พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
รูป ท่านพระอาจารย์ที่เราเห็นนั้น จะเป็นรูปที่ท่านตั้งใจให้ถ่ายทั้งหมด ถ้าท่านไม่ให้
ก็ไม่มีใครถ่ายติด นี่เป็นเรื่องจริง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขุนศรีปทุมวงศ์
มาอุปัฏฐากท่านพระอาจารย์ เที่ยวไปฟังเทศน์ไปอุปการะด้วยปัจจัย 4 เมื่อท่านฯ อาพาธ
ขุนศรีฯ ก็ส่งหมอไป หมอฉีดยาให้ท่าน 2 เข็ม และให้ยาไว้ฉันด้วย หมอของขุนศรีฯ
พักอยู่ที่นั่นถึง 3 วัน อาการดีขึ้น
ท่านก็บอกว่า “พอแล้วนะ ไม่ต้องมาฉีดอีก อาการหายแล้ว”
พอขึ้นไปครั้งที่สอง
หมอเอาช่างถ่ายภาพไปด้วย กราบนมัสการท่านว่า
“พวกกระผมขออนุญาตถ่ายภาพท่านอาจารย์ไว้เป็นที่เคารพบูชา”
ท่านฯ ว่า
“ไม่ได้ดอกโยมหมอ อาตมาไม่ให้ เพราะโยมหมอถ่ายภาพของอาตมาไป เพื่อจะทำการ
ซื้อขาย หาอยู่หากิน กลัวโยมจะเป็นบาป อาตมาไม่ให้”
เขาก็กราบอ้อนวอน ท่านฯ บอกว่า
“เราเป็นคน รู้จักภาษา ไม่ให้ ไม่ให้ เข้าใจไหมล่ะ “เขาก็เลยเลิกไม่อ้อนวอนอีก
พอ เช้ามา ท่านไปบิณฑบาต เขาก็ไปตั้งกล้องในที่ลับ กล้องขาหยั่งสามขา
ถ่ายเสร็จก็เอาม้วนนี้ออกไป หลังจากท่านบิณฑบาต ท่านนั่งให้พร ถ่ายม้วนที่สองไปอีก
มาม้วนที่สาม ม้วนที่สี่ จนสี่ม้วนแล้วก็ไปอีก นี่ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สองเอาอีกสี่ท่า
ครั้งที่สามเอาอีกสี่ท่า กลับไปล้างอยู่ที่พังโคน ไม่มีอะไรติดเลย
สิ่งที่จะปรากฏไปแล้วอุจาดตา ท่านเจ็บป่วย
ท่าน ล้มหายตายจากก็ดี มารยาทของความล้มหายตายจากก็ถ่ายไม่ติด
(ขณะที่หลวงปู่มั่นกำลังจะมรณภาพและ หลังมรณภาพ มีภิกษุบางรูปใช้กล้องถ่ายภาพ
ท่านไว้ แต่ไม่ติดเลยสักรูป -ภิเนษกรมณ์)
ทำไมท่านจึงไม่ให้ติด เพราะว่าการเห็นรูปภาพเช่นนั้น
จิตของบุคคลผู้ที่เห็นอาจจะเป็นกุศล
หรืออกุศล และเพื่อรักษาจิตผู้พบเห็น ไม่ให้เป็นอกุศล ท่านจึงอธิษฐานไว้ไม่ให้ติด
อย่างรูปยืนที่เรา เห็นนั้น คงจะเป็นรูปที่ท่านต้องการให้ถ่าย จึงห่มให้เป็นกิจลักษณะ
คล้ายกำลังเดินจงกรม ปกติเวลาท่านเดินจงกรม ถ้าเป็นฤดูหนาว ก็จะคลุมผ้ากันหนาว
ถ้าเป็นฤดูร้อน ท่านก็จะใส่แต่ผ้าอังสะ ทำแบบสบายๆ จังหวะในการเดินก็ปกติ
ไม่เร็ว ไม่ช้าให้เป็นปกติ ก้าวปกติก้าวขนาดไหน
ก็ให้ก้าวขนาดนั้นพอประชิดทางจงกรม จะหมุนกลับจากซ้ายไปขวา ทิศที่จะเดินจงกรม
มีอยู่ 2 ทิศ คือ ตะวันตกกับตะวันออก หรืออีสานกับหรดี
(คือ ตะวันออกเฉียงเหนือกับตะวันตกเฉียงใต้-ภิเนษกรมณ์)
นอกนั้นเดินขวางตะวัน ถ้าใครทำ ท่านฯ จะดุ ท่านว่า มันไม่ถูก
เดินไปจนตาย จะให้จิตรวม มันก็ไม่รวมหรอก
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://atcloud.com/stories/70479