นายกฯ กราบหลวงตามหาบัว ห่วงรถติดวันพระราชทานเพลิงศพ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก luangta.com ,ครอบครัวข่าว 3
เมื่อเวลา 18.45 น.ของวานนี้ (15 กุมภาพันธ์) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี นายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว. วัฒนธรรม และนายไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษาธิการ ได้เดินทางไปถึงวัดป่าบ้านตาด เพื่อกราบขอขมาสรีระสังขารหลวงตาพระมหาบัว พร้อมกับสวดมนต์ทำวัตรเย็น ซึ่งหลังเสร็จพิธีนายอภิสิทธิ์ ได้จุดเทียนส่องธรรม รับฟังพระธรรมเทศนาของพระญาณวิศิษฏ์ หลวงพ่อทอง จันทสิริ เจ้าอาวาสวัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
โดยก่อนหน้านั้น นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะ ได้เข้าไปดูงานก่อสร้างเมรุลอย และรับฟังคำอธิบายการก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้คนงานได้เร่งก่อสร้างทั้งกลางวันและกลางคืน จนคืบหน้าไปอย่างมาก โดยได้ทำบันไดพร้อมลูกกรงบันไดทางขึ้นซึ่งมีหัวเป็นเหลี่ยมเพชร 13 เหลี่ยมเสร็จแล้วทั้ง 4 ด้าน ขณะที่ฐานส่วนบนสุด เตาเผา และเทพื้นซีเมนต์เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ยังเหลือในส่วนของการทำฐานชั้นแรก ติดราวบันได เป็นต้น
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นห่วงการสร้างเมรุ แต่เป็นห่วงเรื่องการจัดการจราจรในวันพิธีพระราชทานเพลิงศพ หลวงตามหาบัว เนื่องจากเชื่อว่า จะมีประชาชนเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ยอดเงินบริจาคตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม-15 กุมภาพันธ์ มีจำนวน 92,425,718.56 บาทแล้ว ซึ่งขาดอีก 230 ล้านบาทก็จะได้ทองคำครบ 12.5 ตัน เพื่อนำถวายเข้าคลังหลวงได้ในวันที่ 12 เมษายนนี้ ตามความประสงค์ของหลวงตามหาบัว ส่วนยอดทองคำที่ได้รับบริจาคขณะนี้มีทั้งหมด 12,079.55 กิโลกรัม
[12 กุมภาพันธ์] อัศจรรย์หลวงตามหาบัว เลือด-น้ำเหลือง เป็นเกล็ดน้ำตาล
อัศจรรย์หลวงตามหาบัว เลือด-น้ำเหลือง เป็นเกล็ดน้ำตาล แพทย์ ชี้ ไม่เคยพบกรณีเช่นนี้มาก่อน อีกทั้งไม่เคยมีใครนำเข้ากระบวนการวิทยาศาสตร์ เพราะเกรงว่าจะขัดกับความศรัทธา และไม่เหมาะสม
จากเหตุการณ์ที่ศิษย์ของหลวงตามหาบัวได้นำโกฏิมาบรรจุเลือดและน้ำเหลือง ที่ได้มาจากการทำความสะอาดบาดแผลบริเวณนิ้วเท้าของหลวงตามหาบัวนำไปบูชา ตั้งแต่ก่อนที่หลวงตามหาบัวจะละสังขารไปเมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา แต่เมื่อเปิดโกฏิขึ้นมา กลับพบว่า เลือดและน้ำเหลืองของหลวงตามหาบัวกลาย เป็นก้อนแข็งคล้ายเกล็ดน้ำตาลทราย สร้างความอัศจรรย์แก่ลูกศิษย์ และคนทั่วไปเป็นอย่างมากนั้น
เกี่ยวกับกรณีนี้ พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม หัวหน้าหน่วยนิติเวช คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้กล่าวว่า จากเกล็ดเลือดดังกล่าว ตนก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน อีกทั้งยังระบุไม่ได้ว่า ปริมาณ เลือดและน้ำเหลืองที่ลูกศิษย์เก็บไว้นั้นมีจำนานมากหรือน้อยแค่ไหน แต่โดยปกติโครงสร้างของเลือดจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ดังนี้คือ ถ้านำน้ำเหลืองและเลือดมาใส่ภาชนะ ทิ้งไว้สักพักน้ำเหลืองจะลอยตัวขึ้นเหนือ ชั้นของน้ำ เลือดซึ่งถ้าหากน้ำเหลือง แข็งตัวก็จะเป็นเพียงก้อนวุ้น ไม่ใช่เป็นเกล็ดน้ำตาลทรายในลักษณะนี้
