เรืองเล่าปาฏิหารย์สมเด็จโต
เรืองเล่าปาฏิหารย์สมเด็จโต
เรียบเรียงโดย บรามี
กลับมาอีกครั้งนะคะ ได้เวลาเล่าเรืองใหม่กันอีกแล้ว พอดี 2-3 วันที่ผ่านมานี้ บรามีได้มี
โอากาสอ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์ และได้พบข่าวอันน่ามหัสจรรรย์เกียวกับหลวงปู่โต พรหมรังษี หลวงปู่ที่บรามี รักและเคารพมากองค์หนึงเลยนะคะ ก็เลยนำมาเล่าต่อ เรืองก็มีอยู่ว่า อยู่ดี ๆ ก็เกิดมีงูจงอางตัวบิ๊กเบิ้ม อยู่ ๆ มาพันรอบองค์ของท่านนะคะ ชาวบ้านแถบนั้นเชือว่า งูจงอางนี้เป็นงูเจ้าึ่ค่ะ มาเพือแสดงปาฏิหารย์ค่ะ แต่ปาฏิหารย์อันใด จะมาแจ้งอะไร ก็ไม่มีใครทราบแน่นอนนะคะ รู้กันแต่ว่า ชาวบ้านต่างอัศจรรย์ใจที่อยู่ๆ ก็มีงูยักษ์มาทำความเคารพรุปเหมือนของอาจารย์ปู่น่ะคะ
เรืองนี้ทำให้บรามีหวนคิดถึง เรืองราวความผูกพันธ์ระหว่างหลวงปู่โต พรหมรังษีแห่ง วัดระฆัง และสังคมไทยนะคะ คงจะมีคนจำนวนน้อยนะคะ ถ้าเอ่ยถึงยอดพระคาถชินบัญชร แล้วจะไม่ร้องอ๋อ พร้อมๆ กับการระลึกนึกถึงอาจารย์ปู่ของเรานะคะ ใช่แ้ล้วค่ะ หลวงปู่โต พรหมรังสีท่านเป็นผู่ได้คัดลอกยอดพระคาถาอันศักดิสิทฺธินี้มาจาก ประเทศศรีลังกานะคะ บุญคุณของท่านต่อชาวพุทธอย่างเรา ๆ นั้นใหญ่หลวง เนืองจาก ยอดพระคาถาดั้งเดิมนั้นยาว และยากมากค่ะ แต่ด้วยความเป็นอัจฉริยะของหลวงปู่ท่าน ท่านได้นำมาคัดลอกให้ได้ใจความไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ความยาวกำลังพอเหมาะ เพราะท่านเล็งเห็น และอยากให้ พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังได้้ทำการสวดท่อง ยอดพระคาถาอันศักดิสิทธินี้ สืบต่อไป นานเท่านานค่ะ
บรามีก็เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ท่านนะคะ ตั้งแต่ที่ได้เริ่มสวดยอดพระคาถาชินบัญชรเมือหลายสิบปีก่อน บอกได้เลยว่าชีวตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ อย่างแรกใจเราสงบ เนืองจากกำแพงแก้วอันศักดิสิทธิได้ทำการปกป้องจิตใจเราจากความไม่สงบทั้งปวงค่ะ หลังจากนั้น เมือได้เริ่มสวดพระคาถาชินบัีญชรเป็นครั้งแรกแล้ว ไม่มีคืนไหน ที่บรามีจะเข้านอนโดยไม่ได้สวดพระคาถาค่ะ คิดย้อนไป ปัญหาหลาย ๆ อย่างมีทางแก้อย่างประหลาด เรืองราวปาฏิหารย์ระหว่างบรามี และอาจารย์ปู่มีมากมายเหลือเกินค่ะ เรียกว่าเล่าไป ก็คงไมจบแน่ ๆ ใน ตอนเดียว เอาไว้่ค่อย ๆ ทะยอยเล่าก็แล้วกันนะคะ
บรามีนึกถึงหลวงปู่โต ครั้งใด ก็ไม่เคยมีสักคร้งที่จะไม่ระลึกถึงและขอบพระคุณท่านที่ได้ฝากยอดพระคาถาอันศักดิสิทธิให้แก่คนรุ่นหลังได้สวดท่องกันต่อไปค่ะ เวลาไปที่วัดระฆัง บรามีก็มักจะไปกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ปู่ทั้งสามองค์ อันได้แก่ ท่านอาจารย์เจริญ และท่าน อาจารย์ ทัดค่ะ ถึงแม้บรามีย้ายมาอยู่ต่างประเทศแล้ว ก็ยังนำรูปของอาจารย์ปู่ทั้งสา่มองค์ มาที่สิงคโปร์ด้วยนะคะ จะได้เอาไว้กราบไหว้ ให้หายคิดถึง ขึันชือว่าเป็นคนไทย ก็ห่างพระ ห่างเจ้า หรือห่างวัดไม่ได้น่ะคะ คุณ ๆ ที่ยังไม่เคยไปกราบ ลองแวะไปที่วัดระฆังสักคร้งนะคะ
