ธรรมจักรคืออะไร และทำไมกัน โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ
หน้าที่ 1 – ธรรมจักร
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะภะวะติตัง ธรรมมาจะกังภะวะตาอับปะติวัตติยังสมเนนะวาเทเวนะวามาเรนะวาพรมมานาวาเทกะเทวาโลกัสมิงหิติธรรมโมกัจจังโสตะโพติ
ณ บัดนี้อาตมาภาพจะได้วิสัชชะนาพระธรรมเทศนาเป็นเครื่องประดับสติปัญญาเฉลิมฉลองศรัทธาวิริยะของท่านทั้งหลายให้เจริญก้าวหน้าในพระศาสนาของสมเด็จพระบรมศาสดาอันเป็นที่พึ่งของเราทั้งหลายกว่าจะยุติลงด้วยเวลาธรรมเทศนานี้ปรารภเหตุเรื่องอาสาฬหบูชาเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วเรื่องที่จะบรรยายต่อไปนี้ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอาสาฬหบูชานั่นเองถ้าท่านทั้งหลายมีความรู้ในความหมายของอาสาฬหบูชาและประพฤติให้ถูกต้องตามความหมายนั้นๆก็จะได้รับประโยชน์สูงสุดทางธรรมะในพระพุทธศาสนา
ขอให้ตั้งใจฟังและทำความเข้าใจให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเรื่องเกี่ยวกับอาสาฬหบูชาคือเมื่อพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้วในเวลาอันสั้นท่านก็เริ่มการประกาศพระศาสนาคือแสดงธรรมอันเป็นหลักคำสอนหรือเป็นหัวใจในการดับทุกข์แบบของพระองค์เองก็มันตรัสแก่บุคคลที่เห็นว่าควรจะได้รับฟังก่อนใครๆคือปัญจวัคคีย์นักบวชทั้ง 5 ที่ปรนนิบัติพระองค์มาแต่การก่อนธรรมเทศนานั้นเรียกว่าปฐมเทศนาก็ได้เพราะเทศครั้งแรกแต่พระทั้งหลายไม่เรียกอย่างนั้นเรียกว่าธรรมจักรกัปวัฒนสูติคำนี้พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสแต่ว่ามันเป็นชื่อชองสูต สูตินี้แปลว่าพระสูติว่าทำธรรมจักรให้เป็นไฟที่เรามาเรียกกันง่ายๆว่าพระธรรมจักรนั่นแหละเป็นสิ่งต้องทำความเข้าใจว่าอะไรกันคงได้ยินได้ฟังมามากแล้ว
แต่ยังไม่รู้ว่าธรรมจักรคืออะไรทำไปทำไมอย่างนี้จะดูมืดมัวอยู่นี่คือสิ่งที่อาตมาคิดว่าจะต้องทำความเข้าใจกันให้ดีที่สุดให้ได้รับประโยชน์สูงสุดมากที่สุดการที่เราเป็นพุทธบริษัทในพระพุทธศาสนาคำนี้คือคำว่าธรรมะจักกะแปลว่าจักรคือธรรมเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจอย่างที่เรียกในภาษาไทยว่าอานาจักรตัวจักรทางวัตถุหมายถึงวงกลมๆมีคมเป็นจักรๆรอบด้านใช้เป็นอาวุธเป็นสัญลักษณ์ของการเผยแผ่อำนาจให้เป็นไฟในหมู่คนที่ต้องพ่ายแพ้เป็นการประกาศว่าเรามีอำนาจ
เดี๋ยวนี้เป็นอำนาจของธรรมะไม่ใช่ทางการบ้านการเมืองเป็นอำนาจของธรรมะแต่มีความหมายอย่างเดียวกันคือจะลุกล้ำเข้าไปในเขตที่ควรจะปราบปรามอะไรคือเขตที่ควรจะปราบปรามนั่นคือเขตที่ไม่ถูกต้อง
โง่เขลางมงายอยู่ต้องจัดการให้ถูกต้องโดยขจัดความไม่ถูกต้องคือความโง่ความหลงออกไปเสียอย่าให้มีเหลืออยู่คือให้เกิดความถูกต้องขึ้นมาเป็นความสะอาด สว่าง สงบแล้วแต่จะเรียกเรามันจะเรียกว่าความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานรู้คือรู้สิ่งที่ควรจะรู้ สิ่งที่รู้และมีประโยชน์ควรรู้ทั้งหมดเลยนี่เรียกว่าความรู้คือตื่นจากหลับไม่เป็นคนโง่ และก็เบิกบานทีนี้ก็เป็นสุขเหมือนดอกไม้เบิกบานนี่ผลการใช้ธรรมมานาจักรทำให้มีความสุขในโลกมีพระบาลี
ดังที่ได้ยกมากล่าวเบื้องต้นว่าพระผู้มีพระภาคนี่เราเรียกกันว่าธรรมจักรนี่ก็ให้เป็นไปหมายความว่าในโลกที่นั่นอินเดียสมัยนั้นยังหลับอยู่ด้วยทิฐิเป็นอันมากต้องทำลายทิฐิเหล่านั้นเสียพระองค์จึงประกาศธรรมจักรเพื่อทำลายสิ่งนั้นเสียถือเอาตามพระบาลีเหล่านั้นก็ว่าในโง่พูดกันตรงๆมันทำผิดหลักใหญ่ ๆ 2อย่างมันเกินไปในฝ่ายบวกคือบูชากามมารมย์กันสุดเหวี่ยงผิดไปทางบวก
ถ้าผิดไปทางลบมันทำลายอวัยวะร่างกายที่เป็นที่ตั้งแห่งกามารมย์ให้แหลกลาญให้หมดเพราะว่าอย่าใช้กามารมย์ชนิดนี้นี่มันก็สุดเหวี่ยงไปในทางลบอย่างนี้มันอยู่มากเรียกสั้นว่าอย่างหนึ่งก็กามมารมย์อย่างหนึ่งก็ทรมานตัวเป็นความผิดพลาดอย่างหนึ่งในสมัยนั้น
ทีนี้ความโง่ประเภทหนึ่งคือทำไมมันไม่รู้ว่าจะดับทุกข์อย่างมันไม่รู้ว่าทุกข์เกิดมาอย่างไรมันดับไม่ถูกความจริงที่ถูกก็คือดับทุกข์ด้วยการดับเหตุให้เกิดทุกข์อะไรเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ก็คือความอยากเรียกเป็นภาษาบาลีแปลว่าตัณหาคำนี้แปลว่าความต้องการที่มาจากความโง่ เราอย่าโง่ความยากเรียกว่าตัณหาหมดความอยากที่ผิดคืออยากอย่างโง่
