ประวัติหลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด)
สืบเนื่องจากข้าพเจ้าได้มีโอกาสรู้จักสำนักปู่สวรรค์ จากการได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ สำนักปู่สวรรค์เมื่อสามปีมาแล้ว ได้อ่านหนังสือและศึกษาเรื่องราวความเป็นมาของสำนักปู่สวรรค์ ที่ก่อตั้งโดย ท่านอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ได้เห็นถึงความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และ ความเพียรอันยิ่งยวด ที่ท่านได้เสียสละตนเพื่อพระศาสนาและประเทศชาติ ท่านได้ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ เพื่อให้โลกเกิดสันติภาพ โดยให้ประชาชาติทั้งหลายได้เข้าถึงความดีงามอันสูงสุดของแต่ละศาสนาที่ตนนับถือ เพื่อให้โลกได้เกิดความสงบอย่างแท้จริง อีกทั้งได้เห็นถึงพระเมตตาของพระโพธิสัตว์ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด และ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) พรหมรังสี ที่มีความเป็นห่วงมวลมนุษย์และประเทศชาติที่อยู่ในช่วงกลียุคขณะนั้น ( ลัทธิคอมมิวนิสต์กำลังแผ่อิทธิพล และ เกิดสงครามอินโดจีนในประเทศเพื่อนบ้าน ) เทพพรหมเบื้องบน จึงได้มีมติให้จัดตั้งสำนักปู่สวรรค์ขึ้นในโลกมนุษย์
เพื่อให้ประเทศไทยรอดพ้นจากภัยคุกคามต่างๆ เพื่อบำบัดโรคภัยแก่ผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ หรือไม่สามารถรักษาได้โดยแพทย์แผนปัจจุบัน เผยแพร่ธรรมคำสอนตามหลักวิปัสสนาสติปัฏฐาน ๔ เพื่อให้มวลมนุษย์ที่มีทุกข์ ได้นำไปปฏิบัติและเป็นสรณะที่พึ่งอันแท้จริง ซึ่งหลวงปู่ทวดและสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) ได้ช่วยเหลือและสั่งสอนธรรม โดยผ่านญาณ ( ร่าง ) ท่านอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ซึ่งขณะนั้นเป็นฆราวาสอยู่ แม้ว่าเรื่องราวคำสอนต่างๆที่ท่านได้เทศน์เอาไว้จะผ่านมาเกือบสามสิบกว่าปีแล้ว แต่ข้าพเจ้าเห็นถึงประโยชน์ที่ผู้ปฏิบัติจะพึงได้รับ จึงอยากเผยแพร่เป็นธรรมทาน เพื่อให้ผู้ที่มีศรัทธาในองค์หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ได้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และนำธรรมะที่ท่านได้อ่านนั้นไปพัฒนา ปรับปรุง กระทำ แก้ไข เพื่อให้เข้าถึงความบริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป
ปัจจุบัน สำนักปู่สวรรค์ อาจจะไม่เป็นเหมือนตอนที่ท่านอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ท่านยังมีชีวิตอยู่ เพราะไม่มีการมาเทศน์สอน ไม่มีการรักษาโรค ขององค์หลวงปู่ทวด หลวงปู่โต และท้าวชินนะปัญชนะ เนื่องจากท่านอาจารย์ได้บรรพชาเป็นพระภิกษุ ภายหลังจากที่หุบผาสวรรค์เมืองศาสนาได้ถูกปิดลง ด้วยสาเหตุหลายประการ เช่นหุบผาสวรรค์เมืองศาสนาที่สร้างขึ้น ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาถ้ำพระ ทำให้ไปขัดผลประโยชน์แก่เหล่านายทุนที่ต้องการระเบิดหินบนเทือกเขาถ้ำพระ ประกอบกับการทำงานของสำนักปู่สวรรค์ขณะนั้น ไปไกลจนถึงต่างประเทศระดับนานาชาติ โดยท่านอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ได้เดินทางไปพบ ผู้นำทางศาสนา ผู้นำทางการเมือง ผู้นำองค์กรที่สำคัญต่างๆ เพื่อให้ผู้นำเหล่านั้นได้ตระหนักถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆโดยใช้พลังศาสนา เพื่อให้เกิดความสงบสุขอันถาวร รณรงค์ให้ลดการผลิตอาวุธต่างๆ รณรงค์ให้มีการรับประทานอาหารมังสวิรัติ เพื่อภราดรภาพและสันติภาพ ของโลกมนุษย์
ท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นสิทธิของทุกท่าน แต่ธรรมะและความดีงามยังปรากฏอยู่เสมอเมื่อท่านได้ศึกษาและเข้าถึงด้วยปัญญาจากธรรมะ ที่พระโพธิสัตว์หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี ได้ฝากเอาไว้ในโลกมนุษย์นี้
(หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด)
ฝ่ายวิชาการ ชมรมสานุศิษย์สำนักปู่สวรรค์ รวบรวม เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2536 วันมาฆบูชา
ภูมิลำเนาเดิม
หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) เดิมท่านชื่อปู ท่านเกิดที่ตำบลพะโคะ อำเภอจะทิ้งพระ (ปัจจุบัน คือ สทิงพระ) จังหวัดสงขลา เมื่อวันแรม ๑๐ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ.๒๑๒๕ เวลา ๙ นาฬิกา บิดาของท่านเป็นมุสลิม ชื่อหู มารดาของท่านเป็นชาวพุทธ ชื่อจันทร์ ท่านเป็นบุตรคนเดียวของมารดาบิดา ตอนให้กำเนิดท่านนั้น มารดาของท่านอายุ ๔๕ ปีแล้ว
สมัยเด็ก
หลวงปู่ทวดเริ่มเรียนหนังสือที่วัดดีหลวง ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ท่านชอบการบวชเป็นพระมาแต่เด็ก เห็นพระสวดมนต์ก็คิดว่าดี จึงไปขออนุญาตพ่อแม่ บวชเณร แรกๆ ก็เพื่อทดลอง แต่เมื่อบวชแล้ว กลับไม่ยอมสึก ที่เป็นดังนี้คงจะเป็นด้วยบารมีเก่า ที่ท่านจะสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ หรือจะได้เป็นพระสังฆราชแห่งกรุงอโยธยา (กรุงศรีอยุธยา) จึงช่วยให้ไม่อยากสึก
เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์
หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) บวชที่อำเภอจะทิ้งพระ ตอนที่ท่านบวชเณรนั้นมารดาบิดาของท่านมีอายุ ๕๐ ปีเศษแล้ว ตอนท่านบวชเป็นพระ มารดาของท่านมีอายุ ๖๐ ปีเศษ เมื่อบวชแล้วท่านได้ไปศึกษาเล่าเรียนที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจนอายุได้ ๒๕ ปี ระหว่างที่บวชอยู่นี้ มารดาบิดาของท่านชรามากแล้วและมีท่านเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นความหวังที่จะให้ตอบแทนบุญคุณบิดามารดา และหวังให้ท่านเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้ไปขอร้องให้ท่านสึก บิดามารดาไปอ้อนวอนขอให้ท่านสึกถึงหน้ากุฏิ แต่ท่านไม่ยอมสึก
ท่านถือว่าขนาดพระพุทธเจ้าเป็นถึงเจ้าชาย และมีพระนางพิมพา พระราหุล แล้ว ยังทรงสละราชบัลลังก์ ออกบวชได้ แล้วท่านเป็นบุคคลธรรมดา จะบวชให้ตลอดไปมิได้หรือ นอกจากนี้ ท่านยังถือว่า การบวชของท่านนี้ย่อมอำนวยประโยชน์อันสูงกว่าประโยชน์ในทางโลก ด้วยเหตุนี้ท่านจึงสละมารดาบิดาของท่านไปอยู่สงขลา ท่านอยากสอบเป็นมหาอาจารย์ต่อมาท่านได้เดินทางไปเมืองอโยธยา
มุ่งสู่อโยธยา
ที่เมืองอโยธยา ท่านไปศึกษาวิชาการต่างๆ อยู่ที่วัดพุทไธศวรรย์ วัดพุทไธศวรรย์นี้เป็นวัดหลวงที่พระเจ้าอู่ทองได้ทรงสร้างขึ้นเมื่อก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงมาจากกรุงสุโขทัย พระเจ้าอู่ทองได้ทรงเสด็จมาทางเมืองแพร่ แล้วมาสร้างวัดนี้ จากนั้นแล้วทรงสร้างกรุงอโยธยาเป็นเมืองหลวง
พระเจ้าอู่ทองมักเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลยังวัดนี้เสมอๆ และได้ทรงพบกับหลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) เป็นที่สบอัธยาศัยกัน ในที่สุด พระเจ้าอู่ทองทรงแต่งตั้งให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทไธศวรรย์ เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีกุน พ.ศ.๒๑๘๑ ต่อมา ท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณ ตอนนี้ท่านจึงได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิดของท่านที่สงขลาอีกครั้งหนึ่ง
เหยียบน้ำทะเลจืด
การเดินทางจากกรุงอโยธยาไปยังสงขลาในสมัยนั้น ต้องใช้เรือใบแบบสำเภาเป็นภาหนะ ระยะทางไปกลับใช้เวลา ๑ ปี เมื่อท่านไปเยี่ยมบ้านแล้ว ขากลับจะเดินทางจากสงขลามาอโยธยาก็ได้มาลงเรือที่สงขลา ก่อนออกเรือ พวกลูกเรือลำที่ท่านโดยสารไปซึ่งเป็นชาวมุสลิมได้ตั้งวงเล่นไพ่กัน และเล่นกันเพลินจนลืมเตรียมน้ำจืดไว้ใช้ในเรือ เมื่อเรือออกเดินทาง คนจึงไม่มีน้ำกิน พวกชาวเรือเหล่านั้นได้พากันกล่าวหาว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเพราะมีภิกษุจัญไร คือท่านร่วมเดินทาง จึงทำให้พวกเขาลืมเอาน้ำจืดลงเรือไปด้วย จะพากันอดน้ำตาย แล้วตกลงจะจับท่านไปปล่อยไว้ที่เกาะหนูเกาะแมว
ท่านจึงอธิษฐานว่า ”หากแม้ข้านี้สามารถที่จะสืบต่ออายุพุทธศาสนา ทำงานให้ศาสนารุ่งเรือง ขอให้น้ำทะเลบริเวณที่เท้าเหยียบลงไปนี้จงกลายเป็นน้ำจืดเถิด” แล้วท่านก็เอาเท้าจุ่มลงทะเล น้ำบริเวณที่ท่านจุ่มเท้าลงไปนั้นกลายเป็นน้ำจืด พวกชาวเรือสำเภานั้นจึงได้ตักขึ้นไว้ใช้ในเรือ ๑๓ โอ่ง มีน้ำใช้ตลอดทางจนถึงอโยธยา และด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้เองท่านจึงได้รับสมญานามว่า”หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด”
http://dhamma-free.blogspot.com/2011/08/blog-post.html