พ่อแม่สมบูรณ์แบบ โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ
หน้าที่ 1 – พระสารีบุตร
ในวันนี้จะได้กล่าวในหัวข้อว่าพ่อแม่สมบูรณ์แบบหมายถึงพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบยังเป็นสิ่งที่เราพากันมองข้ามว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความอยู่รอดของมนุษย์คือเป็นสิ่งสำคัญในการที่มนุษย์จะมีความปลอดภัยมีความเป็นอยู่ประกอบไปด้วยสันติภาพหรือสันติสุขเหมือนทุกๆเรื่องที่แล้วมาแสดงให้เห็นว่าพากันมองข้ามสิ่งเหล่านี้แล้วมันก็ดับทุกข์ได้ยากหรือมันจะก่อปัญหาความทุกข์เกิดขึ้นไม่มีที่สิ้นสุดหรือว่าจะริเริ่มก่อปัญหาขึ้นมาก็แล้วแต่กรณีการที่มนุษย์เราในโลกนั้นมีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ก็มีเหตุปัจจัยหลายอย่างอย่างหนึ่งซึ่งสำคัญมากก็คือยังขาดพ่อแม่สมบูรณ์แบบคือขาดบิดามารดาที่ถูกต้องตามแบบแห่งพระธรรม ถูกต้องตามหลักของพระธรรม
ข้อนี้จะต้องพูดกันเสียก่อนว่าไม่ใช่ว่าอาตมาจะโทษใครหรือจะทนว่าเป็นความผิดแต่มันเป็นสิ่งที่เป็นไปตามบ้านอยู่ในโลกในเวลานี้ที่ว่าโลกมันขาดเหตุปัจจัย ที่โลกมารดาสมบูรณ์แบบมันก็มีอยู่มากเหมือนกันมีเหตุปัจจัยหลายๆอย่างมันเป็นมาในลักษณะที่ซับซ้อนมากขึ้นหรือว่าการอบรมสั่งสอนในพื้นฐานนั้นมันไม่พอเช่นว่าการศึกษาไม่พอที่ทำให้มนุษย์รู้ว่าตัวเองเกิดมาเพื่ออะไรควรจะได้อะไร
โดยวิธีใดแต่นี่มันก็ไม่พอมันไม่มีคนเหล่านั้นเป็นบิดามารดาขึ้นมาก็ไม่อาจจะสอนให้เด็กๆรู้ว่าเกิดมาทำไมควรจะได้อะไรโดยวิธีใดดังนี้เป็นต้นก็การศึกษามันไม่พอ การศึกษามันไม่พอก็ไม่รู้จะไปโทษใครอีกเหมือนกันเราะมันไม่มีใครอาจจะรับผิดชอบได้เพราะว่าสิ่งทั้งหลายมันก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยบ้านเมืองของเรา บุคคลของเรา การงานของเราก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยไม่มีใครที่จะควบคุมมันไว้ได้มันจึงไม่มีความสมบูรณ์แบบ เราจึงมีการศึกษาที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีการงานการกระทำไม่สมบูรณ์แบบกระทั่งมีครอบครัวมีบิดามารดา คนแก่คนชรา ล้วนแต่ไม่สมบูรณ์แบบ มันขาดตกบกพร่องอย่างนั้นอย่างนี้ไปตามเรื่องโลกมนุษย์มันก็เป็นอย่างนี้ทีนี้อาตมาก็มองเห็นไปในทางที่ว่าถ้าเรามีบิดามารดาสมบูรณ์แบบปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเราควรจะได้พิจารณากันดูให้ดีถึงสิ่งที่เรียกว่าบิดามารดาสมบูรณ์แบบแม้ว่าจะไม่ทำเดี๋ยวนี้ที่จะหวังได้โดยง่ายก็ตามเราควรจะนึกถึงและเอามาพิจารณากันดูให้เป็นที่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
