มาฆบูชาเทศนา กัณฑ์ 2 โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

มาฆบูชาเทศนา กัณฑ์ 2 โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – ความสุข 3 ระดับ
เมื่อตอนกลางวันก็ได้พูดถึงเรื่องความหมายของมาฆบูชาว่าเป็นวันพระอรหันต์ พระอรหันต์เป็นผู้สูงสุดมนุษย์ก็ตกความเป็นมนุษย์เป็นมนุษย์ที่เต็มสมบูรณ์ที่สุดที่นี้เราก็ยังไม่เต็มเราจะพยายามจะเดินให้เต็มเราจะเดินตามรอยทำตามรอยของพระอรหันต์ก็ต้องดูว่ามันตั้งต้นกันที่ไหนแล้วก็ไปจบกันที่ไหนนี่ดูว่าอะไรเกิดขึ้นมามันจึงจะจบจะต้องมีอะไรมันเกิดขึ้นเรื่องมันถึงจะจบในที่นี้ของให้กำหนดง่ายๆในที่นี้ละกันว่าเรื่องเกี่ยวกับความสุขมันมีอยู่ 3 ระดับ 3 ชั้นหรือ 3 ระดับเราก็ดูให้เห็นว่ามันเป็นอย่างไรระดับไหนเป็นอย่างไร

ระดับไหนเป็นอย่างไรระดับต้นที่สุดมันก็เป็นเรื่องของคนธรรมดา สามัญ ระดับคนสุดท้ายเป็นเรื่องของพระอรหันต์ความสุขอันดับสุดท้ายความสุขอันดับสุดท้ายก็เป็นเรื่องของพระอรหันต์มันเรื่องเดียวกันขอให้ตั้งใจกำหนดทำเรื่องความสุข 3 ระดับนี้เป็นหกลักเกณฑ์ที่แน่นเฟ้นมั่นคงก็ได้เหมือนกันแล้วมันก็จะง่ายดีหรือจะใช้เป็นหลักทั่วๆไป กระทั่งเด็กๆ กระทั่งผู้ใหญ่ ผู้เฒ่า ชาวบ้าน ชาววัดขอให้มีหลักเกณฑ์อันนี้เข้าใจหลักเกณฑ์อันนี

เอาพูดกันถึงเรื่องความสุข 3 ระดับนี้ให้ชัดเจนไว้ยิ่งกว่าที่พูดมาแล้วตอนกลางวัน ตอนกลางวันก็พูดเรื่องไม่ใช่ตนไม่เห็นแก่ตนในฐานะเป็นเรื่องความสุขอันสุดท้ายแต่ว่าไม่ได้ระบุว่าเป็นความสุขอะไรที่นี้ก็เป็นอันว่าพูดกันในแง่ของความสุขโดยที่เรียกว่าเอาความสุขเป็นหลักสำหรับตั้งต้น สำหรับวัด สำหรับอะไรไปได้ของมันเรื่องของความสุขนี้เป็นเรื่องของสัตว์เป็นเรื่องของคนทั่วๆไปซึ่งล้วนจะต้องการสิ่งที่เรียกว่าความสุขเรามาศึกษาตามหลักพระพุทธศาสนา

เพราะว่าในศาสนาอื่นเขาก็มีหลักการกฎเกณฑ์ตามหลักของเขาแล้วแต่ขอยื่นยันว่าในทางที่สุดของความไม่เห็นแก่ตัวนั้นแหละไม่ว่าศาสนาไหนไปจบสูงสุดด้วยความไม่เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นพิธีมันแตกต่างกันในการปฏิบัติหรือว่ามันใช้ความเห็นแก่ตัวในความหมายในลักษณะที่มันแตกต่างกันมันก็ได้เหมือนกันอย่างคนอยู่คริสต์ อย่างคนอยู่อิสลาม คนอินดู มันก็ไม่มุ่งจะเห็นแก่ตัวถึงจะมีพระเจ้าก็ไปอยู่กับพระเจ้าไปเป็นส่วนของพระเจ้าไปเป็นอันเดียวกับพระเจ้ามันก็เป็นเรื่องหมดเปลือกอันนั้นจำไว้ก่อนก็ได้ยังไม่ต้องวินิจฉัย

เดี๋ยวนี้ไปวินิจฉัยกันในเรื่องของชาวพุทธพูดให้มันสั้นที่สุดจำง่ายๆอันกับต้นสุดคือไม่เบียดเบียน อันดับถัดมาคือไม่กำหนัดในกาม อันดับถัดมาก็ไม่มีตัวตน หมดความรู้สึกว่าไม่มีตัวตนหรือไม่เคยมีตัวตนแต่แล้วมันก็ไม่พ้นที่จะเกี่ยวข้องกันทั้ง 3 อย่าง คืออย่างสุดท้ายมันยืนเป็นประธานถ้าไม่มีตัวตนมันก็ไม่ฆ่าไม่เบียดเบียนไม่อะไรหมดถ้ามันไม่มีตัวตนหรือไม่เห็นแก่ตน ถ้าไม่มีตัวตนหรือไม่เห็นแก่ตนมันไม่กำหนัดในกามจิตธรรมารมณ์แล้วนี้พูดต่อรองว่าถ้าคุณยังมีตัวตนก็เอากันอย่างนี้ ขั้นแรกอย่าเบียดเบียน อย่าเบียดเบียน อัปยาปัสชัง ไม่เบียดเบียน สุขสันรวมในสัตว์ที่มีชีวิตทั้งหลาย อย่าไปกระทบกระทั่งสัตว์ที่มีชีวิตให้มันเดือดร้อนให้มันตายก็เล็งไปในความสุขที่กว้างค่อนข้างจะเป็นเรื่องสังคมหรือของหมู่ของคณะ

