ธรรมะที่ควรรู้จักเพื่อทำงานให้สนุก โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ
หน้าที่ 1 – คนจิตทราม
เรามาพูดกันถึงตอนหัวรุ่งที่มีความหมายบางอย่างที่อาตมาคือว่าเป็นเวลาที่ค่อนข้างจะมีเรี่ยวแรงและอีกอย่างหนึ่งโดยธรรมชาติเวลาหัวรุ่งอย่างนี้ก็เป็นเวลาที่น้ำชาในถ้วยของท่านทั้งหลายก็ลดลงมากน้ำชาไม่ค่อยจะล้นถ้วยก็คือพร้อมที่จะฟังพร้อมที่จะคิดนี้มันก็เป็นธรรมชาติพอที่จะกล่าวได้ว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงตรัสรู้เวลาหัวรุ่งคือพูดได้ว่ามันเป็นเวลาที่พร้อมกว่าเวลาอื่นนั่นเองเป็นจุดตั้งต้นของวันใหม่ระบบประสาทอะไรต่างๆก็ยังใหม่ยังพร้อมที่จะรับฟัง ดังนั้นจึงเห็นว่าเวลาหัวรุ่งนี้เป็นเวลาที่ควรจะรู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์หัวข้อเรื่องที่จะบรรยายในวันนี้ก็มีว่าทำงานให้สนุกเป็นสุขตลอดเวลาที่ทำงานเขาจะยกให้เป็นหนึ่งคำพูดประจำสำหรับอาตมาไปแล้วแต่ว่าวันนี้เราก็จะใช้ธรรมมะที่ควรรู้จักธรรมะที่ควรรู้จักเพื่อทำงานให้สนุกและมันเป็นสุขได้ตลอดเวลาที่ทำงานที่จะเป็นได้อย่างนั้นก็คือว่า เรามีธรรมะอะไรบางอย่างช่วยให้ทำได้ขอให้สนใจฟังว่าธรรมะมันคืออะไรทำงานให้สนุกเป็นสุขเมื่อเวลาทำงาน คนจิตทรามมันก็คิดไปทำนองสาระพาเฮโรสวนเสเฮฮาบางคนก็ว่าไปเป็นโสเภณีไปเป็นเกเป็นอะไรอย่างนั้นไปอีก มันจึงจะทำงานสนุกนั่นมันเป็นความคิดของคนจิตทรามจิตทรามมากๆอย่าไปสนใจดีกว่าทำงานให้สนุกมันสนุกด้วยธรรมะธรรมะเป็นเหตุให้สนุกแล้วก็คิดอย่างที่ว่ามีธรรมะนั่นเองใจความส่วนใหญ่มันก็อยู่ตรงธรรมะนั่นคืออะไร จะมาใช้เพื่องานให้สนุกได้อย่างไรหรือบางที่จะยิ่งไปกว่านั้นก็คือมันเป็นความสนุกอยู่ในตัวธรรมะแล้วเราไม่ต้องทำอะไรมากเพียงแต่เอาตัวธรรมะมาใช้ได้ก็เพียงพอดังนั้นเรามาเสียเวลาวินิจฉัยคำพูดเพียงคำเดียวว่าธรรมะๆพอสมควร คำว่าธรรมะๆนี้จึงถูกเข้าใจผิดอยู่มากคือได้รับการต้อนรับอย่างไม่เป็นธรรมและก็ได้รับความอักกะกันอยู่มากทีเดียวคือให้ผลมากกว่าที่คนสนใจเคารพนับถือเล่าลือกันอย่างนี้ก็เพื่อจะเข้าใจได้ง่ายๆเองนั่นก็ว่าธรรมะ
ถ้าแปลเป็นไทยนั่นก็คือคำว่าหน้าที่เป็นบาลีก็ว่าธรรมะแปลว่าหน้าที่เป็นบาลีก็ว่าธรรมะที่จริงธรรมะมันมีหลายความหมายถ้าพูดให้ถูกต้องคือทุกอย่างเป็นธรรมะหมดมีความหมายกันจนทุกความหมายเฉพาะความหมายที่สำคัญที่สุดคือความหมายที่แปลว่าหน้าที่ หน้าที่ธรรมะคือตัวธรรมชาติทั้งหลายทั้งปวงไม่ยกเว้นอะไรนั้นเรียกว่าธรรมะ ไอ้กฎเกณฑ์ที่มีอยู่ในตัวธรรมชาติก็เรียกว่าธรรมะทำหน้าที่ที่สิ่งมีชีวิตจะต้องกระทำให้ถูกต้องตารมกฎนั่นก็เรียกว่าธรรมะเหมือนกันผลที่ได้รับจากการทำหน้าที่ ดี ชั่ว ผิด ถูก สุข ทุกข์ อะไรก็ตามเรียกว่าธรรมะอยู่นั่นแหละนั่นคือความหมายที่กว้างขวางรวบรวมไว้หมดทุกสิ่งทุกอย่างไม่ยกเว้นอะไรจนกล่าวได้ว่าถ้าใครจะตั้งคำถามขึ้นมาว่าอย่างไรก็ตามสามารถจะตอบด้วยคำตอบเดียวกันว่าธรรมะทุกคำถามเลยไม่เชื่อนั่งอยู่ใกล้ก็ลองตั้งคำถามดูมันจะผิดหรือจะถูกจะได้ผลหรือไม่ได้ผลมันเนื่อง อยู่ด้วยสิ่งที่เรียกว่าธรรมะนี่เป็นคำประหลาดแต่ก็มีความหมายถึงทุกสิ่งทั้งหมดแต่ต้องมีสิ่งที่สำคัญที่สุดควรจะสนใจที่สุดควรจะเคารพบูชาที่สุดก็คือความหมายที่ 3 ความหมายที่แปลว่าหน้าที่ หน้าที่ ความหมายที่ 1 ตัวธรรมชาติ ความหมายที่ 2 กฎของธรรมชาติ ความหมายที่ 3 หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ ความหมายที่ 4 ผลที่ได้รับจากการปฏิบัติหน้าที่มันมีความหมายรวมหมดอย่างนี้และสำคัญที่สุดอยู่ที่ความหมายที่ 3 มนุษย์จะรู้จักสิ่งนี้โดยสัญชาติญาณก็ได้คือไม่ได้ศึกษาอะไร