คุณ ๆ ล่ะคะ ได้ลองสวดยอดพระคาถาชินบัญชรกันหรือยังคะ ถ้ายัง แนะนำให้เริ่มสวดในวันพฤหัสบดีนะคะ ควรนำดอกไม้ธูป เทียน ใส่พาน แล้วระลึกถึงท่านอาจารย์ปู่นะคะ ลองขออนุญาติท่านอาจาย์ทั้งหลาย ขออนุญาตเรียนคาถาอย่างเป็นทางการนะคะ อานิสงค์จากการสวดยอดพระคาถามีมากมายเหลือคณานับค่ะ แต่ที่ แน่ ๆ เมือคุณ ๆ ได้ทำการสวดมนตร์แล้ว จิตใจคุณจะสงบค่ะ เมือคนเราสงบใจได้ ปัญหาอะไรก็ตามก็จะมีทางออกเสมอ ๆ ค่ะ ลองสวดท่องได้นะคะ แนะนำอย่างจริงจังเลยค่ะ
ชอเชิญอ่านเรืองราวได้จากด้านล่างค่ะ ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพฺ์ไทยรัฐค่ะ
——————————————————————————————————-
เกิดเหตุอัศจรรย์ งูจงอางยาวกว่า 3 เมตร เลื้อยแผ่แม่เบี้ยเหนือเศียรรูปปั้นเหมือนสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ที่สำนักปฏิบัติธรรม ใน จ.ลำปาง อยู่นานกว่า 7 ชั่วโมง ชาวบ้านเชื่อเป็นงูศักดิ์สิทธิ์ …
โดย เหตุอัศจรรย์ใจชาวพุทธ ที่เกิดขึ้นหลังผ่านวันพระใหญ่ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 เพียงวันเดียวในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึก วันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่สำนักปฏิบัติธรรม พรหมรังสี ภายในวัดถ้ำผางาม 3 พระโพธิสัตว์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่า ต.พระบาทวังตวง อ.แม่พริก จ.ลำปาง ติดถนนพลโยธินสายลำปาง – ตาก ติดป่าอุทยานแห่งชาติแม่วะ เมื่อ พระวิศาล ถาวโร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดถ้ำผางาม 3 พระโพธิสัตว์ และแม่ชี ที่กำลังปฏิบัติธรรมอยู่ภายในสำนักปฏิบัติธรรม พบงูจงอางขนาดใหญ่สีดำ ลายปล่องสีน้ำตาลเข้ม ความยาวกว่า 3 เมตร เลื้อยอยู่บริเวณรูปเหมือนขนาดใหญ่ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และรูปหล่อสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ และครูบาศรีวิชัย ซึ่งทั้งหมดมีขนาดใหญ่สูงกว่า 3 เมตร ประดิษฐานอยู่บริเวณหน้าวัด โดยงูจงอางตัวดังกล่าว ได้เลื้อยวนไปมา และพยายามจะเลื้อยขึ้นไปบนรูปปั้นเหมือนขนาดใหญ่ของสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี แต่เนื่องจากอยู่สูงกว่าระดับพื้นดิน จึงทำให้งูตัวดังกล่าวไม่สามารถขึ้นไปได้ สร้างความแตกตื่นแก่พระสงฆ์ และแม่ชี ที่กำลังปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ และเดินจงกลม บริเวณนั้นอย่างมาก
