รูปหล่อจำลองสัมฤทธิ์วัดเก่าหลวงพ่อเงิน

รูปหล่อจำลองสัมฤทธิ์วัดเก่าหลวงพ่อเงิน

เมื่อราวเดือนใดปีใดไม่ปรากฏได้มี ท่านปลัดชุ่ม ปทุมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำได้ปรึกษาหารือกับบรรดาทายก แบะคณะกรรมการวัดว่า หลวงพ่อเงินขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้มาอยู่ที่วัดท้ายน้ำเป็นนิตย์ คืออยู่มากพอ ๆ กับวัดวังตะโก ท่านยังเคยปรารภกับญาติโยมแถบนั้นว่า วัดท้ายน้ำนี้มันดี คำพูดนี้ท่านยังเคยกล่าวอยู่เสมอ ๆ และท่านยังเคยก่อสร้างเสนาสนะไว้หลายอย่าง อาทิเช่น ช่อฟ้าพระอุโบสถ ท่านก็เป็นผู้แกะเอง และหอระฆังที่พังไปแล้วท่านก็เป็นผู้เขียนลวดลายเอง บางครั้งขณะที่ท่านกำลังแกะวัตถุดังกล่าวอยู่นั้น ท่านเคยถามบรรดาญาติโยม และทายกทายิกาเหล่านั้นว่า ของของข้าสวยไหม บรรดาบุคคลใกล้ชิดเหล่านั้นก็ต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า สวยมาก ท่านหัวเราะชอบใจ และกุฏิหอสวดมนต์นั้น หลวงพ่อท่านก็ไปมามิได้ขาดเลย และสิ่งของที่หลวงพ่อโปรดปรานมากอีกอย่างหนึ่งก็คือ ช้างที่ข้างหอระฆังหลังเก่านั้น ยังมีตะลุงช้างปรากฏอยู่ถึงเวลานี้ ช้างที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่าชื่อช้างนบ ช้างแหนบ เท่าที่กล่าวมานี้ก็แสดงว่า หลวงพ่อท่านได้สร้างวัดท้ายน้ำด้วย เมื่อคณะกรรมการเห็นเหตุการณ์ดังที่กล่าวมานี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลวงพ่อเงินอยู่มาก จึงได้ปรึกษาหารือกันขึ้น เมื่อคณะกรรมการตกลงกันแล้ว ได้ไปจ้างช่างทองสุข เป็นนายช่างใหญ่และตกลงราคากันเป็นเงิน๕๐๐ บาท ช่างทองสุขจึงเดินทางไปวัดวังตะโก พอไปถึงก็ลงมือปั้นหุ่นหลวงพ่อเงินกันทันที โดยไม่ได้บอกเล่าอะไรต่าง ๆ กับหลวงพ่อ ปรากฏว่า การปั้นหุ่นครั้งที่ ๑ ไม่เหมือนรูปเดิม ช่างเลยลบรูเดิมใหม่แล้วลงมือปั้นครั้งที่ ๒ ก็ยังไม่เหมือนอี พอดีคูนโยมผึ่ง (ไม่ทราบนามสกุล) ได้แนะนำนายช่างว่าควรทำอย่างนี้ คือต้องใช้หัวหมู ๓ หัว เครื่องกระยาบวช ๓ สำรับ บายศรีซ้ายและชวา บอกเล่าให้เรียบร้อยเสียก่อน นายช่างทองสุขก็ทำตามที่โยมผึ่งแนะนำทุกประการ การปั้นหุ่นหลวงพ่อเงินครั้งที่๓ นี้จึงสำเร็จตามความประสงค์ คือเหมือนรูปเดิมอย่างกับพิมพ์เดียวกัน ให้คณะกรรมการที่วัดดูก็เห็นพ้องต้องกันว่าเหมือนแน่ แล้วจึงนำหุ่นหลวงพ่อลงเรือมาปากน้ำ จานนั้นจึงจัดกระบวนแห่เป็นการใหญ่ ทั้งประชาชนชาวบ้านท้ายน้ำตลอดทั้งเด็กและผู้ใหญ่พอมาถึงที่วัดท้ายน้ำก็กำหนดการหล่อ นายช่างได้นำเศษทองที่เหลือจากการหล่อที่วัดวังตะโกเพราะเศษทองยังมีเหลืออยู่มากจึงได้นำมาผสมหล่อรูปหลวงพ่อเงินวัดท้ายน้ำ (วัดเก่าหลวงพ่อเงิน) อภินิหารของหลวงพ่อเงินที่จำลองไว้ที่วัดท้ายน้ำ หรือความศักดิ์สิทธิ์ของรูจำลองของหลวงพ่อเงินนั้นทุก ๆ วันจะมีประชาชนทั้งใกล้และไกลมานมัสการ หรือมาปิดทองโดยทั่วกันไม่เว้นแต่ละวัน พอถึงเทศกาลไหว้พระ หรือมีงานประจำปีทุกครั้งสามารถทำรายได้ไว้บำรุงวัดท้ายน้ำเป็นจำนวนมาก เป็นที่พึ่งทางใจของประชาชนได้ดี

http://www.109wat.com/bk01.php?id=291

การก่อสร้างของหลวงพ่อเงินวัดท้ายน้ำ

การก่อสร้างของหลวงพ่อเงินวัดท้ายน้ำ

ท่านได้ก่อสร้างถาวรวัตถุหลายอย่าง อาทิเช่น
(๑) อุโบสถหลังเก่า ทั้งช่อฟ้าใบระกาหลวงพ่อท่านเป็นผู้เขียนลวดลายเองเดี๋ยวนี้ก็ยังปรากฏอยู่
(๒) หอระฆังแบบทรงไทย ช่อฟ้าใบระกานั้น หลวงพ่อท่านลงมือทำเองพร้อมกับทายกในสมัยนั้น
(๓) หอสวดมนต์หรืกุฏิ และที่ต้อนรับแขกอยู่มาสมัยปี ๒๔๙๐ (เดี๋ยวนี้รื้อไปเสียแล้ว)
(๔) กุฏิเรือนแพจอดอยู่ที่ใต้ต้นโพธิ์หน้าวัดท้ายน้ำ ในสมัยนั้นหน้าแล้งช้างจะข้ามฟากมา น้ำจะมิดหลังช้าง
(๕) ศาลาการเปรียญหลังเก่า ท่านก็ได้สร้างไว้ (เดี๋ยวนี้รื้อไปเลียแล้ว)
(๖) ศาลาปรก หรือฌาปนสถาน
(๗) ตะลุงช้างของหลวงพ่อเงิน ทางวัดเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ ตามหลักฐานปรากฏว่าหลวงพ่อเงินท่านมีช้างถึง ๔ เชือก ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของหลวงพ่อเงินมาก เพระใช้สำหรับเป็นพาหนะไปบวชนาคทั่วไปในอำเภอ เป็นที่รู้จักในปัจฉิมวัยของท่านว่า ได้ใช้ช้างเป็นพาหนะเดินทางมาโดยตลอด