อยากที่ถูกคืออยากจะดับทุกข์ความอยากอย่างนี้ไม่ใช่ตัณหาเราต้องดับความอยากนี้เสียเราจะดับทุกข์ทรมานตนด้วยการอ้อนวอนสิ่งศักสิทธิ์ถือตามประเพณีอย่างอื่นๆมากมายว่าดับทุกข์แล้วมันดับไม่ได้นี่คือข้อที่มันไม่รู้ว่าจะดับทุกข์อย่างไรเป้นความมืดด้วยเหมือนกันในพระบาลีทำเป็น 2 อย่างคืออย่าโง่ไปสุดโก่งกามทางการทรมานตน
นี่พวกหนึ่งและก็อย่าโง่ไปทางดับทุกข์ด้วยพิธีรีตองด้วยบวงสรวงอ้อนวอนนี่มันดับไม่ได้ดังนั้นพระองค์จึงแสดงธรรมะในพระสูตินี้เป็น 2เรื่องด้วยกันเรื่องที่ 1 ว่าอย่าเข้าไปสุดโด่ง 2ฝ่ายอันตา 2 ฝ่ายและเรื่องหนึ่งก็แสดงมัจฉิมาปฏิปทาความปฏิบัติที่ถูกต้อง 8 ประการมีเรื่องอริยะสัจรวมอยู่ด้วยแยกเอาเองอริยะสัจออกมามันจะเป็น 3 เรื่องนั้นอย่าให้ดีๆเรื่องไม่อะไรสุดโด่งเรื่องมัจฉิมาปฏิปทาอยู่ตรงกลางเรื่องอย่างนี้จะดับโดยตรงดับทุกข์ที่เราเรียกว่าอริยะสัจขอให้ตั้งใจฟังให้สำเร็จประโยชน์เรื่องแรกมันเป็นปัญหาอินเดียในสมัยนั้นเรื่องกามารมย์พวกก่อนโน้นก็เรียกเอาเป็นนิพพาน
คำว่านิพพานใช้เป็นชื่อของกามารมณ์สูงสุดก็มีเอามาเป็นเรื่องของสมาธิ ของชาน สมาบัติอย่าเอาเรื่องที่เป็นที่ตั้งอย่างพอใจที่สุดเป็นนิพพานอย่าไปทำการทรมานร่างกายให้เป็นบาปเดี๋ยวนี้ทั้งโลกการตามใจตัวเรียกว่ายังมีในโลกปัจจุบันนี้เรื่องทรมานตนไม่มีใครชอบนั่นต้องเข้าใจว่ามันมีปัญหาที่ไหนมันก็เป็นความหลง เห็นความโง่ เป็นความเข้าใจที่สุดมันควรจะรู้กันไว้ว่าโลกนี้กำลังจะวินาศเพราะหลงใหลในทางบวกกามารมย์ตามใจตัวเองในเรื่องกามารมย์บูชาเรื่องกามารมย์หสร้างเหตุปัจจัยเครื่องใช้ที่เกี่ยวกับการมารมย์ขึ้นมามากมายมหาศาลสร้างด้วยมือไม่พอจึงสร้างอุตสาหกรรมหรือใช้เครื่องจักรเป็นวัตถุสร้างปัจจัยของกามารมย์ตรัสบ้างสูบ้างกามารมย์เพื่อจะล้วงเว้นในกระเป๋าของคนอื่นๆออกมาจนๆได้คนอื่นวอกวายไปหมดจนกระทั่งหลอกยายแก่ต้องสะผมให้นี่เป็นเครื่องแสดงว่าหลงไปในอย่าวุ่นวายมันไหลในทางบวกเท่าไรมันก็เห็นตัวเท่านั้น
มีแต่การเบียดเบียนโลกก็วินาศความเห็นแก่ตัว ตัวเดียวเท่านั้นทำโลกเมื่อเกิดกิเลสบวกเพราะมันเป็นบังคับถ้ามันโง่มันไม่รู้จะทำอะไรมันก็เกิดกิเลสเป็นโมหะความเกิดกิเลสทั่วไปเองจะร้องฆ่ามาให้อย่างดีเดี๋ยวนี้มีวัตถุที่ทำให้เห็นแก่ตัวมากขึ้นเรื่องข้าวปลาอาหารก็ดี เราครัวจะปลาตันนี่คือความที่หลงบวกกันทั้งโลกมันก็เห็นแก่ตัวดีมันไม่เห็นกว่าผู้อื่นมันเห็นแก่ธรรมะหรือความถูกต้องเห็นแก่ตัวทำนายโลกกว่าผู้อื่นจะกลับมาพวกนายทุนก็เห็นแก่ตัว
พวกชนทำมาชีพก็เห็นแก่ตัวมันก็ได้ต่อสู้กันระหว่างนายทุนกับชนทำมาชีพ นายจ้างก็เห็นแก่ตัว ลูกจ้างก็เกิดปัญหาเกิดการต่อสู้กันนี่คือความไม่มีธรรมะไม่มีใครเห็นธรรมะ ไม่มีใครเห็นผู้อื่นเกิดความเห็นแก่ตัวมากขึ้นๆสัตว์เดรัชฉานมันเท่าเดิมเห็นแก่ตัวน้อยแต่มนุษย์มันเพิ่มไม่รู้กี่ล้านเท่าความเห็นแก่ตัวเต็มไปในโลกมนุษย์สัตว์เดรัชฉานก็เดือดร้อนความเห็นแก่ตัวมันไม่เห็นผู้อื่นมันก็ทำตามที่พอใจอาการเลวร้ายมากขึ้นๆในโลกนี้มลภาวะทั้งหลายมาจากผู้เห็นแก่ตัวความยุ่งยากต่างๆนาๆทำร้ายกัน การปล้น การจี้ที่เป็นส่งเลวร้ายมันมาจากผู้เห็นแก่ตัว ผู้เห็นแก่ตัวนี้มันขี้เกียจมันไม่อยากทำงานแต่มันจะเอาประโยชน์ดูให้ดีมันไม่สามัคคีจะเรียกร้องมาทำประโยชน์ไม่เอาไม่ทำมันอิจฉาริษยา เห็นแก่ตัวก็ประกอบอาชญากรรมถ้าไม่มีคนเห็นแก่ตัวไม่ต้องมีคุก ตาราง ตำรวจ ศาล โรงพยาบาลบ้ากลัวว่าโยมจะลืม
อาตมาขอพูดซ้ำไม่ต้องมีคุก ตาราง ตำรวจ ศาล โรงพยาบาลบ้าจนสร้างกันไม่ไหวเพราะคนเห็นแก่ตัวทำให้จำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้เดี๋ยวนี้คนเห็นแก่ตัวมันกำลังเพิ่มไม่ใช่กำลังลดเพราะมีสิ่งส่งเสริมความเห็นแก่ตัว อะไรส่งเสริมความเป็นแก่ตัวก็เรื่องบวกทั้งหลายอารมณ์บวก กามมารมย์ทั้งหลายเข้ามาก็เห็นแก่ตัวไม่มีที่สิ้นสุด
เดี๋ยวนี้มีการเป็นอยู่ที่แข่งกับเทวดา เทวดายอมแพ้ห้องน้ำเทวดาไม่มีราคาล้านได้ยินว่าห้องน้ำในกรุงเทพราคาตั้งล้านเทวดาแพ้มันจะรู้สิ้นสุดกันได้อย่างไรเรื่องอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไม้สอยแม้แต่ยามันก็ส่งเสริมกามมารมย์ยกสิ่งนี้เป้นทีสูงสุดเอาหน้าเอาตาโลกปัจจุบันมันเป็นอย่างนี้พูดจาอะไร ต่อรองอะไรไม่รู้เรื่องเพราะต่างฝ่ายเห็นแก่ตัวองค์การโลกพูดกันไม้รู้เรื่องต่างฝ่ายต่างป้องกันประโยชน์ของตัวรวมกันไม่ได้องค์การ
