มาฆบูชาเทศนากัณฑ์ ๑ โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ
หน้าที่ 1 – วิเกตะบท
มาฆบูชาเทศนากัณฑ์ ๑ ( 1:44:05)
นะโม� ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ อัพยาปัจชัง สุขังโลเก ปานะกูเตสุขังยะโม สุขาวิลากะตาโลเก กามานังกะมาสิกะโมอัสสะนิมาวิสะวินะโยเอตังเวกะระมังสุขัง นิขะโมสะกะจังสุโขตินะ
บัดนี้อาตมาภาพจะได้วิสัชนาของผู้มีพระภาคเจ้ามันเป็นที่พึ่งของเราทั้งหลายด้วยหัวข้อที่ยกมาเป็นวิเกตะบทนั้นกว่าจะยุติลงด้วยความสมควรแก่เวลาธรรมมาเทศนาในครั้งนี้ท่านทั้งหลายก็ทราบได้ดีอยู่แล้วว่าธรรมมานาสะปานาลกมาฆบูชาคือการบูชาอย่างยิ่งที่กระทำในวันนี้คือวันแห่งมาฆบูชาเป็นที่ระลึกแก่พระอรหันต์ทั้งหลายผู้ได้มาประชุมกันและมีการประกาศหลักพระพุทธศาสนาในที่ที่ตรงนั้นโดยพระอรหันต์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเรามาทำในใจให้สำเร็จประโยชน์พระสงฆ์ตามเหตุการณ์ที่มีอยู่ในวันนั้นทุกกันเถิด
อัตตามาขอแสดงความยินดีในการมาขอท่านทั้งหลายจากที่ใกล้หลายภาคหลายจังหวัดก็มีมาเป็นอยู่กันในที่นี้มีเหตุผลที่ควรจะกระทำคือจะได้รับผลดีกว่าที่ไม่ได้กระทำนี้มันเหตุผลง่ายๆซื่อๆอย่างนี้คือจะได้เป็นการย้ำความรู้สึกแห่งจิตใจในการที่มีความเชื่อความเสื่อมใสในพุทธศาสนาวันมาฆบูชาเป็นวันที่ควรจะถือว่าเป็นวันที่พระสงฆ์พระสงฆ์ทั้งปวงพระพุทธศาสนาและที่จะกล่าวกันได้ว่าวันวิสาขบูชาวันแรกนั้นเป็นพระพุทธเจ้ามีเหตุการณ์ต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าวันทันมาวันอาสาฬหบูชาและวันสัจธรรมเดี่ยวกับวันประกาศสัจธรรมที่จะได้ตรัสรู้ในโลกต่อมาก็ถึงวันมาฆบูชาเป็นวันที่พระอรหันต์ประชุมกันหลายร้อยรูปในลักษณะที่แสดงให้เห็นว่าคณะพระสงฆ์เป็นปรึกแผ่นแล้วและมีความเป็นพิเศษอย่างหนึ่งทุกองค์เป็นพระอรหันต์มารวมกัน พันหว่ารูปมันไม่ใช่เหตุการณ์ที่พิเศษสูงสุดไปได้ไงกัน
