หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

…“รักษาใจ”…

…พอรถไฟถึงกรุงเทพฯ เข้าพักวัดบรมนิวาสตามคำสั่งทางโทรเลขของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน) วัดบรมนิวาส กรุงเทพมหานคร ที่บอกไปว่าให้ท่าน (ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ) ไปพักวัดบรมฯ ก่อนเดินทางไปอุดรฯ ในระยะที่พักอยู่ที่นั้นปรากฏว่ามีคนมาถามปัญหากับท่านมาก มีปัญหาของบางรายที่แปลกกว่าปัญหาทั้งหลายจึงได้นำมาลงมีใจความว่า

ได้ทราบว่า…ท่านรักษาศีลองค์เดียว มิได้รักษาถึง ๒๒๗ องค์เหมือนพระทั้งหลาย ที่รักษากันใช่ไหม

ท่านตอบว่า…ใช่ อาตมารักษาเพียงอันเดียว

เขาถามว่า…ที่ท่านรักษาเพียงอันเดียวนั้น คือ อะไร

ท่านตอบว่า… คือ “ใจ”

เขาถามว่า…ส่วน ๒๒๗ นั้นท่านไม่ได้รักษาหรือ

ท่านตอบว่า…อาตมารักษาใจไม่ให้คิด พูด ทำ ในทางผิด อันเป็นการล่วงเกินข้อห้ามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ จะเป็น ๒๒๗ หรือมากกว่านั้นก็ตาม บรรดาที่เป็นข้อทรงบัญญัติห้าม อาตมาก็เย็นใจว่า ตนมิได้ทำผิดต่อพุทธบัญญัติ ส่วนท่านผู้ใดจะว่าอาตมารักษาศีล ๒๒๗ หรือไม่นั้น สุดแต่ผู้นั้นจะคิด จะพูดเอาตามความคิดของตน เฉพาะอาตมา ได้รักษาใจอันเป็นประธานของ กาย วาจา อย่างเข้มงวดกวดขันตลอดมา นับแต่เริ่มอุปสมบท

ถามว่า…การรักษาศีลต้องรักษาใจด้วยหรือ

ท่านตอบว่า…ถ้าไม่รักษาใจ จะรักษาอะไรถึงจะเป็นศีลเป็นธรรมที่ดีงามได้ นอกจากคนที่ตายแล้วเท่านั้นจะไม่ต้องรักษา แม้กายวาจาก็ไม่จำต้องรักษา แต่ความเป็นเช่นนั้นของคนตาย นักปราชญ์ท่านไม่ได้เรียกว่าเขามีศีล เพราะไม่ได้มีเจตนาเป็นเครื่องส่อแสดงออก ถ้าเป็นศีลได้ควรเรียกได้เพียงว่าศีลคนตาย ซึ่งไม่สำเร็จประโยชน์ตามคำเรียกแต่อย่างใด ส่วนอาตมามิใช่คนตายจะรักษาศีลแบบคนตายนั้นไม่ได้ ต้องรักษาใจให้เป็นศีลเป็นธรรม สมกับใจเป็นผู้ทรงไว้ทั้งบุญทั้งบาปอย่างตายตัว

————
บันทึกโดย :พระธรรมวิสุทธิมงคล (พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน)

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://todaysermon.blogspot.com/2013/06/blog-post_9142.html

. . . . . . .