ถ้าไม่เบียดเบียนกันมันก็เป็นสุขถ้าไม่เห็นแก่ตัวมันก็อดไม่ได้มันก็เบียดเบียนอยู่อย่างนั้นแหละนี่เราจับใจความให้ได้ว่าไม่เห็นแก่ตัวและก็ไม่ปล่อยไม่เผลอให้ประมาณกระทบกระทั่งเบียดเบียนขัดแย้งกระทั่งสงบสุขของผู้อื่นไม่ใช่หมายว่าจะแกล้งทำมันตายแล้ว ที่นี้จะแกล้งให้มันตายเป็นไปเพื่อผู้อื่นสัตว์อื่นก็พลอยลำบากเดือดร้อนมันใช้ไม่ได้ทั้งนั้นแหละเรียกว่าใช้ไม่ได้มันก็ทำเบียดเบียนอยู่นั้นแหละโดยเจตนาก็เบียดเบียนไม่เจตนาก็ยังเป็นการเบียดเบียนก็คำนี้เขาหมายความอย่างนั้นเมื่อไม่มีการเบียดเบียนคือไม่มีการกระทบกระทั่งไม่มีข้อขัดแย้งใดๆเลยเป็นความสงบสุขการขัดแย้งก็มีแต่การทำลายนี้เป็นอุปัทวะ อุบาทความขัดแย้ง คำเดียวกันคำว่าอุปัทวะคำว่าอุบาทมันคำเดียวกัน ภาษาบาลีคำว่าอุปัทวะคือคำขัดแย้ง คำขัดแย้ง ไม่มีสิ่งขัดแย้งมันก็ไม่มีคำว่าอุปัทวะหรืออุบาทนั้นเราจงอยู่กันอย่างไม่มีความขัดแย้งอย่างไม่มีความขัดแย้งในครอบครัวนี้อยู่กันกี่คนกี่คนก็เรียบร้อยก็มีความขัดแย้งมันก็ไม่มีการเบียดเบียน

โดยทุกอย่างทุกประการมันไม่มีเจตนาก็ได้ ไม่มีเจตนาก็ได้ ไม่มีอย่างเจตนาก็ได้ ไม่มีการขัดแย้งใดๆมันก็หมดปัญหามันต้องรับผิดชอบเหมือนกับว่าเพื่อคนอื่นเขาโง่คุณคงไม่คิดเลยหรือว่าปล่อยให้มันโง่มันทำกับฉันนี้คือว่ามันมาทำให้เกิดเรื่องเหมือนกับว่าเราเป็นคนฉลาดจริงก็ป้องกันเหมือนกับว่าไม่ให้มันทำได้ไม่ให้มันเกิดเรื่องขึ้นมาได้ป้องกันไม่ให้มันเกิดข้อขัดแย้งว่าอยู่กับคนโง่อยู่กับคนโง่มันร้ายกาจนักมันมีปัญหามากมันอยู่กับคนโง่ได้มันก็ไม่มีการขัดแย้งใดๆถ้าอยู่กับเด็กทารกได้มันก็ไม่มีการขัดแย้งเหมือนกันข้อนี้สำคัญเตรียมตัวไว้เถิดเตรียมตัวไว้เพื่ออยู่กับคนโง่

โดยเฉพาะคนเห็นแก่ตัวคือคนโง่ที่สุดเตรียมตัวให้ดีเพื่อจะอยู่กับคนโง่ถ้าไม่อย่างนั้นจะลำบากเองฉันไม่รับผิดชอบฝ่ายนั้นมันทำมันไม่พ้นความทุกข์ เราจะต้องเตรียมพร้อมฝ่ายเราสำหรับอยู่ร่วมกับคนโง่ไม่เปิดโอกาสให้คนโง่มีปัญหาหรือสร้างปัญหาอะไรขึ้นมานี่เรียกว่าปฏิบัติดีครบถ้วนกว้างขว้างในความหมายของคำว่าไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ให้เกิดการเบียดเบียนถึงบ้านเมืองเจริญยิ่งมากๆจนแน่นอัดจนมีปัญหามากมันจะเกิดการขัดแย้งขึ้นปัญหาเอามาปลาบคนโง่ คนบาป คนเห็นแก่ตัวฆ่ากันตายไม่ต้องรู้ ตั้งจิตเมตตาภาษาบาลีเรียกว่าเป็นอุเบนจาริกถึงเบื้องหน้าเป็นเบื้องหน้า อุเบนจาริกมีจิตเมตตาเป็นอุเบนจาริกเบื้องหน้า เบื้องหน้าว่า สัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนร่วมแก่ ร่วมเจ็บ ร่วมตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นมีความตั้งใจอย่างนั้นมีกฎเกณฑ์อย่างนั้นแล้วก็ปฏิบัติอย่างนั้นมันก็จะไม่เกิดความกระทบกระทั่งเบียดเบียนหรืออะไรมันก็มาจากความไม่เห็นแก่ตัวมันคิดอย่างนั้นได้มันก็คิดเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่เพื่อน ไม่เห็นแก่ทั้งหมดเดี๋ยวนี้มันไม่เห็นอย่างนี้เดี๋ยวก็มึง กู เดี๋ยวนี้ก็อิจฉา ริษยาแม้ไม่อิจฉา ริษยามันก็กระทบกระทั่งกันอยู่ก็มันเห็นแก่ตัวเกิดข้อขัดแย้งกระทั่งขนาดใหญ่หลวงที่เรียกว่าสงคราม

