ครูบาดวงดี สุภัทโท วัดท่าจำปี มรณะภาพแล้ว

ครูบาดวงดี สุภัทโท วัดท่าจำปี มรณะภาพแล้ว

ครูบาดวงดี สุภัทโท วัดท่าจำปี มรณะภาพแล้ว เกจิดังมรณภาพ “ครูบาดวงดี” เจ้าอาวาสวัดท่าจำปี จ.เชียงใหม่ ละสังขารอย่างสงบ ขณะอายุ 103 ปี ที่โรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ หลังอาพาธมานานด้วยโรคชรา เข้า-ออกโรงพยาบาลหลายครั้ง สุดท้ายไตวายเฉียบพลัน เหล่าศิษยานุศิษย์ทั้งพระสงฆ์-ฆราวาสเศร้า เคลื่อนศพกลับวัดตั้งบำเพ็ญกุศล เผยเป็นศิษย์รุ่นสุดท้ายสาย “ครูบาศรีวิชัย” เกจิดังแห่งล้านนา

หลวงปู่ครูบาดวงดี สุภัทโท วัดท่าจำปี ละสังขารแล้วอย่างสงบ
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระมงคลวิสุต หรือหลวงปู่ครูบาดวงดี สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดท่าจำปี อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เกจิอาจารย์ชื่อดังและเป็นลูกศิษย์สายสุดท้ายของครูบาเจ้าศรีวิชัย เกจิดังแห่งล้านนา ได้มรณภาพลงแล้ว ขณะอายุ 103 ปี 83 พรรษา ที่ห้องไอซียู ชั้น 4 อาคารศรีพัฒน์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เมื่อเวลา 06.37 น. ท่ามกลางความโศกเศร้าของกลุ่มศิษยานุศิษย์และพระสงฆ์จากวัดต่าง ๆ ที่มาเฝ้ารอฟังอาการด้วยความเป็นห่วงอยู่แน่น รพ. โดยหลังละสังขาร พระปลัดธีรพงศ์ ธัมมธโร ซึ่งเป็นพระเลขาของหลวงปู่ พร้อมพระสงฆ์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ได้เข้าเปลี่ยนจีวรให้และทำพิธีสวดทางศาสนา พร้อมนำพานธูปเทียนและพวงดอกมะลิ มาขอขมาศพหลวงปู่

พระปลัดธีรพงศ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้หลวงปู่อาพาธด้วยโรคปอดติดเชื้อและแผลในลำไส้ รวมทั้งมีโรคแทรกซ้อน เนื่องจากชราภาพ เข้ารับการรักษามาแล้วหลายครั้ง โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 52 เดินทางไปรักษาตัวที่รพ.บำรุงราษฎร์ กรุงเทพฯ กระทั่งวันที่ 2 ธ.ค. 52 เดินทางกลับมาพักฟื้นที่วัดท่าจำปี กระทั่งในช่วงเช้าวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา อาการกำเริบขึ้นอีก จึงพาหลวงปู่เข้ารับการรักษาที่รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ อาการก็ทรงๆ ทรุดๆ จนวันที่ 5 ก.พ. เริ่มไม่รู้สึกตัว แพทย์ยังคงใช้เครื่องช่วยหายใจ ความดันโลหิตปกติ แต่บางครั้งหัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะ แพทย์พยายามเยียวยารักษาอย่างเต็มที่ แต่ไม่สำเร็จเกิดอาการไตวายเฉียบพลัน ในที่สุดก็มรณภาพลงอย่างสงบ

พระปลัดธีรพงศ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับสังขารของหลวงปู่ จะเคลื่อนกลับไปยังกุฏิของท่านที่วัดท่าจำปี จากนั้นจะประชุมหารือกับผู้เกี่ยวข้องภายในวัดว่าจะดำเนินการอย่างไร และใช้ระยะเวลาเท่าใด แต่เบื้องต้นพระเทพวรสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพ บอกว่าจะให้ลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนเข้าสรงน้ำศพในเวลา 14.00 น. วันที่ 7 ก.พ.นี้ก่อน จากนั้นเวลา 16.00 น. จะมีพิธีน้ำหลวงอาบศพ และตั้งสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 15 วัน อย่างไรก็ดี ต้องประชุมหารือกันอีกครั้งถึงกำหนดการต่าง ๆ เพื่อความชัดเจน

