จริงจังในการปฏิบัติธรรม
ในการจำพรรษาปีหนึ่ง ท่านเล่าว่าได้ตั้งสัจจะอธิษฐานเป็นข้อวัตรว่าจะไม่นอนตลอดสามเดือน มีเพื่อนร่วมกันอยู่รูปหนึ่งคือพระอาจารย์อุยทั้งสองรูปสัญญากันว่าภายในกุฏิห้ามมีหมอน ถ้านั่งสมาธิก็ให้นั่งตรงกลางห้อง ไม่ให้นั่งพิงฝา แล้วเอาใบบัวมาห่อน้ำเป็นถุง ผูกโยงไว้บนศีรษะกลางห้อง มีเชือกผูกไว้ที่ถุงนั้นให้ปลายเชือกข้างหนึ่งย้อยลงมาข้างฝา ให้ผู้อยู่ข้างล่างจับเชือกนั้นได้ ถ้าหากว่าผู้ใดนั่งสมาธิออกอาการสัปหงก อีกผู้หนึ่งมาพบเข้าในขณะนั้น ก็จะจับเชือกนั้นดึงกระตุกเชือกนั้นก็จะปาดถุงใบบัวนั้นขาด น้ำในนั้นทั้งหมดก็จะร่วงลงมาตรงกับผู้นั่งสัปหงกนั้นพอดี ผู้นั้นก็จะเปียกทั่วกาย เท่ากับได้อาบน้ำนั้นเอง คืนนั้นถ้าได้ถูกอาบน้ำเช่นนั้น ก็ได้เปลี่ยนผ้ากันใหม่ ทำให้หายง่วงและได้ทำความเพียรต่อไป ในพรรษานั้นได้ถูกอาบน้ำคนละหลายครั้ง ในอีกพรรษาหนึ่งท่านอธิษฐานเดินจงกลมวันละหลายชั่วโมง เมื่อออกพรรษาแล้ว ทางที่เดินจงกรมเป็นร่องลึกลงไปเท่าฝ่ามือ
คราวหนึ่งท่านเล่าให้ฟังว่าท่านได้ไปวิเวกคนเดียว เดินผ่านป่าดงไปไกล ทั้งๆ ที่มีไข้จับสั่นและไม่มียาจะกินด้วย เมื่อเดินไปก็สั่นไปตลอดทาง บนบ่าสะพายบาตร ย่าม กลดมุ้ง เห็นว่ามันคงหนักไม่พอ มันจึงสั่น จึงได้เอาผ้าอาบน้ำสะพายเอาหินแม่รัง ที่มีอยู่ตามโคกเพื่อจะให้มันหายสั่น ถึงเพิ่มน้ำหนักเข้าอีกเช่นนั้น ก็ยังสั่นอยู่นั้นเอง เมื่อร่างกายได้เดินอย่างหนักผสมกับไข้ด้วย จึงทำให้อ่อนเพลียมาก ตกลงว่าจะพักเสียก่อน แล้วจึงแวะออกจากทาง เข้าไปภายใต้ร่มไม้น้อยต้นหนึ่ง เอาผ้าอาบน้ำฝนปู เอาห่อสังฆาฏิเป็นหมอน คลี่จีวรห่มแต่ก็ยังหนาวอยู่ จึงเอามุ้งห่มทับอีกชั้นหนึ่งมุ้งนั้นเป็นสีขาว เมื่อคลุมทั้งตัวเช่นนั้นแล้ว ก็คล้ายกับกองสัตว์ตายแล้วนั่นเอง แล้วท่านก็กำหนดสมาธิไปเรื่อย แล้ท่านได้หลับไปประมาณสองชั่วโมงไข้ก็สร่างพอดี ท่านจึงเอาผ้าที่ห่มออกได้เห็นอีแร้งตัวหนึ่งจับอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ นั่นเอง มันคงนึกว่าเป็นกองสัตว์ตาย และได้อาหารแล้ว มันมาจับอยู่บนนั้นนานเท่าไรไม่ทราบ ท่านจึงได้พูดกับมันว่ายังไม่ตายหรอกคุณ ขอไว้ก่อนคราวนี้
พระอาจารย์วัน อุตฺตโม ถวายตัวเป็นศิษย์