แล้วอย่างนี้จะตามธรรมชาติต้องรู้จักและทำหน้าที่มิฉะนั้นมันตายถ้ามันไม่ทำหน้าที่ถึงจะเป็นคนป่าสมัยโบราณดึกดำบรรณเขาก็รู้จักสิ่งนี้แล้วมนุษย์คนแรกที่รู้จักถึงขนาดเขาจึงเรียกมันว่าธรรมะซึ่งแปลว่าหน้าที่ หน้าที่ มาได้แปลว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือพระศาสดาอะไรกันที่เขาเข้าใจกันเดี๋ยวนี้ในโรงเรียนจะสอนเด็กว่าธรรมะคือคำสั่งสอนของพุทธเจ้าคำพูดนี้มันผิดเหลือประมาณก็ในอินเดียนั้นจะเป็นคำสอนของพระศาสดาไหน ลัทธิไหน คำสอนมันเรียกว่าธรรมะไว้ในบทเลยธรรมะของพระสรณะโคดมคือของพระพุทธเจ้าองค์นี้ธรรมะของคันตะบุตร อีกมากมายล้วน แต่เป็นคู่แข่งคำสอนคำแนะนำของพวกนั้นก็เรียกว่าธรรมะหมดเพราะว่าเขาสอนเรื่องหน้าที่ หน้าที่เหมือนกันหมดคนสมัยดั้งเดิมเจริญขึ้นมาจนมีคำพูดคำจาเป็นศัพท์เป็นแสงขึ้นมาจึงรู้จักใช้คำว่าธรรมะ ธรรมะหมายถึงหน้าที่ หน้าที่เขาไม่เพียงจะมองเห็นหรือได้ยินได้ฟังจากผู้อื่นไม่ใช่เรียนในโรงเรียนแต่ก็รู้จักในจิตสำนึกว่าของเขาอันนี้ อันนี้ไม่ทำก็คือตายมีสิ่งสิ่งหนึ่งถ้าไม่ทำก็คือความตายก็เลยพูดคำนี้ขึ้นมาว่าธรรมะอย่างที่เป็นภาษาอินเดียโบราณถ้าเป็นภาษาอินเดียแขนงหนึ่งก็ใช้คำออกเสียงอย่างอื่นแต่มีความหมายเหมือนกันคือ ธรรมะ ๆ ตามตัวหนังสือหรือคำพูดคำนี้ใจความว่ามีความหมายว่ายกขึ้นได้ชูขึ้นไว้ รักษาเอาไว้ก็ต้องว่ามีพละเป็นรากของศัพท์ว่าทรงไว้แล้ว ถ้าไปอยู่ข้างร่างก็ทรงไว้นั่นคือความหมายของคำว่าธรรมะแม้ว่าจะมาเป็นภาษาไทยแปลว่าหน้าที่ก็มีความหมายอย่างเดียวกันหน้าที่นั้นมันคือสิ่งที่ทรงมีหน้าที่เอาไว้ทรงไว้ทรงใครก็ทรงผู้ที่มีธรรมะมีหน้าที่ก็ทรงผู้มีหน้าที่ทรงผู้มีหน้าที่ไว้ไม่ให้พลัดตกลงไปสู่ความวินาศแม้จะเป็นเรื่องเลี้ยงปากเลี้ยงท้องอันนี้ก็ทรงไว้ในแง่ของชีวิตของการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องแต่ความหมายมันมากกว่านั้นคือทรงไว้ด้านจิตใจที่สูงขึ้นไปทรงไว้ไม่ให้จิตใจพลัดลงต่ำไปสู่ความทุกข์ ชีวิตไว้ทั้งหมดเองสิ่งที่ทรงชีวิตไว้ทั้งหมดเรียกว่าธรรมะ ธรรมะก็ต้องแปลว่าไอ้สิ่งซึ่งทรงไว้ผู้มี สิ่งใดทรงไว้ซึ่งผู้มีสิ่งนั้นเรียกว่าธรรมะแค่นี้ก็มีธรรมะ ผู้ใดมีธรรมะธรรมะก็ทรงผู้นั้นไว้ ผู้ใดมีหน้าที่หน้าที่ก็ทรงผู้นั้นไว้สิ่งที่ทรงไว้ซึ่งผู้มี จะมีธรรมะ หรือมีหน้าที่นั้นถ้าเรารอดตายหรือรอดทุกข์ได้นั้นก็คือเหตุธรรมะนี่ทรงไว้คือจึงจำเป็นชีวิต ถ้าไม่มีสิ่งที่ทรงไว้มันก็ตายแล้วก็ไปสู่ความวินาศพังสลายสิ่งไหนทรงไว้ไม่พลัดไปสู่ความวินาศสิ่งนั้นคือธรรมะในภาษาบาลีเรียกเป็นภาษาไทยก็ว่าหน้าที่เรียกเป็นภาษาบาลีก็ว่าธรรมะ ธรรมะ คำแปลตามตัวหนังสือหรือคำพูดแต่เอาตามความหมายหรือคุณค่ายิ่งๆขึ้นไปมันก็ต้องพูดได้ว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นแก่ชีวิตขาดไม่ได้หรือจะพูดว่าเป็นสิ่งที่คู่กันกับชีวิตก็ได้เหมือนกันแต่ถ้าเห็นลึกซึ้งไปอีกจะเห็นได้ว่าตัวชีวิตนั่นเองตัวธรรมะหรือตัวหน้าที่มันเป็นตัวชีวิตชนิดหนึ่ง ถ้าขาดสิ่งนี้มันก็คือไม่มีชีวิตแล้วจะเอาความหมายเท่าไรลึกซักเท่าไรก็เป็นคู่ชีวิตหรือว่าเป็นตัวชีวิตซะเองก็ได้แล้วแต่จะพอใจแต่ต้องรู้ความจริงหรือความสำคัญสักอย่างหนึ่งไว้ก็คือมันแยกกันไม่ได้ธรรมะกับสิ่งที่เรียกว่าชีวิตมันแยกกันไม่ได้ถ้าแยกกันมันก็คือความตายเรารู้จักธรรมะไว้ในลักษณะเช่นนี้เป็นรากฐานซึ่งก็จะช่วยได้มากในการใช้ต่อไปว่าธรรมะจำเป็นอย่างไรคนที่ไม่รู้จักธรรมะมันจะทำอะไรไปอย่างหลับหูหลับตาเท่าไร คือไม่ต้องรู้ว่าคืออะไร จากอะไร เพื่ออะไรโดยวิธีไหนมันไม่รู้ทังนั้นถ้ามันรู้ธรรมะถูกต้องมันจะรู้ชีวิตโดยถูกต้องว่าเพื่ออะไร