ส่วนกรณีที่ศพไม่เน่านั้น สามารถเกิดขึ้นได้น้อยมาก และยากที่จะพบเห็น เพราะกรณีดังกล่าวนั้นเกิดจากภาวะน้ำออกจากเซลล์มามากผิดปกติ อันเนื่องมาจาก อุณหภูมิสูง ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศต่ำ และอากาศถ่ายเทสะดวก ซึ่งอากาศในลักษณะดังกล่าวจะทำให้ศพไม่เน่า
ทางด้าน ศ.นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นการยากที่จะอธิบายกับเรื่องน้ำเหลืองและเลือดของหลวงตามหาบัวมีสภาพกลายเป็นเกล็ดน้ำตาลได้ เพราะบ้านเมืองเราเป็นเมืองที่ศรัทธาในศาสนาพุทธ คงเป็นการไม่เหมาะสมที่จะนำก้อนน้ำเหลืองดังกล่าวมาพิสูจน์ทางการแพทย์
ขณะที่ ดร.นำชัย ชีววรรธน์ นักวิชาการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวว่า เหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว เป็น เรื่องที่ถูกถามกันมามาก โดยเฉพาะพระอรหันต์ที่เมื่อละสังขารแล้ว เลือดและกระดูกจะกลายสภาพเป็นพระธาตุ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่เคยมีใครนำเข้ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จึงไม่สามารถระบุได้ว่า อัศจรรย์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจริงหรือไม่
[ 7 กุมภาพันธ์ ]ใช้ไม้จิกเผาร่างหลวงตามหาบัว แทนดอกไม้จันทน์
มติคณะสงฆ์ ใช้ “ไม้จิก” แทนไม้จันทน์เผาร่างหลวงตามหาบัว ลดโลกร้อน และผู้ที่บวชถวายกุศลหลวงตาต้องบวชอย่างน้อย 1 พรรษา หรือ 1 ปี
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เวลา 14.00 น. พระอาจารย์ นภดล นนทะโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร ได้ออกมาชี้แจง เรื่องเงื่อนไขสำหรับประชาชนที่ต้องการบวชถวายกุศลให้หลวงตามหาบัวนั้น ต้องบวชอย่างน้อย 1 พรรษา หรือ 1 ปี ทั้งต้องบวชผ้าขาว (นุ่งขาวห่มขาว) ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ หรือ 18 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อฝึกปฏิบัติและขานนาค โดยขณะนี้มีผู้มาขอสมัครบวชหน้าไฟนับร้อยคนแล้ว และอีกเรื่องก็คือ ฟืนที่จะนำมาใช้เผาร่างของหลวงตามหาบัวนั้น คณะสงฆ์ได้มีมติให้ใช้ไม้จิกแทนดอกไม้จันทร์ ซึ่งสาเหตุที่ต้องใช้ไม้จิกนั้นก็เพื่อต้องการให้กระดูกองค์หลวงตา มีสีขาว ทั้งยังเป็นการลดโลกร้อนอีกด้วย โดยขณะนี้ทางวัดได้จัดเตรียมไม้จิก ไว้แจกจ่ายแก่ผู้มาร่วมงานเผาศพหลวงตา แทนการใช้ดอกไม้จันทน์แล้ว
ขณะเดียวกัน นายอิทธิพล ตรีวัฒน์สุวรรณ นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี ได้กล่าวถึงการก่อสร้างเมรุว่า ได้มีการดำเนินการตอกเสาเข็มเมื่อเช้าวันนี้ (6 กุมภาพันธ์) แล้ว แต่ในครั้งแรกที่ตอกเสาเข็มไปนั้น ปรากฏว่าตอกเสาเข็มเมรุไม่ลงนั้น ทำสร้างให้กับประชาชนที่เฝ้าดูอยู่ วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงว่า บริเวณดังกล่าวนั้น มีดินการบดอัดแน่นเกินไป ทำให้ตอกเสาเข็มไม่ลง
