ฝนมหัศจรรย์
ประสบการณ์โลกทิพย์ในการออกธุดงค์ของพระอาจารย์มั่นภูริทัตโต (ตอนที่ ๓๗) ตอนจบ
?
พอจวนถึงวันงานฌาปนกิจท่าน พระเณรและประชาชนต่างก็หลั่งไหลมาจากทุกทิศทุกทาง
ทั้งใกล้และไกลจนเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับแทบเป็นลมรับไม่หวาดไม่ไหว หาที่พักให้ไม่พอ
กับจำนวนคนและจำนวนพระเณรที่มาวัดต่าง ๆ ในตัวจังหวัดเต็มหมด ส่วนประชาชนนั้นพัก
แน่นโรงแรมทุกแห่ง ที่พักอยู่ตามทุ่งนาก็มีเป็นหมื่น เป็นกองเกวียนคาราวานมาจากถิ่นต่าง ๆ
เหมือนงานนมัสการพระธาตุพนมไม่มีผิด พระธุดงค์ที่มาจากป่าจากเขาจำนวนพัน ๆ
รูปนั้นกางกลดอยู่ในป่ารอบ ๆ วัดมองเห็นกลดขาวเปรี๊ยะไปทั้งป่า
เครื่องไทยทานอาหารที่ประชาชนต่างมีศรัทธานำมาสมโภชโมทนา ขนใส่รถยนต์มาจากจังหวัด
ต่าง ๆ กองเท่าภูเขาเลากา โดยเฉพาะข้าวสารนับเป็นพัน ๆ กระสอบโรงครัวทานขนาดใหญ่ทำ
กันทั้งวันทั้งคืน (๓ คืน ๔ วัน) สำหรับผ้าไตรที่ประชาชนคณะศรัทธานำมาเพื่อถวายบังสุกุลอุทิศ
ส่วนกุศลถวายเท่านั้นเป็นจำนวนกองใหญ่ยิ่งกว่ากองผ้าโรงงานทอผ้าเสียอีก งานนี้ทำพิธีเปิดมี
กำหนด 3 คืน 4 วัน เริ่มแต่วันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 3 ถวายเพลิงเวลา 6 ทุ่มในคืนวันขึ้น 13 ค่ำ
ผู้คนในขณะนั้นแออัดเยียดยัดบริเวณวัดประหนึ่งจะล้นแผ่นดินขยับติงตัวแทบไม่ได้ เมรุที่บรรจุ
?
ศพสร้างขึ้นในบริเวณที่พระอุโบสถอยู่ในเวลานี้สร้างเป็นจัตุรมุขมีลวดลายสวยสง่างามมาก
ท้องฟ้าขณะนั้นเดือนหงายกระจ่างสว่างนวลปราศจากเมฆอากาศหนาวเยือกเย็น
เมื่อถึงเวลาถวายเพลิง ทันใดก็เกิดเหตุมหัศจรรย์ ปรากฏมีเมฆขาวก้อนหนึ่งลอยละลิ่วมาใน
เบื้องอากาศและหยุดนิ่งอยู่เหนือเมรุ ทามกลางสายตาของผู้คนในพิธีงานนับหมื่น ๆ คน
ครั้นแล้วเมฆขาวก้อนนั้นก็ปรอยปรายละอองฝนลงมาตกต้องกระทบร่างกายผู้คนให้เย็นฉ่ำ
พร้อม ๆ กับเปลวไฟในเมรุได้ลุกขึ้นเผาศพท่านพระอาจารย์มั่น ละอองฝนโปรยปรายอยู่ 15 นาที
เมฆขาวประหลาดนั้นจึงค่อย ๆลอยจากไปช้า ๆ เลือนหายไปท่ามกลางความสว่างไสวแห่งแสง
เดือนหงาย เหตุการณ์ประหลาดมหัศจรรย์นี้พระเณรและประชาชนทั้งหลายในพิธีงานต่างก็ได้
ประจักษ์ทั่วกัน และไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้ว่าไม่จริง
?