โดยประโยชน์อะไร โดยมาจากวิธีไหนอันนี้เป็นต้นทั้งหมดนั้นมันรวมอยู่ที่คำว่าธรรมะ ธรรมะเพียงคำเดียวเดี๋ยวนี้เราจะรู้จักธรรมะที่สูงขึ้นไปในความหมายที่ว่าธรรมะเป็นเครื่องแสดงความเป็นมนุษย์ๆไม่ใช่จะเป็นว่าไม่ตายในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องมันสูงขึ้นไปกว่านั้นว่าเพื่อความเป็นมนุษย์เพื่อแสดงความเป็นมนุษย์ที่น่าพอใจความเป็นมนุษย์จะมากหรือจะน้อยมันก็อยู่ที่ความมีธรรมะเราจะมีความเป็นมนุษย์จะมากหรือน้อยมันก็อยู่ที่ว่าความมีธรรมะจะมากหรือน้อยนั่นแหละนี่เขาจะดูว่ามันเป็นเครื่องแสดงความสามารถของมนุษย์หรือความสามารถของมนุษย์นั่นแหละคือตัวธรรมะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ความเป็นมนุษย์ของแต่ละคนๆมีความสามารถในความเป็นมนุษย์เท่าไรก็อยู่ที่ความมีธรรมะมากหรือน้อยเท่านั้นทีนี้ในทางศาสนาโดยเฉพาะพุทธศาสนาก็ยังมองลึกไปกว่านั้นอีกว่าธรรมะ ธรรมะนี่เป็นเครื่องชำระความเป็นมนุษย์นี่ของเราให้สะอาดท่านทั้งหลายคงพอจะเข้าใจเครื่องชำระความสะอาดเช่นสบู่เราเอามาใช้เพื่อชำระสิ่งสกปรกชำระล้างออกไปจากตัวเป็นเครื่องชำระความสะอาดในฝ่ายวัตถุหรือฝ่ายร่างกาย
หน้าที่ 2 – บูชากิเลส
แต่เท่านั้นมันยังไม่พอมันยังมีเหลือในส่วนจิตใจแล้วก็ต้องมีสิ่งที่จะชำระชะล้างในส่วนจิตใจให้สะอาดให้มีความเป็นมนุษย์และที่ถูกต้องและสมบูรณ์อะไรเป็นความสกปรกนี่ขอให้ช่วยกันคิดหน่อยความสกปรก โสมอม เหม็นคาวอะไรก็ตามที่สุดของมนุษย์นั้นคือความเห็นตัวแต่นี่มันมีแง่ให้คนโง่ก็เถียงได้ถ้าไม่เห็นแก่ตัวแล้วจะทำไปทำไมจะทำอะไรกันไปทำไมมันต้องมีความเห็นแก่ตัวสิ่งที่ทำมันก็ถูกเหมือนกันแต่มันต้องทำให้ถูกต้องเดี๋ยวนี้มันทำไม่ถูกต้องมันทำเห็นแก่ตัวมันทำเพื่อกอบโกยไม่ต้องดูหน้าใครและไม่ต้องดูว่าธรรมะคือความถูกต้องมันไม่เห็นแก่หน้าใครไม่เห็นแก่ผู้อื่นด้วยมันไม่เห็นแก่ธรรมะที่ถูกต้องด้วยนี่คือคนเห็นแก่ตัวมันเป็นสิ่งทำลายล้างโลกกำลังจะวินาศเพราะความเห็นแก่ตัวอย่าเห็นว่าเป็นเรื่องนอกเรื่องเป็นคำพูดมนัสชะยาทั่วไปเป็นไปซะแล้ว ขอให้มองเห็นว่าโลกเรานี้กำลังจะวินาศเพราะความเห็นแก่ตัวนี่กำลังใกล้ความวินาศเพราะความเห็นแก่ตัวถ้าไม่มีอะไรมาชำระชะล้างความเห็นแก่ตัวนี้ได้ทันเวลาโลกนี้ต้องวินาศโดยไม่ต้องสงสัยไม่ใช่สาปแช่ง เพียงแต่บอกความจริงว่ามันเป็นอย่างนั้นเดี๋ยวนี้โลกมันเจริญจนไม่รู้ว่าจะเจริญอย่างไรถูกแล้วมันก็เจริญเพราะความเห็นแก่ตัวและมันไม่ควบคุมความเห็นแก่ตัวไว้ให้ถูกต้องมันเห็นแก่ตัวมันก็ผิดๆๆๆจนไม่รู้จะผิดอย่างไรมันเป็นไปเพื่อการเอาเปรียบ เพื่อการขูดรีด เพื่อการทำนากดหัวคนอื่นทำนาบนหลังผู้อื่นดูจะน้อยไปแล้วเดี๋ยวนี้มันจะทำนาบนหัวคนอื่นผู้มีอำนาจวาสนาบารมีทางเศรษฐกิจทางอำนาจทางใดก็ตามมันจะทำนาบนหัวคนเพื่อแสวงหาสิ่งนั้นกันเต็มที่มีความเจริญทางวัตถุถ้าเป็นความเจริญทางจิตใจก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวนี้เป้นความเจริญทางวัตถุ ความเจริญทางวัตถุมันส่งเสริมความเห็นแก่ตัวเพราะว่ามันมีมูลมาจากความเห็นแก่ตัว
