ตัวโกรธ คือ ส้นตีน หลวงปู่บุดดา ถาวโร
ผู้รู้ธรรมนั้น ไม่ได้หมายถึงผู้ทรงจำคัมภีร์ได้มากหรือเทศน์เก่งหากได้แก่ผู้ที่รู้จักจิตใจของตนและเท่าทันอารมณ์ที่บังเกิดขึ้น บางครั้งหลวงปู่บุดดา ก็มีวิธีการแปลกๆ เพื่อเตือนให้ตระหนักถึงความจริงข้อนี้
คราวหนึ่งหลวงปู่ได้รับอาราธนาให้เทศน์คู่กับท่านเจ้าคุณรูปหนึ่งท่านเจ้าคุณรูปนั้นเห็นหลวงปู่บุดดาเป็นพระบ้านนอก คงไม่มีความรู้ด้านปริยัติธรรมมากเท่าใด จึงถามหลวงปู่ทำนองหยั่งเชิงว่า “จะเทศน์เรื่องอะไร?”
หลวงปู่บุดดาตอบว่า “เรื่องตัวโกรธ กิเลสตัณหา” ท่านเจ้าคุณก็ถามลองภูมิต่อว่า “ตัวโกรธเป็นอย่างไร?”
“ส้นตีไงล่ะ” หลวงปู่ตอบ เท่านั้นแหละ ท่านเจ้าคุณก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงและไม่ยอมเทศน์คู่กับหลวงปู่ หลวงปู่ต้องขึ้นเทศน์รูปเดียวเมื่อเทศน์จบแล้ว ท่านก็ไปขอขมาท่านเจ้าคุณรูปนั้น แล้วอธิบายให้ท่านเจ้าคุณรู้ว่า “ตัวโกรธ” เป็นอย่างนี้เอง
เราสามารถเรียนรู้ธรรมได้จากอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น หากเพียงแต่รู้จักเฝ้ามองให้เป็น แต่ถ้าลืมตัว มันก็สามารถครอบงำจิตใจเราได้และพลอยทำให้เราตกเป็นทาสของสิ่งแวดล้อม สุดแท้แต่ว่ามันจะปรุงแต่งให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกใดๆ แก่เรา
นอกจากเรียนธรรมจากอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นแล้ว บางครั้งหลวงปู่ก็ใช้สถานการณ์รอบตัวเป็นเครื่องมือสอนธรรม โดยท่านเพียงแต่สะกิดให้ฉุกคิดเท่านั้น
ครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้รับนิมนต์ไปฉันเพลที่บ้านโยม เมื่อฉันเสร็จแล้วเจ้าของบ้านเห็นหลวงปู่เดินทางมาเหนื่อย จึงขอให้ท่านเอนกายพักผ่อนก่อนเดินทางกลับ ระหว่างนั้นข้างห้องซึ่งเป็นร้านขายของ มีคนเดินลากเกี๊ยะกระทบพื้นบันไดเสียงดัง ศิษย์คนหนึ่งทนเสียงเกี๊ยะไม่ได้ จึงบ่นว่า“แหม…เดินเสียงดังเชียว”
หลวงปู่ซึ่งนอนหลับตาอยู่ จึงพูดเตือนสติว่า “เขาเดินของเขาอยู่ดีๆเราเอาหูไปรองเกี๊ยะเขาเอง”
http://www.publichot.com/forums/showthread.php?