การถวายเพลิงศพไม่ได้ใช้ถ่านหรือฟืนตามปกติ หากถวายด้วยไม้จันทร์ที่มีกลิ่นหอมที่คณะศรัทธา
จากฝั่งประเทศลาวจัดถวายผสมด้วยธูปหอมเป็นเชื้อเพลิง นับแต่ขณะถวายเพลิงจนถึงเวลาเก็บอัฐิ
ได้มีคณะกรรมการทั้งพระและฆราวาสคอยเฝ้าดูแลอย่างกวดขันใกล้ชิดตลอดเวลาเพื่อ
ป้องกันประชาชนผู้เคารพเลื่อมใสศรัทธา ถึงขนาดเข้ายื้อแย่งอัฐิ และเถ้าอังคารธาตุ
ด้วยความเผลอสติ
?
อัฐิพระธาตุ
อัฐิพระอาจารย์มั่น ได้ถูกคณะกรรมการแบ่งแจกไปตามจังหวัดต่าง ๆ ที่มีผู้มาในงานเพื่อนำไป
เป็นสมบัติของกลางโดยมอบไปกับพระที่มาในงานในนามของจังหวัดนั้น ๆ
เชิญไปบรรจุไว้ในสถานที่ต่าง ๆตามแต่จะเห็นควร ส่วนประชาชนก็แจกเหมือนกัน
แต่คนมากต่อมากการแจกจึงไม่ทั่วถึงอัฐิที่แจกไปประมาณ 20 จังหวัด
คณะกรรมการเห็นใจประชาชนที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาพระอาจารย์มั่นที่ไม่ได้รับแจกอัฐิ
จึงได้อนุญาตให้ประชาชนเข้าเก็บกวาดเอาเถ้าถ่านที่เศษเหลือจากอัฐิที่เก็บแล้วไปสักการบูชาได้
ปรากฏว่าประชาชนต่างก็แย่งกันเก็บกวาดชุลมุนจนเกลี้ยงเกลา
ไม่มีเหลือแม้แต่เศษฝุ่น ยิ่งกว่าบริเวณนั้น ถูกขัดถูเสียอีก
?
1.สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร)
2.พระพรหมมุณี (ผิน สุวโจ)
3.พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโส)
4.พระเทพวรคุณ (อ่ำ)
5. –
6.พระเทพญาณวิศิษฐ์ (เดิม)
7.พระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสโส)
8.พระธรรมบัณฑิต
9. พระญาณวิศิษฐ์ (สิงห์ ขนฺตฺยคโม)
10.พระราชพิศาลสุธี (ทองอินทร์)
11. –
12. หลวงปู่ขาว อนาลฺโย
13. –
14.พระราชสุทธาจารย์ (พรหมา โชติโก)
15.พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี
16. –
17.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
18.พระอาจารย์กว่า สุมโน
19.พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน
20.หลวงพ่อขุนศักดิ์
21 หลวงพ่อทองสุข
22. –
23. –
24.พระครูอุดมธรรมคุณ (ทองสุข สุจิตโต)
25.พระราชคุณาภรณ์
26.พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม
27.พระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ
28.พระอาจารย์อ้วน
29.พระอาจารย์สาม อภิญฺจโน
30.พระรัตนากรวิสุทธิ์ (ดุลย์ อตุโล)
31. –
32. –
33.พระเกตุ วณฺณโก
34. –
35.พระสุธมฺมคณาจารย์ (แดง)
36.พระครูปัญญาวราภรณ์
37.พระวินัยสุนทรเมธี
38.พระอาจารย์กู่ ธมฺมทินโน
39.พระครูวิฒิวราคม (พุฒ)
40.พระอาจารย์อ่อนสา
ต่อมาปรากฏว่าอัฐิของพระอาจารย์มั่นที่แจกจ่ายไปยังที่ต่าง ๆ นั้น
ได้กลายเป็นพระธาตุไปหมด แม้แต่เส้นผมของพระอาจารย์มั่นที่มีผู้เก็บไปบูชาในที่ต่าง ๆ
ก็กลายเป็นพระธาตุได้เช่นเดียวกันกับอัฐิของท่านนับเป็นเรื่องอัศจรรย์
และที่มีแปลกอยู่อีกคือผู้มีพระธาตุสององค์ อธิษฐานขอให้เป็นสามองค์ก็ได้สมปรารถนาบางคนมี
พระธาตุอยู่ 2 องค์ อธิษฐานเป็นสามองค์กลับกลายเป็นรวมกันเข้าเป็นองค์เดียวก็มีปัญหา
?
