ่งเป็นโชคลาภของชีวิตแล้ว ก็ต้องอย่าแวะไปในมืด อันเป็นเคราะห์ร้ายของชีวิตเลย จำไว้เถิดว่า เราเกิดมาไม่เพื่อเข้าใจชีวิต แต่เพื่อแสวงหาความสุขจากชีวิต เมื่อเราประสงค์จะให้เกิดความสุขในระยะอันสั้น ก็จำกระทำในสิ่งอันให้เกิดคุณประโยชน์แก่ตนและคนอื่น เพราะความสุขของเราเกิดมาจากความสุขของคนอื่นด้วย จงดำเนินชีวิตขึ้นสู่แดนสว่าง โดยวิธีการอันเต็มไปด้วยเหตุผล และถูกชอบให้เป็นชีวิตที่มาสว่าง อยู่สว่าง และไปสว่างตลอดอายุกาล อย่าลืมว่าวิธีการที่เต็มด้วยเหตุผล ย่อมจบลงด้วยเหตุผล แม้วิธีการอันบกพร่อง ก็จบลงด้วยความบกพร่อง.

ขอบคุณข้อมูล : http://palipage.com/watam/piyapan4/K00074.htm

. . . . . . .