เมื่อ งูจงอางเลื้อยวนไปมา ได้สักพักจึงเปลี่ยนไปเลี้อยขึ้น รูปปั้นสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี องค์เล็ก ที่อยู่บริเวณรูปเหมือนองค์ใหญ่ ซึ่งเป็นที่กราบไหว้ และสักการะของประชาชน จากนั้นก็พันบริเวณคอทันที จึงยิ่งสร้างความแตกตื่นอย่างมาก เพราะในขณะนั้น ไม่เกิดฝนตกลงมา ที่จะทำให้งูจงอางหนีน้ำไปอยู่บนพื้นที่สูง หรือมีสุนัขไล่กัด จนต้องหนีภัยไปอยู่บนพื้นที่สูง ประกอบกับบริเวณวัด ไม่เคยเห็นงูตัวดังกล่าวมาก่อน นับเป็นสิ่งประหลาดใจแก่ผู้พบเห็นอย่างมาก ข่าวได้แพร่สะพัดออกไป ทำให้ประชาชนที่บ้านเรือนตั้งอยู่ใกล้วัด เดินทางมาดูอย่างไม่ขาดสาย ประกอบกับ ยังมีผู้นำไม้มาไล่งูให้ออกไปจากรูปปั้นสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี แต่งูจงอางตัวดังกล่าว ก็ไม่ยอมหนีไป และยังไม่ทำอันตรายใด ๆ เพียงแต่เลื้อยพันคออยู่ไปมา และสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่องูจงอางตัวดังกล่าว ส่วนหัวได้เลื้อยขึ้นไปบนเศียรสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี พร้อมแผ่แม่เบี้ย ยิ่งทำให้ผู้พบเห็นเกิดขนลุกในความน่าอัศจรรย์ใจ และเป็นปาฏิหาริย์ในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก ว่าเป็นงูศักดิ์สิทธิ์ ที่มาแสดงปาฏิหาริย์ให้ประชาชนได้พบเห็น
ด้าน พระวิศาล ถาวโร กล่าวว่า ตนได้บุกเบิกตั้งสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้มานานตั้งแต่ปี 2547 ยังไม่เคยเห็นงูจงอางตัวดังกล่าวมาก่อน และพื้นที่ป่าแห่งนี้ ก็ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของงูจงอาง จึงเกิดความประหลาดใจอย่างมาก อาจจะเป็นงูศักดิ์สิทธิ์ ที่มาโปรดให้ประชาชนได้เห็น รวมถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นสถานที่ เพื่อเผยแพร่พระคาถาชินบัญชรในภาคเหนือ โดยในอดีต ตนเป็นพระในคณะ 9 วัดระฆัง มาก่อน กระทั่งเกิดความเลื่อมใส จึงได้เดินทางมายังจังหวัดลำปาง เพื่อตั้งสำนักปฏิบัติธรรม พรหมรังสี ขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้มาศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และศึกษาพระคาถาชินบัญชร กระทั่งมาเกิดความน่าอัศจรรย์ และปาฏิหาริย์ในครั้งนี้
สำหรับงูจงอางตัวนี้ ได้เลื้อยพันคออยู่นานกว่า 7 ชั่วโมงตลอดทั้งคืน ก่อนที่ในช่วงเช้ามืดงูตัวดังกล่าว จะได้เลื้อยลงลงพื้นดิน แล้วเลื้อยเข้าไปในต้นโพธิ์ใหญ่ บริเวณหน้าวัด แล้วหายไป โดยที่ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย อย่างไรก็ตาม ข่าวยิ่งแพร่สะพัด ออกไป ทำให้มีประชาชน และคณะศรัทธาเดินทางมาที่วัดเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางวัดก็ได้มีการบันทึกภาพไว้ได้ จึงได้นำมาให้ประชาชนได้ชม โดยที่ทางวัด จะได้ขยายภาพให้ใหญ่มากขึ้น เพื่อติดให้ประชาชนได้รับชมภาพสำคัญนี้ ซึ่งตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 9 ที่ผ่านวันพระใหญ่ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 เพียงวันเดียว สิ่งที่หลายคนที่พบเหตุการณ์ดังกล่าวต่างเชื่อว่าเป็นความศักดิ์สิทธิ์ และบารมีของสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ที่ได้มาโปรดให้พระสงฆ์ แม่ชี และผู้มาปฏิบัติธรรม.
ขอขอบคุณ : http://www.thamnaai.com/