พ.ศ. ๒๔๗๙ และ ๒๔๘๐ จำพรรษาที่วัดอรัญญิกาวาส บ้านม่วงไข่ อำเภอสว่างแดนดิน (ปัจจุบันคือ อำเภอพังโคน) จังหวัดสกลนคร โดยมีพระอุดมสังวร วิสุทธิเถร(พระอาจารย์วัน อุตฺตโม) ขณะยังเป็นสามเณร อยู่จำพรรษาด้วย ต่อมาหลังออกพรรษา พ.ศ. ๒๔๘๐ ท่านได้เดินจากอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร พร้อมด้วยสารเณรวัน (พระอาจารย์วัน อุตฺตโม) สามเณรสุณา สามเณรสุพี เดินไปทางอำเภอ ศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ไปถึงวัดโพธิ์ชัย บ้านสามผง อำเภอ ศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เป็นเวลาที่พระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก ท่านกำลังเตรียมการถวายเพลิงศพท่านอาจารย์คำดี ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน เมื่อพระอาจารย์วังไปถึงจึงกราบขอรับภาระช่วยในการตัดเย็บสบงจีวรที่จะใช้ในงานนี้ทั้งหมดแต่ผู้เดียว ท่านได้เร่งเย็บผ้าทั้งกลางวัน และกลางคืน เพื่อจะให้เสร็จทันในวันงาน แล้วก็ทำเสร็จทันงานพอดี
เมื่องานเพลิงศพเสร็จแล้ว ท่านพระอาจารย์บุญมา มหายโส ซึ่งเป็นคนบ้านสามผงนั้นเอง ได้ขอร้องพระอาจารย์วังให้อยู่เฝ้าวัดโพธิ์ชัยก่อน จนกว่าท่านพระอาจารย์บุญมาจะกลับจากการติดตามท่านพระอาจารย์เกิ่งไป วิเวการาม ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ดังนั้นท่านจึงอยู่จำพรรษาที่วัดโพธิ์ชัย ๒ ปี คือ พ.ศ. ๒๔๘๑ และ๒๔๘๒ ส่วนพระอาจารย์บุญมา เมื่อกลับมาก็ไม่ได้อยู่ที่วัดโพธิ์ชัยแต่ย้ายไปอยู่ที่ วัดอรัญญิกาวาส อำเภอเมือง จังหวัดนครพนมแทน
เมื่อออกพรรษา พ.ศ. ๒๔๘๒ ท่านตั้งใจจะออกธุดงค์กัมมัฏฐานเหมือนที่เคยทำมา มีผู้ติดตามไปด้วย คือ สามเณรคำไพ ผงราช สามเณรเพ็ง นนทจันทร์ สามเณรสุข ทิธรรมมา สามเณรทองดี ปทุมมากร และสามเณรทุ่ม ยอดพันปา ส่วนสามเณรวันได้กราบลาไปศึกษาด้าน ปริยัติธรรม ที่วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร คณะของท่านได้พากันออกเดินทางไปทางทิศตะวันตกของบ้านสามผง ไปถึงบ้านศรีเวินชัย ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่าบ้านดงพระเนาว์ ห่างจากวัดโพธิ์ชัย ประมาณ ๑.๘ กิโลเมตร เมื่อไปถึงบ้านดงพระเนาว์ ชาวบ้านทุกคนซึ่งสมัยนั้น มีบ้านเรือนประมาณ ๔๐-๕๐ หลังคาเรือน ได้พร้อมใจกันขอกราบอาราธนานิมนต์ท่านให้อยู่จำพรรษาที่หมู่บ้านดงพระเนาว์นี้
ข้อมูลอ้างอิงจาก : dharma-gateway.com
http://www.web-pra.com/