ธรรมะจากหลวงปู่สังวาลย์ ธัมมสาโร เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2554 เวลา 13.09 น.

ธรรมะจากหลวงปู่สังวาลย์ ธัมมสาโร เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2554 เวลา 13.09 น.

(โยม : ขอธรรมะสำหรับคนทำงานค่ะ)

… หากเราการกระทบทั้งหมดเกิดจากต้นเหตุความเกิด ความโกรธ ความเคียด มันก็เกิดจากจิตของเราสิ่งที่ต้านทานมันไม่ได้ หากเรามีหน้าที่ของเราทำอยู่เสมอ เราก็ทำของเราไปอยู่เสมอ เราจะไปโกรธกับเรื่องคนอื่นพูดทำไม หน้าที่ของเราทำจบวันนี้ก็พอ จบวันนี้ วันหน้ามีเราก็แต่งตัวเราไปทำหน้าที่ของเราอยู่เสมอนะ เราก็ทำอยู่ในความจับอารมณ์และจิตของเราอยู่เสมอนะ ขอให้มันมีงานทำอยู่ในวันนั้นอยู่เสมอ เราอย่าไปเอาเรื่องราว คนอื่นเข้ามา เขาว่าไปก็ถือว่าเออเอ้า ดี รับฟังครึ่งหนึ่ง ไม่รับฟังครึ่งหนึ่ง ในนามว่า ความขันติอดทนต่อสังคม สังคมไหน จะไม่มีคำว่านินทา สังคมไหน จะไม่มีคำว่าวุ่นวาย ไม่มีหรอก

หลวงปู่จึงว่า สัตว์โลกเรานี้ แม้แต่สังคมเด็กมันก็ตีกันอยู่เสมอ เด็กไปเล่นด้วยกัน เดี๋ยวเด็กก็เล่นเที่ยวด้วยกัน เด็กอายุ 3 ขวบ 4 ขวบ ก็ยังทะเลาะกันอยู่อย่างงั้นน่ะ แล้วคนเราโตแล้วควรจะรู้ว่า กิจของเขา กิจของเรา เราก็แยกแยะออกไปตามหน้าที่ของเรา
ในสังคมของสัตว์โลกเรานี้มีตั้งแต่ว่า ทุกอย่างก็ต้องเป็นสิ่งที่วุ่นวาย อยู่ทุกสังคม แม้แต่ครอบครัวผัวเมียยังวุ่นวาย อยู่ด้วยกันก็ยังวุ่นวาย หน้าที่การงาน คนต่างคน คนต่างพ่อต่างแม่ เอ้อ คนต่างพ่อต่างแม่มีมาบางคนก็ถือทิฐิของตน เอ้อ เอาอำนาจ เราก็อ่านมันออก เราก็พิจารณามันออก อันนี้ หากเราไม่ตอบโต้แล้วสิ่งไหนมันก็ควรสงบไปหมดมั้ง เอ้อ หลักธรรมมันอยู่หั้น
การหน้าที่การงาน เราไปทำงาน เราก็คิดให้มันทันกับตัวกิเลสของเรา เราไปทำงาน เราไม่ได้มาหาเรื่องราว งานชิ้นนี้จบไปแล้ว เราคือจบวันนี้ เอาอยู่เช่นนั้นแล้ว ก็ต้องหลีกเลี่ยงมันอยู่ตลอดสิ

นามว่าคนพวกนี้มันมีแค่นั้นน่ะ คนเหล่าเรา ไม่ว่าแต่เหล่าไหน หากมีสังคมหรือไม่มีสังคม คนไม่มีสังคมก็ยังอยากไปหาความสังคมวุ่นวาย คนไม่มีผัวก็ยังอยากไปหาผัวอีกอ่ะ คนไม่มีเมียยังอยากไปหาเมียอีก เป็นอยู่จังซั่น ก็ยังว่าคนมันชอบวุ่น เออ โลกเขาไม่ได้ชอบวุ่นวาย มีแต่คนชอบวุ่นวาย หลวงปู่จึงว่าอย่าไปวุ่นวายกับมัน หากเราไปก่อไฟขึ้นที่ไหน มันก็เกิดขึ้นที่นั่นน่ะ
คำว่าโลกอันนี้เขาอยู่เป็นปกติอยู่ แต่สัตว์โลกเหล่านี้มันไม่อยู่เป็นปกติซักอย่าง เราก็มองมัน งานของเราไม่ได้ทำจนจบชีวิตของเราจบ เราต้องทำใจของเราให้มันชนะเราอยู่เสมอไป เราทำวันนี้ อายุของเราผ่านมาถึงเวลามันก็ต้องออกไปตามวัยตามอายุ น่ะ เราหาปัจจัยในชีวิตส่วนนี้ดีกว่ามั้ง

(โยม : ทางโลกมันไม่จบนะคะหลวงปู่)

จบไม่เป็น

(โยม : จบไม่เป็น)

ทางโลกจบบ่เป็นหรอก มาทางธรรมนี้จบ จบลงคือทางธรรมไม่วุ่นวายก็คือจบ จบอยู่กับใจของตน จบอยู่กับตัวกิเลสของตน โลกจะเอาให้มันจบ ก็จบ จบคือเราบ่วุ่นวายกับมัน มีหน้าที่อะไร จะทำไปอยู่อย่างเต็มแบบ ทำไปอย่างเต็มอิ่ม จะทิ่มเรื่องอะไรมา มันก็บ่มีแนวยืนยันกับเราหรอก เพราะเราทำไม่มีฉ้อ เราทำไม่มีโกง เราทำไปโดยสุจริตในหน้าที่ของเราอยู่บ่อยๆ มันก็เป็นสิ่งสุจริตอยู่เช่นนั้น เพราะจิตเราไม่โกรธใคร ใจเราไม่เคียดใคร เราเป็นสิ่งที่ปล่อยมันไปเรื่อย ทำงานของเราไปอยู่เรื่อย ขยันมันอยู่อย่างนั้น มันอยู่จังซั่น ความจบของโลกก็อยู่บ่อนนั้น
ความจบของธรรม ก็คืออยู่จากละจากความโกรธ จากโทสะ จากโมหะ จากโลภะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://muangput.com/webboard/index.php/topic,332.0.html

. . . . . . .