ขอให้เราดูข้อนี้ใจความพิเศษอันนี้คือวันพระอรหันต์หรือวันมาฆบูชาก็ตามก็ได้แก่โอวาทที่พระองค์ทรงแสดงไว้เป็นหลักยึดถือเป็นหลักทั่วไปในพระพุทธศาสนามีใจความสำคัญที่ท่านทั้งหลายได้ยิน ได้ฟัง ได้สวดกันอยู่แล้วว่าสัพพะตาตะสะกะระนังไม่ทำทำบาปทั้งปวงทำความดีถึงพร้อมปะติจะวะโรวะนังทำจิตของตนให้ขาวรอดและทำตนให้ขาวรอดอะติโยทะปะนะแปลว่าขาวรอดใจความสำคัญมันอยู่ที่ตรงนี้ไม่ทำบาปทุ้งปวงเมื่อทำความดีกุศลทั้งปวงและก็ทำจิตให้บริสุทธิ์เอตังพุทธาสาสะนังนี่เป็นหลักคำสอนของพุทธเจ้าทั้งหลายข้อนี้มันหมายถึงผู้รู้พระเจ้าพระองค์ไหนก็ตามล้วนแต่สอนเป็นใจความอย่างนี้ 3 ข้อนี้และอาตมาก็เชื่อว่าพวกที่ไม่ใช่พุทธศาสนาที่แท้จึงเป็นศาสนาอยู่ก่อนเขาก็มีหลักอย่างนี้เหมือนกันถ้าเขาเป็นผู้รู้แต่ยังไม่ถึงขนาดสูงสุดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่เขาก็เป็นผู้รู้นั้นเขาก็สอน 3 ข้อนี้เหมือนกัน มันก็ถามจะตามกันอย่างไรมันก็ตามทำผิดให้บริสุทธิ์ทำอย่างไรบริสุทธิ์ตามลัทธิหนึ่งศาสนาหนึ่งเป็นอย่างหนึ่งๆบริสุทธิ์ตามพระพุทธศาสนาเป็นอย่างไร
ถ้าพูดให้สั้นคือทำจิตให้หมดสิ้นความยึดมั่นถือมั่นว่าตัวตนความยึดมั่นถือมั่นว่าตัวตนจากจิตให้หมดสิ้นจิตจึงจะขาวลอกจิตจะถึงที่สุดสูงสุดตามพุทธศาสนาผู้อื่นเขาก็สุดแท้ตามใจเขา เขาก็นิยมหลักข้อนี้เหมือนกันแหละว่าทำจิตให้สูงให้บริสุทธิ์มันเป็นธรรมะสูงสุดเราจะถือเอาตามพระบาลีที่ทรงแสดงไว้ในเรื่องของความสุขมาให้เห็นพระพุทธเจ้าได้ตรัสความสุขไว้เป็น 3 ระดับ อันดับแรกเป็นลำดับที่ไม่เบียดเบียน อัพยาปัจชังสุขังโลเก ภูเตสุสันยะโม ความสำรวมในสัตว์มีชีวิตทั้งหลายนั่นแหละไม่เบียดเบียนในโลกอันดับแรกก็ไม่เบียดเบียน
�อันที่ 2 สุขาวิราโลเก กามานังสะมะติสะโม อันที่ 2 ก็ว่ากายความกำนัดยึดถือก้าวร่วงกามได้จะมีความสุข สูงขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 ส่วนจิตพลาดจากกาม ส่วนอันสุดท้าย อัสสะวิมานะสะวินะโย เอตังเว กะระมังสุขัง การนำอัสสะวิมานะออกซะได้เป็นความสุขสูงสุด นี่คำว่าเวนำความยึดมั่นถือมั่นว่าเราเป็น ความหมายมั่นว่าจิตเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้อัสสะวิมานะ คือมันมีตัวตนฉันเป็นอย่างนั้นฉันเป็นอย่างนี้นำอัสสะวิมานะอย่างนี้ออกซะได้เป็นความสุขสูงสุดหมดความยึดมั่นถือมั่นว่าตัวตนไม่เห็นแก่ตนแล้วมันก็ไม่มีกิเลสใดๆเกิดขึ้นมาได้มันจึงเป็นความปราศจากกิเลสด้วยประการทั้งปวง