โลกสร้างสันติภาพไม่ได้เพราะมันมีแต่คนเห็นแก่ตัวต่อสู้แย่งชิงกันขอพูดเงียบๆอย่าเอ็ดตะโรไปสร้างองค์การโลกสร้างองค์การศาสนาดีกว่าลดความเห็นแก่ตัวโลกนี้จะมีสันติภาพเอาละสรุปความว่าเห็นแก่ตัวกำลังทวีขึ้นมาในโลกใครมีอำนาจก็กอบโกยผลประโยชน์เพราะความเห็นแก่ตัวแล้วเขาจะครองโลกอีกกี่ร้อยปีก็ไม่มีความสุขมันจะครองโลกทำลายล้างกันก็วินาศกันทั้งโลกนี่ความเห็นแก่ตัวกำลังจะทำโลกให้วินาสมาจากความหลงบูชาบวกพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าหยุดบูชากามมารมย์กันเสียนี่ก็ปล่อยให้ตรงกันข้ามอย่าไปเอามันเลยนี่เอาตรงกลางพอดีๆไม่โด่งไปในทางกามมารมย์ ไม่โด่งไปในทางทรมานร่างกายเป็นอยู่อย่างพอดี
คำว่าพอดีๆสำคัญมากเป็นคำพูดที่สูงสุดพอดีๆทำให้อยู่ในโลกอย่างสูงสุดบรรลุมรรคผลนิพพานก็ได้แม้จะบรรลุมรรคผลนิพพานมันก็ยิ่งต้องเป็นเรื่องพอดีขึ้นไปแม้ว่าจะอยู่ในโลกนี้ด้วยคนธรรมดาสามัญก็ต้องมีคำว่าพอดีๆอย่าให้มันเกิดมันจะไม่ยุ่งยากลำบากเหมือนที่เขาไม่รู่จักพอดีเรื่องกิน เรื่องอยู่ไม่รู้จักว่าพอดี
แต่ให้มันดีไม่มีที่สิ้นสุดหลักพระธรรมในพระสูตินี้ก็ยกเอาเรื่องพอดีมาเป็นหลักว่ามัจฉิมาปฏิปทาเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเป็นสิ่งที่เห็นตรัสรู้เองเข้าใจได้ด้วยตัวเองก็ต้องพอดีๆทีนี้ท่านได้กล่าวเรื่องพอดีไว้อย่างไรบ้างท่านควรจะสนใจเดี่ยวนี้เราได้แต่สวดตัวบทภาบาลีเป็นภาษาไทยก็ไม่ค่อยจะรู้ว่าข้อดีเป็นอย่างไร
มัจฉิมาปฏิปทาคืออริยะมรรคมีองค์ 8 เด็กๆก็สวดได้ สัมมาทิฐิ สัมมาสังกะโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโวสัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิสวดได้เป็นว่าเล่นมันไม่รู้จักมันก็ไม่ทำเป้นความพอดีได้มันต้องรู้จักมันก็ทำเป็นความพอดีได้คำว่าพอดีๆมันมีความหมายพิเศษสัมมาถูกต้องคือความหมายพิเศษมันเป็นไปเพื่อดับทุกข์โดยส่วนเดียว
ถ้าไม่พอดีมันไม่ดับทุกข์สัมมาทิฐิ สัมมาสังกะโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโตก็ดีดับทุกข์ต้องเป็นถูกต้องเรียกว่าพอดีสัมมาเอามาเติมเข้าข้างหน้าเรียกว่าสัมมาทิฐิคือทิฐิที่ถูกต้องและพอดีสัมมาสังกะปะคือความประสงค์ที่ถูกต้องและพอดี สัมมาวาจาคือวาจาที่ถูกต้องและพอดีสัมมากัมมันตะ การกระทำที่ถูกต้องและพอดี สัมมาอาชีวะดำรงชีวิตอยู่อย่างถูกต้องและพอดี สัมมาวายามะมีความพากเพียรอยู่อย่างถูกต้องและพอดี สัมมาสติมีความระลึกอย่างถูกต้องและพอดีสัมมาสมาธิมีความตั้งมั่นแห่งจิตใจถูกต้องและพอดีนี่คำว่าสัมมานำหน้าอยู่ทั้งนั้นเรามันมีสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ชนิดที่ถูกต้องและพอดี
ถ้ามันมีชีวิตที่ถูกต้องและพอดีสัมมามันต้องประกอบด้วยองค์ระกอบที่ถูกต้องเอาสัก 4อย่างวิเวกนิจติตังทำให้ปฏิบัติกันมา วิราขนิจติตังอาศัยราคะความคลายกำหนัดทำให้ปฏิบัติขึ้นมา นิโรขนิจติตังอาศัยความดับแห่งทุกข์ราคะปะนินามีไปเพื่อความสละคือไม่ยึดมั่นถือมั่นจำให้ดีคำนี้ที่ว่าการปฏิบัติของเราไม่ดับทุกข์คือไม่ประกอบด้วย 4 ข้อนี้วิเวกนิจติตังทำให้ปฏิบัติกันมา วิราขนิจติตังอาศัยราคะความคลายกำหนัดทำให้ปฏิบัติขึ้นมา
นิโรขนิจติตังอาศัยความดับแห่งทุกข์ราคะปะนินามีไปเพื่อความสละเดี๋ยวนี้คุณรักษาศีลอะไรเพื่อเอาหน้าเพื่อเอาสวรรค์มันไม่เข้ากับ 4 อย่างนี้มันรักษาศีลไม่ใช่เพื่อวิเวก วิรา นิโร เพื่อดับความรบกวนวุ่นวายวิเวกนิจติตังทำให้ปฏิบัติกันมา วิราขนิจติตังอาศัยราคะความคลายกำหนัดทำให้ปฏิบัติขึ้นมา นิโรขนิจติตังอาศัยความดับแห่งทุกข์ราคะปะนินามีไปเพื่อความสละอุปาทานรักษาศีลเพื่อสลัดออกไปไม่ใช่รับเข้ามารักษาศีลธรรมดาอย่างที่รักษามันไม่ใช่สัมมามันเป็นธรรมดามันต้องจัดซะใหม่เพื่อให้เป็นวิเวก คลายความกำหนัดเพื่อดับทุกข์และสลัดออกไป
เพื่อไม่เป็นตัวกูต่ำลงมาอีกมันเป็นเรื่องจริงให้ทานเพื่ออะไรเพื่อวิเวก นิราคะ นิโรคะ ปะนินามีมันให้เพื่อแลกสวรรค์ไม่ใช่เพื่อวิเวกมันให้ทนเอากำไรเกินควรเพื่อให้เป็นหัวหน้าแม้แต่ให้ทานมันยังไม่เพื่อ 4 อย่างทานนี้มันก็ไม่เป็นไปเพื่อนิพพานเราให้ทานเพื่อวิเวก เพื่อหมดสิ่งรบกวนคลายความกำหนัดจากกิเลส ให้เป็นไปเพื่อดับทุกข์สลัดออกอย่ารับเข้ามาเพื่อยึดมั่นถือมั่นว่าตัวกูของกู 2คำนี้เข้าใจยากขออธิบายหน่อยเราให้ทานเพื่อนิโรธคำว่าดับทุกข์มันมีความหมายอย่างไรมันมีความทุกข์เกิดแล้วดับๆนั้นมันเกือบตายคำว่าดับทุกข์นิโรธไม่ให้ความทุกข์มันเกิดมันดับต้นเหตุของความทุกข์ ความทุกข์ไม่เกิดพูดภาษากฎหมายว่าทำไม่ให้ทุกข์เกิดนั่นคือดับทุกข์อย่าปล่อยทุกข์เกิดแล้วค่อยดับทุกข์บางทีมันตายเสียก่อนเป็นทุกข์ขึ้นมาท่วมหัวแล้วดับทุกข์ปล่อยให้ไฟไหม้บ้านแล้วจึงแย่ไม่ทำให้ไฟไหม้บ้านคือดับไฟนั้นเรารักษาศีลให้ทานเพื่อไม่ให้มันเกิดทุกข์ได้ทีนี้ที่เราเรียกสักคะปะรินามีเป็นการสลัดออกไปไม่รับเข้ามาถ้ารักษาศีลแล้รับเข้ามากำไรเกินควรมันไม่ใช่สัมมาการให้ทานขั้นต่ำที่สุดก็เพื่อสละตัวกูว่าตัวกูออกไปคือสิ่งที่ต้องสละ