โดยสัญชาติญาณความเห็นแก่ตัวมันก็แสลงบทบาทมากขึ้นไปทำไปเพื่อความเห็นแก่ตัวความเจริญทางวัตถุอีกอย่างคือความเจริญทางจิตใจมีคุณธรรมสูงด้านจิตใจมันไปคนละอย่างกับความเจริญทางวัตถุทางเนื้อทางหนังทางความสุขสนุกสนานเอร็ดอร่อยทางเนื้อทางหนังนี่เราเรียกว่าความเจริญทางวัตถุพวกวัตถุนิยมก็เห็นสิ่งนี้เป็นสิ่งสูงสุดก็จิตใจเป็นสิ่งสูงสุดแต่พระพุทธศาสนาถือว่าความถูกต้องของสิ่งทั้ง 2 เป็นสิ่งสูงสุดที่ถูกต้องทางฝ่ายวัตถุและทางฝ่ายจิตนั่นแหละเป็นสิ่งสูงสุดที่จะเป็นที่พึ่งแก่มนุษย์เดี๋ยวนี้มันก็เป็นบ้าแต่เรื่องทางวัตถุ แต่ทางวัตถุเป็นสิ่งประเสริฐสูงสุดท่านทั้งหลายดูเอาเองแล้วกันว่าโลกเรากำลังหลงใหลมัวเมาในเรื่องทางวัตถุเท่าไรโดยเฉพาะวัยรุ่นของเราทั้งหญิงทั้งชายนี่กำลังบ้าหลงในทางวัตถุกันสักเท่าไรความสงบเย็นเรียบร้อยของบ้านเมืองมันหายไปสักเท่าไรความวุ่นวายเกะกะรกรุงรังความ ปรารถนามันเพิ่มขึ้นสักเท่าไรความเห็นแก่ตัวนี่มันมีไปทั่วทุกหัวระแหงความขัดข้องเหลวไหลมันมาจากความเห็นแก่ตัวทั้งนั้นในที่สุดถนนหนทางรกรุงรังไม่สะดวกๆไอ้สิ่งทุกประการเหล่านี้มันก็มาจากความเห็นแก่ตัว เหลือความเห็นแก่ตัวจึงไม่ผ่อนผันอะไรกันจึงทะเลาะวิวาทกันมันก็ชนกันมันได้ตีกันมันสร้างมลภาวะทั้งโลกมาจากความเห็นแก่ตัวพูดกันเปล่าๆว่าไอ้นิเวศวิทยานี่ถ้ามันไม่กำจัดความเห็นแก่ตัวลงได้มันทำไม่ได้หลอกมันเป็นความฝันคือสาเหตุคือกำจัดความเห็นแก่ตัวลงไปได้จึงจะมีความน่ารักน่าพอใจมาแทนที่ เดี๋ยวนี้มันมีแต่ความเห็นแก่ตัวความเห็นแก่ตัวนี้สกปรกเท่าไรขอให้ลองคิดดูเมื่อเห็นแก่ตัวแล้วมันไม่อยากจะทำงานหรือช่วยตัวมันเองมันเป็นความโง่ที่สกปรกถึงขนาดนั้นเมื่อเห็นแก่ตัวมันไม่อยากจะทำอะไรมันอยากจะนอนอยากหาความสบายแต่มันก้อยากได้ประโยชน์มันโง่ตระหลบตระแลงขนาดนี้ความเห็นแก่ตัวคนไหนเห็นแก่ตัวคนนั้นไม่อยากทำงานอยากนอนอยากเอาเปรียบแต่มันอยากจะได้ผลทำงานด้วยเหมือนกันเรียกว่าความเห็นแก่ตัวนี้ไม่สามัคคี ความสามัคคีในหมู่คณะของพวกเรามีไม่ได้เพราะมันมีคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวไม่สามัคคีกันเลยก็เรียกร้องให้ช่วยกันเพื่อหมู่คณะ เพื่อประเทศชาติและนี่มันเป็นไปไม่ได้เพราะมันเห็นแก่ตัวมียิ่งไปกว่านั้นอีกความเห็นแก่ตัวนั้นผู้เห็นแก่ตัวนั้นจะอิจฉาริษยาผู้อื่นมันจะทำลายผู้ที่จะเจริญงอกงามจะก้าวหน้าไปกว่าตัวมันเองมันก็ริษยานี้ธรรมดามันก็ริษยาโดยไม่ต้องมีประโยชน์เกี่ยวข้องกันมันก็ริษยาเป็นลักษณะของผู้เห็นแก่ตัวพอริษยาแล้วมันก็มีอาชญากรรมที่มาจากการริษยามากมายเต็มไปหมดอาชญากรก็เกิดขึ้นมาเพราะความริษยานับตั้งต้นมาตั้งแต่ว่าขี้เกียจไม่สามัคคีแล้วก็อิจฉาริษยาไอ้ความเห็นแก่ตัวมันเป็นอย่างนี้มันพูดกันไม่รู้เรื่องๆผู้ที่มีก็เห็นแก่ตัวในแบบของตัวผู้ยากจนก็เห็นแก่ตัวในแบบของตัวและที่นายทุนก็จอมเห็นแก่ตัวลัทธิกรรมกรก็จอมเห็นแก่ตัวไปอีกแบบต่างฝ่ายต่างเห็นแก่ตัวมันก็พูดไม่รู้เรื่องคนมั่งมีกับคนยากจนพูดกันไม่รู้เรื่องนายทุนกับกรรมกรพุดกันไม่รู้เรื่องมันต้องเลิกๆๆไอ้ความเป็นอย่างนั้น เสียทีเลิกความเป็นคู่ตรงกันข้ามอย่างนั้นเสียแล้วมาเป็นเพื่อนกันๆถ้าเป็นเพื่อนกันมันก็ลบล้างไอ้ความยากจนหรือมั่งมีออกไปหมดเหลือแต่เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายเป็นเพื่อนทุกข์ยากด้วยกันเป็นเพื่อนยากแก่กันและกันจะเอาเปรียบกันอย่างไรแต่ถ้าว่าคนมั่งมีกับคนยากจนเป็นเพื่อนยากแก่กันและกันถ้าว่านายทุนกับกรรมกรเป็นเพื่อนยากแก่กันและกันในโลกนี้ไม่มีปัญหาเดี๋ยวนี้มันเป็นคู่ริษยาอาฆาตแก่กันและกันไอ้เรื่องนี้มันก็ต้องเป็นอย่างนี้นี้อยากให้ดูในแง่ที่ว่าความเจริญทางวัตถุมันเป็นเครื่องส่งเสริมความเห็นแก่ตัวเพราะว่ามันมีมูลรากมาจากความเห็นแก่ตัวความเจริญทางวัตถุมันสูงขึ้นไปเป็นถึงอุตสาหกรรมท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจได้ดีว่าอุตสาหกรรมหมายความว่าอย่างไรถ้าอย่างมากมายมหาศาลทั่วโลกมันยิ่งต้องใช้เครื่องจักรนี่จะทำด้วยมือด้วยเท้าอยู่ไม่ได้ต้องใช้เครื่องจักรอย่างมหาศาลเป็นอุตสาหกรรมแต่มันเป็นไปทางวัตถุ ทั้งนั้นทางฝ่ายจิตใจมันไม่อุตสาหกรรมมันมีแต่เรื่องทางวัตถุใช้วัตถุผิดๆๆออกมาทั่วโลกก็ได้ในอุตสาหกรรมทุกอย่างที่ผลิตออกมาเป็นเรื่องทางวัตถุเป็นความเจริญทางวัตถุส่งเสริมความเอร็ดอร่อยทางวัตถุมอมเมาในทางวัตถุเจริญทางวัตถุเท่าไรก็จะยิ่งส่งเสริมความเห็นแก่ตัวเท่านั้นไอ้เป็นนิดเป็นเน็ทบ้าๆบอๆระวังให้ดีเถอะๆถ้าควบคุมไม่ได้คือความวินาศถ้าควบคุมได้ก็ค่อยยังชั่ว ถ้าควบคุมไม่ได้นั่นคือความวินาศเพราะว่าอุตสาหกรรมมันส่งเสริมความเห็นแก่ตัวมันเป็นเรื่องส่งเสริมความเจริญทางวัตถุเตรียมพร้อมไว้ดีกว่ามียาแก้โรคนี้จะมียาที่จะป้องกันความวินาศนี้คือธรรมะๆมันป้องกันโรคร้ายนี้ได้ทางอื่นไม่มีจะศึกษาธรรมะไว้ให้เพียงพอเพื่อจะต่อสู้โรคซึ่งเจริญด้วยอุตสาหกรรมยิ่งขึ้นไปทุกทียิ่งเจริญทางวัตถุมากขึ้นไปเท่าไรยิ่งต้องหาเครื่องต่อสู้ป้องกันไว้มากเท่านั้นก็คือธรรมะคือพูดตัดบทสั้นๆคือมีธรรมะไว้มากเพียงพอแล้วก็จะแก้ปัญหาเลวร้ายที่ตามมาจากความเจริญทางวัตถุๆๆซึ่งส่งเสริมกิเลสส่งเสริมความเห็นแก่ตัวแข่งขันกอบโกยอิจฉาริษยามันมาจากความกอบโกยทางวัตถุทั้งนั้น นั้นขอให้เรามองดูดีๆจะทำยังไงที่จะเป็นเครื่องป้องกันเหตุร้ายหรือสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ได้ทันเวลานี้ปัญหามันมีมาก มากจนเรามองไม่เห็นคือไม่รู้จักปัญหาของเราว่าเรากำลังเป็นอย่างไร แม้ที่สุดกับตัวเราก็ไม่รู้จักช่วยทำให้ดีๆว่าตัวเรามันคืออะไรถ้าตัวเรามันเป็นธรรมะมันเป็นอย่างไรถ้าตัวเรามันเป็นกิเลสแล้วมันจะเป็นอย่างไรท่านทั้งหลายกำลังมีกิเลสเป็นตัวเองหรือว่ามีธรรมะเป็นตัวเองคือมันต่างกันมากต่างยิ่งกว่าฟ้าและดินฟ้ากับดินยังไม่ต่างกันเท่าไรกิเลสกับธรรมะมันต่างกันมากกว่านั้นเรากำลังมีกิเลสเป็นตัวเราหรือเรากำลังมีธรรมะเป็นตัวเราถ้าเรามีความเห็นแก่ตัวเป็นตัวเราเราก็มีกิเลสเป็นตัวเราไม่ต้องสงสัยตัวเรากับกิเลสตัวเราของธรรมะนั้นมันพูดได้อยู่ทางหนึ่งว่ามันเป็นตัวเราของสติปัญญาหรือว่าเป็นตัวเราของความโง่เขลาความโง่เขาของเราเองเป็นตัวเราหรือว่าสติปัญญาของตัวเราเป็นเราดูให้ดีมันต่างกันยิ่งกว่าต่างเดี๋ยวนี้เรามีความถูกต้องสมบูรณ์สมดุลกันในข้อนี้หรือไม่คือเราบูชากิเลสหรือบูชาธรรมะเรามีความถูกต้องในสิ่งทั้งสองนี้หรือไม่ เรามันบูชากิเลสมากเกินไปบูชาธรรมะน้อยเกินไปความสมดุลในเรื่องนี้มันก็มีไม่ได้เราบูชาบวกมากเกินไปจะเห็นว่าตัวเราเป็นอย่างไรแต่ในเรื่องลบมันก็ทำอันตรายเราทำให้เราเป็นทุกข์โดยตรงเมื่อบวกทำให้เราโง่และเป็นทุกข์โดยตรงออกเมื่อเราไม่หลงทั้งบวกไม่หลงทั้งลบนั่นแหละเราจึงจะมีความถูกต้องมีความสมดุลเหนืออิทธิพลของทั้งบวกแหละทั้งลบอย่างนี้เราบูชาบวกโดยเฉพาะทางเนื้อ ทางหนัง ทางกิเลสมากเกินไปกว่าที่จะบูชาความถูกต้องในทางธรรมะบูชาบวก บูชาผลของการกระทำในทางบวกจนลืมความถูกต้องถ้าอย่างนี้แล้วความเห็นแก่ตัวมันทวีขั้นมาเป็นการกอบโกยไม่เห็นแก่หน้าใครๆซึ่งมันสกปรกมากมันเป็นกันเสียทั้งโลกมันก็เลยไม่มีคนมองว่าเป็นของสกปรกมันจะเลวสักเท่าไหร่
หน้าที่ 3 – กิเลสตัณหา