แล้วมันก็ไม่เบียดเบียนใครนี่หมดความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนเป็นความสุขสูงสุดการทำจิตให้บริสุทธิ์สูงสุดก็ตรงนี้แหละคือละอัสสะวิมานะว่าตัวตนอย่างนั้นอย่างนี้คือเราต้องรู้ข้อที่สูงสุดข้อนี้จากความยึดมั่นถือมั่นว่าตัวตน สะจิตตะมะโยทะปะนัง ทำจิตให้ขาวรอดให้เกลี้ยงจากความยึดมั่นถือมั่นว่าตัวตนขอให้กำหนดคำๆนี้ไว้ที่มันสำคัญที่สุด ที่เราพูดกันมากี่ปีๆมันก็ยังไม่เห็นผลซึ่งยังมีตัวตนมากขึ้นด้วยซ้ำไปดูให้ดีไม่ต้องเข้าใครออกใครเชื่อลูกตาตนเองว่าในโลกนี้มันเต็มไปด้วยว่าตัวตน ว่าของกู แล้วก็เห็นแก่ตัวตนเห็นแก่ตัวกูมากขึ้นในโลกเราจะได้พิจารณาดูให้ดีเดี๋ยวนี้มันฝ่ายเลวที่สุดมันมีตัวตน ฝ่ายสูงสุดก็อยู่ทีความไม่มีตัวตนไม่เห็นแก่ตนโลกมันกำลังจะวินาศเพราะมันไม่เห็นแก่ตนเพิ่มความเห็นแก่ตนท่านดูเองก็จะเห็นไม่ต้องเชื่ออาตมาแต่ถ้าท่านเป็นคนขี้เกียจดูก็มี
ไม่อยากดูก็มีก็ไม่เห็นทุกคนลองสนใจดูมันจะเห็นโลกนี้กำลังเพิ่มๆๆๆความเห็นแก่ตนๆๆทุกๆเดือนทุกๆทีและไม่หยุดนิ่งไม่ได้ถอยกับนี่คือปัญหาซึ่งเราจะต้องมีธรรมะที่ถูกต้องซึ่งทำลายความเห็นแก่ตนๆป้องกันไม่ให้มันเกิดที่มันเกิดก็ลดลงให้มันหมดสิ้นไปนั่นคือธรรมะที่จะต้องประพฤติปฏิบัติมันก็รวมอยู่ที่นี่มันคือไม่เห็นแก่ตนคนทำบาปมันก็เพราะเห็นแก่กิเลสไม่ได้ เห็นแก่ความถูกต้องแม้ว่ามันเมาบุญเมากุศลมันก็เห็นแก่ตนข้อนี้ฟังให้ดีอย่าเห็นว่ามันเป็นเรื่องทำลายล้าง
แม้แต่บุญกุศลในเมืองเทวดาบนสวรรค์ถ้ามันบ้ากามมารมย์มันก็เห็นแก่ตนกันทั้งนั้นแม้เป็นชั้นพรมถ้ามันเมาตัวตนมันก็ไม่นิพพาน พวกพรมไม่นิพพานก็เพราะมันมีตัวตนยิ่งกว่าพวกใดมันมีตัวตนตั้งแต่มนุษย์ สวรรค์มันก็เมาตัวตนแม้ว่าชั้นสวรรค์ไม่เบียดเบียนใครก็เบียดเบียนตัวเองยึดถือตัวตนหนักอึ่งอยู่ตลอดเวลามีโมหะมีอวิชชาว่าตัวตนไม่อยากตายมีข้อความกล่าวไว้ว่าพวกพรมทั้งหลายก็กล่าวว่าสิ้นตัวตนหมดสักกายะดับสักกายะสิ้นตัวตนกลัวที่สุดกลัวกว่ามนุษย์ธรรมดาเพราะพวกพรมไม่อยากตายยิ่งกว่ามนุษย์ธรรมดาเสียอีกเพราะมันได้รับความสุขสูงสุดมันเลยไม่อยากตาย