สละสิ่งเหล่านั้นจึงจะเรียกว่าสัมมาๆให้ทานเพื่ออย่างนั้น รักษาศีล วิปัสสนา มรรคมีองค์ 8เพื่ออย่างนั้นเพื่อสลัดออกไปจนหมดความยึดมั่นว่าตัวกูมันเกิดความยึดมั่นว่าตัวกูบวกนี่ถ้าเป็นเรื่องลบมันก็เกิดตัวกูคือโกรธอย่างที่ว่ามาแล้วมันก็มี่ต้องมีทั้งตัวกูบวกหรือตัวกูลบมันจึงเรียกว่าสลัดตัวกูขอพูดท้าทายพวกหมอสักหน่อยอาตมาจะพูดว่าถ้าในโลกนี้ไม่มีตัวกูแล้วโลกนี้จะไม่โรคเบาหวาน โรคประสาทคุณไม่เชื่อก็ยิ่งดีอย่าไปคิดคำพูดว่าตัวกูมันพูดเมื่อมันโกรธคำพูดว่าของกูมันเกิดเมื่อมีความโลภไอ้ความโกรธหรือความโลภมันเต็มอัดอยู่ในจิตใจเป็นต้นเหตุทำลายระบบความถูกต้องในร่างกายมันทำลายแม้ระบบวัตถุเป็นเรื่องจิตใจก็จริงแต่มันเปลี่ยนแปลงทางวัตถุจนเป็นโรคขึ้นมาถ้าไม่มีเรื่องที่ทำให้พูดว่ากูของกูมันก็ไม่เกิดสิ่งเลวร้ายทางจิตใจ ร่างกายทำให้เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจเป็นกันมากที่สุดมันมีความโง่ว่าตัวกูของกูมันก็ส่องเสริมโรคหัวใจเป็นมากขึ้นท้าทายหมอทั้งหลายว่าถ้าในโลกนี้ไม่มีคำว่าตัวกูของกูมันจะไม่มีโรคประสาท โรคหัวใจนี่อะไรที่ทำให้ไม่มีคำพูดว่าตัวกูของกูมันก็คือสิ่งที่ไม่ทำให้เกิดกิเลสมันคือความถูกต้องทั้ง 8ประการดังที่กล่าวมาแล้วมันไม่มีความรู้สึกพุ่งดันว่าตัวกูของกูก็หมายความว่าไม่มีกิเลสประเภท โทสะ โมหะมันไม่มีกิเลสประเภท โรพะที่ทำให้พูดว่าของกู
นี่จึงสรุปความว่าถ้ามันมีตัวกูของกูอยู่ในโลกนี้มันก็ไม่มีโรคอย่างนั้นเอาไปคิดดูว่าจริงหรือไม่จริงโลกนี้เต็มไปด้วยโรคที่เต็มไปด้วยสมุถะเต็มไปด้วยกิเลสพระพุทธเจ้าท่านตรัสข้อปฏิบัติเกี่ยวกับคำว่าสัมมาถูกต้องพอดีไม่มีคำว่าตัวกูของกูพูดว่าขอองกูมันบ้าในฝ่ายเกินไม่มีของกูมันน้อยใจให้โทษกับจิตใจอย่างเดียวกันขอพูดเรื่องสัมมาอีกที สัมมาทิฐิมีความคิดความเห็นความเชื่อเข้าใจตลอดถึงอุดมคติทั้งหลายรวมอยู่คำว่าทิฐิคำเดียวมีความหมายคือสิ่งที่ยึดถืออยู่ในใจเรียกว่าทิฐิมันเป็นความคิดเห็นความเชื่อตามอุดมคติต้องถูกต้องๆต้องสัมมาทิฐิต้องเป็นไปเพื่อวิเวกคือหาสิ่งทีสงัดหมดความรบกวนต้องเป็นไปเพื่อวิราคะทำรายลดหย่อนความกำหนัดต้องเป็นนิโรพะไม่ทุกข์เกิดปะนิทาคือสลัดสิ่งที่เป็นตัวกูของกูออกไปๆ
จนกระทั่งไม่มีโอกาสที่จะพูดว่าตัวกูของกูเป็นพ่อก็ดี เป็นแม่ก็ดีเป็นลูกก็ดีแต่ละคนไม่มีโอกาสที่จะพูดกูของกูเลย สัมมาสังกัปปะมีความต้องการถูกต้องสังกัปปะเป็นความต้องการไปพร้อมกิเลสตัณหาเป้นความต้องการด้วยความโง่เดี๋ยวนี้เป้นความต้องการด้วยความฉลาดควรต้องการอะไรเหล่านั้นความต้องการอย่างนี้ไม่เรียกว่าโรพะ ตัณหาแต่เรียกว่าสังกัปปะคือความต้องการในทางที่ถูกต้องภาษาบาลีเรียกว่าความต้องการที่ถูกต้องว่าสังกัปปะเรียกความต้องการที่ผิดว่าตัณหาภาษาไทยเอามารวมๆกันเสียมันเลยเข้าใจผิดภาษาฝรั่งยังดีกว่าสัมมาสังกัปปะเข้าใจกันให้ถูกต้องว่ามันต้องการด้วยสติปัญญาต้องการจะดับทุกข์ต้องการจะไปนิพพาน
ขอให้มีความต้องการที่ถูกต้องสัมมาวาจาพูดจาถูกต้องมีความถูกต้องทางการพูดจาแปลอย่างนี้ได้ความถูกต้องถ้อยคำที่พูดไพเราะเป็นความจริง มีประโยชน์ ถูกต้องแก่เวลา ถูกการะเทสะอย่างนี้เรียกวาจาที่มันถูกต้องอย่างนี้คนโง่ๆไม่ถือไม่มีความจริงก็ยังพูด มีกิเลสก็ยังพูดนี่ก็มีความจริงต้องให้ถูกต้องอย่าพูดผิดเวลาคำพูดที่มีประโยชน์มันจะกลายเป็นคำพูดที่เลวร้ายโดยไม่รู้ตัวนี่
ขอให้มีสัมมาวาจาคือมีการพูดจาที่ถูกต้องและพอดีทีนี้ก็มาถึงสัมมากัมมันตะคือการจัดทำในร่างกายทีถูกต้องไม่ฆ่า ไม่ขโมย ไม่ประพฤติผิดทางประเพณีทั้งหมดมันไม่ผิดพลาดไม่มีความโง่เขลาปนอยู่ไม่ว่าจะทำอะไรทำการงานทั้งหลายมีความถูกต้องรับประกันได้ว่าไม่ทำอันตรายผู้ใดเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายถูกต้องตามหลักพระศาสนาคือมันไม่ทำอันตรายใครแล้วมันทำให้ได้ประโยชน์ทุกฝ่ายถูกต้องถัดไปสัมมาอาชีวะแปลกันว่าเลี้ยงชีพชอบคำแปลนี้ไม่ค่อยถูกต้องแปลว่าดำรงชีพชอบไม่ใช่หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องอย่างเดียวมันต้องทุกอย่างเลยกินอยู่ ใช้สอยก็ถูกต้องนี่ดำรงชีวิตทุกแง่มุมอย่างถูกต้องนี่เรียกสัมมาอาชีวะไม่ใช่หาอาชีพอย่างเดียวมันต้องทุกอดย่างอาแปลว่าอาชีพ ชีวะแปลว่าชีวิตทุกอย่างถูกต้อง