ด้าน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี กล่าวต่อว่า ในวันงานเผาร่างของหลวงตามหาบัวนั้น เชื่อว่าจะมีประชาชนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาจต้องขอกำลังจากจังหวัดข้างเคียงมาสมทบเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่พอต่อการดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาร่วมงาน
[ 3 กุมภาพันธ์ ] หลวงตามหาบัว ข่าวหลวงตามหาบัว
ประชาชนจากทุกสารทิศ ยังเดินทางมากราบสรีระ หลวงตามหาบัว ณ วัดป่าบ้านตาด ขณะที่ยอดรวมเงินบริจาคเช้านี้ ได้กว่า 13 ล้านบาท ทองคำ 23 บาทแล้ว
บรรยากาศในเช้าวันนี้ (3 กุมภาพันธ์) ที่วัดป่าบ้านตาด ได้มีประชาชนเดินทางมาตั้งโรงทาน มากกว่า 250 โรงทาน โดยมีอาหารหลากหลายประเภทที่สามารถเลือกรับประทานได้ ขณะที่ ยอดเงินบริจาครวมในเช้าวันนี้ รวมกันได้มากกว่า 13 ล้านบาทแล้ว ส่วนทองคำนับรวมได้หนัก 23 บาท
ขณะที่ประชาชนเองก็ยังคงทยอยเดินทางมาเคารพสรีระ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโณ อย่างไม่ขาดสาย มีทั้งนักการเมืองและบุคคลชื่อดังต่าง ๆ มากมาย ทั้งนี้ในช่วงบ่าย นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็มีกำหนดการที่จะเดินทางมาเคารพสรีระ หลวงตามหาบัว เช่นกัน
[1 กุมภาพันธ์] คาดงานพระราชทานเพลิงศพหลวงตา 5 หรือ 12 มีนาคม
ความคืบหน้าในการจัดสร้างเมรุงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน นั้นล่าสุดวันนี้ (1 กุมภาพันธ์) นายอิทธิพล ตรีวัฒน์สุวรรณ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุดรธานี กล่าวว่า มติคณะสงฆ์จะจัดสร้างเป็นลักษณะเมรุ 3 ชั้น โดยไม่มีสิ่งปลุกสร้างอะไรเติมแต่งมากนัก โดยมีกลดคลุมสรีระของ หลวงตามหาบัว อยู่บนเมรุด้วย โดยในวันนี้จะนำเอาแบบที่ร่างไว้ ไปเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีอีกครั้งหนึ่ง และจากนั้นก็จะประชุมกับคณะสงฆ์อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ได้นำดินมาปรับบริเวณที่จะสร้างเมรุแล้ว คาดว่าการจัดสร้างจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ เพื่อให้ทันกำหนดการพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 5 มีนาคม หรือ 12 มีนาคมนี้ โดยการใช้งบประมาณในการสร้างเมรุนั้นคงไม่มากเท่าไร เพราะเป็นประสงค์ของ หลวงตามหาบัว อยู่แล้ว
[31 มกราคม] เปิดพินัยกรรมหลวงตามหาบัว รักชาติจนละสังขาร
เปิดพินัยกรรมหลวงตามหาบัว ทำเมื่อ 10 ปีก่อน ยกทอง-เงินที่ได้รับให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งหมด ขณะที่เจ้ามือหวยไม่รับแทงเลขดัง
วานนี้ (30 มกราคม) นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า หลังจาก หลวงตามหาบัว ละสังขาร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้กราบบังคมทูลให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงทราบทางโทรศัพท์ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้ทรงส่งผู้แทนพระองค์เดินทางมาที่วัดป่าบ้านตาด เพื่อร่วมประชุมหารือถึงหมายกำหนดการต่าง ๆ