�พวกมนุษย์บางทีก็อยากตายเพราะมันมีเรื่องยุ่งยากทำเล่นตัวตนๆถ้ามันดีอย่างที่พอใจมันก็แบกไว้ยึดไว้ไม่อยากจะตายถ้าไม่ถึงนิพพานก็ไม่หมดตัวตนในโลกสัตว์เดรัชฉานก็มีตัวตน ในโลกมนุษย์ก็มีตัวตน บนสวรรค์ก็มีตัวตน ในเมืองพรมยมโลกก็มีตัวตนมันมีตัวตนแบบใดแบบหนึ่งเห็นแก่ตนอย่างเลวก็เบียดเบียนผู้อื่น ถือตัวตนก็ดีมันไม่เบียดเบียนใครมันเบียดเบียนตัวเองมันนั่นแหละมันหนักอยู่ที่ตัวเองอย่างนี้เรียกว่าเบียดเบียนตัวเอง ถ้ามันเป็นอย่างเลวมันก็เบียดเบียนทั้ง 2 ฝ่ายคือเบียดเบียนตัวเองและผู้อื่นดีเกินไปก็เบียดเบียนแต่ตนเองไม่เบียดเบียนใครต่อเมื่อหมดความเห็นแก่ตนเราจะไม่เบียดเบียนใครด้วยประการทั้งปวงนี่เราต้องมีธรรมะสูงสุดนี้ธรรมะประเสริฐที่สุดคือไม่ยึดมั่นถือมั่นตัวตนดังบทบาลีที่ว่าอัสสะวิมานะโยเอตังเวปะระมัวสุขัง ละอัสสะวิได้คือสุขอย่างยิ่งขอให้เรามีธรรมะสูงสุดนี้
ข้อแรกก็มีให้เรียนรู้ ต่อไปก็ปฏิบัติให้ได้มีอย่างที่ปฏิบัติได้ ต่อไปก็ได้รับผลการปฏิบัติการมีธรรมะแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนอย่าประมาทข้อแรกเรียนรู้ก็ต้องเรียนให้รู้ก็มีธรรมะอย่างเรียนรู้ ก็ปฏิบัติให้ได้ก็มีธรรมะอย่างปฏิบัติได้รับผลของการปฏิบัติมีความสุขสงบเย็นก็เรียกได้รับผลของการปฏิบัติขอแสดงความหวังว่าให้ท่าทั้งหลายทุกคนมีความรู้ให้ครบทั้ง 3 สถานเรียนรู้ก็มี ปฏิบัติได้ก็มี ได้รับผลของการปฏิบัติได้ก็มีดังนี้ธรรมะอะไรสูงสุดในพระพุทธศาสนา ประเสริฐที่สุดที่จะคุ้มครองท่านทั้งหลายทั้งปวงให้พ้นจากความทุกข์ธรรมะเราต้องรู้จักๆๆๆยิ่งกว่ารู้จักโดยทำให้มีขึ้นมาในตนมันก็อยู่ที่ว่าต้องฟังให้ดี ข้อแรกฟังให้ดีเข้าใจ ปฏิบัติให้ได้นี้ถ้าว่าเราฟังไม่ดีสมมุติว่าตรงนี้ฟังไม่ดีมันก็เกิดการเป่าปี่ให้เต่าฟังอาตมาไม่ต้องเป่าปี่ให้แรดฟังตรงนี้ถ้าพูดไม่ถูกคนฟังก็ฟังไม่ถูกเป็นเป่าปี่ให้แรดฟังมันโง่ทั้ง 2 ฝ่ายเคยเป่าปี่ให้แรดฟังไม่ใช่ฉลาดมันก็โง่ทั้งคนเป่าทั้งคนฟัง ถ้าฟังไม่ดีขอให้ท่านทั้งหลายฟังให้ดีอย่าให้เกิดการเป่าปี่ให้แรดฟังตรงนี้นี่คงจะไม่ลืมว่าอย่ามีการเป่าปี่ให้แรดฟัง มีการเป่าปี่ให้คนฟังผู้ที่รู้จักความไพเราะของพระธรรม ของพระศาสนา ของพรมจันทร์ที่กัณระนายังไพเราะในเบื้องต้น มัจเชกัลยานังไพเราะในที่สุดถ้าเห็นการไพเราะใน 3 สถานอย่างนี้ไม่มีการเป่าปี่ให้แรดฟังก็มันรู้ว่าไพเราะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่สั่งสอนไพเราะทุกข้อถ้าเป็นเบื้องต้นก็ไพเราะเบื้องต้น ถ้าเป็นท่ามกลางก็ไพเราะท่ามกลาง ถ้าเป็นสูงสุดก็ไพเราะสูงสุดมีแต่ความไพเราะทั้งนั้น
