หลักสำคัญของการปฏิบัติ…หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

หลักสำคัญของการปฏิบัติ…หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

หลักสำคัญ ๓ ข้อ
การปฏิบัตินี้ อาตมาเน้นอยู่ ๓ ข้อคือ
๑. ยืนหนอ ๕ ครั้ง
๒. การเดินจงกรมให้ช้าที่สุด มันจะได้สติรวบรวมไว้ได้ดี
๓. หายใจเข้าออก เอาสติยัดเข้าไปตามลมหายใจ ให้ได้จังหวะ

นอกจาก สามอย่างนี้
เราจะต้องไม่เกียจคร้าน
ต่อการงานและหน้าที่ รับผิดชอบในกัมมัฏฐาน
กัมมัฏฐาน นี้ เป็นการกระทำให้ฐานะ ดีขึ้น
นั่งแต่ละครั้งจะเหมือนกัน
นั่งแต่ละครั้งอาจจะไม่เหมือนกัน
ถ้าเราทำไปนานๆ แม้เราจะอายุมากก็ตาม
โรคภัย ไข้เจ็บก็จะหายไปอย่างน่าอัศจรรย์

แต่มันยากมาก ต้องลำบาก มันมีเวทนามากมาย
เช่น คนเป็นอัมพาต นอนป่วยอยู่ ๕ ปี
เป็น ผู้อำนวยการอยู่ที่สกลนคร
อาตมาบอกให้สวดมนต์ พาหุง มหากา
และหายใจเข้าออกให้มีสติ ให้เห็นสภาวะ
มันก็เกิดปวดมากจนน้ำตาร่วง แทบจะทนไม่ไหว
แสดงว่าหายแล้ว การที่เราปวด มันเป็นเวทนา
ทำให้เลือดลมเดินขึ้น ดีด้วย
แต่ทุกคนไม่ทราบ แต่ถ้ามันไม่ปวดเลย
ขามันชา เลือดลมเดินไม่สะดวก
นับวันจะเกิดโรคภัยไข้เจ็บ
ถ้าเรานั่งแล้วปวดจนทนไม่ไหว
และเดินจงกรม จะปวดที่ไหล่มาก
เราก็กำหนดตัวนี้ ให้ได้
แล้วเราก็จะอดทนต่อความลำบาก
อดทนต่อความเจ็บใจได้ เราจะต้องทำให้จิตเคย
เข้าไปคิดมีสติปัญญา ถึงเราจะแก่ชรา อย่างไรก็ตาม
จะมีสติอยู่เสมอ และเวลาตายจากโลกนี้ไปนั้น
จิตนี้จะเป็นกัปตัน นำทาง เดินทางไปสู่ที่หมาย
ตามจุดมุ่งหมาย และจุดประสงค์ จะไม่ย้อนกลับมาอีก
ดวงจิตที่ตายแล้วย้อนกลับมาอยู่ในบ้านเพราะหวงสมบัติ
กลายเป็นโลภะ เป็นเปรตอยู่ในบ้านนั้น
ถ้าเรามีสติดี ปลงตกแล้ว เราจะตัดภาวะได้ ของในบ้าน
ที่เป็นของที่รักจะจากกันไป ไม่มีวันกลับมาแล้ว
ในตัวเราก็ไม่มีอะไรดีเลย มีธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม
มีแต่ของเน่าเปื่อย ข้างในไม่มีอะไรดีเลย
ถ่ายออกมาเป็นมูด คูด และต่อไปก็เป็นเถ้าถ่าน เป็นธาตุดิน
แต่จิตที่เราทำกัมมัฏฐานไม่ตายแน่ เป็นอมตะ
จะอยู่สถานะใด ก็รู้อยู่ตลอดเวลา
ความว่ารู้อยู่นั้น หมายถึงว่าเราฝึกสตินี้เอง ให้มันได้จังหวะ
ได้บ้างเสียบ้าง ถูกบ้างผิดบ้าง ก็ยังดีกว่าเราไม่ทำ
เราจะให้มันขาดทุนเวลาไปทำไม
เวลาที่หมดไปแล้ว เราก็ไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ
ถ้าเรามีสติตลอดเวลา เราจะหลับสมาธิ
รู้ตัวอยู่ตลอด ใครเรียกก็ตื่นทันที

ญาติโยมอาจเห็นอาตมาอยู่เฉยๆ
คิดว่าไม่ได้ทำกัมมัฏฐานหรือ
มันไม่ใช่อย่างนั้น อาตมา หายใจ เข้า-ออก มีสติอยู่เสมอ
จะหยิบอะไรก็มีสติ เพราะเคยแล้ว ชำนาญแล้ว
หูได้ยินเสียงสติบอกทันที คนมาโกหกแท้ๆ
อาตมาบอกก็ไม่เคยผิดพลาด
แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องทำให้ชำนาญ
เชี่ยวชาญ ชำนาญการ มองเห็นอะไรสติจะบอกเลยว่า
ของนี้ดีหรือชั่ว ประการใด คนนี้คบได้หรือไม่
หรือพูดเชื่อถือไม่ได้ ไม่เคยพลาด
ที่เราพูดเล่นกันนั้นอีกเรื่องหนึ่งมันคนละอย่างกัน

อาตมากล่าวสั้นๆ ไม่ต้องไปถึงญาณอะไร
ญาณมันจะขึ้นเองโดยสมาธิภาวนา ไม่ต้องรู้ล่วงหน้า
ถ้าไปรู้ล่วงหน้าแล้วมันเป็นวิปัสนึก
นึกก็เห็นไปเลยเป็นช่องเป็นทาง
เพราะฉะนั้นการปฏิบัตินี้ เป็นของยาก
ถ้าเราทำความดีให้เคยชิน ความชั่วไม่เข้าตัวแน่
ทั้งนี้ก็สร้างฐานะให้ถึงลูกหลาน ลูกหลานไปเที่ยวเกเร
ไม่เรียนหนังสืออยู่ที่ไหน
พ่อแม่เจริญธรรม แปลว่ารุ่งเรืองในธรรม
สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สติมาสัมมะชาโน
แปลว่า สติเป็นยาโชติช่วง เกิดแสงสว่างเป็นหนทาง
มิฉะนั้นเราจะไปทางมืด
ถ้าเรามีแสงสว่าง คือ ตัวปัญญาแล้วจะไม่มืด
คิดอะไรมันโปร่งโล่งใส สมองก็จะดีไม่เป็นสมองฝ่อ
บางคนเดี๋ยวนี้เป็นสมองฝ่อกันมาก และเส้นประสาทแตก
ตายกันมาก เพราะเหตุที่ว่าเส้นโลหิตมันเปราะ และตีบตัน
คนเราอายุตั้งแต่ ๕๐ ปี ขึ้นไป เส้นโลหิตเริ่มเปราะแล้ว
ให้เรามีสติกำหนดไว้ พอแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก
ก็ให้กำหนดสติไว้ที่เส้นหัวใจ
รับรองเดี๋ยวเส้นโลหิตจะขยายทันที
แล้วก็จะโล่ง หายใจออก ไม่ต้องไปผ่าตัดเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.b.yimwhan.com/board/show.php?user=kobkob&topic=112&Cate=9

. . . . . . .