เรื่องอัฐิพระอาจารย์มั่นกลายเป็นพระธาตุนี้
ท่านอาจารย์พระมหาบัวญาณ สัมปันโนวัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
ผู้เป็นศิษย์เอกอีกองค์หนึ่งของพระอาจารย์มั่น ได้อธิบายไว้ว่า อัฐิของพระอรหันต์ก็ดี
ของสามัญชนก็ดี ต่างก็เป็นธาตุดินชนิดเดียวกัน การที่อัฐิกลายเป็นพระธาตุได้นั้น
ขึ้นอยู่กับใจหรือจิตเป็นสำคัญ อำนาจิตของพระอรหันต์ท่านเป็นอริยจิต เป็นจิตที่บริสุทธิ์
ปราศจากกิเลศโสมมต่าง ๆ อำนาจจิตของพระอรหันต์อาจมีอำนาจซักฟอกขันธ์ให้เป็นธาตุบริสุทธิ์
ไปตาม ส่วนของตน อัฐิจึงกลายเป็นธาตุขันธ์ไปได้
แต่อัฐิหรือกระดูกของสามัญชนทั่วไป แม้จะเป็นธาตุดินเช่นเดียวกัน แต่จิตสามัญชนเต็มไปด้วยกิเลส
จิตไม่มีอำนาจและคุณภาพพอที่จะซักฟอกธาตุขันธ์ของตนให้เป็นขันธ์บริสุทธิ์ได้ อัฐิจึงต้องกลาย
เป็นสามัญธาตุไปตามวิสัยของคนมีกิเลส จะเรียกไปตามภูมิของธาตุว่าว่า อริยจิต อริยธาตุ
และสามัญจิต สามัญธาตุก็คงไม่ผิด เพราะคุณสมบัติของจิตและธาตุ ระหว่างพระอรหันต์กับสามัญชน
ย่อมแตกต่างกันอย่างแน่นอน?ดังนั้นอัฐิจึงจำต้องต่างกันอยู่โดยดี ผู้สำเร็จพระอรหันต์ทุกองค์เวลานิพพาน
อัฐิต้องกลายเป็นพระธาตุด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นหรือเปล่านั่น ข้อนี้ยังเป็นเรื่องน่าสงสัย
ไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปได้อย่างนั้นทุก ๆ องค์เพราะว่ากาลเวลาตั้งแต่บรรลุพระอรหันต์จนถึงวันนิพพาน
พระอรหันต์ แต่ละองค์มีเวลาสั้นยาวแตกต่างกัน
พระอรหันต์ที่บรรลุธรรมวิเศษ แล้วมีเวลาทรงขันธ์อยู่นานปี
เวลานิพพานมาถึงอัฐิยาอมมีทางกลายเป็นพระธาตุได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะเวลาที่ทรงขันธ์อยู่นาน
จิตที่บริสุทธิ์ย่อมจะทรงขันธ์อยู่นาน เช่นเดียวกับการสืบต่อแห่งชีวิต ด้วยการทำงานของระบบต่าง ๆ
ภายในร่างกายดังมีลมหายใจเป็นต้นมีการเข้าสมาบัติประจำอิริยาบถเสมอ
ซึ่งเป็นการซักฟอกธาตุขันธ์ให้บริสุทธิ์ไปตามส่วนของตนทุกวันทุกคืนโดยลำดับ
?