ทีนี้ก็สัมมาวายามะพากเพียรถูกต้อง พยายามถูกต้องมันก็มีแต่ผลดีไม่มีผลร้ายเดี่ยวนี้มันมีความพากเพียรที่ไม่ถูกต้องขวนขวายความพยายามมันไม่มีก็ไม่ถูกต้องและบางทีมันอยู่ใต้อำนาจของกิเลสความพากเพียร ความพยายามนั้นมันก็ไม่ถูกต้องเพราะมันผิดเสียแล้วโดยความมุ่งหมายความพากเพียรมันแปลว่าวิริยะหรือกล้าหาญก็ได้สัมมาวายามะพยายามชอบ สัมมาสติระลึกความรู้สึกตัวระลึกชอบคือไม่มีความผิดเมื่อได้ศึกษาๆจนรู้ว่าความผิดเป็นอย่างไร
หน้าที่ 2 – ความทุกข์
ความทุกข์เป็นอย่างไร ความดับทุกข์เป็นอย่างไรสติระวังไว้ให้มันเป็นไปในทางที่ดับทุกข์นี่เรียกว่าสติระวังไว้เรื่องสติอย่าโง่ไปยึดถือเป็นตัวตนนั่นคือความไม่มีสติตรงกันข้ามถ้ายึดถือเป็นตัวตนขึ้นมาโดยรู้ตัวก็ยึดถือสติไม่เพียงพอมันต้องฝึกสติให้เพียงพอมีอำนาจเด็ดขาดสิ่งที่ไม่น่ายึดเอามาเป็นตัวตนของตนคือควบคุมชีวิตให้มันถูกต้องเสมอนี่เรียกสัมมาสติถูกต้องสัมมาสมาธิจิตตั้งมั่นอย่างถูกต้องคือความตั้งมั่นแห่งจิตอย่างถูกต้องตั้งจิตไว้อย่างมั่นคงนี่เรียกสมาธิถูกต้องจิตเป็นสมาธิมันสะอาดไม่มีนิวรณ์ไม่มีกิเลสรบกวนแล้วมีกำลังทั้งหมดของจิตมารวมเป็นจุดเดียวมันมีกำลังสูงสุดจิตไม่กล้าทำอะไรเปรียบเหมือนแก้วเรืองแสงพอรับแสงรวมแสง
แล้วมันอยู่จุดเดียวมันรวมแสงได้หลายเท่าแม้แต่แสงสว่างมันยังรวมเป็นจุดเดียวรุกเป็นไฟแม้แต่สิ่งทุกอย่างรวมเป็นจุดเดียวเรียกว่ามั่นคงจิตที่มั่นคงทีนี้ลักษณะที่ 3สำคัญมากมันไม่ค่อยรู้จักกันก็รู้จักผิดๆหลับตาก็เป็นสมาธิคุณสมบัติที่ 3 เรียกว่ากัมมะนียะแปลเป็นภาษาไทยว่านิ่มนวลอ่อนโยนควรแก่การงานมันว่องไวในหน้าที่ สามารถที่จะทำหน้าที่รวมกันเป็นกัมมะนียะมันพร้อมที่จะทำหน้าที่แขนขาพร้อมที่จะทำหน้าที่ก็เรียกว่ากัมมะนียะทั้งนั้นจิตเป็นสมาธิคือสะอาดคือมั่นคงว่องไวในหน้าที่ถ้าได้อย่างนี้เรียกว่ามีสมาธิเดี๋ยวนี้มันเข้าใจผิดไปนั่งโง่ๆนิ่งเดี๋ยวก็ตายแล้วมันผิดมันต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่างนี้ สะอาด มั่นคง ควรแก่การงานเรียกว่าสมาธิ สมาธิต้องถูกต้องมุ่งหมายจะนิพพาน
ถ้ามันมีสมาธิอย่างนี้แล้วมันเล่นปฏิหารเล่นฤทธิ์เล่นเดชเอาเปรียบคนอื่นอย่างนี้ไม่ได้สมาธินี้บ้าเป็นมิจฉาสมาธิถ้าเป็นสัมมาสมาธิมันเป็นสมาธิอย่างนี้แล้วก็ใช้มันให้ถูกต้อวงเพื่อไปนิพพานจะเรียกว่าสัมมาสมาธินี่ 8องค์ 8ชื่อบางคนจำได้แต่ไม่เข้าใจความหมายที่ถูกต้องนั้นขอให้เข้าใจความหมายที่ถูกต้องมันจะได้หมดปัญหา สัมมาทิฐิมีทิฐิถูกต้อง สัมมากัมมันตะมีความต้องการต้องการถูกต้อง สัมมาวาจามีการพูดจาถูกต้อง สัมมากัมมันตะมีการกระทำทางกายถูกต้อง สัมมาอาชีวะมีการดำรงชีวิตถูกต้อง สัมมาวายามะมีความพยายามถูกต้อง สัมมาสติมีความระลึกประจำใจถูกต้อง สัมมาสมาธิมีความตั้งมั่นแห่งจิตถูกต้อง นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าประกาศในวันนี้ท่านประกาศว่าอย่างนี้ อาสาฬห์ท่านประกาศมัจฉิมาปฏิปทาประกาศไม่โง่สุดโด่ง 2 อย่างอริยะสัจ 4 ความเกิดแห่งทุกข์ ดับไม่เหลือแห่งทุกข์คำเหล่านี้สอนกันอยู่ก่อนพระพุทธเจ้าแต่มันสอนอย่างอื่นพระพุทธเจ้าจึงเหมือนมาทำลายความผิดพลาดมืดมนให้สว่างขึ้นมาสอนว่าความทุกข์เป็นอย่างนี้ เหตุให้เกิดทุกข์เป็นอย่างนี้
ถ้าไม่ได้สอนความเจ็บปวดยากจนความทุกข์สอนสรุปรวมว่าความยึดมั่นว่าเป็นตัวกูของกูนั่นแหละมันเป็นความทุกข์มันเป็นตัวเหตุให้เกิดทุกข์ถ้ามองไปในลักษณะที่เหมือนแบกของหนักกดทับอยู่เสมอเพราะความยึดมั่นถือด้วยอุปาทานผลของอุปาทานและเหตุให้เกิดทุกข์ก็มาจากต้นเหตุของอุปาทานนี่อุปาทานตัณหาให้เกิดอุปาทานนี่อุปาทานมันหล่อเลี้ยงตัณหาอยู่มึนอยากด้วยความโง่นี่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ความดับทุกข์คือดับตัณหาไปนี่พูดเมื่อกี้ดับทุกข์ไม่ได้ดับที่ตัวทุกข์แต่ว่าดับที่ต้นเหตุแห่งทุกข์ที่ตัณหาเสียเถิดจะดับทุกข์ดับที่ต้นตอเรียกว่าความดับไม่เหลือแห่งทุกข์จะดับที่ต้นเหตุแห่งทุกข์เป็นราชสีห์ ดับที่ตัวทุกข์เป็นหมาจำงายดีขอโทษที่พูดหยาบหมาถ้าเราเอาไม้ไปแหย่มันจะกัดที่ไม้ถ้าเป็นราชสีห์มันไม่กัดที่ไม้มันกระโจนมาหาผู้ถือไม้พระพุทธเจ้าสอนไว้ชัดเจนว่าไปดับที่ตัวเหตุแห่งความทุกข์นี่เรียกว่าดับไม่เหลือแห่งทุกข์ศึกษาว่ามันอยู่อุปาทานมาจากตัณหามาจากความโง่ที่มีผัสสะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจผัสสะแล้วมันโง่มันก็เวทนาโง่ที่เป็นบวกก็หลงบวก