เกร็ดธรรม คำสอน – ท่านพุทธทาส ภิกขุ
นายเสรี ลพยิ้ม บันทึก: เกร็ดธรรม คำสอน – ท่านพุทธทาส ภิกขุ มีคำพูดคำหนึ่งที่น่าประทับใจ ของท่านพุทธทาส ได้กล่าวไว้ประโยคหนึ่งก็คือ “วันทั้งวัน ฉันไม่ได้ทำอะไร” คำกล่าวนี้ถือได้ว่า เป็นการมุ่งเน้นให้มีการทำงานด้วยความว่าง คือ โลภ โกรธ หลง อัน ทำให้เกิด ตัวกู-ของกู และเป็นตัวต้นเหตุ แห่งความ “วุ่น” เช่น ชาวนาทำนา ไปด้วยความอยากร่ำรวย ขุดดินแต่ละครั้งก็นึกถึงทีวีสี อยากมีรถขี่ หรือมีเงินซื้อเหล้ากิน ข้าราชการก็ทำงาน เพราะอยากจะได้ สอง ขั้น อยากจะมีอำนาจบาตรใหญ่ หรือแม้แต่การทำบุญทั้งๆที่ยื่นมือให้แต่ใจกลับ ขอเป็นเศรษฐีขอมีเงินล้านเพิ่มความขี้โลภ ให้กับตัวเองอีกหลายเท่าตัว “วันทั้งวัน ฉันไม่ได้ทำอะไร” จึงเป็นคำเตือนใจ ให้มีการกระทำที่ว่างจากตัวฉัน ขึ้นมาเรียกร้องต้องการสิ่งใดๆ เหมือนเครื่องจักรกล ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถผลิตงาน ออกมาได้มากมาย โดยไม่ต้องกังวลใจกับลาภ ยศ สรรเสริญใดๆ เป็นการทำงานเพื่องานก็จะทำให้งานสนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน และงานที่ทำออกมา ก็จะได้งานชิ้นเอก อันเกิดจากจิต ที่มีความเป็นเอก(เอกัคตารมณ์)กับงานที่ทำ กับคำที่พูด อย่างรู้ตัวทั่วถึงพร้อม และแววไว ในการกระทำของตน มีสามเณรวุ่นๆอยู่รูปหนึ่ง
ตั้งใจเดินทางไปสวนโมกข์ เพื่อขอกรรมฐานเจ๋งๆ จากท่าพุทธทาส จะได้ช่วยตัวเอง ให้หายวุ่นขึ้นมาบ้าง เมื่อได้เข้าไปกราบคารวะ ท่านพุทธทาสเรียบร้อยแล้ว จึงได้กราบเรียนถามออกไป ด้วยประโยคแรกว่า ” พระที่นี้ที่บวชกันนานๆ มีสึกออกไปบ้างไหมครับ ” ท่านพุทธทาสฟังคำถามแล้วยิ้ม พร้อมกับตอบมาด้วยน้ำเสียง แห่งเมตตาว่า ” อย่าเสือก ” สามเณรฟังแล้วแทบจะหายวุ่นไปในทันที เลยไม่ต้องขอกรรมฐานอย่างอื่นอีก เพราะได้แค่นี้ก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว เมื่อใดก็ตาม ที่จิตคิดฟุ้งแต่เรื่องราวชาวบ้าน อยากให้คนนั้นดี อยากให้คนนี้แก้ไข อยากให้ สส. รัฐมนตรี นายก เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ก็ควรนำคาถาของท่านพุทธทาสมาภาวนาว่า ” อย่าเสือกๆๆๆ ” ก็ช่วยลดความฟุ้งซ่านได้ดีขึ้นแล้ว ก็จะเป็นกำลังใจ ให้คนอื่นๆพลอยดีตามไปด้วย แต่ทุกวันนี้คนเรามักจะไปฟุ้งซ่าน คิดให้คนนั้นคนนี้เขาดีก่อน จนวันๆหนึ่ง แทบจะไม่มีเวลาหันมาคิดถึงตัวเอง แทบจะเรียกได้ว่า ตั้งหน้าตั้งตาจะทำแต่นาของชาวบ้าน แต่ไม่หันมาทำนาของตนเองให้ดีขึ้น. ข้อที่น่าคิดอีกประการหนึ่ง เมื่อมีพระหนุ่มๆไปกราบ เรียนถามหลวงปู่ว่า จะปฏิบัติอย่างไรถึงจะบวชได้ ตลอดชีวิต ท่านพุทธทาส ให้คำตอบว่า ” ทำงานให้สนุกแล้วจะบวชไม่สึก ” คำสอนของท่านพุทธทาส นับว่าสวนทางกับสำนักปฏิบัติธรรมทั่วไป แต่ท่านเน้นว่า “การทำงานคือการปฏิบัติธรรม ” ส่วนที่อื่นมักจะเน้นให้นั่งหลับตา เข้าป่า เข้าถ้ำ อย่าไปทำงานอะไร ให้มันวุ่นวาย ส่วนใหญ่ก็จะให้ไปนั่งสะกดจิต กดข่ม กิเลสเอาไว้ โดยอยู่กับคำภาวนาอย่างใด อย่างหนึ่ง หรือเพ่งลูกแก้ว เพ่งกสิณไปตามเรื่อง. การทำงานคือการปฏิบัติธรรม เป็นคำสอนที่สอดคล้องกับ มรรคองค์ แปด ที่มี สัมมากัมมันตะ(การกระทำชอบ) และสัมมาอาชีวะ(การมีอาชีพชอบ)
การทำงานให้สนุก และรู้สึกเป็นสุขในขณะทำงานนั้น ท่านพุทธทาสยืนยันว่า เป็นสิ่งที่ทำได้หากรู้ความจริงว่า ทุกเวลาทุกขณะคือการปฏิบัติธรรม เมื่อผู้มีสติสัมปชัญญะ หรือมีธรรมานุสติก่อนจะกระทำอะไร ก็จะทำให้มีสวรรค์ได้ทุกอิริยาบถ มีความอิ่มอกอิ่มใจไปตลอดเวลา กระทั่งเหงื่อที่ออกมาก็จะกลายเป็นน้ำมนต์ที่เย็นฉ่ำ ท่านพุทธทาสยกตัวอย่างถึงคนโบราณว่าจะทำอะไร จะเคลื่อนไหวอะไร ก็จะสำรวมจิตตั้งนะโม เสียก่อน แล้วจึงลงมือทำงาน นั่นก็คือเคล็ดของการมีสติก่อนทำงาน เป็นการสำรวมสติสัมปชัญญะ เพื่อทำอะไรให้ถูกต้อง เยือกเย็นเป็นสุข และเข้มแข็ง โดยประการทั้งปวง.
ที่มา – เว็บพลังจิต
http://www.namjaithai.com/modules.php?name=News&file=article&sid=157