http://www.109wat.com/bk01.php?id=291

หลวงพ่อเงินกับสมเด็จพุฒาจารย์โต

หลวงพ่อเงินกับสมเด็จพุฒาจารย์โต

พระเถระนามอุโฆษ ๒ องค์นี้ ได้ไปร่ำเรียนหาความรู้จากวัดตองปุ (วัดชนะสงคราม) ด้วยกันทั้งคู่ สมเด็จพระพุฒาจารย์โตมีอายุแก่กว่าหลวงพ่อเงิน ๒๐ ปี คือ ท่านชาตะเมื่อ พ.ศ.๒๓๓๑ หลวงพ่อเงินชะตะเมือ พ.ศ.๒๓๕๑ สมเด็จพระพุฒาจารย์โตสิ้นชีพตักษัยเมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๑๕ นั้นหลวงพ่อเงินอายุได้ ๖๕ ปีพอดี
ที่แน่นอนก็คือ หลวงพ่อเงินเป็นศิษย์ผู้น้อง แต่จะเป็นศิษย์โดยตรงของสมเด็จโตหรือไม่ไม่มีหลักฐานใดระบุไว้ ชาวบางคลานก็ไม่เคยได้ยินหลวงพ่อเงินพูดถึง
วัดตอบปุ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจำพรรษาอยู่มากในยุคนั้น ส่วนใหญ่เป็นพระมอญ และวัดนี้ก็มีชื่อเป็นภาษามอญมาแต่เดิมตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา และชาวบ้านทั่ว ๆ ไป ไปเรียกว่า วัดกลางนา มาตั้งดั้งเดิมอยู่แล้ว

http://www.109wat.com/bk01.php?id=291

พระเครื่องของหลวงพ่อเงินกันปักเป้ากัดได้

พระเครื่องของหลวงพ่อเงินกันปักเป้ากัดได้

แถบลำน้ำยมในสมัยก่อนมีปลาปักเป้าชุมมาก เป็นที่หวั่นเกรงของชาวบ้านที่ลงไปอาบน้ำแถบนั้นมาก เมื่อมีศิษย์สร้างพระเครื่องเป็นรูปตัวท่านมาถวาย เวลาท่านแจกชาวบ้านท่านจะกำชับว่า เอาไปไว้ใช้กันปักเป้ากัดได้ ถ้าของท่านไม่มีดีคงไม่กล้าพูดอย่างนี้กับชาวบ้านเป็นแน่
เครื่องรางของขลังของหลวงพ่อเงิน
ข้าพเจ้าได้ถามลุงเลียบว่า ในสมัยก่อนนั้น หลวงพ่อเงินสร้างเครื่องรางของขลังอะไรไว้บ้างที่เป็นที่นิยมของลูกศิษย์ ลุงเลียบบอกว่า มีตะกรุดกับน้ำมนต์เสก ของสองอย่างนี้เชื่อถือได้แน่นอน นอกจากนี้ก็ยังมีน้ำมนต์ที่ขลังมาก คนนิยมมารดกันเป็นร้อยทีเดียว สำหรับพระเครื่องรูปหล่อกลมและแบบนั้น มาสร้างกันภายหลังแล้ว ทำบุญ ๑ บาทก็จะได้ ๑ องค์

http://www.109wat.com/bk01.php?id=291

กระดูกหลวงพ่อเงินกลายเป็นพระธาตุ

กระดูกหลวงพ่อเงินกลายเป็นพระธาตุ

ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรู้จักกับคุณสะท้าน นาคเมือง คนพิจิตรโดยกำเนิด ปัจจุบันไปประกอบอาชีพทางภาคเหนือ เมื่อได้ทราบว่า ข้าพเจ้าอยากทราบประวัติและประสบการณ์เกี่ยวกับมรดกวัตถุของหลวงพ่อเงิน คุณสะท้านก็ยินดีนำออกมาให้ชม สิ่งที่คุณสะท้านได้รับมอบจำคุณแม่ ก็คือ พระธาตุของหลวงพ่อเงิน คุณแม่มาตอนเผาหลวงพ่อ เห็นชาวบ้านกำลังรุมแย่งอัฐิกันอยู่จึงเก็บมาได้ ๑ ชิ้น ตอนแรกเขาเข้าใจว่าเป็นฟันของหลวงพ่อ ได้เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เพราะสิ่งเหล่านี้ได้เคยช่วยชีวิตเขามาหลายครั้งแล้ว
พระธาตุมีด้วยกัน ๒ ชิ้น ถูกแบ่งไปให้ญาติ ๑ ชิ้น ปัจจุบันตกอยู่กับคุณพายพ ผอบเหล็ก ทนายความในจังหวัดพิจิตร เกี่ยวกับอภินิหารของพระธาตุนั้นมีมาก เขาเคยถูกยิงจนรถปิกอัพพรุนไปทั้งคัน กระสุนปืนยังปรากฏเป็นรอยช้ำที่บริเวณหน้าอกถึง ๒ รอย แต่ไม่เข้า นอกจากนี้ยังมีเศษไม้เท้าของหลวงพ่อเงิน ซึ่งตัดแบ่งกันมาหลายทอดแล้ว เขามีอยู่เพียง ๑ แว่นเท่านั้น ดูจะเป็นไม้เท้าที่ทำมาจากเถาวัลย์ขนาดเชื่อง ๆ ไม้เท้านี้ได้ขอแบ่งจากกำนันปุ้น พิงไชย เศษไม้เท้านี้ก็มีความขลังไม่น้อย เคยมีผู้ฉีกแล่งเอามาผูกกับหางไก่ชนเอาเข้าไปตีคู่ต่อสู้จะยิงแทงไม่เข้าเลยสักแผล เป็นที่อัศจรรย์ ทัศนะส่วนตัวของผู้เขียนและคณะค้นคว้า ปรับปรุง เรียบเรียง เกี่ยวกับวัดหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อเงินเป็นเถราจารย์ที่มีชื่อเสียงมาก และเป็นผู้ที่รู้จักของคนทั่วประเทศ ข้าพเจ้าเองก็คุ้นกับชื่อเสียงของท่านมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และได้ให้ความเคารพต่อท่านตลอดมา จนกระทั่งเมื่อประมาณปี ๒๕๑๘ จึงได้เริ่มศึกษาค้นคว้าประวัติของท่านอย่างละเอียด อ่านเพิ่มเติม

ชีวประวัติที่คลุมเครือหลวงพ่อเงิน

ชีวประวัติที่คลุมเครือหลวงพ่อเงิน

เมื่อท่านกลับไปอำเภอบางคลานแล้ว ขณะนั้นก็คงมีอายุราว ๒๕-๒๖ ปี ท่านได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดคงคารามเป็นเวลาประมาณ ๑ ปี ซึ่งอุปนิสัยของทานเข้ากับอาจารย์โห้ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดคงคามในขณะนั้นไม่ได้ เพราะอาจารย์โห้เป็นพระที่พูดเสียงดัง เอะอะโวยวายไม่เหมือนกับท่านเป็นพระสันโดษ ใฝ่วิปัสสนา จึงแยกตัวออกไปตากวัดคงคาราม ตอนนี้หลักฐานได้จากการสอบถามผู้สูงอายุที่ยังมีชีวิตอยู่ที่บ้านท้ายน้ำหลายท่านในขณะนี้เช่น ลุงเลียบ พูลชัยนาท อายุ๘๗ ปี และ ลุงโพธิ์ สุจริต อายุ ๘๗ ปี ท่านยืนยันว่าหลวงพ่อเงินท่านมาอยู่ที่วัดท้ายน้ำก่อนไปอยู่ที่วัดบางคลานแน่นอน ท่านมาอยู่ที่วัดท้ายน้ำเป็นเวลานานมาก ก่อนที่จะย้ายไปวัดวังตะโกหรือวัดบางคลานในปัจจุบัน ขณะที่จำพรรษาอยู่ที่วัดท้ายน้ำ ได้อยู่ร่วมกับหลวงพ่อเขียว ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำในขณะนั้น หลวงพ่อเขียวเป็นคนแถบอยุธยา เป็นผู้ที่เรืองวิชาอาคมเช่นเดียวกับหลวงพ่อเงินเดิมทานอาศัยอยู่ที่แพริมน้ำใต้ต้นโพธิ์หน้าวัด เมื่อหลวงพ่อเงินมาอยู่ด้วยใหม่ ๆ ก็ลงไปอยู่ที่แพแต่อยู่กันคนละห้อง ต่อมาเมื่ออาคารถาวรของวัดท้ายน้ำเสร็จ ท่านจึงได้ขึ้นมาอยู่ในบริเวณวัด หลวงพ่อเงินได้สร้างถาวรวัตถุไว้ในบริเวณวัดท้ายน้ำมากมาย เช่น ศาลา โบสถ์ หอระฆัง สิ่งก่อสร้างของท่านทำด้วยไม้ แต่กาลเวลาทำให้ชำรุดทรุดโทรมลงไป ตอนสร้างโบสถ์มีหลวงพ่อองค์อื่นที่มีชื่อเสียงมาร่วมด้วยมากมาย เช่น หลวงพ่ออินทร์ วัดพังน้อย หลวงพ่อเทียน วัดหนองดง หลวงพ่อเทียนนี้เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับหลวงพ่อเงิน คือไปเรียนวิชามาจากหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่าด้วยกัน หลวงพ่อโพธิ์เป็นพระมอญเดิมอยู่ที่บ้านเนินมะขวิด จังหวัดปทุมธานี หลวงพ่อเงินขณะอยู่ที่วัดท้ายน้ำ ท่านไม่ต้องการตำแหน่งใด ๆ ทั้งสิ้น คือ เพียงมาอาศัยอยู่ในฐานะลูกวัด แต่ก็มีผู้เลื่อมใสท่านากกว่าพระองค์อื่น ๆ ในวัด ท่านสนิทสนมกับกลวงพ่อเขียวมากผู้เฒ่าในหมู่บ้านท้ายน้ำหลายท่านซึ่งมีชีวิตอยู่ในขณะนี้สามารถยืนยันเกตุการณ์ในอดีตได้เป็นอย่างดี ที่ว่าประวัติคลุมเครือก็เพราะหลวงพ่อเงินมีอายุยืนยาวมาก ถ้าท่านออกจากวัดคงคารามเมื่ออายุก่อน๓๐ ปี แล้วท่านจะไปอยู่ที่ใดจึงมาอยู่ที่วัดท้ายน้ำเอาเมื่ออายุเกือบ ๘ ปี ลุงเลียบ พูลชัยนาท บอกว่า หลวงพ่อเงินมาอยู่วัดท้ายน้ำเมื่อท่านยังเป็นเด็ก และจากไปอยู่วัดบางคลานเมื่อท่านอายุได้ประมาณ ๑๕ ปี ปัจจุบันท่านอายุ ๘๗ ปี แสดงว่าหลวงพ่อเงินจากวัดท้ายน้ำไปเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๕๗ นั่นเอง และไปอยู่วัดบางคลานอีกไม่กี่ปีก็สิ้นบุญ ท่านยืนยันอย่างนั้น มีทัศนะเดียวที่เป็นไปได้ก็คือ เมือท่านจากวัดคงคาราม นำต้นโพธิ์มาปลูกแล้ว อาจจะ จำพรรษาอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่ง พ.ศ.๒๓๗๗ ออกจากวัดคงคาราม พ.ศ.๒๓๗๕-๒๓๗๗ อยู่วัดท้ายน้ำร่วมกับหลวงพ่อเขียว พ.ศ.๒๓๗๗-๒๔๒๗ แล้วจึงออกธุดงค์ไปที่อื่นนานถึง ๕๐ ปี แล้วจังกลับไปอยู่วัดบางคลานที่ท่านริเริ่มสร้างไว้ ที่ท่านอยู่วัดบางคลานไม่กี่ปีเพราะเนื่องจากถาวรวัตถุที่วัดบางคลานที่ท่านสร้างไว้มีน้อยมากเปรียบเทียบแล้วสู่วัดท้ายน้ำไม่ได้ข้าวของเครื่องใช้ของท่านก็มีหลงเหลืออยู่ที่วัดท้ายน้ำมากวัดบางคลานถูกทิ้งร้างมานาน พ.ศ.๒๓๗๕-๒๓๗๗ อยู่วัดท้ายน้ำร่วมกับหลวงพ่อเขียว พ.ศ.๒๓๗๗ ออกจากวัด เมื่อหลวงพ่อเงินย้ายกลับไปอยู่วัดบางคลานในระยะสุดท้ายของชีวิต ท่านไม่ได้ทอดทิ้งวัดท้ายน้ำและวัดคงคาราม ท่านยังกลับมาช่วยบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุต่าง ๆ ด้วย เมื่ออาจารย์โห้ให้เจ้าอาวาสวัดคงคารามสิ้นแล้ว ท่านก็ยังกลับไปสร้างศาลาให้วัดคงคารามอีก นอกจากนี้ท่านยังเดินทางไปวัดท้ายน้ำบ่อย ๆ สมัยก่อนไม่มีถนนหนทางสะดวกอย่างทุกวันนี้ มีข่างเล่ากันว่า บางครั้งหลวงพ่อเงินเดินทางจากวัดท้ายน้ำกลับไปวัดบางคลาน ท่านยังหลงอยู่ในป่าเป็นเงลานาน เพราะสมัยก่อนเป็นป่าดงดิบจริง ๆ ไม่ใช่ทุ่งนาอย่างในสมัยนี้ ระยะทางระหว่าง ๒ วัดนี้ ถ้าหากวัดระยะทางเป็นเส้นตรง ก็จะได้ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร

