ทางพ้นทุกข์ (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
การสำเร็จมรรคสำเร็จผล ไม่ได้สำเร็จที่อื่นที่ไกล
สำเร็จที่ดวงใจของเรา
ธรรมะ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าท่านวางไว้ถึงแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์
ท่านก็ไม่ได้วางไว้ที่อื่น วางที่กาย ที่ใจของเรานี้เอง
นี่เรียกว่า เป็นที่ตั้งแห่งธรรมวินัย
ความที่พ้นทุกข์ ก็จะพ้นจากที่ไหนเล่า คือ ใจเราไม่ทุกข์ แปลว่า พ้นทุกข์
เพราะฉะนั้น ได้ยินแล้วให้พากันน้อมเข้าภายใน
ธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า รวมไว้ในจิตดวงเดียว
เอ กํ จิตฺตํ ให้จิตเป็นของเดิม จิตฺตํ ความเป็นอยู่
ถ้าเราน้อมเข้าถึงจิตแล้ว ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
ถ้าเราไม่รวมแล้ว มันก็ไม่สำเร็จ
ทำการทำงานทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องรวมถึงจะสร็จ
ถ้าไม่รวมเมื่อไรก็ ไม่สำเร็จ
เอกํ ธมฺมํ มีธรรมดวงเดียว
เวลานี้เราทั้งหลายขยายออกไปแล้วก็กว้างขวางพิสดารมากมาย
ถ้าวิตถารนัยก็พรรณนาไปถึงแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์
รวมเข้ามาแล้ว สังเขปนัยแล้ว มีธรรมอันเดียว
เอ กํ ธมฺมํ เป็นธรรม อันเดียว เอกํ จิ ตฺตํ มีจิตดวงเดียว
นี่ เป็นของเดิมให้พากันให้พึงรู้พึงเข้าใจต่อไป
นี่แหละต่อไปพากันให้รวมเข้ามาได้
ถ้าเราไม่รวมนี่ไม่ได้ เมื่อใด จิตเราไม่รวมได้เมื่อใด มันก็ไม่สำเร็จ
นี่แหละให้พากันพิจารณาอันนี้ จึงได้เห็นเป็นธรรม
เมื่อเอาหนังออกแล้วก็เอาเนื้อออกดู
เอาเนื้อออกดูแล้ว ก็เอากระดูกออกดู เอาทั้งหมดออก
ดู ไส้น้อย ไส้ใหญ่ ตับไตออกมาดู มันเป็นยังไง มันเป็นคนหรือเป็นยังไง
ทำไมเรา ต้องไปหลง เออนี่แหละพิจารณาให้มันเห็นอย่างนี้แหละ
มันจะละสักกายทิฐิแน่ มันจะละวิจิกิจฉา ความสงสัย
จะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ มันเลยไม่มี
สีลพัตฯ ความลูบคลำ มันก็ไม่ลูบคลำ
อ้อจริงอย่างนี้ เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้ว จิตมันก็ว่าง
เมื่อรู้จักแล้วก็ตัด นี่มันจะได้เป็นวิปัสสนาเกิดขึ้น
อันนี้เรามีสมาธิแน่นหนาแล้ว
ทุกขเวทนาเหล่านั้น มันก็เข้า ไม่ถึงจิตของเรา
เพราะเราปล่อยแล้ว เราวางแล้ว เราละแล้ว
ในภพทั้งสามนี้ เป็น ทุกข์อยู่เรื่องสมมติทั้งหลาย
จิตนั้นก็ละ ละภพทั้งสาม มันก็เป็นวิมุตติหลุดพ้นไปหมด
นี่ละเป็นวิมุตติ แปลว่า หลุดพ้น จะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้
จิต นั้นจะได้เข้าสู่ปรินิพพาน ดับทุกข์ในวัฏสงสารไม่ต้องสงสัยแน่
เวียนว่ายตายเกิดในโลกอันนี้ เรื่องมันเป็นอย่างนี้
วัฏสงสาร ทำไมจึงว่า วัฏ คือ เครื่องหมุนเวียน สงสาร คือ ความสงสัยในรูป
เฮอ ในสิ่งที่ทั้งหลายทั้งหมด มันเลยไม่ละวิจิกิจฉาได้ซี
เดี๋ยวนี้เรารู้แล้วไม่ต้องวนเวียนอีก เกิดแล้วก็รู้แล้วว่ามันทุกข์
ชราก็รู้แล้วมันทุกข์ พยาธิก็รู้ แล้วว่ามันทุกข์ มรณะก็รู้แล้วมันทุกข์
เมื่อเราทุกข์เหล่านี้ ก็ทุกข์เพราะความเกิดเราก็หยุด
ผู้นี้ไม่เกิดแล้วใครจะเกิดอีกเรา
ผู้นี้ไม่เกิดแล้ว ผู้นี้ก็ไม่แก่ไม่ตาย
ผู้นี้ไม่ตายแล้วอะไรจะมาเกิด
มันไม่เกิดจะเอาอะไรมาตาย
ดูซิ ใจความคิดของเรา
เดี๋ยวนี้เราเกิด เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด
เกิดแล้วก็ตายอยู่อย่างนี้ มันก็เป็นทุกข์ไม่แล้วสักที
ที่มา…คัดมาจาก หนังสือรวมคำสอนจากพระป่า
จากหนังสือรวมคำสอนพระสุปฏิปันโน เล่ม 1
kaskaew.com
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=31175