ถ้ามันเป็นกันทั้งโลกก็จะไม่มีใครมองว่าเป็นของสกปรก นี่เป็นสิ่งที่จะต้องช่วยกันระวังกันให้ดีเรามีสิทธิเราบูชาสิทธิเสรีภาพเป็นว่าเราอยากจะเป็นธาตุของอะไรก็ได้เราจะเป็นธาตุของสติปัญญาก็ได้หรือจะเป็นธาตุของกิเลสก็ได้เรามีสิทธิที่จะเลือกว่าเราจะเป็นธาตุของอะไรแต่แล้วมันก็เล่นตลกเราเป็นธาตุของ กิเลสตัณหา เราก็ไม่อยากจะทำงานแต่อยากจะได้ความสุขไม่รู้จักจบจักสิ้นเราได้ความสุขสนุกสนานไม่รู้จักจบจักสิ้นเท่ากับที่เราไม่อยากจะทำงานนั่นแหละคือเราเป็นธาตุของกิเลสตัณหาเท่าที่จะนึกดูว่าความจริงข้อนี้มันกำลังครอบงำเราอยู่โดยไม่รู้สึกตัวเราอยากจะได้ความสุขไม่มีเขตจำกัดแต่เราอยากจะทำงานให้น้อยที่สุดหรือไม่ต้องทำก็ดีสิ่งเหล่านี้มันยุติธรรมหรือไม่แล้วมันนิ่งหรือเปล่าลองคิดดูใหม่ว่าการที่เราเอาเปรียบการงานนั่นคือการเอาเปรียบอะไรเราเอาเปรียบความยุติธรรมนั่นคือเอาเปรียบอะไรมันเป็นการเชือดคอตัวเองหรือไม่นั้นขอให้ลองคิดดูเราเสียอะไรไป เมื่อเรามีความเห็นแก่ตัวและเราได้อะไรมาคิดบัญชีดูเมื่อเรามีความเห็นแก่ตัวๆๆเราได้อะไรมาและเราเสียอะไรไปอะไรมันมากน้อยกว่ากันได้ไปมากน้อยเท่าไรเสียไปมากน้อยเท่าไรเมื่อเทียบกันดูมันเทียบกันไม่ได้มันเสียหายมากเกินไปคือเราจะคิดว่าเราจะได้อย่างเดียวๆอย่างนี้มันก็คงจะไม่มีทางเป็นไปได้เพราะว่าการคิดอย่างนั้นมันเป็นการเสียมากกว่าเพราะมันเป็นการผิดทีนี้เราจะจัดการกับมันอย่างไรปัญหามันอยู่ที่ว่าเราไม่สนุกในการทำหน้าที่ เราไม่เป็นสุขเมื่อกำลังทำหน้าที่สิ่งเหล่านั้นมันก็ครอบงำจิตใจเราแต่ถ้าเรามีวิธีอย่างใดอย่างหนึ่งพอใจเป็นสุขในการทำหน้าที่ความเห็นแก่ตัวก็ครอบงำไม่ได้เราไปหาความสุข
จากการเอาเปรียบความเกียจคร้านที่เห็นแก่ตัวเราหาความสุขจากการทำลายความเห็นแก่ตัวทำงานสนุกและเป็นสุขตลอดเวลาที่ทำงานบางคนก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ๆและถูกแล้วถ้าเห็นแก่ตัวมันเป็นไปไม่ได้มันทำไม่ได้ถ้าเห็นแก่ตัวทำงานสนุกไม่ได้แต่ถ้าไม่เห็นแก่ตัวมันทำได้พึงพอใจในสิ่งที่ประโยชน์มากกว่าทางวัตถุมันไม่ทำงานเพื่อปากเพื่อท้องมันทำงานเพื่อความเป็นมนุษย์ที่สูงขึ้นไปเพราะหากว่าได้ทำงานหรือพอใจว่ามันได้สิ่งที่ดีที่สุดมากกว่าเรื่องปากเรื่องท้องคนเห็นแก่ปากแก่ท้องมันก็ทำงานอย่างเอาเปรียบอย่างที่จำเป็นบังคับเขาเรียกว่าเช้าชามเย็นชามแล้วมันจะหาความเจริญมาได้จากไหนผู้ที่ไม่เห็นแก่ตัวมันทำงานเพื่อความเป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์ที่มันสูงขึ้นไปๆเรียกว่าผู้มีสติปัญญาถูกต้องและเพียงพอเรามีสติปัญญาที่เราสะสมอบรมไว้อย่างเพียงพอเมื่อเราไม่สามารถในงานใดเราอย่าคิดที่จะหนีงานหรือลดงานเราคิดที่จะเพิ่มความสามารถสร้างความสามารถเพิ่มความสามารถอย่าคิดที่จะลดงานให้น้อยลงหลีกหนีงานมากไปหางานน้อยหลีกหนีงานยากไปหางานง่ายอย่างนี้มันผิดธรรมชาติถ้าเราไม่มีความสามารถเราจงเพิ่มความสามารถอย่าไปลดหน้าที่การงานให้มันน้อยลงหรือมันง่ายลงความสามารถจะมีเพราะเราขวนขวายเพิ่มมันความสามารถทางร่างกายก็เพิ่ม ความสามารถทางกำลังจิตใจก็เพิ่มความสามารถทางสติปัญญาความรู้มันก็เพิ่มอย่างนี้เรียกว่าเพิ่มความสามารถอย่าไปลดงานให้มันน้อยลงหรือหนีงานยากไปหางานง่ายอย่างนั้นมันไม่ถูกนั่นคือความไม่สนุกความไม่สนุกในการทำหน้าที่การงานถ้ามีการต่อสู้เพื่อจะเอาชนะกันได้ด้วยการเพิ่มความสามารถจนได้การงานก็จะเป็นความสนุกๆถือว่าการงาน มันเป็นการสอบไล่ความเป็นมนุษย์ของตนเองพอได้รับมอบหมายงานได้มีการงานได้มีงานทำก็ได้ ถือว่านี่เป็นบทสอบไล่ความเป็นมนุษย์ของเราเองเราต้องทำให้ได้คือสอบไล่ได้สอบไล่ความเป็นมนุษย์ในขั้นต้นๆให้ได้แล้วก็สูงขึ้นไปตามลำดับนี่จะเป็นการบังคับเพื่อให้หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวันๆหนึ่งเราไม่ใช่สุนัขหรือแมวที่จะทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงไปวันหนึ่งๆเช้าชามเย็นชามๆเป็นเรื่องของสุนัขและแมวหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวันๆมันไม่ใช่เรื่องของมนุษย์ที่จะแสดงความสามารถของความเป็นมนุษย์เพื่อให้ถึงที่สุดเราจะต้องแก้ปัญหาข้อนี้กันในลักษณะอย่างนี้เราจะเพิ่มความสามารถของเราแต่ไม่ใช่ลดการงานให้น้อยลงหรือลดความยากและหนีไปหางานง่ายมันก็จะกลายเป็นสุนัขกับแมวหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวันๆเป็นเรื่องเช้าชามเย็นชามเราจะต้องทำงานให้สนุกเหมือนกับเล่นกีฬาทุกหน้าที่การงานเราจะจัดตัวเองให้เป็นผู้เล่นกีฬาเอาชนะ หน้าที่การงานได้ถ้าเราเล่นกีฬากับหน้าที่การงานนั้นเราก็ชนะกีฬาคือหน้าที่การงานทีนี้เราเป็น ผู้เล่นกีฬาด้วยตนเองเราเป็นผู้ตัดสินกีฬานั้นด้วยตนเองจะแพ้หรือจะชนะเราจะให้รางวัลหรือลงโทษนักกีฬานั้นด้วยตนเองซึ่งได้แก่ตนเองถ้าอย่างนี้การงานมันจะสนุกไม่ใช่หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวันหนึ่งๆแต่ว่ามันเป็นนักกีฬาที่เอาชนะกีฬาแห่งชีวิตซึ่งธรรมชาติมันได้มอบหมายให้มาอย่างเต็มที่ขอให้พิจารณาดูให้ดีๆถ้าจะมองกันให้ลึกไปกว่านั้นอีกเราก็จะถือว่าเราทำการงานเพื่อเป็นการทำสงครามกับมาร ทำสงครามกับพญามาร พญามารคือสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาโดยประการทั้งปวงสิ่งใดไม่น่าปรารถนาเป็นอุปสรรคขวางสิ่งนั้นเรียกว่ามารนั้นจะทำลายด้วยการทำสงครามกับมารจะฆ่ามารจะทำลายล้างมารให้วินาศไปไม่มาลอย หน้าได้อีกต่อไป ถ้ามุ่งหมายทำอย่างนี้ทำงานจะเป็นสุขตลอดเวลาที่ทำงานเป็นแน่นอนอย่าทำงานอย่างผู้เอาเปรียบผู้แพ้ผู้มีกิเลสมันไม่สำเร็จประโยชน์ในการที่จะเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจมันสูงสุดนี่เป็นนักรบเป็นนักต่อสู้ตลอดเวลาถ้าว่าการงานมันเพิ่มขึ้นมาการงานมันหนักกว่าเก่าเราไม่เคยคิดหลีกหนีเราเป็นนักรบเราจะต่อสู้ ถ้าเราสังเกตให้ดีจะรู้ว่าพองานมันเพิ่มขึ้นมามันสับสนเราไม่อยากให้มันเพิ่มอยากให้มันลดลงไปนี่เป็นความคิดผิดของผู้ที่ไม่เป็นนักต่อสู้ถ้าเป็นนักรบ นักต่อสู้ นักกีฬาแล้วเราก็จะพอใจเอาให้งานมันเพิ่มเข้ามาๆงานเพิ่มนั่นคือโชคมันเพิ่มฟังดูให้ดีๆว่างานมันเพิ่มด้วย งานมันอยากด้วย งานมันเพิ่มจำนวนด้วยโชคชะตามันเพิ่มเดี๋ยวนี้คนมันไม่คิดกันอย่างนั้น งานมันเพิ่มก็ต่อว่าเกินกำลังบ้างอะไรบ้างไม่มองว่าเป็นโชคถ้างานมันเพิ่มเราก็ต้องเห็นว่าโชคชะตามันเพิ่มถ้าทำงานมากทำงานอยากเป็นบุญกุศลแก่เราเราก็จะทำให้มันดีที่สุดเอาชนะกับมันให้ได้ถ้างานมันเพิ่มจะถือว่าโชคดีมันเพิ่มไม่ใช่โชคร้ายมันเพิ่มแต่ถ้าเป็นคนเห็นแก่ตัวทำไม่ได้หลอกๆมันจะทำกันได้กับผู้ที่ไม่เห็นแก่ตัวเราจะไม่แบ่งฝ่ายนายจ้างลูกจ้างจะถือว่าเป็นพรกันก็แล้วกันนายจ้างให้งานเราถือว่าเป็นนายจ้างถือว่าเป็นผู้ให้โอกาสให้โชคให้เราได้แสดงบทบาทของความเป็นมนุษย์นายจ้างเขาจะนึกเช่นใดชั่งหัวนายจ้างแล้วเราจะเป็นเพื่อนเกิด เพื่อนแก่ เพื่อนเจ็บ เพื่อนตาย เป็นเพื่อนช่วยกันสร้างโลกนี้ให้งดงามเงินที่เขาให้มาไม่ใช่ค่าจ้างเราไม่ใช่ลูกจ้างเราเป็นผู้สนองงานเพื่อให้โลกนี้มันมีสันติภาพพรุ่งนี้มันจะเต็มไปด้วยสิ่งน่ารัก น่าสนใจตามปรารถนาเรามีสิทธิที่จะคิดในใจอย่างนี้นายจ้างเขาจะคิดอย่างไรช่างหัวนายจ้างเราจะทำงานชนิดที่จะสร้างโลกนี้ให้งดงาม ถ้าอย่างนี้ท่านก็เป็นคนของพระเจ้าเป็นคนของพระพุทธเจ้ามาช่วยกันสร้างโลกนี้ให้งดงามสหกรณ์เป็นสิ่งที่มีค่ามีเกียจไม่ใช่ลูกจ้างทุกอย่างเป็นสหกรณ์ชีวิตเป็นสหกรณ์ตัวชีวิตแท้ๆเป็นสหกรณ์หลายสิ่งหลายอย่างเป็นองค์ประกอบชีวิตนี้มันอยู่ได้ในร่างกายแขน ขา มือ ตีนก็ทำหน้าที่ของมันตับไตไส้พุงก็ทำหน้าที่ของมันเลือดเนื้อทำหน้าที่ของมัน