�ไพเราะหมดก็ต้องเห็นแก่ตัวข้อนี้ท้าทายทั่วโลกศาสนาไหนสอนอย่างนี้ศาสนาไหนสอนสูงขึ้นมาถึงหมดความเห็นแก่ตัวหาให้พบมันมีแต่สอนให้มีตัวดีที่สุดอยู่กับพระเจ้าอยู่กับตัวเองก็ได้มีตัวดีที่สุดพระพุทธเจ้าหมดตัวกันที่นี่ไม่ใช่หมดตัวตอนตายแล้วถ้าหมดตัวตอนตายแล้วมันก็ฆ่าตัวเองก็หมดเรื่องมันยิ่งฆ่าตัวตายมันยิ่งตายโดยไม่รู้จักตัวนั้นเราจะฟังถูกคือไม่เป็นแรดฟังถูกคือฆ่าตัวเองตายมันเป็นอย่างไรไม่ใช่เอามีดไปเชือดตัวเองตายแต่ว่าเอาปัญญาที่คมที่สุดมาตัดความโง่ว่าตัวกูไปเสีย ตัวกูมีว่างจากตัวกูก็เรียกว่าตายได้เหมือนกันไม่ใช่ตายอย่างธรรมดามันตายอย่างทำให้ว่างไปไม่มีตัวตน ฟังให้ดีสอนกันมาผิดๆว่านิพพานคือความตายไปดูเถอะมันไม่ตายอย่างฆ่าตัวตายหรือเข้าโรงคือมันยังวิ่งได้ตายก่อนเข้าโรงเรียกว่าตายอย่างธรรมะสูงสุดพอไม่มีตัวตนๆจงดูมันมีอะไรเกิดขึ้นมันไม่มีปัญหายิ่งเกิดราคะ โทสะ โมหะไม่ได้มันก็เกิดตัวตนไม่ได้เกิดของตนไม่ได้มันก็ไม่มีปัญหาไม่ความทุกข์มันเป็นธรรมะสูงสุดเราเป็นมนุษย์พวกที่ได้รับธรรมะสูงสุดจากพระพุทธเจ้าซึ่งพวกอื่นไม่มีเขาไม่สอนอย่างนี้ซึ่งโชคดีเป็นโชคดีของเราคือได้รับประโยชน์โดยแท้จริงจะได้พูดเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องที่เข้าใจ เรื่องมีตัวและก็ไม่เห็นแก่ตัวธรรมะสูงสุดๆอยู่ที่ว่าไม่เห็นแก่ตัวเพราะว่าไม่มีตัว
�ทำไมไม่มีตัวเพราะมีแต่ธาตุดิน น้ำ ลม อากาศ วิญญาณธาตุนี้เป็นของธรรมชาติ ธรรมชาติให้ยืมมาเป็นชีวิต 1.ปรากฏมาเป็นคนๆหนึ่งนี้มันเหมือนกับว่าเป็นชีวิตที่ธรรมชาติให้ยืมมามันก็พัฒนาชีวิตนี้ให้โดยเร็วจนถึงที่สุดของวิชาความรู้อย่างที่ว่าเห็นได้เลยว่ามันไม่มีตัวของมันเพราะมันเป็นชีวิตที่ยืมมาจากธรรมชาติ เป็นธาตุธรรมชาติ เป็นของธรรมชาติไม่ต้องมีตัวอย่าอวดดียกหูชูหางว่ามีตัวกูมันคนโง่มันเหลือที่จะโง่ที่ความคิดว่ามันมีตัวกูนั้นเป็นยอดสุดของความโง่จงรู้ยอดสุดของธรรมะว่าตัวกูมันไม่มีมันเป็นเพียงความโง่เกิดมาจากความโง่แล้วก็คิดเอาเองตาเห็นรูปมันก็ว่ากูเห็นรูปมันทั้งโง่ทั้งโกงตาเห็นรูประบบประสาทตาในกลุ่มตามันเห็นรูปแต่ชาติโง่ชาติขี้โกงก็ว่าตัวเห็นรูป