ธรรมบรรยาย พัฒนาตน

ธรรมบรรยาย พัฒนาตน
พระราชสุทธิญาณมงคล (จรัญ ฐิตธมฺโม)
เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี และ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
ผู้มีปณิธานมั่นคง และ มีผลงานพัฒนาคนให้สูงด้วยคุณธรรม

คนดีต้องมีผลงาน
คนพาลชอบหาเรื่อง
คนชอบรุ่งเรืองต้องพัฒนา…

ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย เพื่อให้สอดคล้องกับคำกลอนข้างต้น อาตมาขอเล่าธรรมะสักเรื่องตามตำนานชาดกที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่คณะสงฆ์ผู้ทรงศีล ดังนี้

มีพระราชาองค์หนึ่งทรงสุบิน ว่ามีช้างเผือกจะเข้ามาในเมือง ก็มีคำสั่งให้โหรพระที่นั่งเข้ามาทำนายทายทัก ฝ่ายพญาพาลติดสินบนให้โหรเสแสร้งกล่าววาจาทำนายว่า มีคนกาลีบ้านกาลีเมืองอยู่ในเมืองนี้ คนมีวิชาจะมาแย่งราชบัลลังก์ แนะนำให้จับตัวไปประหารชีวิตเสียให้หมด

ฝ่ายกระทาชายนายหนึ่ง ซึ่งเป็นพระเอกของเรื่อง เป็นบุตรมุขอำมาตย์ ไปร่ำเรียนศึกษาวิชาจากอาจารย์ทิศาปาโมกข์ แห่งเมืองตักศิลา มีวิชาความรู้ทั้งศิลปหัตถกรรม ยุทธวิธียุทโธปกรณ์ทั้งกำบังและหายตัว เมื่อสำเร็จวิชาก็กลับมายังบ้านเมืองดังกล่าว มุขอำมาตย์ผู้บิดา เมื่อทราบคำทำนายดังนั้น ก็บอกลูกชายให้หลบลี้หนีหน้าออกไปจากเมืองนี้ มิฉะนั้นจะถูกประหารชีวิตด้วยพญาพาลกราบทูลองค์พระราชาว่า ลูกของอำมาตย์บุคคลนี้มีความรู้ดีมาก อาจจะเป็นอันตรายต่อพระองค์และราชบัลลังก์

ชายคนนี้ก็หนีไปอยู่ในถ้ำคูหา ๑๖ คูหา ห่างจากพระนคร ๑๖ โยชน์ คนมีวิชาอยู่ที่ไหนก็ไปสร้างฝีมือที่ดี คนชั่วจะไปอยู่ที่ใดก็สร้างแต่ความชั่ว นี่แหละคนเราก็เป็นอย่างนี้แหละหนอ ชายคนนี้ก็หลบหนีไปอยู่ในถ้ำ เจริญสมาธิบำเพ็ญจิตภาวนา แบบเรื่องชาละวันเข้าถ้ำคูหากลายเป็นมนุษย์โสภา ออกจากถ้ำคูหากลายเป็นกุมภาเดรัจฉาน ไม่มีสติ ไม่มีสมาธิ ที่มักจะเป็นเดรัจฉาน คือ โมหะ

กระทาชายผู้นี้ไปอยู่ในถ้ำ เจริญสมาธิภาวนา เกิดแสงสว่าง เกิดปัญญามั่นคงดำรงศาสตร์ มีวิชาความรู้เพิ่มขึ้น ได้จารึกแสดงฝีมือของตนเองไว้ คนดีมีฝีมือจะแสดงฝีมือตลอดรายการ คนที่อันธพาลมักจะหาเรื่อง เสแสร้งกล่าววาจาบิดเบือนความจริงของชีวิตและความดีของคนอื่น ออกมาอย่างนี้ชัดเจน