มันสมองทำหน้าที่ของมันทุกส่วนทุกๆเซลในร่างกายทำหน้าที่ของมันร่วมกันเป็นสหกรณ์ให้ชีวิตมันอยู่ได้โลกนี้ก็เหมือนกันถ้าอยู่อย่างนี้จะมีแต่ความรักความสมัครสมานสามัคคีโลกนี้จะงดงามโดยไม่ต้องสงสัยงานก็จะสนุกถ้าว่าทุกคนเป็นสมาชิกสหกรณ์สร้างโลกนี้ให้มีสันติเป็นโลกแห่งสันติภาพตลอดเวลาที่ทำงานมันสนุกๆเพราะว่ามันไม่เห็นแก่ตัวตัวกู ตัวกู ของกูเขี่ยมันทิ้งเสียให้หมดให้มันเหลือตัวกูของกูสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ ธรรมะแล้วงานนี้ก็จะสนุกและจะเป็นสุขตลอดเวลามันเป็นสุขตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มทำจนถึงนาทีสุดท้ายเพราะมันสนุก สนุกด้วยความถูกต้องๆพอใจๆรู้สึกว่าถูกต้องๆมีโอกาสแสดงความสามารถด้วยสติปัญญาความเข้มแข็งมีความสุขแล้วก็ถูกต้องพอใจมันก็เลยเป็นสิ่งเดียวไม่ต้องแยกชีวิตกับการงานงานก็ชีวิตชีวิตก็เป็นงานเป็นเรื่องเดียวกันไปเสียแล้วก็เจริญงอกงามต้นไม้ต้นไร่ได้สิ่งปัจจัยมันก็งอกงามเหมือนกับต้นไม้ที่ได้ดินดีอาหารดีชีวิตนี้มันก็จะเป็นอย่างนี้ได้ถ้ามีตัวกูเข้ามาแทรกมันก็คอยแต่จะเอาเปรียบทำงานน้อยคอย แต่อิจฉาริษยาอย่างนี้จะไม่สนุกงานนี้จะไม่สนุกเลยสักนิดเดียวขอให้เกิดมาวิวัฒนาการแห่งความเป็นมนุษย์มิใช่เกิดมาเพื่อหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปในชีวิตวันหนึ่งๆมันเด็กเกินไปเกิดมาเพื่อวิวัฒนาการความเป็นมนุษย์ให้มีความเป็นมนุษย์ที่สูงยิ่งๆขึ้นไปถ้าตั้งใจอย่างนี้แล้วงานจะสนุกแล้วจะเป็นสุขตลอดการทำงานโดยไม่ต้องสงสัยเลยพอใจทำให้ถูกต้องทุกกระเบียดนิ้วทุกวินาทีล้างหน้า ถูฟัน กินข้าว ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ล้างถ้วยล้างจาน กวาดบ้านถูเรือนมันก็ได้ก็ยังสนุกอยู่ได้ ถ้าว่ามีจิตใจประกอบด้วยธรรมะทำงานที่บ้านก็เป็นสุข ทำงานที่ออฟฟิตก็เป็นสุขเวลาทำการงานก็เป็นสุขเวลาพักผ่อนถ้าพักผ่อนไม่เป็นเต็มไปด้วยตัวกูมันก็นอนไม่หลับพอปราศจากตัวกูก็นอนหลับสนิททำงานก็เป็นสุขพักผ่อนก็เป็นสุขเรียกว่าเป็นสุขโดยประการทั้งปวงตลอดเวลาเพราะว่าท่านทั้งหลายคงจะรู้จักสิ่งที่เรียกว่าธรรมะมากขึ้นจะต้องแสวงหาสะสมไว้ให้มากพอป้องกัน โรคนี้มันเจริญทางวัตถุจะไปสู่ความวินาศเราจะช่วยกันต่อต้านไว้หรือว่าถ้าบนโลกมันจะวินาศ วินาศแต่ผู้อื่นผู้มีธรรมะไม่วินาศผู้มีธรรมะไม่วินาศแม้ว่าโลกนี้มันจะวินาศ ผู้มีธรรมะไม่รู้จักตายความตายไม่เป็นความตายเพราะเขาไม่มีตัวกูที่จะเห็นแก่กูมันก็มีแต่การกระทำที่ถูกต้องมีชีวิตที่ถูกต้องมีชีวิตที่สนุกสนานเป็นสุขอยู่ทุกเวลาทำงานทุกกระเบียดนิ้วขอให้ท่านทั้งหลายพยายามทำความเข้าใจกับกฎเกณฑ์อันนี้ว่าธรรมชาติพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่พูดนี้เดี๋ยวนี้ไม่เชื่อก็ได้ไม่ขอร้องให้เชื่อแต่ให้ไปคิดดู ๆ มันจะเชื่อตนเองเชื่อตัวเองไม่ต้องเชื่ออาตมาเมื่อนั้นแหละจะตรงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้เชื่อตัวเองไม่ต้องเชื่อผู้พูดเมื่อเชื่อตัวเองเท่าไรก็ลองทำดูเมื่อได้ประโยชน์แล้วก็เชื่อทำต่อไปจนถึงที่สุดสูงที่สุดเท่าที่มนุษย์จะทำได้ไปกันได้จะสูงสุดกันเท่าไรในสิ่งที่สำคัญที่สุดประเสริฐที่สุดน่าจะคือธรรมะ จึงขอแสดงความยินดีพอใจอนุโมทนาในการที่ท่านทั้งหลายมาสู่สถานที่นี้ในลักษณะอย่างนี้คือมาเพื่อแสวงหาความรู้ทางธรรมะถูกต้องในหน้าที่การงานเพื่อต่อสู้กับอุปสรรคทั้งหลายเพื่อจะเอาชนะในการเกิดมาเป็นมนุษย์นี้ให้ได้ที่สุดขอแสดงความยินดีขออนุโมทนาขอจบการบรรยายลงด้วยความสมควรแก่เวลาขอแสดงความหวังว่าท่านทั้งหลายจะประสบความสำเร็จในหน้าที่ชีวิตและการเจริญเป็นสุขอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ
http://www.vcharkarn.com/varticle/33147