พอหูได้ยินเสียงระบบประสาทหูได้ยินเสียงมันว่ากูได้ยินเสียง ระบบประสาทจมูกได้กลิ่นมันก็ว่ากูได้กลิ่นระบบประสาทลิ้นมันได้รสกูได้รส ระบบประสาทกายสัมผัสมันก็ว่ากูได้สัมผัสกูผีหลอกมันไม่ใช่ตัวจริงแล้วมันก็เกิดขึ้นมานั่นแหละมันมีปัญหาที่ว่ามันไม่ใช่ของจริงลูกเด็กๆก็พอจะเข้าใจได้ พูดให้ฟังลูกเด็กๆพอกินข้าวเคี้ยวไปไม่อร่อยลิ้นมันไม่อร่อยมันก็กูไม่อร่อยมันก็อย่างนี้มันโง่มันชิงเอาลิ้นมาเป็นของกู
�ถ้ามันอร่อยลิ้นมันอร่อยมันก็กูอร่อยเธอคิดเลขดูสิว่ามันต่างกันกี่มากน้อย ลิ้นไม่อร่อยกูไม่อร่อยมันต่างกันกี่มากน้อย ลิ้นไม่อร่อยมันมีปัญหาอะไร ถ้ากูไม่อร่อยมันเตะหม้อข้าวแตกถ้ากูไม่อร่อย ถ้าลิ้นอร่อยมันก็เท่านั้นถ้ากูอร่อยมันก็บ้าซื้อหามาใหญ่นั้นจึงว่ากูอร่อยกับระบบประสาทอร่อยมันต่างกันมากถ้าเห็นว่าไอ้ตาเห็นว่าสวยกับกูเห็นว่าสวยมันต่างกันมาก ตาเห็นว่าสวยมันก็ทักตามธรรมชาติแต่ถ้ากูเห็นว่าสวยนั้นมันก็ทำอย่างกิเลสตัณหาที่มันจะทำ เรื่องไพเราะก็ดี เรื่องหอมเรื่องเหม็นก็ดีอะไรก็ดีทุกๆเรื่องถ้ามันเป็นเรื่องของกูแล้วมันมีความหมายมากมันเกิดกิเลสขึ้นมาทุกชนิดฝ่ายพอใจมันก็เอาเป็นของกูถ้าฝ่ายไม่พอใจมันก็ฆ่าทำลายนี่เกิดกิเลสราคะมาบ้าง เกิดกิเลสโทสะ ขึ้นมาทำลายนี่เกิดกิเลสประเภทโมหะไม่รู้จะทำอะไรดีวิ่งอยู่รอบๆกิเลสประเภทหนึ่งดูดเข้ามาหาตัวพวก โรพะ ราคะ
พวกหนึ่งว่าเป็นลบผลักออกจะฆ่ากิเลสพวกนี้เรียกว่าโทสะขึ้นชื่อว่าหัวหน้า กิเลสวิ่งอยู่รอบๆไม่รู้จะเอาอย่างไรนี่เรียกว่าโมหะเพราะมีตัวกูเท่านั้นแหละถ้าไม่มีตัวก็มันก็เกิดชอบอะไรหรือไม่ชอบ มันไม่เกิดราคะ โทสะ โมหะ ถ้ามันไม่มีความรู้สึกว่าเป็นตัวกูมันไม่มีผู้ที่รู้สึกว่าน่ารักหรือไม่น่ารักน่าพอใจหรือไม่น่าพอใจนั้นเป็นเรื่องของ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจล้วนๆมันไม่มีความหมายเป็นกิเลสแต่ถ้ามันเป็นเรื่องของกูมันก็เป็นความหมายของกิเลส ราคะ โทสะ โมหะก็เป็นไฟเผาให้เร่าร้อนและเป็นทุกข์ถ้าหมดกิเลสเหล่านั้นก็เป็นนิพพาน มันไม่มีราคะ โทสะ
