ประสบการณ์โลกทิพย์ ในการออกธุดงค์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต (ตอนที่ ๑๖)
เมื่อถอนจิตออกมาทรงตัวอยู่ในระดับอุปจารสมาธิหรืออุปจารฌานแล้ว พลันจิตก็สว่างออกไปนอกกายอันเป็นพลังทิพยจักษุ ปรากฏเห็น
บุรุษผู้หนึ่ง มีร่างใหญ่ดำมะเมื่อมสูงมากประมาณสัก 10 เมตร ถือตะบองเหล็กใหญ่เท่าเขา ยาวราว 2 วาเดินตรงเข้ามาหา พูดกับท่าน
อย่างดุดันว่า จะทุบตีท่านให้จมลงไปในดิน ถ้าไม่หนีจะฆ่าให้ตายเดี๋ยวนี้ ตะบอลเหล็กที่เราถืออยู่นี้ ตีช้างสารตัวใหญ่ทีเดียวก็ตายจมดิน
จมมิดไม่ต้องตีซ้ำอีกเลย?พระอาจารย์มั่นกำหนดจิตถามผีร่างยักษ์ผู้ดุร้ายนั้นว่า
” จะมาฆ่าตีอาตมาด้วยเรื่องอะไร ” ผียักษ์ตอบว่า ” เราเป็นเจ้าเป็นใหญ่รักษาภูเขาลูกนี้มานานแล้ว ไม่ยอมให้ใครมาครองอำนาจเหนือเรา
ได้ ใครบังอาจมาต้องกำจัดทันที ”
พระอาจารย์มั่นตอบว่า ” อาตมามิได้มาครองอำนาจบนหัวใจใคร การมาที่นี่ก็เพื่อบำเพ็ญศีลธรรมอันดีงามเพื่อครองอำนาจเหนือกิเลสบาป
ธรรมบนหัวใจตนเท่านั้น จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่ท่านจะมาเบียดเบียนและทำร้ายคนเช่นอาตมา ซึ่งเป็นนักบวชทรงศีล
เป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า ผู้มีใจบริสุทธิ์ มีอำนาจในทางเมตตาครอบ ไตรโลกธาตุ ถ้าท่านมีอำนาจเก่งจริงดังที่อวดอ้างแล้ว
ท่านมีอำนาจเหนือกรรมและเหนือธรรม อันเป็นกฎใหญ่ปกครองมวลสัตว์ในไตรภพด้วยหรือเปล่า”ผีร้ายตัวใหญ่
ตอบว่า ” เปล่า ” พระอาจารย์มั่นเห็นได้ทีจึงเทศน์ยกใหญ่ต่อไปว่า ” พระพุทธเจ้าท่านเก่งกล้าสามารถปราบกิเลสตัวที่คอยอวดอำนาจ
ว่าตัวดีตัวเก่งอยู่ภายในใจของมวลสัตว์ได้ที่ท่านคุยอวดอ้างว่าเก่งนั้นท่านได้คิดที่จะปราบกิเลสตัวอวดดีอวดเก่ง
ในใจท่านให้หมดสิ้นไปบ้างแล้วหรือยัง “ผีร่างยักษ์ใหญ่ตอบเสียงอ่อยๆ ว่า “ยังเลย เรายังทำไม่ได้ ” พระอาจารย์มั่นจึงสำทับไปว่า
” ถ้ายัง…ก็แปลว่าท่านใช้อำนาจบาทใหญ่ไปในทางที่ทำตนให้เป็นคนมืดหน้าป่าเถื่อนต่างหาก นับว่าเป็นบาปและเสวยกรรมหนัก
ท่านน่าสงสารมากที่ไม่มีอำนาจปราบความชั่วของตัวเองได้
แถมยังอวดฤทธิ์เดชแต่จะทำลายผู้อื่นท่าเดียว การกระทำของท่านเป็นการก่อไฟเผาตัวเอง จัดว่ากำลังสร้างกรรมหนัก
มิหนำซ้ำยังจะมาฆ่าตีสมณะผู้ทรงศีลธรรมอันเป็นหัวใจของโลก ถ้าไม่จัดว่าท่านทำกรรมอันเป็นบาปหยาบช้ายิ่งกว่าคนทั้งหลายแล้ว
จะจัดว่าท่านทำความดีน่าชมเชยที่ตรงไหน อาตมาเป็นผู้ทรงศีลทรงธรรม มุ่งมาที่นี่เพื่อทำประโยชน์แก่คนและแก่โลก
โดยการประพฤติธรรมด้วยความบริสุทธิ์ใจท่านยังจะมาทุบตีสังหาร โดยมิได้คิดคำนึงถึงบาปกรรม ที่จะฉุดลากท่านลงนรกเสวยกรรมอัน
เป็นมหันตทุกข์เลย อาตมารู้สึกสงสารท่าน ยิ่งกว่าจะอาลัยในชีวิตของตัว เพราะท่านหลงอำนาจของตัวจนถึงกับจะเผาตัวเองทั้งเป็นอยู่
ขณะนี้แล้วอำนาจอันใดบ้างที่ท่านว่ามีอยู่ในตัวท่าน อำนาจอันนั้นจะสามารถต้านทานบาปกรรมอันหนัก ที่ท่านกำลังจะก่อขึ้นเผาผลาญ
ตัวเองอยู่เวลานี้ได้หรือไม่ท่านว่า? ท่านเป็นผู้มีอำนาจอันใหญ่หลวงปกครองอยู่เขตเหล่านี้ แต่อำนาจนั้นมีฤทธิ์เดชเหนือกรรมและ
เหนือธรรมได้ไหม ถ้าท่านมีอำนาจและมีฤทธิ์เหนือกรรมเหนือธรรมแล้ว อาตมายินดีให้ท่าน
ทุบตีให้ถึงตายได้ อาตมาไม่ได้กลัวตายเลย แม้ท่านไม่ฆ่าอาตมาก็ยังจักต้องตายอยู่โดยดีเมื่อกาลของมันมาถึงแล้ว
เพราะโลกนี้เป็นที่อยู่ของมวลสัตว์ผู้เกิดแล้วต้องตายทั่วหน้ากัน
แม้แต่ตัวท่านเองที่กำลังอวดตัวว่าเก่งมีอำนาจจนกลายเป็นผู้มืดบอดอยู่ขณะนี้
แต่ท่านก็มิได้เก่งไปกว่าความตายและกฎแห่งกรรมที่ครอบงำสัตว์โลกไปได้เลย ”
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.watpanonvivek.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1562:2010-02-14-17-54-12&catid=39:2010-03-02-03-51-18