คนดีมีปัญญา คือ ช้างเผือก ช้างเผือกมันอยู่ในป่าแห่งความสงบ ถ้าบุคคลใดมีจิตสงบปรารภธรรม บุคคลนั้นเป็นช้างเผือก คือ ผู้มีปัญญา บุคคลใดจิตไม่สงบเป็นช้างเผือกไม่ได้ ป่าในที่นี้แปลว่า ความสงบ เรียกว่า ป่ารุกขมูล มีสัจจะ มีความจริงใจและจริงจัง ต่อตนเองและต่อบุคคลอื่นด้วย

ในกาลเวลาต่อมา คนดีมีวิชาหนีไปหมดแล้วเหลือแต่คนโง่ ๆ ประเภทโง่เง่าเต่าตุ่นอยู่ในเมืองนั้นเช่นนี้แล้ว พญาพาลก็ก่อกบฏ พระราชาก็หนีออกจากเมืองไป ได้มีการป่าวประกาศหาคนดีมีวิชามาช่วยกอบกู้พารา ถ้าทำสำเร็จจะให้ทรัพย์สินเงินทองเท่าลูกฟัก หนักเท่าลูกแฟง ก็ยังหาคนดีมีวิชาไม่ได้ เพราะต่างหลบหนีกันไปไกลหมด

กล่าวถึงพระเอกของเรื่อง แม้จะหนีเข้าไปอยู่ในที่ไกลถึงในถ้ำ คนดีมีฝีมืออย่างไรคนก็รู้ กระนั้นก็อดมีคนเห็นไม่ได้ มี ๒ คนตายายอยู่ไพรสณฑ์ มีอาชีพทำไร่มันไร่แป้ง พืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็ไปพักหลบแดดหลบฝนเข้าไปในถ้ำ ไปเห็นลวดลายอักขระสวยงาม ถ้ำนั้นสวยงามอย่างเทวสถานวิมานแดนสวรรค์ คนดีมีฝีมือไปอยู่ที่ไหนดีที่นั้น คนดีไปอยู่ในถ้ำ ถ้ำนั้นก็ดี คนดีไปอยู่บ้านกระท่อมกลายเป็นบ้านใหญ่โต ส่วนอันธพาลไปอยู่บ้านใหญ่บ้านโตก็จะเหลือกระท่อม คนชั่วคนเลวไปอยู่ที่ไหน จะปลอมแปลงอย่างไร ก็มีคนเคลือบแคลงและสงสัยตลอดรายการ เห็นหนอมันบอก บอกว่าคนนี้ไม่ใช่พระเอก ไม่ใช่นางเอก

ในที่สุด ๒ ตายายก็นำเรื่องได้พบคนดีมีวิชาไปบอกมุขอำมาตย์ เหล่ามุขอำมาตย์ราชบริพารไปดูในถ้ำ เห็นลวดลายฝีมือ บอกว่ายังมีคนดีมีปัญญาอยู่ในป่าอีกหรือ ลูกมุขอำมาตย์คนนี้ก็หนีไปอยู่ในถ้ำอื่นต่อไป แสดงฝีมือนั่งเจริญสมาธิ ทำให้ถ้ำนั้นสวยงามในสายตาผู้พบเห็น ได้ศึกษาเล่าเรียนศิลปหัตถกรรมจากภาพในถ้ำนั้น ท้ายสุดชายคนนี้ก็ถูกจับ บอกให้ไปช่วยกอบกู้เมืองเถิด ชายคนนี้ไม่ใช่เป็นเชื้อพระวงศ์ เมื่อพระราชาทรงประชวรก่อนสิ้นพระชนม์ก็บอกแก่กระทาชายลูกมุขอำมาตย์ว่า ไม่มีใครมีวิชาเท่าเจ้าเลย เราจะยกสมบัติพัสถานให้ทั้งหมด ได้อภิเษกกับธิดาของพระราชา และกลายเป็นองค์พระราชาสืบเนื่องต่อกันมา