ทั้งนี้ ในที่ประชุมสรุปว่า หลังจากเสร็จพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ จะนำสังขารของ หลวงตามหาบัว บรรจุลงในหีบไม้ แล้วนิมนต์ไปตั้งไว้ที่ศาลาการเปรียญใหญ่ หน้าวัดป่าบ้านตาด โดยโกศพระราชทานจะตั้งเป็นเกียรติยศไว้ด้านหลัง เพื่อบำเพ็ญกุศลติดต่อกัน เป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นจึงค่อยมาพิจารณากันอีกครั้ง
จากนั้น พระอาจารย์อินถวาย สันตุสสโก ได้อ่านพินัยกรรมของ หลวงตามหาบัว ซึ่งทำไว้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2543 มีใจความสำคัญว่า
“…เมื่อข้าพเจ้ามรณภาพแล้ว ให้จัดการทรัพย์สินและทำงานศพข้าพเจ้าดังนี้ บรรดาทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วใน ขณะที่ข้าพเจ้ามรณภาพ และบรรดาทรัพย์สินต่าง ๆ ที่จะได้รับบริจาคในงานศพของ ข้าพเจ้าให้จัดการดังนี้ ส่วนที่เป็นทองคำให้หลอมเป็นทองคำแท่ง ส่วนที่เป็นเงิน ไม่ว่าจะเป็นเงินสกุลใดให้นำเข้าซื้อทองคำแท่ง และให้นำทองคำแท่งไปมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองเงินตราของฝ่ายบำบัดธนาคารแห่งประเทศไทย”
นอกจากนี้ ในพินัยกรรมยังระบุว่า ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจัดงานศพ และจัดการดูแลทรัพย์สินทั้งปวงที่มีอยู่ในขณะมรณภาพ ส่วนเงินที่จะได้รับบริจาคในงานศพของข้าพเจ้า ให้ดำเนินการอย่างเปิดเผย โดยแต่งตั้งคณะกรรมการ 9 คน ประกอบด้วย พระอาจารย์ฝัก สันติธรรมโม (มรณภาพแล้ว), พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก, พระปัญญา วัตโก, พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต,องคมนตรี ดร.เชาวน์ ณ ศีลวัน, นายศิริ คูสกุล, ม.ร.ว.ทองศิริ ทองแถม, พ.ต.อ.กฤษดา บูรณพานิช และ พ.ต.ประชัย นาวินรัตน์
ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า การละสังขารของหลวงตามหาบัวถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการสงฆ์ เพราะเป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างมาก ซึ่งหลังจากอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์เป็นเวลา 7 วันแล้ว จะตั้งศพสวดพระอภิธรรมตามปกติ และคาดว่าน่าจะพระราชทานเพลิงศพประมาณต้นเดือนมีนาคมนี้ โดยในเวลาต่อมาพระครูอรรถกิจนันทคุณ หรือพระอาจารย์นภดล นนทโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร ได้แจ้งว่า งานพระราชทานเพลิงศพหลวงตามหาบัว กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเป็นวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม
ขณะที่บรรยากาศบริเวณวัดเกษรศีลคุณ หรือ วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ได้มีญาติโยมและศิษยานุศิษย์จากทั่วทุกสารทิศในประเทศ ทยอยเดินทางมากราบสรีระ พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นจำนวนมาก ทำให้บริเวณวัดแน่นไปด้วยผู้คนนับพัน ซึ่งญาติโยมบางคนก็ได้นำเต็นท์มากางนอนบริเวณศาลาด้านหน้าวัด ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ส่วนบางคนที่เพิ่งเดินทางมาถึง ก็ได้ทยอยกันเข้าไปในบริเวณวัด เพื่อกราบสรีระของหลวงตามหาบัวกันอย่างเนื่องแน่น
ขณะเดียวกัน ก็ได้มีบรรดานักเสี่ยงโชค ถือเอาเลขอายุ 97 ปี ของหลวงตามหาบัว ไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกันอย่างคึกคัก และพบว่า มีผู้ขายสลากฉวยโอกาสขึ้นราคาเลขหายาก โดยขายราคาถึงฉบับละ 120 บาท อีกทั้ง เจ้ามือหวยใต้ดิน ก็ประกาศให้เลข 97 , 79 , 30 , 03 และเลข 457 ซึ่งเป็น พ.ศ.เกิดของหลวงตามหาบัว ที่เกิด พ.ศ. 2457 เป็นเลขอั้นไม่รับแทง