ที่เป็นลบก็หลงลบนี่เวทนาโง่แล้วเกิดความอยากคือตัณหาโง่มันก็ยึดมั่นถือมั่นกลายเป็นทุกข์ความทุกข์มันเกิดมาจากำต้นเหตุหรือความต้องการที่โง่หรือเรียกว่าตัณหาอุปาทานผลของตัณหาทำให้เป็นทุกข์ทีใดมีความยึดมั่นถือมั่นที่นั่นมีความทุกข์เพราะมันถือไว้ก็เป็นทุกข์ถ้าในมือมีก้อนหินมันก็หนักยิ่งเป็นทุกข์เพราะมันถือมันจึงมีความหนักมันจึงมีความทุกข์เพราะฉะนั้นอย่ายึดถืออะไรเป็นตัวกูของกูมันก็ไม่เป็นทุกข์ชีวิตร่างกาย จิตใจแบ่งเป็น 4 เลยถือขัน 5นี่มันยึดถือมาเป็นตัวกูของกูมันหนักก็เป็นทุกข์สลัดของหนักออกอย่าเอาของหนักมาถืออีกมันก็ไม่เป็นทุกข์
เดี๋ยวนี้เรายึดถือไปเสียทุกอย่างเงินฝากไว้ในธนาคารแต่มันยังมาสุมอยู่ในหัวเจ้าของบัญชีเพราะมันยึดถืออยู่ในจิตใจด้วยอุปาทานทีนี้ไม่ต้องยึดถือแม้จะอยู่ข้างตัวก็ไม่ต้องยึดถือแม้แต่ชีวิตนี้ร่างกายแท้ๆก็ไม่ต้องยึดถือแต่มีความรู้ให้ถูกต้องว่าจะใช้มันอย่างไรอย่ายึดถือว่าตัวกูของกูทำหน้าที่ถูกต้องแล้วเงินมันมาหาเองไม่ต้องยึดถือให้มันหนักใจถ้าทำหน้าที่เพื่อเงินเงินก็มาอยู่บนหัวถ้าทำหน้าที่เพื่อหน้าที่เงินก็มาอยู่ใต้ฝ่าเท้าเกียจติยศชื่อเสียงก็เหมือนกันทำให้ถูกต้องมันจะไม่หนักนี่คือไม่มีอุปาทาน นี่ข้อที่ 4ข้อสุดท้ายทางปฏิบัติดับไม่เหลือแห่งทุกข์เราเรียกสั้นว่ามรรคมีองค์ 8 ทางดับทุกข์คืออยู่ด้วยความถูกต้อง 8 ประการที่กล่าวมาแล้วเอามารวมเรียกมรรคมีองค์ 8 หนทางดับทุกข์ถ้าอยู่ในทางนี้ทุกข์เกิดไมได้เป็นอยู่ด้วยอริยะมรรคมีองค์ 8 ความเคยชินที่จะเกิดทุกข์อนุสัยก็จะหมดไปๆจนกระทั่งทำยังไงก็ไม่เกิดทุกข์มันเป็นคำพูดที่จำเป็นต้องพูดอย่างนั้นมันไม่มีคำที่มนุษย์รู้จักก็ไปยืมคำถนนหนทางที่มนุษย์รู้จักขอยืมมาใช้ทางให้ถึงความดับทุกข์ทางจิตใจไม่ต้องเดินยิ่งเดินไม่ถึงมันมีถึงชนิดหนึ่งโดยไม่ต้องเดินมันเข้าถึงความหมดกิเลสตัณหาที่นี่มันก็ถึงพระนิพพานกันที่นี่ทำให้ถูกต้อง 8 ประการที่นี่กิเลสตัณหาอวิชชาที่มันหุ้มห่อพระนิพพานก็ถึงเองไม่ต้องเดินเอาเปลือกที่หุ้มความโง่กิเลสออกพระนิพพานมาเองเปิดประตูแสงสว่างมาเองอย่างนั้นแต่เดี่ยวนี้มันพูดว่าต้องไปหมื่นชาติถึงพระนิพพานความทุกข์มันอยู่ที่นี่ต้องดับที่นี่เมื่อความทุกข์มันอยู่ที่นี่เมื่อไปดับทุกข์ตอนตายแล้วไม่เรียกว่าบ้าแล้วจะเรียกว่าอะไรมีความถูกต้องเข้ามาไม่ถูกต้องก็หายไปเอาที่กั้นออกแสงสว่างก็มาถุงในตึกนั้นมีรูปภาพเขียนว่าพระพุทธเจ้าอยู่หลังท่านไม่ได้อยู่ที่อินเดียหลังม่านของคุณความโง่ของคุณคุณทำลายม่านก็พบพระพุทธเจ้าเอาพระพุทธรูปมาแขวนคอก็ไม่พบพระพุทธเจ้าพระองค์จริงองค์จริงมันอยู่ที่หลังม่านความโง่ของคนๆนั้นเผาม่านก็พบพระพุทธเจาทีนี้มันสอนกันผิดๆพยายามไว้หมื่นชาติแสนชาติมันจะถึงพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนี้สอนให้ทำลายอวิชชาแล้วแสงสว่างมันจะเกิดขึ้นนี่คือเรื่องอริยะสัจ 4ขอให้เข้าใจอย่างนี้เพียงแต่ออกชื่อเฉยๆไม่สำเร็จประโยชน์ความทุกข์เกิดจากเหตุของความอยาก
ถ้าจะดับก็ดับความอยากนั้นเสียคือมรรคมีองค์ 8รวมกันเป็น 4 อย่างเรียกอริยะสัจ 4อย่างนั้นรด 2 อย่างก็ได้รวมปั้นคู่ละ 2จนเหลือทุกข์กับความดับทุกข์เอาง่ายๆก็ดับทุกข์อริยะสัจรวมกันเป็นอริยะสัจ1เอามาพิจารณาว่าอันไหนเป็นธรรมจักรคือวงกลมที่คมที่เฉือนขาดขจุยอันไหนเป็นธรรมจักรรู้เรื่องไม่สุดโด่งไม่บ้ากาม ไม่หลงทรมานกายที่จริงมันก็เป็นธรรมจักรมันตัดความทุกข์อริยะมรรคมีองค์ 8 ก็เป็นธรรมจักรมันตัดความทุกข์อริยะสัจ 4 เป็นธรรมจักรคือตัดทุกข์โดยตรงเข้าใจกันไว้อันไหนเป็นธรรมจักรความไม่โง่เป็นสุดโด่งมันก็ตัดความโง่เป็นธรรมจักรความถูกต้อง 8 ประการเป็นธรรมจักรตัดความทุกข์ อริยะสัจ 4 เป็นธรรมจักรตัดความทุกข์ขั้นเฉียบขาดขั้นสุดท้ายไม่ให้เหลืออริยะสัจ 4 เป็นความรู้ทางวิชาการอริยะมรรคมีองค์ 8 เป็นตัวปติปะทาเป็นตัวปฏิบัติการณ์ไม่หลง 2ข้างเป็นพื้นฐานที่ต้องอาศัยทั้ง 3อย่างนี้เป็นธรรมจักรตามความหมายหนึ่งๆๆเรียกว่าธรรมจักรได้บางคนเข้าใจว่าอริยะสัจเป็นตัวธรรมจักร บางคนเข้าใจว่าอริยะมรรคเป็นตัวธรรมจักรจะเอาตามที่พระพุทธเจ้าตรัสเป็นตัวความรู้ที่ถูกต้องรู้เรื่องอริยะสัจถูกต้องโดยอาการ 12 นี่คือความทุกข์นี้ต้องรู้เรารู้แล้ว 3 อย่างตัณหานี่เหตุให้เกิดทุกข์ละๆแล้วนิโรธเป็นดับทุกข์นี่ต้องทำให้แจ้งให้ปรากฏชัดออกมาทีนี้มาถึงอันสุดท้ายคือมรรคทางดับทุกข์เราก็ทำให้เกิดมีขึ้นมาแล้วมันเลยได้เป็น 