สงครามเป็นการขัดแย้งที่เกิดมาจากความเห็นแก่ตัวของทั้ง 2 ฝ่ายหรือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างน้อยเป็นอย่างน้อยส่วนมากมันก็เรียกทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าฝ่ายหนึ่งมันไม่เห็นแก่ตัวก็จริงมันไม่อภัยมันเกิดไม่ได้มันเกิดไม่ได้ ถ้ามรสงครามรบกันได้มันก็ต้องมีความเห็นแก่ตัวทั้ง 2 ฝ่ายแม้ว่าในรูปแบบที่มันต่างกัน

ต่างกัน เพราะเราอาจจะหลีกเลี่ยงโดยไม่ต้องฆ่าโดยไม่ต้องก่อสงครามก็ได้ทำซะอย่างอื่นก็ได้นี้ถือว่าถ้ามีสงครามก็ต้องมีความเห็นแก่ตัวทั้ง 2 ฝ่ายก็เกิดการขัดแย้งก็มีการรบลาฆ่าฟันกันไม่มีฝ่ายใดถูกได้ถ้ามันมีการรบลาฆ่าฟันกันพระเจ้าจะลงโทษมันกันทั้ง 2 ฝ่ายเพราะพระเจ้าสอนให้มันเบียดเบียนกันไม่มีการอ้างว่าฝ่ายไหนถูกฝ่ายไหนผิดลงโทษทั้ง 2 ฝ่ายข้อนี้อาจจะมีอยู่แล้วในบรรดาทั้งหลายบางคนที่นั่งอยู่ที่นี้คนแก่ๆ เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นตา เป็นยายนี้เคยถือหลักปฏิบัติไหมถ้าลูกๆ เด็กๆ ลูกหลานมันทะเลอะกันมันต้องตีทั้ง 2 ฝ่ายโดยไม่มีฝ่ายใดถูกฝ่ายเดียว ฝ่ายใดผิดฝ่ายเดียว จะมีการทะเลอะกันจะตีทั้ง 2 ฝ่ายนี้โยมอัตตามาเป็นอย่างนี้

โดยเฉพาะโยมผู้หญิงทะเลาะกัน ทะเลาะกับน้องหรืออะไรก็ตามตีมันทั้ง 2ฝ่ายเลยไม่มีทางที่จะพิสูจน์ว่าทางนั้นผิดว่าจะตีฝ่ายนั้นฝ่ายเดียวถ้ามีการทะเลาะกันก็ตีกันทั้ง 2 ฝ่ายมีส่วนผิดทั้ง 2 ฝ่ายมันผิดมากผิดน้อยค่อยว่ากันทีหลังถ้าในชั้นแรกต้องให้ได้รับโทษกันทั้ง 2 ฝ่ายเพราะถ้าอดกลั้นด้วยความไม่เห็นแก่ตัว อดกลั้นเสียมันก็จะไม่ทะเลอะกันนั้นเราเห็นสงครามเกิดขึ้นมักจะคิดว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกฝ่ายหนึ่งผิดบางที่ก็ไม่ถูกมันก็เห็นแก่ตัวด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งเป็นมากหรือน้อยตั้งจิตคิดว่าเราเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นถ้าเขาล่วงเกินมาเราก็อดทนได้

ยกเว้นให้อภัยให้เขาให้เขาสบายทั้งที่ทำให้เราเจ็บปวดถ้าคิดอย่างนี้มันจะทะเลาะกันได้อย่างไรมันยอมเป็นฝ่ายเจ็บปวดเพื่อให้ฝ่ายหนึ่งสบายเพราะว่ามัยเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย กันทั้งหมดทั้งสิ้นนี้หลักเกณฑ์ข้อต้นว่ามันมีให้เกิดการเบียดเบียนถึงแม้ที่สุดถึงการขัดแย้งเพียงการขัดแย้งมันก็ไม่เกิด

ที่นี้ตามปกตินิสัยมันมีแต��

http://www.vcharkarn.com/varticle/34482

. . . . . . .