ทั้งนี้ สำหรับประวัติ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กำเนิดในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ที่บ้านตาด จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 12 ส.ค.2456 นามเดิม บัว โลหิตดี มีพี่น้องทั้งหมด 16 คน หลวงตามหาบัวเข้ารับการอุปสมบทเมื่อวันที่ 12 พ.ค.2477 ที่วัดโยธานิมิตร อุดรธานี
ในด้านผลงาน หลวงตามหาบัวจัดทำโครงการทองคำช่วยชาติ หลังจากในเดือน พ.ย.2540 ในขณะที่หลวงตาได้เดินทางไปแจกสิ่งของให้กับโรงพยาบาลในท้องถิ่นทุรกันดาร จึงได้ทราบว่า โรงพยาบาลมีหนี้สินเป็นอันมากจากการซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผกผัน จึงดำริที่จะช่วยชาติช่วยแผ่นดิน โดยเงินบริจาครายแรกเมื่อวันที่ 30 ม.ค.2541 เป็นเงินจำนวน 2,500 เหรียญสหรัฐ และเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.2541 ซึ่งถือเป็นวันเปิดโครงการ
[30 มกราคม] หลวงตามหาบัว ละสังขารแล้ว สิริอายุ 98
หลวงตามหาบัวญาณสัมปัณโณ ละสังขารแล้ว เมื่อเวลา 03.53 น. ที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี สิริ อายุ 98 ปี คณะแพทย์เตรียมแถลงอย่างเป็นทางการเช้าวันนี้
ทั้งนี้ หลวงตามหาบัวญาณสัมปัณโณ กำเนิดในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ณ บ้านตาด อุดรธานี วันเกิด 12 สิงหาคม พ.ศ.2456
นาม : บัว โลหิตดี
พี่น้องทั้งหมด : 16 คน
สมัยเด็ก : เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ
วัยหนุ่ม : เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริง ๆ จัง ๆ เป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวง
คู่ครอง : เดิมไม่เคยคิดจะบวช เพราะอยากมีครอบครัว แต่มักมีอุปสรรคให้แคล้วคลาดทุกทีไป
เหตุที่บวช : เมื่ออายุครบ 20 ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้ง ท่านก็ทำเฉย ๆ ตลอดมา ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ในครั้งสุดท้ายนี้ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า หวังพึ่งใบบุญจากการบวชของลูกให้ได้ ถึงกับทำให้พ่อแม่น้ำตาร่วง ครั้งนี้ท่านรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจพ่อแม่มาก จึงตัดสินใจ และยอมบวชตามประเพณี เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ โดยตั้งใจไว้ในตอนต้นนี้ว่า จะบวชเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น
วันบวช : 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 ณ วัดโยธานิมิตร อุดรธานี
พระอุปัชฌาย์ : ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์
ปัจจุบัน : หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
ทั้งนี้ หลวงตามหาบัว มีอาการอาพาธ จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา กระทั่งกลับไปจำวัด ที่วัดป่าบ้านตาด เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งคณะแพทย์ก็ได้เฝ้าดูแลอาการอย่างใกล้ชิด กระทั่งได้ละสังขารเมื่อเวลา 03.53 น.