12 อาการนั่นแหละคือตัวธรรมจักรวงล้อที่มี 12 ซี่คือตัวธรรมจักรจะเขียนรูปล้อธรรมจักรให้ถูกต้องต้องเขียนวงล้อ 12 ซี่แต่คนมันมักเขียนวงล้อ 8 ซี่เขาเข้าใจอย่างนั้นถ้าจะให้หมายถึงอริยะสัจ 4 มี 4 ซี่ก็พอภาพแกะสลักในอินเดียโบราณอาตมาเคยเห็นล้อที่มีเพียง 4 ซี่ก็มีแล้ววงล้อที่มี 8 ซี่วงล้อที่ถูกต้องมี 12 ซี่ ล้อ4 ซี่หมายถึงอริยะสัจ 4 ล้อ 8ซี่หมายถึง มรรคมีองค์ 8ล้อ 12 ซี่หมายถึงอาการแห่งการรู้อริยะสัจ 12 อาการอย่างที่พูดมาแล้วเรียกว่าอาการ 12 รู้ไว้ก็ดีธรรมจักรวงล้อของธรรมะสำหรับตัดสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมะตัดความมืดสิ่งที่จะแก้ไขโลกต้องใช้คำว่าจักรอำนาจจะครองโลกทางวิญญาณโลกแห่งความโง่เขลาธรรมจักรจะทำลายให้หมดที่นี้มันจะทำที่ไหนมันก็ทำในหัวใจของทุกคนโลกแห่งความโง่มันมีในหัวใจทุกคนจงเปิดให้ธรรมจักรเข้าไปทำลายความมืด ความโง่ ในหัวใจนี่สำเร็จประโยชน์เช่นที่พูดเมื่อกี้ว่าพระพุทธเจ้าอยู่หลังม่านความโง่ของคุณต้องพูดตรงนั้นธรรมจักรไปจัดการตรงนั้นทำลายความโง่
ทีนี้มาถึงการปฏิบัติ ปฏิบัติอย่างไรจึงจะเป็นอย่างนั้นใครนึกออกนั่งอยู่นี่ไม่รู้เพราะไม่เคยได้ยินได้ฟังและไม่ค่อยเอามาสอนกันปฏิบัติอย่างไรเกี่ยวกับมรรคมีองค์ 8 ให้มันเข้าไปตัดม่านในหัวใจของเรามันปฏิบัติตามหลักที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างเพียงพอในเรื่องนี้ท่านได้ตรัสไว้ว่ามีอริยะสัมมาสมาธิซึ่งมีบริขาร 7 นั่นแหละเข้าไปตัดอวิชชาตัดรากเหง้าก็จะดับทุกข์โดยแน่นอนพวกฝรั่งไม่เคยฟังเรื่องนี้อริยะสัมมาสมาธิมีบริขาร 7 คืออะไรเอาสัมมาสมาธิเป็นประธานเอาอีก 7 อย่างเป็นบริวารสัมมาสมาธิได้ชื่อใหม่ว่าสัมมาสมาธิมีบริขาร 7 สมาธิเป็นหลักปราศจากนิวรณ์พร้อมที่จะรู้แจ้งตรัสรู้แล้วให้สัมมาทิฐิมาช่วยเรื่องนี้สามารถทำให้เป็นอย่างนี้ได้สัมมาทิฐิก็มาเป็นบริวารขิงสัมมาสมาธิแล้วสัมมาสังกัปโปมันน้อมไปอย่างนี้ให้สัมมาสมาธิตัดกิเลสได้ นี้สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว ให้อยู่เป็นพื้นฐาน 3 องค์นี้เป็นศีลมีอยู่แล้วมันเป็นพื้นฐานลองรับสัมมาสมาธิพาพกเพียรเพื่อให้เป็นอย่างนั้นให้สัมมาสมาธิตัดกิเลส สติก็ช่วยตัดกิเลสแปลว่าทั้ง 7 องค์นี้เป็นลูกน้องสัมมาสมาธิกลายเป็นชื่อใหม่ว่าสัมมาสมาธิมีบริวาร 7ทำสัมมาสมาธิให้เป็นอริยะมีบริวาร 7 สมาธิกลายเป็นสมาธิพิเศษเพราะมีลูกน้อง 7 องค์มันจะตัดกิเลสได้ข้อนี้ต้องเข้าใจไปถึงพระบาลีแห่งหนึ่งว่าสมาธิภาวนา 4 ประการมีอยู่สมาธิภาวนาเพื่อความสุขในปัจจุบัน สมาธิภาวนาเพื่ออายาทัศนะเพื่อหูทิพ สมาธิภาวนาเพื่อความสมบูรณ์แห่งสติสัมปชัญญะ สมาธิภาวนาเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสะวะนี่เรียกว่าสมาธิภาวนาแปลกันผิดๆตามศาลาวัดสมาธิภาวนาแปลว่าเจริญมันไม่ถูกที่ถูกภาวนาความเจริญแห่งจิตใจโดยใช้ธรรมะเป็นเครื่องมือทำความเจริญแก่จิตใจแก่ธรรมะโดยมีสมาธิเป็นเครื่องมือประกอบด้วยบริขาร 7 เจริญได้จนสิ้นอาสะวะ สมาธินี้จะคอยกำหนดจดจ้องอยู่ที่การเกิดดับอยู่ที่อุปาทานสมาธิมาใช้ในตอนนี้ให้มันเกิดอุปาทานอย่างไร ดับอุปาทานอย่างไร
เมื่อทำอยู่อย่างนี้สมาธิภาวนาประการที่ 4เรียกว่าเป็นไปเพื่อสิ้นอาสะวะสมาธิทำหน้าที่ตัดความทุกข์สูงสุดไม่มีวิธีอื่นมันจงทำอริยะมรรคมีองค์ 8 ให้ได้อย่างนี้ถ้าเป็นอย่างนี้มันจะเผาม่านอวิชชาที่มีอยู่ในจิตใจที่บังพระพุทธเจ้า บังนิพพานใช้สมาธิให้เป็นประโยชน์คือให้เกิดสัมมาสมาธิมีบริขาร 7 ขึ้นมาถ้ามันเกิดอริยะสัมมาสมาธิขึ้นมามันจะเกิดอีก 2 องค์จะเกิดสัมมายานะ ความรู้ที่ถูกต้องภาวนาที่ถูกต้องแล้วก็จะเกิดสัมมาวิมุติความหลุดพ้นที่ถูกต้อง 2 อันนี้เป็นผล ไอ้ 8 อันเป็นเหตุเป็นอริยะสัมมาสมาธิมีบริขาร 7และเกิดสัมมายานะ สัมมาวิมุติรวมกันเป็น 10 เดี๋ยวนี้ไม่เรียกมรรคมีองค์ 8แล้วเรียกว่าสัมมัตตะความถูกต้อง 10 ประการ นั่นและพุทธศาสนาทั้งหมดต้องมี 10 เมื่อใดครบ 10 เป็นพุทธศาสนาทั้งสิ้นเป็นตัวพุทธศาสนาเดี๋ยวนี้เราจะสอนส่วนที่เป็นเหตุ 8 ประการเท่านั้นอีก 2 องค์ไม่ค่อยสนใจพระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ใดอาศัยเราเป็นกัลยานมิตรผู้นั้นจะพ้นจากความเกิดแก่เจ็บตาย ไม่มีความทุกข์ใดๆเหลืออยู่นี่ธรรมจักรไหมคนไหมตัดอะไรได้ไหมขอให้รู้ไว้ว่าอริยะมรรคมีองค์ 8และมันเกิดอาการอีก 2 