ครั้นถึงเวลานิพพานอัฐิจึงกลายเป็นพระธาตุไป เมื่อผสมเข้ากับธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ซึ่งแผ่กระจายอยู่ทุกอณูบรรยากาศของโลกส่วนพระอรหันต์ที่บรรลุพระอรหัตตผลแล้วมิได้ทรงขันธ์อยู่
นานเท่าที่ควรเมื่อถึงเวลานิพพานอัฐิจะกลายเป็นพระธาตุได้เหมือนพระอรหันต์ที่ทรงขันธ์อยู่
นานหรือไม่นั้น ยังเป็นปัญหาที่เหมือนพระอรหันต์ที่ทรงขันธ์อยู่นานนั้นยังเป็นปัญหาที่ตอบไม่สนิทใจ
พระอรหันต์ที่เป็นนันทาภิญญา คือรู้ได้ช้าค่อยเป็นค่อยปือบำเพ็ญไปถึงขั้นอนาคามีผลแล้ว
ติดอยู่นานกว่าจะก้าวขึ้นอรหัตภูมิได้จะต้องพิจารณาท่องเที่ยวไปมาอยู่ในระหว่าง อรหัตตมรรค
อรหัตตผลจนกว่าจิตจะชำนิชำนาญและมีกำลังเต็มที่จึงผ่านไปได้ในขณะที่กำลังพิจารณาอยู่ใน
ขั้นอรหัตตมรรคเพื่ออรหัตผลนี้เป็นอุบาย
?
วิธีซักฟอกธาตุขันธ์ในตัวด้วยเวลานิพพานอัฐิอาจกลายเป็นธาตุได้ ส่วนพระอรหันต์ที่เป็น ขิปปาภิญญา
คือรู้ได้เร็วบรรลุอรหันต์ได้รวดเร็ว และนิพพานไปเร็วพระอรหันต์ประเภทนี้ไม่แน่ใจ
ว่าอัฐิจะกลายเป็นพระธาตุได้หรือประการใด เพราะจิตบริสุทธิ์ของท่านเหล่านี้ไม่มีเวลาทรงและ
ซักฟอกธาตุขันธ์อยู่นานเท่าที่ควร พระธาตุขันธ์ของพระอาจารย์มั่น แสดงความมหัศจรรย์ให้กับผู้เก็บ
รักษาด้วยประการต่าง ๆ เป็นที่เล่าลือกันทั่วไปมีหลักฐานมั่นคงซึ่งไม่สามารถจะนำมาลงที่นี่ให้ได้หวาดไหว
แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ยืนยันถึงอำนาจพลังจิตของผู้ทรงภูมิธรรมสูงว่า มีพลังยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ไม่มีอะไร
จะปิดกั้นไว้ได้ คือพระธาตุของพระอาจารย์มั่นนี้ ถูกเก็บไว้ในครอบแก้วแล้วปิดฝาแข็งแรง
แล้วนำไปใส่ตู้เซฟไว้แน่นหนาป้องกันคนขโมย ปรากฏว่าพระธาตุสององค์สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นได้เป็น
3 องค์ 9 องค์ และต่อมาก็หายไปหมด ครั้นต่อมาอีกก็กลับมามีอยู่ครบจำนวนทั้ง 9 องค์อีก ทั้งๆ
ที่ไม่มีใครไปแตะต้องตู้เซฟเลย แสดงว่าพระธาตุสามารถเข้าออกตู้เซฟเข้าออกตู้เซฟผ่านเข้าไปเข้าออก
ในครอบแก้วได้เองด้วยอำนาจพลังจิตของพระอรหันต์?