�โมหะนี่ก็เรียกว่านิพพานธรรมะสูงสุดมันมีอยู่อย่างนี้ให้ท่านรู้ว่าชีวิตที่รักที่หวงแหนนักหนามันไม่ใช่ตัวและมันก็ไม่ใช่ของตัวเองมันเป็นของบที่ยืมมาจากธรรมชาติมาเป็นของชีวิตไม่เกิน 100ปีมันก็ตายคืนเจ้าของนี่เราต้องจัดการควบคุมแล้วแต่จะเรียกกับสิ่งที่เรียกว่าชีวิตๆอย่าให้มันเกิดเป็นทุกข์ขึ้นมาให้มันเกิดสงบเย็นยิ่งขึ้นๆๆ สงบเย็นยิ่งขึ้นส่วนตัวถึงที่สุดแล้วก็ช่วยผู้อื่นให้สงบเย็นด้วยคือเป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและแก่ผู้อื่นในลักษณะอย่างนี้เรียกว่าได้สิ่งที่ดีที่สุด ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ได้มีสิ่งที่ดีที่สุดแต่ก็ไม่ใช่ของตัวเป็นของธรรมชาติยืมมานั้นในจิตที่เป็นชีวิต ที่มีจิต จิตนั้นอย่าได้โง่เป็นตัวกูอะไรเป็นของกูตัวกูเป็นของกูไม่รู้ว่าเป็นธาตุตามธรรมชาติ
ส่วนหนึ่งเป็นร่างกาย ส่วนหนึ่งเป็นจิตใจส่วนที่เป็นจิตใจคิดได้หลายอย่างคิดโง่ๆก็ได้ คิดฉลาดก็ได้ คิดผิดก็ได้ คิดถูกก็ได้ถ้ามันเป็นไปเพื่อความผิดแล้วเราก็คิดผิดการกระทำก็ผิดถ้ามันเป็นไปด้วยความถูกต้อง ถ้ามันไม่เป็นไปเพื่อความทุกข์มันไม่มีปัญหาก็เรียกว่าถูก จิตได้หลงโง่ว่าเป็นตัวกูนั้นอะไรเกิดขึ้นแก่จิตก็อย่าเอาเป็นของกูเป็นของธรรมชาติซึ่งเป็นของสากลอยู่ตลอดกาลนิรันดรสรุปว่าธรรมะสูงสุดก็สอนเรื่องความไม่มีตัวตนไม่มีของตนถ้ามันลึกมันก็ยาก มันลึกที่สุดคือการไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่ของตนมันลึกมันฟังยากเมื่อยังฟังไม่ออกก็เป็นแรดจะเป่าปี่กันเท่าไรก็เป็นแรดยังฟังไม่ถูกจึงเป็นแรดกันไปก่อนจนกว่าเมื่อไรก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันก็บอกไม่ถูกมันจะค่อยคายจากความเป็นแรดแล้วก็ฟังถูกแล้วก็รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์พูดอย่างนี้กันดีไหมว่ามาฆะ วิสาขะ
แต่ละปีมากันทุกปีมาเพื่อลดความเป็นแรดๆให้น้อยลงๆๆจนกว่าจะหายความเป็นแรดปุถุชนมันจะหายความเป็นอริยะเจ้าถ้ามันยังเป็นแรดมันยังเป็นปุถุชน ค่อยๆลดลงไปความเป็นอริยะเข้ามาแทนนั่นก็ขอให้พยายามอย่างนี้ทุกปีๆขอให้มันลดความเป็นแรดลงไปให้มันเพิ่มความเป็นอริยะเจ้าขึ้นมาถ้าอย่างนี้คุ้มค่า ภาคเหนือ ภาคอีสานคุ้มค่าไหม คุ้มค่าเวลา คุ้มค่าเหนื่อย ค่าเงินไหมอาตมาคิดว่าถ้าลดความเป็นแรดได้สักนิดคุ้มค่าไม่ต้องทั้งหมดค่าเงิน ค่าเดินทาง ค่าเหนื่อยเวลาที่เสียไปมันคุ้มค่ามาแล้วมันทำให้มีธรรมะที่แท้จริง