http://www.109wat.com/bk01.php?id=291

วัดท้ายน้ำ ตำบลท้ายน้ำ อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร

วัดท้ายน้ำ ตำบลท้ายน้ำ อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร

หลวงพ่อเงิน เกิดที่บ้านบางคลาน หมู่ที่ ๑ ตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตรตรงกับสมัยรัชกาลที่๑ แห่งรัตนโกสินทร์ สำหรับวันเกิดของท่านนั้นไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดยืนยันได้แต่จากการสอบถามกับปีที่ท่านอุปสมบทแล้ว น่าเชื่อได้ว่า ท่านเกิดในปี พ.ศ. ๒๓๕๑ ค่อนข้างจะแน่นอน คุณลุงแปลก สุขนวล ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ทันรับใช้หลวงพ่อบอกว่า ท่านเกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน ๑๐ ปีมะโรง พ.ศ.๒๓๕๑ และมรณภาพเมื่อวันศุกร์ เดือน ๑๐ แรม ๑๑ค่ำปีมะแม เวลา ๐๕.๐๐ น. ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๖๒ รวมอายุได้๑๑๑ ปี ๙๐ พรรษา (ถ้าหากเกิดในปีฉลู จะมีอายุเพิ่มขึ้นอีก ๓ ปี เป็น ๑๔๔) สำหรับวันเกิดของท่าน หากมีหลักฐานอื่นใดที่เป็นลายลักษณ์อักษรยืนยันได้แน่นอนก็จะทำให้ทราบอายุของท่านที่แท้จริงได้ถูกต้อง
หมายเหตุ หลวงพ่อเงิน วัดคงคาราม หลวงพ่อเงิน วัดท้ายน้ำ และ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน (วัดหิรัญญาราม) คือองค์เดียวกัน

ชาติภูมิ
บิดาของหลวงพ่อเงินเป็นชาวบางคลาน มารดาเป็นคนบ้านแสนตอ อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร มีพี่น้องทั้งสิ้นรวม ๖ คน ดังนี้
(๑) ตาพรหม เป็นพี่ชายคนโต
(๒) ยายทับ (ไม่ทราบนามสกุล)
(๓) ตาทอง หรือ ตาภุมรา
(๔) หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ
(๕) ตาหลำ (ไม่ทราบนามสกุล)
(๖) ยายรอด (ไม่ทราบนามสกุล)
เมื่อหลวงพ่อเงินอายุได้ ๓ ขวบ ตาช้างซึ่งเป็นลุงของหลวงพ่อเงินได้นำเอาหลวงพ่อไปเลี้ยงไว้ที่กรุงเทพฯ ด้วย ต่อมาเป็นวันเดือนปีใดไม่ทราบ หลวงพ่อเงินได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดตองปุ (ปัจจุบันคือวัดชนะสงคราม จังหวัดพระนคร) เมื่ออายุ๑๒ ขวบ แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นอุปัชฌาย์ พออายุได้ ๒๐ ปี บิดา มารดา และบรรดาญาติพี่น้องมีความประสงค์จะให้หลวงพ่ออุปสมบท แต่หลวงพ่อไม่ยอมบวช เพราะเกรงว่าอายุของท่านจะไม่ครบบริบูรณ์จริงบรรดาญาติก็อนุโลมตาม จนกระทั่งหลวงพ่ออายุได้ ๒๒ ปี ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๓ และได้กำหนดวันอุปสมบทในปีนี้
จากปีที่อุปสมบทดังกล่าวนี้เอง ทำให้ค่อนข้างแน่ใจว่าท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๕๑ ซึ่งเชื่อถือได้มากกว่าปีอื่น ๆ
อ่านเพิ่มเติม

โลหะที่เป็นส่วนประกอบของพระรูปหล่อ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

โลหะที่เป็นส่วนประกอบของพระรูปหล่อ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

จึงคาดว่า โลหะหลักๆ ในรูปหล่อพลวงพ่อเงิน จึงน่าจะมี ทองแดง สังกะสี เงิน และทองคำ เป็นหลัก หรือตามลำดับ โดยโอกาสจากมากไปน้อยก็ว่าได้
ในการที่จะเข้าใจวิวัฒนาการของเนื้อพระหลวงพ่อเงิน จำเป็นจะต้องเข้าใจถึงองค์ประกอบว่ามีอะไรบ้าง

โดยพื้นฐานของส่วนประกอบเหล่านี้ จะสามารถพิจารณาได้จากสีของสนิมที่เกิดขึ้นมาในพระที่มีเนื้อจัด และแก่โลหะชนิดนั้นๆ

เท่าที่ส่องดูในองค์จริงจะมองเห็นความแวววาวของโลหะสามชนิดในเนื้อพระอย่างชัดเจน คือ

ทองคำ เงิน และ ทองแดง

ทั้งที่เป็นโลหะเดิม และโลหะที่กำลังเกิดสนิม

กล่าวคือ สนิมทองคำ จะออกสีแดงเรื่อๆ แบบสนิมน้ำหมาก

สนิมเงินจะออกดำๆ แบบสนิมตีนกา

และสนิมทองแดง เป็นสีเขียว ที่นิยมเรียกว่าสนิมหยก

จึงอนุมานได้ว่า โลหะสามชนิดนี้มีอยู่ในพระรูปหล่อหลวงพ่อเงินแน่นอน ดังจะได้กล่าวถึงการเกิดสนิมตามลำดับต่อไป

อีกโลหะหนึ่งที่แทบจะไม่มีการกล่าวถึงคือ สังกะสี ที่เป็นส่วนประกอบของทองเหลือง โดยผสมอยู่กับทองแดง
อ่านเพิ่มเติม

ข้อมูล ลึก ๆ การสร้างหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

ข้อมูล ลึก ๆ การสร้างหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

พระรูปหล่อ หลวงพ่อเงิน บางคลาน จ.พิจิตร จัดเป็นพระรูปหล่อเกจิ องค์แรกสุด ได้รับความนิยมสูงสุดราคาแพงที่สุด

และประวัติการสร้างที่คลุมเครือสับสนมากที่สุด

ในวงการสากลและสื่อพระเครื่องส่วนกลาง ในระบอบพุทธพาณิชย์ ยอมรับกันว่า
พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตา สร้างขึ้นเป็นชุดแรก ที่ บางคลาน พิจิตร
ตามด้วยรูปหล่อพิมพ์นิยม ซึ่งยอมรับกันว่า สร้างโดยช่างบ้านช่างหล่อ และมาทำพิธีหล่อที่วัดชนะสงคราม (ข้อมูลจาก อ.เล็ก รูปหล่อ)
ต่อจากนั้น เป็นเหรียญจอบเล็ก สร้างโดย คุณยายวัณ ช่างฝีมือดีแห่งบ้านช่างหล่อ
ส่วนเหรียญจอบใหญ่ เป็นพระโรงงาน ที่โรงงานหล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริงหลวงพ่อเงิน สร้างมาให้วัด
เพื่อให้วัดออกเช่าบูชาชดเชยการขาดทุนจากการ จ้างหล่อรูปเหมือน ( บางคนเรียกว่ารุ่นล้างหนี้ )

