การพิจารณาเส้นผม หลวงปู่เทศก์

การพิจารณาเส้นผม หลวงปู่เทศก์

การนั่งสมาธิ ต้องพิจารณาทำจิตให้อยู่ในอารมณ์เดียวเสียก่อน มันจะเป็น ฌาน หรือเป็นสมาธิ ก็ตามเถิด ขอให้พิจารณาอันเดียว เอกัคตารมณ์ คือ ให้มีอารมณ์อันเดียว ให้มันนิ่งแน่วลงอันเดียว อย่างพิจารณา เกสา ก็พิจารณาเฉพาะผมอันเดียว ผมมันเกิดขึ้นอย่างไร ตั้งอยู่บนหัว เกิดขึ้นที่ขุมขน ต้นตอของมันเกิดจาก บุพโพโลหิต และมีน้ำเน่าขาวๆ อยู่โคนผมนั่น มันค่อยงอกออกมาจากนั่นแหละ แล้วจึงค่อยยาวออกไป คนตายแล้วทำไมผมจึงยาว ก็งอกนะซี น้ำเหลืองมันยังมีหล่อเลี้ยงอยู่มันก็ยาวขึ้น จะไปอัศจรรย์อะไรว่าคนตายแล้ว ทำไมผมจึงยาว

พิจารณาผมเส้นเดียวเท่านั้นแหละ ผมมันงอกขึ้นมาแล้วก็ยาวออกไปโดยลำดับ ทางในมันเป็นรูให้อากาศออกไปได้เหมือนกัน ผมมันเรียวทั้งสองข้างตรงกลางมันใหญ่ มันเกิดขึ้นมาแล้วมันก็ต้องร่วงหลุดไปแปรสภาพเป็นดิน เป็นน้ำเป็นลมเป็นไฟเหมือนกัน ผมเกิดจากธาตุดิน ก็ลองคิดดูว่ามันเกิดขึ้นมายังไง ธรรมดาหัวหรือศรีษะของเราเป็นธาตุดิน มันเป็นเนื้อหนังเป็นกระดูกแต่ทำไมจึงเกิดเป็นผมขึ้นมาได้ ก็เหมือนกับต้นหญ้าที่มันเกิดจากดิน ดินก็เป็นดินแท้ๆ ทำไมมันจึงเกิดต้นหญ้าขึ้นมาได้ นั่นเพราะสภาพมันเป็นอย่างนั้น มันแปรสภาพเป็นไปอย่างอธิบายให้ฟังเมื่อตะกี้ สิ่งทั้งปวงหมดมันแปรสภาพไปอย่างนั้นแหละจึงว่าให้พิจารณาสิ่งเดียว พิจารณาแต่ผมนั่นแหละ ให้มันเห็นชัดเจนให้เห็นจริงลงไปในใจ แน่นอนลงไปในใจจริงๆ จังๆ คราวนี้มันจะเกิดนิมิตขึ้นมา เส้นผมแต่ละเส้นๆ ใหญ่โตเท่าต้นเสานี่ก็มี หรือเส้นผมนี่แหละเปื่อยไปหมดทั้งศรีษะของเรานี่ก็เป็นได้ ถ้าเกิดภาพนิมิตอย่างนั้นแล้ว ให้พิจารณาถึงตัวจิตผู้ที่ไปเห็นภาพนิมิต อย่าไปหลงตามภาพนิมิต ให้น้อมเข้ามาหาจิตใครเป็นผู้เห็น ผู้เห็นอันหนึ่ง ให้จับเอาผู้เห็นนั้นไว้ ให้กำหนดผู้นั้น นิมิตมันก็จะหายไป ถ้าไม่เกิดนิมิตก็ขอให้เห็นชัดอย่างที่ว่านี่แหละก็เป็นพอ

การพิจารณาส่วนอื่นๆ จะเป็นขน เป็นหนังอะไรต่างๆ ก็พิจารณาทำนองเดียวกัน ให้พิจารณาในสิ่งเดียวหรือเห็นในสิ่งเดียว ที่ว่าเห็นในสิ่งเดียวน่ะคือมันไม่ส่งส่ายออกไปคิดปรุงคิดแต่งอะไรต่างๆ ถ้านึกคิดส่งส่ายไปสารพัดทุกอย่าง มันไม่ลงเฉพาะผมมันจึงไม่ชัด อย่างเราพิจารณาผมไปอย่างนี้ ไปหาเล็บไปหาหนังโน่นหรือ ไปรอบหมด ไปหาสิ่งของการงานทั้งปวงหมดจนลืมผมเส้นนั้น มันก็ไม่เป็นสมาธิเท่านั้น นี่แหละที่ว่าภาวนายาก ยากก็เพราะมันไม่ลงอันเดียว ถ้าหากมันลงอันเดียวละก็ไม่ใช่ของยากหรอก ของมีอยู่ในตัวของเรานี่ทั้งนั้น บริกรรมก็มีอยู่ในตัวของเรานี่ คือ พิจารณาผมอันเดียวนั่นแหละ บริกรรมให้มันแน่วแน่ลงไป แล้วก็นั่นและเรียกว่าบริกรรมธรรมะแหละนั่น เป็นของจริงนั่นแหละ ของมีอยู่ในตัวของเราหมด มันเป็นธรรมะในตัว ให้พิจารณา ขน เล็บ ฟัน หนังในทำนองเดียวกันนั่นแหละ เอ้า หัดภาวนา…

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://muangput.com/webboard/index.php/topic,469.0.html

. . . . . . .