ประวัติครูบาดวงดี วัดท่าจำปี สำหรับหลวงปู่ครูบาดวงดี สุภัทโท เกิดเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2449 ที่บ้านท่าจำปี ต.ทุ่งสะโตก อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ บิดามารดาเป็นชาวไร่ชาวนา โดยหลวงปู่เป็นบุตรคนที่ 7 จากพี่น้องทั้งหมด 8 คน เริ่มเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เมื่ออายุ 11 ขวบ หลังติดตามพ่อแม่ไปทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหารแด่ท่านครูบาศรีวิชัย ซึ่งขณะนั้นถูกทางการจังหวัดลำพูน นำตัวมากักขังบริเวณที่วัดพระธาตุเจ้าหริภุญชัย (วัดหลวงลำพูน) ในข้อหาเป็นพระอุปัชฌาย์เถื่อนไม่มีหนังสืออนุญาตบวชพระ โดยครูบาศรีวิชัยเห็นเข้าก็ทักว่าให้พ่อแม่พาเข้าวัด พร้อมประสาทพรให้ ไม่กี่วันต่อมาจึงเข้าถวายตัวเป็นศิษย์หรือเด็กวัด (ขะโยม) ให้ครูบาโปธิมา อธิการวัดท่าจำปี ซึ่งคอยพร่ำสอนหนังสือให้ และบรรพชาเป็นสามเณรโดยมีครูบาโสภา เจ้าอาวาสวัดท่าจำปีเป็นพระอุปัชฌาย์ และถูกส่งตัวไปรับใช้ครูบาศรีวิชัยที่วัดพระสิงห์ ซึ่งอยู่ในช่วงที่ครูบาศรีวิชัยกำลังแก้ข้อกล่าวหาต่าง ๆ

กระทั่งบวชเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ 21 ปี ที่วัดสารภี โดยมีครูบาโสภาเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า “สุภัทโท” และมาจำพรรษารับใช้ครูบาศรีวิชัยเหมือนเช่นเดิม กระทั่งครูบาศรีวิชัยประสบปัญหาต้องแยกตัวไปแสวงบุญในพม่า บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของครูบาศรีวิชัยต้องแยกย้ายกันไปแสวงบุญคนละทิศละทางจน พ.ศ. 2480-2481 ครูบาศรีวิชัยถูกชำระความพ้นผิดเดินทางกลับเมืองลำพูน แต่อยู่ได้ไม่นานก็มรณภาพที่วัดจามเทวี ขณะหลวงปู่อายุ 32 ปี หลังจากนั้นหลวงปู่ก็เดินทางไปก่อสร้างวัดวาอารามเจริญรอยตามท่านครูบาศรีวิชัยผู้เป็นพระอาจารย์ และปฏิบัติกรรมฐานที่วัดป่าเมี้ยงป๋างมะกล้วย อ.แม่แตง ซึ่งท่านมาสร้างไว้ในป่าดง นาน 7 ปี ก่อนจะมาสร้างวัดท่าจำปีจนแล้วเสร็จ และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าจำปี กับเจ้าคณะตำบลทุ่งสะโตก กระทั่งได้รับสถาปนาประทวนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวนเจ้าคณะตำบล และได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทที่ “พระสุภัทรสีลคุณ” ณ พุทธมณฑล จ.นครปฐม จน พ.ศ. 2540 ได้เลื่อนเป็นชั้นเอกราชทินนามเดิม และ พ.ศ. 2550 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่พระมงคลวิสุต ขณะอายุ 103 ปี ย่าง 104 ปี

ส่วนเครื่องรางของขลังที่เคยปลุกเสกไว้มีอยู่หลายรุ่น แต่ที่โด่งดังและฮือฮาไม่แพ้ที่อื่นคือ จตุคามฯรุ่น 101 หรือรุ่นหนึ่งศตวรรษ นอกจากนั้น ยังมีทั้งตะกรุด พระเหรียญ พระเนื้อผง รวมทั้งตลับขี้ผึ้ง รูปหล่อเหมือนครูบาดวงดี และล็อกเกตครูบาดวงดี.

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

http://www.tumsrivichai.com/

. . . . . . .