ตามข้อมูล ยอมรับกันว่า พระเหล่านั้น มีการสร้างเพียงอย่างละครั้งเดียว เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่มีเสริมนอกจากนั้น สื่อวงการพระเครื่อง มักจะเน้นการเล่าประวัติอภินิหาร ของหลวงพ่อเงิน โดยละเอียดยิบ มีคำพูดโต้ตอบราวกับหนังกำลังภายใน แต่ในทางตรงกันข้าม กลับละเลย ประวัติ การจัดสร้างพระเครื่อง ของ หลวงพ่อเงิน
นั่นอาจจะเป็นเพราะการหาข้อยุติ ไม่ได้ประการหนึ่ง และ จะยิ่งสร้างความสับสนคลุมเครือ ให้เพิ่มขึ้นอีกประการหนึ่ง
โดยความสนใจส่วนตัว ผมพยายาม ติดตามสืบเสาะ ประวัติการจัดสร้าง วัตถุมงคลของหลวงพ่อเงิน และโดยส่วนตัว เห็นว่า หนังสือของ อ. ชัยรัตน์ โมไนยพงศ์ แห่งค่ายลานโพธิ์ เป็นหนังสือที่ น่าเชื่อถือ น่าสนใจมากที่สุด เพราะท่านได้ใช้เวลาในการ สืบเสาะ ค้นคว้าประวัติและวัถุมงคลของหลวงพ่อเงิน ทั้งจากหลักฐานเอกสารและการลงพื้นที่) สัมภาษณ์ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ นับแต่พ.ศ. 2518-2526 จึงตีพิมพ์หนังสือเป็นรูปเล่ม และมีการปรับปรุงใหม่ ในปี 2535
อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดบางคลาน พิจิตร

หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดบางคลาน พิจิตร

วัดบางคลาน

วัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน เดิมมีชื่อว่า “วัดวังตะโก” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านเก่า สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้คือ สิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจของวัดนี้คือ พิพิธภัณฑ์นครไชยบวร เป็นพิพิธภัณฑ์รูปมณฑป 2 ชั้น ชั้นบนประดิษฐานรูปหล่อเท่าองค์จริงของ หลวงพ่อเงิน เกจิอาจารย์ที่ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศรู้จักและเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่งที่เคยจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ ชั้นล่าง เป็นที่แสดงโบราณวัตถุต่าง ๆ ที่ทางวัดได้สะสมไว้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุที่มีผู้นำมาถวาย เช่น พระพุทธรูป พระพิมพ์ เครื่องปั้นดินเผา ฯลฯ เปิดให้ประชาชนนมัสการระหว่างเวลา 08.00-17.00 น.
สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้คือโบราณวัตถุต่างๆ ที่ทางวัดได้สะสมไว้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุที่มีผู้นำมาถวาย เช่น พระพุทธรูป พระพิมพ์ เครื่องปั้นดินเผา ฯลฯ
สิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจของวัดนี้คือ พิพิธภัณฑ์นครไชยบวร ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์รูปมณฑป 2 ชั้น ชั้นบนประดิษฐานรูปหล่อเท่าองค์จริงของ หลวงพ่อเงิน เกจิอาจารย์ที่ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศรู้จักและเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่งที่เคยจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้

สถานที่ตั้ง

ตำบลบางคลาน อ.โพทะเล จังหวัดพิจิตร

วิธีการเดินทาง

ใช้ทางหลวงหมายเลข 1067 เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 8 กิโลเมตร

โทร 056-669030-1

ข้อมูลประวัติหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ

เกิด วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ.2353 เดือน 10 ปีฉลู

อุปสมบท ที่วัดตองปู หรือวัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ

มรณภาพ วันศุกร์ แรม 11 ค่ำ ปีมะแม พ.ศ. 2462

รวมสิริอายุ ประมาณ 109 ปี อ่านเพิ่มเติม

ประวัติ หลวงพ่อเงิน บางคลาน กรุวัดขวาง

ประวัติ หลวงพ่อเงิน บางคลาน กรุวัดขวาง

ประวัติความเป็นมา :
ตำบลวัดขวาง เป็นตำบลหนึ่งของอำเภอโพทะเล ซึ่งเรียกชื่อตามชื่อวัด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำพิจิตรเก่า (แม่น้ำน่านเดิม) ปัจจุบันอยู่ที่หมู่ที่ 3 ตำบลวัดขวาง มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาบริเวณนี้เป็นโค้งคุ้งแม่น้ำน่าน มีเกาะอยู่กลางแม่น้ำ การเดินทางในสมัยก่อนราษฎร ใช้เรือแพเป็นพาหนะในการสัญจรไปมา ยามน้ำลดเรือแพของราษฎรมักจะติดอยู่ในบริเวณนี้ บางครั้งติดอยู่หลายวัน ต้องลงเรือหาที่พักแรมหาอาหาร หาฟืน บางคนเห็นเป็นชัยภูมิที่เหมาะสม จึงได้ชักชวนกันตั้งบ้านเรือนจนเกิดชุมชนขึ้นในบริเวณนี้ ครั้นเมื่อมีบ้านเรือนอยู่หนาแน่นเป็นชุมชนใหม่ หลวงพ่อไข่และราษฎรผู้มีจิตศรัทธาจึงได้สร้างวัดขึ้น ติดบริเวณโค้งคุ้งน้ำแห่งนี้ และเนื่องจากบริเวณวัดตั้งอยู่ติดโค้งคุ้งน้ำ ราษฎรที่ใช้เรือแพเดินทางสัญจรไปมาเมื่อเดินทางใกล้ถึงบริเวณโค้งคุ้งน้ำแห่งนี้ เมื่อมองไปข้างแม่น้ำจะเห็นเป็นวัดสร้างขวางแม่น้ำอยู่ จึงเรียกชื่อวัดแห่งนี้ว่า วัดขวางน้ำ แต่ต่อมาเรียกกันติดปากสั้น ๆ ว่า “วัดขวาง”

สภาพทั่วไปของตำบล :
ลักษณะภูมิประเทศ เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำพิจิตรเก่าไหลผ่าน ซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่เหมาะกับการทำนา
อาณาเขตตำบล :
ทิศเหนือ ติดกับ ต. ทับหมัน อ. ตะพานหิน จ. พิจิตร
ทิศใต้ ติดกับ ต. ทุ่งน้อย อ. โพทะเล จ. พิจิตร
ทิศตะวันออก ติดกับ ต. คลองคูณ อ. ตะพานหิน จ. พิจิตร
ทิศตะวันตก ติดกับ ต. โพทะเล อ. โพทะเล จ. พิจิตร อ่านเพิ่มเติม

คาถาบูชาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

คาถาบูชาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

คาถาบูชาหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ
หมายเหตุ หลวงพ่อเงิน วัดคงคาราม หลวงพ่อเงิน วัดท้ายน้ำและหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน (วัดหิรัญญาราม) คือองค์เดียวกัน
วัดท้ายน้ำ ( วัดเก่าหลวงพ่อเงิน ) อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร

ให้ตั้ง นะโมฯ 3 จบ แล้วสำรวมจิตกล่าวคาถา
สิทธิพุทธัง กิจจังมะมะ ผู้คนไหลมา นะชาลีติ
สิทธิธัมมัง จิตตังมะมะ ข้าวของไหลมา นะชาลีติ
สิทธิสังฆัง จิตตังมะมะ เงินทองไหลมา นะชาลีติ
ฉิมพลี มหาลาภัง ภะวันตุเม

วันนมัสการหลวงพ่อเงิน วันอังคาร วันพฤหัสบดี วันศุกร์ พร้อมด้วยดอกบัวหรือดอกมะลิ 9 ดอก หมาก 3 คำ จัดใส่พาน และธูป 9 ดอก เทียน 1 คู่ ให้ตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีพุทธคุณของหลวงพ่อเงินคุ้มครอง ป้องกันภัยจากโจรผู้ร้าย ตลอดจนค้าขายของดีเลิศมีเมตตามหานิยม พุทธคุณของหลวงพ่อเงินเป็นที่รู้จักและเคารพนับถือของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะวัตถุมงคล อาทิเช่น รูปหล่อลอยองค์หลวงพ่อเงินพิมพ์นิยมและพิมพ์ขี้ตา ไข่ปลาหน้าจอบ หน้าจอบเล็ก ตะกรุด และความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์ เป็นต้น ยังมีความอภินิหารอีกมากสุดที่จะนำมากล่าวนี้ อ่านเพิ่มเติม

คาถาบูชาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร

คาถาบูชาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร

หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน ทุกรุ่นประสบการณ์ดีทางด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดจากภัยทั้งปวง เมตตามหานิยม โชคลาภ และค้าขายดีมาก ผู้มีพลังศรัทธาต่อหลวงพ่อเงิน ต้องการที่จะมีไว้ในครอบครอง พระหลวงพ่อเงินไม่จำเป็นต้องทันท่านปลุกเสกเสมอไป ขอให้พิธีดี เจตนาสร้างดี บารมีหลวงพ่อเงินก็แผ่ถึงแล้วครับ ผู้ที่มีพลังศรัทธาต่อหลวงพ่อเงินต่างประจักษ์กันทั่วหน้าครับ ต่อไปนี้เป็นพระคาถาเพื่ออาราธนาหลวงพ่อเงินวัดบางคลานครับ

หมายเหตุ หลวงพ่อเงิน วัดคงคาราม, หลวงพ่อเงิน วัดท้ายน้ำ และหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน (วัดหิรัญญาราม) คือองค์เดียวกันครับ วัดท้ายน้ำ คือวัดเก่าของหลวงพ่อเงินเช่นเดียวกันครับ

คาถาบูชาหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ

ให้ตั้ง นะโมฯ 3 จบ แล้วสำรวมจิตกล่าวคาถา
สิทธิพุทธัง กิจจังมะมะ ผู้คนไหลมา นะชาลีติ
สิทธิธัมมัง จิตตังมะมะ ข้าวของไหลมา นะชาลีติ
สิทธิสังฆัง จิตตังมะมะ เงินทองไหลมา นะชาลีติ
ฉิมพลี มหาลาภัง ภะวันตุเม
อ่านเพิ่มเติม

เหรียญหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน

เหรียญหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน

เหรียญหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน พิมพ์จอบเล็ก และจอบใหญ่ เป็นเหรียญยอดนิยมที่ช่างโบราณ ใช้กรรมวิธี เทหล่ออย่างประณีต สวยงามทั้งพิมพ์และเนื้อ วัตถุมงคลหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เป็นที่รู้จัก และเสาะแสวงหามานานจนปัจจุบัน ได้แก่ เหรียญหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน พิมพ์จอบเล็ก จอบใหญ่ รูปหล่อลอยองค์ พิมพ์นิยม พิมพ์ขี้ตา สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2460 เพื่อเป็นอนุสรณ์ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ศิษยานุศิษย์ที่เคารพ เลื่อมใส หลวงพ่อเงิน แบ่งปันให้บูชาเก็บไว้กับตัว ดังนี้ครับ

1.เหรียญจอบเล็ก หลวงพ่อเงิน พิมพ์แข้งตรง มีคราบขี้เบ้า สภาพใช้
2.เหรียญจอบเล็ก หลวงพ่อเงิน พิมพ์แข้งตรง มีคราบขี้เบ้า
3.เหรียญจอบเล็ก หลวงพ่อเงิน พิมพ์แข้งติด มีคราบขี้เบ้า
4.เหรียญจอบเล็ก หลวงพ่อเงิน พิมพ์แข้งติด มีคราบขี้เบ้า สนิมแดง สนิมเขียว
5.เหรียญจอบเล็ก หลวงพ่อเงิน พิมพ์แข้งติด มีคราบขี้เบ้า สนิมแดง สนิมเขียว
6.เหรียญจอบเล็ก หลวงพ่อเงิน พิมพ์แข้งตรง มีคราบขี้เบ้า สนิมเขียว
7.เหรียญจอบใหญ่ หลวงพ่อเงิน มีคราบขี้เบ้า สภาพใช้
8.เหรียญจอบใหญ่ หลวงพ่อเงิน มีคราบขี้เบ้า สนิมแดง สนิมเขียว

http://www.apiwatamulet.com/

หลวงพ่อเงิน

หลวงพ่อเงิน
วัดหิรัญญาราม (วัดวังตะโก) บางคลาน จ.พิจิตร

หลวงพ่อเงิน ท่านเกิดเมื่อ วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๓๕๓ ตรงกับวันศุกร์ เดือน ๑๐ ปีฉลู บิดาชื่อ อู๋ มารดาชื่อ ฟัก ท่านเกิดที่บ้านบางคลาน อำเภอโพธิ์ทะเล จังหวัดพิจิตร บิดาเป็นชาวบางคลาน มารดาเป็นชาวบ้านแสนตอ อำเภอขาณุวรลักษณ์บุรี (แสนตอ) จังหวัดกำแพงเพชร

ตั้งแต่อายุ ๓ ขวบ ได้ไปอยู่กับลุง ชื่อนายช่วง ที่กรุงเทพฯ และได้เข้าเรียนที่ บ้านตองปุ (วัดชนะสงคราม) จังหวัดพระนคร เมื่ออายุได้ ๑๒ (พ.ศ. 2365) ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณรได้ศึกษาธรรมวินัย เวทย์วิทยาการต่างๆ จนแตกฉาน พออายุใกล้อุปสมบทท่านได้สึกจากสามเณรและหลังจาก ได้อุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดตองปุ (วัดชนะสงคราม) ได้ร่ำเรียนวิปัสสนาอยู่ ๓ พรรษา แล้วมาอยู่วัดคงคาราม (วัดบางคลานใต้) ได้ ๑ พรรษา ขณะนั้นหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์ให้เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ท่านเป็นพระเรืองวิชา ชอบเล่นแร่ แปลธาตุ แต่หลวงพ่อเงินท่านเคร่ง ธรรมวินัย ชอบความสงบ ท่านจึงได้ย้ายไปอยู่หมู่บ้านวังตะโก ลึกเข้าไปทางลำน้ำเก่า
กล่าวกันว่า….เดิมที่ท่านจากวัดคงคารามไปแล้ว ก็มาปลูกกุฏิด้วยไม่ไผ่มุงหลังคาด้วยแฝกอยู่องค์เดียว และพร้อมกันนั้นได้นำกิ่งโพธิ์มาปักไว้ที่ริมตลิ่ง (หน้าพระอุโบสถ) แล้วอธิษฐานว่าถ้าท้องถิ่นนี้จะเจริญรุ่งเรืองเป็นอารามต่อไป ก็ขอให้โพธิ์ต้นนี้งอกงามแผ่กิ่งก้านสาขาเป็นนิมิตดีต่อไปด้วย และเหตุการณ์ก็เป็นจริงดังอธิษฐานไว้ ซึ่งต่อมาพื้นที่แถบนั้นก็ได้ปรากฏเป็น “วัดวังตะโก” เกิดขึ้น พระอารามแห่งนี้ “หลวงพ่อเงิน” ได้เป็นผู้สร้างไว้เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2377 ต่อมาวัดวังตะโก หรือวัดหิรัญญารามก็เจริญอย่างรวดเร็ว มีผู้คนเคารพนับถือและถวายตัวเป็นศิษย์ ขอมาฟังธรรม ขอเครื่องรางของขลัง และขอให้หลวงพ่อช่วยรักษาโรคให้ ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์และสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณฝ่ายวิปัสสนา
“หลวงพ่อเงิน” นับเป็นพระเกจิอาจารย์ ผู้เลื่องชื่อ ด้านไสยเวทเยี่ยมยอดที่สุดของเมืองพิจิตร จนเมื่อมาอยู่วัดวังตะโดและได้พัฒนาวัดจนรุ่งเรือง เป็นที่รู้จักกันไปทั่วว่า
หลวงพ่อเงินสามารถรู้ผู้มาเยือนด้วยญาณวิเศษได้อย่างมหัศจรรย์ และยังเป็นหมอเชี่ยวชาญในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ชาวบ้านได้อย่างชะงัดอีกด้วย เคยมีผู้ไปลองดีกับท่าน ท่านก็แอ่นอกให้ยิง แต่กระสุนไม่ยอมออกจากลำกล้อง ความศักดิ์สิทธิ์เยี่ยงอัจฉริยะของ “หลวงพ่อเงิน” บางคลาน นับว่าร่ำลือกันไปไกลมาก จนถึงขนาดเสด็จในกรม “กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์” ก็ยังเสด็จไปฝากตัวเป็นศิษย์ด้วย อ่านเพิ่มเติม

น้ำมนต์กลายเป็นหิน

น้ำมนต์กลายเป็นหิน

ปกติในสมัยที่หลวงพ่อเงิน ยังมีชีวิตอยู่ แต่ละวันจะมีประชาชนจากใกล้และไกลๆเดินทางไปกราบนมัสการเป็นจำนวนมาก บ้างก็ไปขอของดีบางคนก็ไปขอรดน้ำมนต์ ใครต้องการสิ่งใด ท่านไม่เคยขัดศรัทธา

มีอยู่คราวหนึ่ง ได้มีชาวจีนผู้หนึ่งชื่อ เจ๊กไล้ เป็นพ่อค้าวานิชอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย ได้ยินกิตติศัพท์ของท่าน เกิดศรัทธาถึงขนาดเดินทางมากราบนมัสการที่วัดบางคลาน ขณะเจ๊กไล้ ได้เดินทางมาถึงวัด พบท่านกำลังนั่งรับแขกอยู่ที่นอกกุฏิ จึงเข้าไปกราบพร้อมกับแจ้งจุดประสงค์ว่า….อยากได้น้ำมนต์ไปปะพรมสินค้า จะได้ขายดีๆ อย่างคนอื่นเขาบ้าง !!!

หลวงพ่อเงิน ได้บอกกับเจ๊กไล้ ว่าให้ไปตักน้ำใส่บาตรแล้วเอาไปตั้งตรงหน้าโต๊ะหมู่บูชา พร้อมกับให้จุดธูป จุดเทียนไว้ด้วย เจ๊กไล้ได้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกประการ เมื่อเสร็จแล้วก็มานั่งรอท่านอีกด้านหนึ่ง นั่งรอจนเทียนลุกไหม้เกือบหมด ก็ไม่เห็นว่า หลวงพ่อเงิน จะลุกไปทำน้ำมนต์ให้ เห็นท่านนั่งคุยกับแขกเหรื่อเฉยอยู่
อ่านเพิ่มเติม

พระคาถาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

พระคาถาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

ตั้งนะโมสามจบ

จิตตะกัง จิตตะโร มาจิตตังมะมะ จิตติสุหิ
จิตติมานิมานิมา อิสัพเพชะนา ก็มาจิตติ อิติพหูชะนา
อิมะนุสสา ก็มาแห่งใจมนุษย์ก็มา สิตะอิทะอิอัง
ไตรอุสุ พระราชา วิหลุดสุดยอดสอดอินทราชัย
พุทธาครารอด สอดพระพุทธา สุขังหิรัญญังวา
อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ

พระคาถานี้ เรียกว่ามนต์มหาจินดา เป็นวิชาของหลวงพ่อเงินบางคลาน
ท่าน ใดจากหลวงพ่อโพรงโพธิ์ ว่ากันว่า เป็นคาถาที่พระแม่พันธุรัตได้สอนพระสุวรรณสังข์โพธิสัตว์ก่อนตาย จึงทำให้พระสุวรรณสังข์โพธิสัตว์เป็นที่รักที่เมตตาแก่คนทั้งหลาย ไม่เว้นแม้แต่ปลาหรือเนื้อทรายก็ใจอ่อนยอมให้จับสิ้น คาถานี้สตรีใช้เสกแป้งหอมทาหน้าเป็นสง่ากว่าสตรีใดทั้งปวง หากเป็นบุรุษจะภาวนาเฉยๆๆก็เป็นมหานิยม
หรือจะใช้เสกเครื่องประทินหอมก็มีเมตตามากขึ้นแล

ที่มา พระคาถามหามนต์จินดา (หลวงพ่อเงิน บางคลาน)
พระคาถามหามนต์จินดา (หลวงพ่อเงิน บางคลาน

ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538652326&Ntype=5

http://board.palungjit.org/

พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

“พระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ทุกพิมพ์ถ้าอยู่ในสภาพสวยสนนราคาขึ้นหลักล้านทั้งสิ้น ปัจจุบันหาพระแท้ๆ ได้ยากครับ พุทธคุณของท่านนั้นเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด และโชคลาภ”

