พบฉลาด..ยิ่งเห็นโง่?
ประสบการณ์โลกทิพย์ในการออกธุดงค์ของพระอาจารย์มั่นภูริทัตโต
(ตอนที่ ๑๙)
คืนวันหนึ่ง พระอาจารย์มั่นเกิดความสลดสังเวชใจอย่างมากจนน้ำตาร่วง คือเวลานั่งสมาธิจิตรวมลงอย่างเต็มที่
เพราะการพิจารณากายเป็นเหตุ ปรากฏว่าจิตว่างเปล่า และปล่อยวางอะไร ๆ หมดโลกธาตุเป็นเหมือนไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
ในความรู้สึกขณะนั้น?หลังจากสมาธิแล้ว พิจารณาพระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ เพื่อลบล้างหรือถอดถอน
ความผิด ที่มีอยู่ในใจของสัตว์โลก ซึ่งเป็นธรรมที่ออกจากความฉลาดแหลมคม แห่งพระปัญญาของพระพุทธเจ้า
พิจารณาไปเท่าไร ก็ยิ่งเห็นความฉลาด และอัศจรรย์ของพระพุทธองค์ และเห็นความโง่เขลาเบาปัญญาของตนยิ่งขึ้น
เพราะการขบฉันตลอดจนการขับถ่าย ย่อมต้องได้รับการอบรมสั่งสอนมาก่อนทั้งนั้น การยืน การเดิน นั่ง
และนอนก็ต้องได้รับการอบรมให้มีสติตลอดเวลามาก่อน ไม่เช่นนั้นก็ทำไม่ถูก
นอกจากทำไม่ถูกแล้ว ยังผิดหลักเจริญวิปัสสนากรรมฐานอีกด้วย การปฏิบัติจ่อจิต จึงจำเป็นต้องได้รับการอบรมสั่งสอน
ตามหลักที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้ ถ้าไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนก็ต้องทำผิดจริง ๆ
อันว่าเรื่องจิตนั้นต้องมีศีลธรรมควบคุมจิต มนุษย์ไม่เลือกเพศวัยและชาติชั้นวรรณะใด ๆ เลย
เพราะสามัญมนุษย์เราก็เหมือนเด็กซึ่งต้องได้รับการดูแล และอบรมสั่งสอนจากผู้ใหญ่อยู่ทุกขณะ
จึงจะปลอดภัยและเติบโตได้คนเราใหญ่แต่กาย ใหญ่แต่ชาติ ใหญ่แค่ชื่อ ใหญ่แต่ยศ ใหญ่แต่ความสำคัญตน
แต่ความรู้ความฉลาด ที่จะทำตนให้ร่มเย็นเป็นสุข ทั้งทางกายและทางใจ
โดยถูกต้องตลอดจนผู้อื่นให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขไปด้วยนั้น ไม่ค่อยเจริญเติบโตด้วย
และไม่สนใจบำรุงให้ใหญ่โตอีกด้วย จึงเกิดความเดือดร้อนกันอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ไม่เลือกเพศวัยและชาติชั้นวรรณะอะไรเลย
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.watpanonvivek.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1819:2010-03-21-20-49-06&catid=39:2010-03-02-03-51-18