ได้ผลสมบูรณ์มันตัดกันเป็นอริยะสัมมาสมาธิที่ไหนก็ไม่ค่อยพูดเรื่องสมะตาสิทอริยะมรรคมีองค์ 8มันพูดกันเรื่องเหตุส่วนผลที่จะพูดมันไม่พูดถ้าให้สมบูรณ์ทั้งพุทธศาสนาแล้วจะต้องส่วนเหตุส่วนผลมันเป็นสมตะสิท ขึ้นมาพระพุทธเจ้าพูดเรื่องที่น่าสนใจว่าสมะตะสิทความถูกต้อง 10 ประการนั้นเป็นวิเรตะนะแปลว่ายาถ่าย ยาถ่ายที่เรากินคุณกินเข้าไปมันจะถ่ายสิ่งเลวร้ายออกหมดนี่ยาถ่ายของพระพุทธเจ้าหรือมิฉะนั้นเรียกว่ายาสำรอกมันจะอาเจียนออกมาหมดรู้จักกินยาของพระพุทธเจ้าเป็นยอดหมอถ้าพูดอย่างโบราณก็พูดกันว่าน้ำชำระล้างบาปที่พวกพราหมณ์ ฮินดูใช้นี่เรียกมรรคมีองค์ 8 มันก็จบที่มันแยกออกเป็นสะมะตะสิทที่มันตัดความทุกข์สิ้นเชิงต่อเมื่อมันขยายเป็นสะมะตะสิททีนี้เราจะเขียนวงล้อกี่ซี่ก็ได้เป็นอันว่าเราได้พูดถึงเรื่องธรรมจักรวันนี้เป็นวันธรรมจักรมีความหมายเป็นธรรมจักรขอให้ได้ใช้ธรรมจักรให้โลกนี้มันหมดความมืดความโง่เขลามาช่วยกันทำให้โลกนี้มีแสงสว่างด้วยการช่วยกันเผยแผ่ธรรมจักรมันจะมีธรรมะเข้ามามันจะหมดความเห็นแก่ตัวคำว่าตัวกูของกูมันหมดไปจากโลกโลกนี้จะหมดความเห็นแก่ตัวไม่มีปัญหาเหมือนกับที่อาตมาพูดเมื่อกี้
ถ้าว่าไม่มีคำว่ากูของกูไม่มีโรคอะไรและมันต้องทำกันจริงๆโดยใช้อาวุธที่คมทำลายข้าศึกศัตรูของมนุษย์ทั้งโลกเท่านี้จะพอที่เรามาช่วยกันสดุดีพระธรรมของพระพุทธเจ้าที่ท่านตรัสวันนี้เป็นวันธรรมจักรเมื่อคนอื่นเขาไม่เอาก็ตามใจเขาแต่ขอให้เราพยายามจนสุดความสามารถของเราเพื่อให้เพื่อนมนุษย์ของเรารู้เรื่องนี้ฝรั่งมาที่นี่ก็ช่วยกันสอนให้เขารู้เรื่องที่เขาไม่รู้ให้รู้เรื่องนี้และมีการปะทะกันระหว่างธรรมจักรกับอวิชชาของมนุษย์ความโง่ของมนุษย์จะต้องตัดออกไปเสียด้วยสิ่งที่เรียกว่าธรรมจักรเรียกว่ากูสนองพระคุณพระพุทธเจ้าพุทธประสงค์ พระพุทธเจ้ามีพระประสงค์อย่างแรงข้อหนึ่งมันมีพระบาลีข้อหนึ่งพระเจ้าหวังว่าพระสาวกทั้งหลายจะช่วยทำให้พระธรรมเกิดแก่โลกทุกโลก เทวโลก พรมโลก หมู่สัตว์ทุกชนิดให้ได้รู้จักธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้นั้นขอให้มนุษย์เสียสละในการที่จะทำให้มนุษย์ในโลกรู้ธรรมะเป็นเครื่องเอาตัวรอดพยายามศึกษาเรื่องดับทุกข์ปฏิบัติเรื่องดับทุกข์ข้าราชการก็เหมือนกันอาตมาขอกล่าวว่าเป็นโชคดีแล้วที่เกษียณอายุเป็นข้าราชการบำนาญท่านสามารถศึกษาเรื่องนี้ได้เต็มที่ไม่มีอะไรมาขัดขวางศึกษาธรรมะและใช้ธรรมะให้สูงๆขึ้นไปแต่ให้ได้พบกับความสงบเย็นเป็นประโยชน์สิ่งสูงสุดตามพระพุทธศาสนามีจิตสงบเย็นและเป็นประโยชน์ให้สงบเย็นเหมือนพระนิพพานให้ได้ชิมสักหน่อยก็ยังดีไม่เสียเปล่าและเป็นประโยชน์แก่ทุกคนแต่นี่เรามีโอกาสทำชีวิตนี้ให้เป็นความเย็นและเป็นประโยชน์ขออนุโมทนาสาธุขอให้เป็นไปอย่างนั้นนี่ชีวิตสมบูรณ์เพียงแค่ว่ารู้จักเลี้ยงปากเลี้ยงท้องลูกหลานสมบูรณ์ก็พอแล้วมันไม่พอทำชีวิตให้ถึงจุดสูงสุดที่มันจะเป็นไปได้คือชีวิต สงบเย็นไม่มีไฟ ไม่มีความร้อน เป็นนิพพานเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายประโยชน์ตนก็ดี ประโยชน์ทุกฝ่ายก็ดีครบทุกประโยชน์ 2คำชีวิตเย็นเป็นประโยชน์และสงบเย็นเป็นประโยชน์ขอให้ได้รับสิ่งนี้ก่อนที่จะดับขันจงทุกคนๆอย่าไปอาลัยอาวรณ์สิ่งที่มันยืดเยื้ออย่างอื่นเลยนี่ได้รับประโยชน?สูงสุดว่าชีวิตนี้สงบเย็นเป็นความหมายแห่งนิพพานแล้วเป็นประโยชน์แก่ทุกคนทุกฝ่ายจบเรื่องของชีวิตใช้อาวุธวิเศษคือธรรมจักรฟันฝ่าออกไปก็จะถึงจุด จุดนี้เป็นแน่นอนอุบาสก อุบาสาสิกาทั้งหลายประจำวัดก็เหมือนกันอย่าอยู่เพียงเท่านั้นเลยขอให้มีความเจริญก้าวหน้าเลื่อยไปตามหนทางแห่งธรรมะให้ได้พบชีวิตเย็นเป็นประโยชน์เหมือนกันที่ยังหนุ่มอยู่ก็มุ่งหมายอันนี้เถิดอย่ามุ่งหมายอันอื่นเลยนักศึกษาก็มุ่งหมายอันนี้อย่ามุ่งหมายอันอื่นเลยและจะสำเร็จตามพุทธประสงค์สมบูรณ์และจะเป็นประโยชน์แก่ตนเองอย่างยิ่งเรื่องจบมีธรรมเทศนาปรารภเรื่องธรรมจักรในวันวันนี้เรียกวันอาสาฬหบูชาก็ทำการบูชาเป็นที่ระลึกแก่พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นผู้ประกาศธรรมจักรในวันนี้ก็นับว่าเป็นโชคดีที่เราได้มาพบปะกันและเรามาพูดจากันและมาทำความเข้าใจกันเรื่องนี้
ขอให้เราได้ยินได้ฟังเข้าใจรู้แจ้งในเรื่องที่ได้ยินได้ฟังและเกิดความพอใจที่จะปฏิบัติแล้วเราก็ปฏิบัติๆจนกว่าเราจะได้รับผลของการปฏิบัติจนถึงจุดสุดท้ายด้วยกันทุกๆคนเทอญธรรมเทศนาสมควรแก่เวลาเอวังก็มีด้วยประการะชะนี้
http://www.vcharkarn.com/varticle/34559