นอกเหนือจาก หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นที่ยอมรับเลื่อมใสว่าเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงพุทธาคมยิ่งใหญ่ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายหลายรูปหลายรุ่นด้วยกัน รวมทั้งเสด็จฯ ในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พระบิดาแห่งทหารเรือ แล้ว ยังมีพระเกจิอาจารย์อีกรูปในยุคเดียวกันที่หลวงปู่ศุขเองยังยอมรับนับถือในพุทธาคมจนแนะนำให้เสด็จฯ ในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ไปฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยเช่นกัน นามของท่านคือ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

หลวงปู่ศุขกับหลวงพ่อเงินมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างยิ่ง บางท่านสันนิษฐานว่า ท่านอาจเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน หลวงปู่ศุขศึกษาทางวิปัสสนาธุระและมหาพุทธาคมกับหลวงปู่เชย วัดโพธิ์ทองล่าง (เมื่อก่อนเรียก วัดโพธิ์บางเขน) จังหวัดนนทบุรี ท่านเป็นชาวรามัญ มีความชำนาญทางวิปัสสนาธุระและพุทธาคม ส่วนหลวงพ่อเงินบวชเรียนศึกษาที่วัดชนะสงคราม บางลำภู ซึ่งเป็นวัดที่พระภิกษุสงฆ์ชาวรามัญบวชเรียนอยู่เป็นอันมาก และเป็นวัดที่เคร่งทั้งทางวัตรปฏิบัติและระเบียบวินัย มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดมา จึงน่าจะมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสมัยที่หลวงปู่ศุขท่านมีชื่อเสียงขจรขจายนั้น ท่านเดินทางขึ้นล่องระหว่างนครสวรรค์ เมืองพิจิตร และเมืองพิษณุโลกเสมอ จึงทำให้ท่านทั้งสองได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกันก็อาจเป็นอีกนัยหนึ่งด้วย ที่สำคัญที่สุด คือตำราของหลวงปู่ศุข มี “พระคาถาปฐมอักขระ” ซึ่งท่านได้รับประสิทธิประสาทจากหลวงพ่อเงินอีกด้วย จึงเชื่อว่าท่านทั้งสองมีความสนิทสนมกันอย่างแน่นอน
อ่านเพิ่มเติม

คาถาขออโหสิกรรม ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

คาถาขออโหสิกรรม ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

เป็นคาถาที่ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ท่านได้เจริญภาวนาทุกวันก่อนบิณฑบาต
ว่ากันว่า เป็นการแผ่เมตตาไปยังสัตว์โลกด้วย

เพราะปรากฏว่าการเจริญพระคาถานี้ทำให้จระเข้ตัวนึง
ที่ชื่อ ไอ้สี เลิกอาละวาดทำร้ายคนเดินเรือในแม่น้ำน่าน
เพราะว่า หลวงพ่อเงินท่านจะภาวนาทุกทีตอนที่บิณฑบาต (ทางเรือ)

มันจะคอยว่ายน้ำตามเรือไม่ทำอะไรผู้คน
จนบางทีถ้าหลวงพ่อเงินท่านจะข้ามแม่น้ำ
ว่ากันว่ามันจะว่ายมาหาหลวงพ่อเงินก็นั่งบนหลังมันข้ามน้ำไปได้
(เป็นคาถาเดียวกับที่สมเด็จโตใช้สะกดจระเข้)

ผู้ที่เป็นเจ้าของวิชานี้คือหลวงพ่อใหญ่ เมืองพิจิตร
หนึ่งในอาจารย์ สมเด็จโต

และคาถานี้ หลวงพ่อไป๋ วัดท่าหลวง
ได้ใช้เสกตะกรุดกระดูกแร้งจนลือเลื่องด้วย
อ่านเพิ่มเติม

‘พระหลวงพ่อเงิน’วัดบางคลานเนื้อดินแชมป์๗งานใหญ่

‘พระหลวงพ่อเงิน’วัดบางคลานเนื้อดินแชมป์๗งานใหญ่
‘พระหลวงพ่อเงิน’วัดบางคลานเนื้อดิน พิมพ์ขี้ตา ๕ ชาย องค์แชมป์ ๗ งานใหญ่ : พระหลักยอดนิยม โดยตาล ตันหยง

ทุกวันนี้ พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร จัดได้ว่าเป็นพระหล่อโบราณเนื้อโลหะที่มีราคาเช่าหาสูงที่สุดของวงการพระเครื่อง คือ อยู่ที่หลักล้านขึ้นไปทุกองค์
ชาวพิจิตร รุ่นเก่าก่อนกล่าวกันว่า พระหลวงพ่อเงิน นอกจากรูปหล่อพิมพ์นิยม พิมพ์ขี้ตา และเหรียญจอบใหญ่ เหรียญจอบเล็ก ซึ่งเป็นพระเนื้อโลหะหล่อโบราณ แล้วก็ยังมีพระเนื้อดิน พิมพ์สมเด็จ พิมพ์พระเจ้า ๕ พระองค์ ฯลฯ รวมทั้ง พระหลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตา เนื้อดิน อีกด้วย แต่สร้างน้อยมาก พบเห็นยาก พิมพ์ทรงองค์พระมีรายละเอียดแบบเดียวกับ พิมพ์ขี้ตาเนื้อโลหะ ทุกอย่าง และมีเฉพาะ พิมพ์ขี้ตา เท่านั้น มีทั้งพิมพ์ขี้ตา ๓ ชาย, ๔ ชาย และ ๕ ชาย เช่นเดียวกับ พิมพ์ขี้ตาเนื้อโลหะ
องค์ในภาพนี้ พระหลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตา ๕ ชาย เนื้อดินผสมผงพุทธคุณ ชุบรัก ปิดทอง องค์นี้เป็นองค์ดารา เป็นองค์แชมป์รับ ๗ รางวัลชนะเลิศมาแล้วจากงานประกวดพระที่สมาคมพระเครื่องให้การรับรอง ล่าสุดติดรางวัลที่ ๑ งานกองบัญชาการกองทัพไทย ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (เมื่อ ๒๘ เม.ย.๕๖)
วันนี้ มีภาพมาให้ชมกันชัดๆ ทั้ง ๕ ด้าน เพื่อให้เห็นรอยตะเข็บข้าง และรูที่อยู่ด้านล่างองค์พระอย่างชัดเจน
พระองค์นี้นอกจากจะมีการชุบรักปิดทองมาแต่เดิมแล้ว ยังมีพิเศษสุดๆ กว่าองค์อื่นที่เคยพบเห็นมา คือ มีการเจาะรูที่ใต้ฐานมาแต่เดิมด้วย ซึ่งยังไม่เคยพบเห็นมาก่อนในพระองค์อื่น อ่านเพิ่มเติม

. . . . . . .