สูงสุดในพระพุทธศาสนามันเกิดขึ้นในจิตใจมันก็คุ้มค่านี่ก็ไม่ต้องพูดถึงคนมาแต่ไกลคนที่อยู่ใกล้ๆมันก็ไม่คุ้มค่ามันไม่ลดความเป็นแรดๆต่อให้อยู่ที่วัดถ้ามี่ลดความเป็นแรดก็ไม่คุ้มค่าในวัดก็มีแรดอยู่ฝูงหนึ่งเหมือนกันขอให้เข้าใจกันอย่างนั้นจะดีกว่าพูดกันเท่าไรมันก็ไม่รู้เรื่องมีแต่ตัวกูยกหูชูหางอยู่เรื่อยไปอย่างนี้มันก็เป็นแรดตัวกูของกูมีแต่ความดื้อรั้นประชดประชันไม่เอาความจริงเป็นหลักกิเลสเป็นหลัก
ขออภัยพูดแรงไปหน่อยเพราะอีกไม่กี่ปีมันจะตายแล้วอาตมาจะตายแล้วไม่แน่อีกไม่กี่เดือนก็ได้อย่างนี้มันไม่มีแรงอยู่อย่างคนไม่มีแรง สบายดีแต่ไม่มีแรงนี่มันจะตายมันเป็นบาปที่มันมีอะไรอยู่เกินรพระพุทธเจ้าไป 5 ปีแล้วเป็นบาปทั้งนั้นมันก็เลยยุ่งยากมีอายุเกินพระพุทธเจ้าไป 5ปีอีกไม่กี่ปีมันก็ต้องตายก่อนที่มันจะตายจากกันเสียก่อนขอพูดอะไรตรงๆสักหน่อยขอให้ทุกคนพยายามรู้ธรรมะอันสูงสุดไม่มีอะไรยิ่งไปกว่าธรรมะ รู้ธรรมะเรื่องสูงสุดก็คือรู้เรื่องมีตัวตน ไม่มีตัวตน ตัวตนเป็นเพียงความรู้สึกของจิตโง่ของจิตที่เป็นผีหลอกมันโง่ตามธรรมชาติแทงเข้าไปที่เท้ามันก็ไม่คิดว่าหนามแทงมันว่ากูเจ็บหนามแทงกูตัวกูมันรออยู่มันโง่ที่ว่าหนามแทงแล้วมันจึงว่าตัวกู ตัวกูมันเป็นปฏิกิริยาของความโง่เมื่อมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม เมื่อมันมีความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตามออกมารับเป็นตัวกูของกูเมื่ออยู่ในท้องแม่คิดอย่างนี้ไม่เป็นเพราะมันไม่มีอะไรมากระทบจิตพอออกจากท้องแม่มันมีอะไรมากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจแล้วมันก็รู้สึกว่าเป็นบวกเป็นลบ นั้นเด็กๆจึงมีความรู้สึกเป็นตัวกูทางบวก ทางลบหรือจะเป็นบวกเป็นลบก็โมหะไปตามเรื่องเกิดมาแล้วก็ถูกสอนข้อนี้คนเลี้ยงเด็กมันสอนเด็กให้โง่ว่าอะไรก็ของหนู บ้านของหนู พ่อแม่ของหนู เงินของหนูอะไรของหนูเด็กมันก็โง่ไปอีก นี่ถ้าเด็กมันวิ่งไปชนเสาชนเก้าอี้เตะก้าวอี้เข้าไปอีกตีเก้าอี้มันมึงเจ็บก็ช่วยตีด้วยๆมันสอนให้เด็กโง่ขึ้นไปอีกโง่คนเดียวไม่พอตีเก้าอี้เป็นอย่างนี้มาพ่อแม่คอยถนอมให้ได้ตามที่ต้องการที่สบายที่สุดให้อร่อยที่สุด
http://www.vcharkarn.com/varticle/34169