มีสัจจะและขันติ พระธรรมสิงหบุราจารย์

มีสัจจะและขันติ พระธรรมสิงหบุราจารย์

ถ้ามีอุปสรรคในการนั่งกรรมฐาน… ปวดเมื่อย เกิดเวทนา เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวเสียใจ

เดี๋ยวดีใจ… ก็กำหนด ตัวกำหนด คือตัวที่มีปัญญา ที่สามารถจะแก้ไขปัญหาต่างๆได้

ให้ผ่านอุปสรรคไปได้อย่างแน่นอน เรามีสติสัมปชัญญะดี ปัญญาก็เกิดขึ้น ในเรื่องของกรรมฐาน

แก้ปัญหาได้ ปวดหนอ… ปวดหนอ เกิดขึ้น… ตั้งอยู่… ดับไป แยกรูป แยกนามออก เวทนาก็แยกไป

ตรงนี้ตัวปัญญาก็เกิด ใช้เป็นอาวุธประจำตัวเราได้ อุปสรรคมันก็หายไป คือมารอันนั้น การปวดเมื่อยจะไม่มีอีกต่อไป

เราปลงตกแล้ว อนิจจังมันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ พอมีทุกข์ก็เป็นอนัตตา เกิดขึ้น… ตั้งอยู่… ดับไป…

ไม่มีทุกข์อะไรอยู่กับเราอีกแล้ว จิตใจก็เกิดปัญญารอบรู้ ก็เป็นประโยชน์กับท่านเองโดยเฉพาะ

เวลาง่วงเหงาหาวนอน อยากจะนอน พวกนิวรณ์มันเข้ามา เราก็ต้องอดทนเดินจงกรมต่อไป…

ตายให้มันตาย จะหลับก็อดทนเข้าไว้ ตั้งสติเดี๋ยวมันก็หายเอง หายไปแล้วปัญญามันก็เกิด ขันติคือความอดทน

สัจจะคือความตั้งใจว่าจะเดินจงกรมหนึ่งชั่วโมง เราตั้งใจเอาไว้ว่าจะนั่งหนึ่งชั่วโมง ต้องให้มันถึง

นั่งได้ 30 นาที…. เลิกแล้ว เดิน 30 นาที… ก็เลิกไม่พอชั่วโมงก็มีเยอะ มันเสียท่าเสียมที

มันเป็นมารร้ายสกักกั้นความดี เกียจคร้านต่อหน้าที่ ไม่ตั้งใจทำกรรมฐาน ถ้าตั้งใจดีแล้วเหตุผลก็ดีด้วย…

ตายให้มันตายให้รู้ไว้ จะได้รู้ว่ามันตาย จิตใจจะป็นอย่างไร ทำดีแล้วจะได้มรรค ได้ผล

จะค้าขายก็รวย ทำธุรกิจก็ได้ผล ถ้าเสียสัจจะสักครั้งสองครั้ง ทำอะไรเสียสัจจะมันสกัดกั้นความดีคือเสียสัจจะ

คนที่เสียสัจจะคือคนที่มีเครื่องสกัดกั้นไม่ให้ท่านไปทำความดี จะพูดจากับใครก็เสียสัจจะ พูดแล้วไม่ทำตามคำพูด

พระพุทธเจ้าแสดงไว้ชัดเจน… วาจาสัตย์เป็นวาจาที่ไม่ตาย อันนี้สำคัญ เป็นอุปสรรคสำคัญประจำชีวิต

พูดเหลวไหลก็ไม่มีคนนับหน้าถือตา เลยกลายเป็นชายก็ไม่จริง หญิงก็ไม่แท้ เป็นคนแก่ที่ไม่มีใครบูชา

คบสับปลับ เป็นคนหละหลวม นี่สกัดกั้นความดีของท่านเอง ท่านจะหาความดีใส่ตัวไม่ได้แล้ว ใครจะสร้างความดีได้?

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.b.yimwhan.com/board/show.php?user=kobkob&topic=113&Cate=9

. . . . . . .