ดังนั้นจึงยุติปัญหาที่มีผู้สงสัยกันมากว่า พระเครื่องของขลังที่เราท่านนำไปอัดกรอบพลาสติกบ้าง
เลี่ยมกรอบทองบ้างซึ่งเป็นการบรรจุพระเครื่องของขลังไว้ในที่ปกปิดแน่นหนานั้น เวลาเราท่าน
ประสบเหตุเภทภัยอันตราย อานุภาพของพระเครื่องของขลังนั้นจะออกมาจากกรอบพลาสติก
หรือกรอบทองที่อัดไว้แน่นหนาได้หรือไม่
ขอตอบว่า อานุภาพของพระเครื่องสามารถผ่านเข้าและออกได้ไม่มีอะไรจะปิดกั้นไว้ได้เลย
ภูเขาทั้งลูกก็กั้นอานุภาพพลังจิตไมได้ ตู้เหล็กหนามิดชิดปิดแน่นเช่นตู้เซฟก็ไม่สามารถจะปิด
กั้นอานุภาพพลังจิตไว้ได้ ดังเช่นพระธาตุของพระอาจารย์มั่นเป็นตัวอย่างที่กล่าวแล้ว
แม้ว่าพระอาจารย์มั่นมรณภาพไปแล้วทางรูปกาย แต่ความสำคัญทางนิมิตภาพที่ปรากฏเป็นองค์ท่าน
ยังคงปรากฏอยู่เสมอทางห้วงกระแสจิตภาวนาของบรรดาพระกรรมฐานที่เป็นสานุศิษย์ของท่านราวกับ
ว่าอาจารย์มั่นยังมีชีวิตอยู่ พระกรรมฐานที่ปฏิบัติทางจิตภาวนาและ
เจริญวิปัสสนาเมื่อเกิดขัดข้องขบปัญหาใด ๆ ไม่แตก ไม่รู้จะดั้นด้นไปปรึกษากับพระอาจารย์องค์ใด
พระอาจารย์มั่นจะมาแสดงนิมิตภาพในทางกระแสจิตให้เห็นแล้วแสดงบอกอุบายธรรมวิธีแก้ไข
ดุจดังสมัยท่านยังมีชีวิตอยู่แสดงธรรมให้ฟังฉะนั้น เมื่อบอกอุบายแล้วนิมิตภาพของท่านก็จะหายไป
นับเป็นเรื่องลึกลับ ซึ่งสำหรับผู้ไม่เคยปรากฏหรือไม่เคยได้ยินได้ฟังมา
อาจคิดว่านิมิตภาพพระอาจารย์มั่นที่มาปรากฏในวิถีจิตสมาธิของลูกศิษย์นั้น
อาจจะเป็นความวิปลาสของศิษย์เป็นนิมิตเหลวไหล ลวงจิตด้วยอำนาจอุปาทานก็ได้
แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นพระกรรมฐานทุกองค์ที่เป็นศิษย์ ที่เคยได้รับการสั่งสอน
บอกอุบายแก้ปัญหาธรรมที่ขัดข้องนั้น ๆ ในทางนิมิต ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า
เมื่อนำเอาอุบายที่นิมิตของพระอาจารย์มั่นสั่งสอนไปปฏิบัติตามแล้ว
สามารถปฏิบัติธรรมลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็วแม่นยำถูกต้องไม่ผิดพลาดน่าอัศจรรย์
?
ท่านพระอาจารย์มั่นเป็นผู้ทรงความรู้จริงเห็นจริงเต็มภูมิวาสนาบารมีของท่าน ดังนั้นบรรดา
ความรู้ที่เกี่ยวกับอภิญญาของท่าน จึงสามารถแสดงออกได้อย่างเต็มภูมิ โดยไม่สนใจว่า
บรรดานักปราชญ์ทั้งหลายที่ฝังหัวอยู่แต่ในหนังสือในคัมภีร์จะเชื่อหรือไม่เชื่อ
จะตำหนิหรือชมเชยใด ๆ ท่านไม่เอาใจใส่เลย ภูมิธรรมภายในนับแต่ ศีล สมาธิ ปัญญา ทุกขั้น
ตลอดถึงวิมุติพระนิพพานท่านแสดงออกมาอย่างอาจหาญและเปิดเผย
?
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.watpanonvivek.com/index.php?option=com_content&view=article&id=3180:2012-01-16-12-14-22&catid=39:2010-03-02-03-51-18#yvComment3180