ขณะที่ น.พ.พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี พร้อมด้วย พระครูอรรถกิจ นันทคุณ หรือ พระอาจารย์นภดล นนทะโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร พระลูกศิษย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ร่วมกันแถลงข่าวการมรณภาพของ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หรือ พระธรรมวิสุทธิมงคล ซึ่งหลวงตาได้มรณภาพในเวลา 03.53 น. หัวใจและชีพจรหยุดเต้น รวมสิริอายุได้ 97 ปี 5 เดือน 18 วัน โดยจะเปิดให้ประชาชนทายกทายิกา จากทั่วทุกสารทิศไปกราบเคารพสักการะศพหลวงตา ภายในโรงธรรมวิหารใหญ่ และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รดน้ำศพ โดยโยงสายสิญจน์ออกมาให้ประชาชนได้รดน้ำศพอีกครั้งหนึ่ง
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานโกศโถ และทรงรับศพ พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) อ.เมืองอุดรธานี ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 3 วัน ในการนี้ ได้พระราชทานพวงมาลาพระราชทาน พวงมาลาประทาน ของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ วางที่หน้าโกศศพ หลวงตามหาบัว
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ในเวลา 18.00 น. วันนี้ (30 มกราคม)
[29 มกราคม] หลวงตามหาบัว อาการวิกฤต แพทย์หยุดให้ยาปฏิชีวนะ
หลังจากที่เมื่อวานนี้ (28 มกราคม) มีข่าวแพร่สะพัดว่า อาการอาพาธของ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน น่าเป็นห่วง ทำให้พระอาจารย์นภดล บันทะโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร พร้อมคณะสงฆ์ และ นพ.พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ออกมาร่วมแถลงข่าวอาการอาพาธครั้งล่าสุด โดย นพ.พิชาติ กล่าวว่า สัญญาณชีพหลวงตาเป็นปกติ หัวใจเต้น 125 ครั้ง ความดันโลหิต 103 หายใจได้ 21 ครั้งต่อหนึ่งนาที ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อาการอาพาธของหลวงตาดีขึ้นแล้วนั้น
แต่ทว่าล่าสุดวันนี้ (29 มกราคม) เมื่อช่วง 18.00 น.ที่ผ่านมา คณะแพทย์ได้แถลงอาการอาพาธล่าสุดของ หลวงตามหาบัว ว่า ขณะนี้เข้าสู่ภาวะวิกฤติ โดยความดันโลหิตต่ำลง วัดได้ที่ 80/35 ภาวะออกซิเจนในเลือดลดลง คณะแพทย์และคณะสงฆ์ได้ให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด โดยจะแถลงอาการทุก 1 ชั่วโมง และขณะนี้คณะแพทย์จะหยุดให้ยาปฏิชีวนะตามความต้องการของญาติแล้ว เนื่องจากอาการไม่ดีขึ้น โดยญาติต้องการใช้การรักษาแบบทางเลือกแทน
ขณะที่บรรยากาศในวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ได้มีพระชั้นผู้ใหญ่สายวัดป่า ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พร้อมด้วยญาติโยมทายกทายิกา จากทั่วทุกสารทิศ เดินทางมากราบคารวะหลวงตาอย่างเนืองแน่น โดยอนุญาตให้กราบได้ที่บริเวณนอกกุฎิเท่านั้น
http://hilight.kapook.com/view/55687