นี่แหละท่านทั้งหลาย คนที่มีบุญวาสนาต้องเป็นคนที่เจริญปัญญา เจริญสมาธิถึงจะมีปัญญา ขนาดหนีไปอยู่ในดงในป่าก็ยังมีคนไปพบเห็นได้ คนดีนี้จะหนีไปอยู่ที่ไหนก็มีคนเห็น ขนาดหนีไปอยู่ในถ้ำก็ยังแสดงฝีมืออีก คนดีไปอยู่ที่ไหนเจริญที่นั้น คนจะมีปัญญาได้นั้นต้องกำหนดจิตให้มีสติจึงจะเกิดปัญญา ในเมื่อมีปัญญาแล้วก็จะวาดลวดลายสวยงามเสมอ แสดงออกบอกให้ทราบว่าเขาเป็นผู้มีปัญญา คนโง่ก็แสดงออกบอกให้เขารู้ตัวนี้โง่ที่สุด คดในข้องอในกระดูก คนดีมีปัญญาไปไหนมีแต่งาน คนพาลที่ชอบไปหาเรื่องหาราวตลอดรายการ คนชอบรุ่งเรืองต้องพัฒนาตัวเอง ด้วยการเจริญพระกรรมฐาน เป็นการพัฒนาตัวเองให้เจริญรุ่งเรืองวัฒนาสถาพร

ท่านอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายเอ๋ย เจริญวิปัสสนาทำให้เรืองปัญญา เรืองฤทธิ์เดชเดชานุภาพ เรียกว่าบารมี การที่เราเจริญวิปัสสนาก็คือเรามาสร้างบารมีนะโยมนะ ไม่ใช่มาเที่ยวเล่น ไม่ใช่มาคุยกัน ไม่ใช่มาโกหกกัน ไม่ใช่มาหลอกลวงกัน ไม่ใช่มาล้วงกระเป๋ากัน ผู้ที่เจริญพระกรรมฐาน เพื่อเป็นการสร้างบารมีของตน ขอให้ท่านทำจริงเหมือนตัวกระทาชายคนนั้น

คนที่สร้างบารมีนั้นมีแต่ความเพียร เดินจงกรมอย่าเหยาะแหยะ กำหนดสติทุกอิริยาบถ ตั้งสัจจะ เดิน ๑ ชั่วโมง นั่ง ๑ ชั่วโมง ถ้าเดิน ๒ ชั่วโมง นั่ง ๒ ชั่วโมง นอนกำหนดพองหนอยุบหนอไปจนกว่าจะหลับไป เหล่านี้เป็นการสร้างบารมี เจริญพระกรรมฐานเป็นการสร้างบารมี ถ้าบุคคลใดมีความเพียร บุคคลนั้นมีบารมี บุคคลใดไร้ความเพียร ไม่มีบารมี ไร้วาสนา จะไม่มีกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อผู้มีบุญคุณเลย

ขอฝากท่านทั้งหลายไปตีความหมาย นับประสาอะไรกับลูกมุขอำมาตย์ มีปัญญาญาณ มีวิชาการเรียน จบมาจากเมืองตักศิลา ถ้าไม่ถูกพญามารแกล้งกล่าวเรื่องแล้ว กระทาชายคนนี้ก็คงเป็นได้เพียงข้าในราชสำนักธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น นี่แหละบารมี มารไม่มีบารมีไม่เกิด ประเสริฐไม่ได้ หนีไปอยู่ในถ้ำเจริญสมาธิแสดงฝีมือออกมาสวยงามชัดเจน

นี่แหละคนดีอยู่ที่ไหน มีคนจารึกเป็นประวัติศาสตร์ มีความดีบันทึกเป็นหลักฐาน ส่วนคนจัญไรอยู่ที่ไหนไม่มีใครอยากบันทึกเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://palipage.com/watam/buddhology/42-08.htm

. . . . . . .