ถ้าบิดามารดาสมบูรณ์แบบนั้นลูกเด็กๆก็เริ่มจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบมาตั้งแต่เล็กๆแล้วก็จะสมบูรณ์แบบได้ในที่สุดมนุษย์ก็ไม่มีปัญหา เดี๋ยวนี้มนุษย์มีแต่ปัญหาพูดกันไม่รู้เรื่องสอนกันไม่ได้เห็นแต่เพียงว่ายุคนี้ไม่มีบิดามารดาที่คุณจะเชื่อฟัง ไม่มีครูบาอาจารย์ที่ศิษย์จะเชื่อฟังกระทั่งว่าไม่มีรัฐบาลที่ประชาชนรักใคร่ยินดีร่วมมือด้วยอย่างเต็มที่อย่างนี้เป็นต้น คำว่าพ่อแม่ หรือบิดามารดานี้ขอให้ทำความเข้าใจกันให้ถึงที่สุดว่ามีอยู่ 2 ความหมายคือบิดามารดาในทางกายที่ให้กำเนิดมาในทางกาย แล้วก็บิดามารดาในทางจิตใจ ทางวิญญาณที่ให้เกิดความรู้แสงสว่างที่ถูกต้องทางจิตทางวิญญาณขึ้นมาให้กายเป็นการตื่นอีกครั้งหนึ่งคือเกิดโดยธรรมะ เกิดโดยแสงสว่างของพระธรรมท่านลองสังเกตดูว่าคนเราจะมีการเกด 2 หนอย่างนี้เสมอไป เกิดมาจากบิดามารดาก็เสร็จไปแล้วทุกคนก็เกิดเสร็จ
แล้วแต่ทีนี้การที่จะเกิดโดยทางจิตใจเป็นมนุษย์ที่ดีที่ถูกต้องตามความหมายของการเป็นมนุษย์นั้นบางคนยังไม่ได้เกิดด้วยซ้ำไป บางคนก็เกิดผิดๆไปเป็นมนุษย์ที่เลวคือไม่ใช่มนุษย์เดี๋ยวก็มี แต่การเกิดครั้งที่ 2 นี้จะเรียกว่าการเกิดในทางวิญญาณเมื่อการเกิดมี 2 ชนิดอย่างนี้บิดามารดาก็ต้องมี 2 ชนิดไปด้วยกันคือบิดามารดาทางกายและบิดามารดาทางวิญญาณ บิดามารดาทางร่างกายก็รู้กันอยู่แล้วไม่ต้องอธิบายว่าใครเป็นลูกของพ่อแม่คนไหนมันก็มีพ่อแม่นั้นเป็นบิดามารดาส่วนการเกิดทางวิญญาณนี้มองเห็นยากไม่รู้ว่าเกิดเมื่อไรเกิดโดยใครเพราะเป็นเรื่องทางจิตใจไม่เห็นตัวต้องสังเกตเอาเองว่าเรามีแสงสว่างอันถูกต้องเกิดขึ้นในใจสำหรับความเป็นมนุษย์นี้เมื่อไหร่โดยใครที่ไหนก็ขอให้ลองคิดดูแล้วยังมีการเกิดแบบพิธีลีตรองเช่นว่ามาบวชพระบวชเณรก็ถือว่าเกิดเหมือนกันเกิดอีกแบบหนึ่งอาจจะไม่ได้เกิดทางวิญญาณก็ได้เพราะว่าบวชอย่างหลับหูหลับตาตามประเพณี
มันก็เป็นการเกิดอีกชนิดหนึ่งเกิดมาเป็นภิกษุสามเณรสักว่าโดยลักษณะโดยวรรณะภายนอก อันนี้ก็ล้วนแต่ว่าการบวชของคนคนนั้นมันเป็นอย่างไรถ้ามันเป็นเรื่องบวชตามทำเนียมมันก็เป็นแต่ภายนอกมันก็เหมือนการเกิดทางกาย ท
http://www.vcharkarn.com/varticle/34816