ไหว้เกจิดัง “หลวงพ่อสด” ณ “วัดปากน้ำภาษีเจริญ” เสริมมงคลชีวิต

ไหว้เกจิดัง “หลวงพ่อสด” ณ “วัดปากน้ำภาษีเจริญ” เสริมมงคลชีวิต

เดือนกุมภาพันธ์นี้ หลายๆ คนก็ถือว่าเป็นเดือนแห่งความรัก โดยเฉพาะชาวพุทธอย่างเราๆ ที่นอกจากจะมีวันวาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรักสากลแล้ว ก็ยังมี “วันมาฆบูชา” ที่ต้องถือว่าเป็นวันแห่งความรักอันบริสุทธิ์และสูงส่งตามพุทธศาสนา ซึ่งในปีนี้ ตรงกับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นั่นเอง

วันสำคัญแบบนี้ ฉันก็ต้องหาเวลาไปเข้าวัดทำบุญเสียหน่อย เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตของตัวเอง และก็ประจวบเหมาะกับการที่มีเพื่อนสนิทมาชักชวนไปไหว้พระเกจิชื่อดัง ณ วัดปากน้ำภาษีเจริญ แบบนี้ก็ต้องไม่พลาดอยู่แล้ว

ถ้าพูดถึง “วัดปากน้ำภาษีเจริญ” ก็ต้องนึกถึง “หลวงพ่อสด” หรือ “หลวงพ่อวัดปากน้ำ” พระเกจิชื่อดังที่มีพุทธศาสนิกชนเลื่อมใสมากมาย ดังนั้น เมื่อเข้ามาถึงวัด ฉันจึงตรงเข้ามาที่ด้านใน เพื่อสักการะรูปหล่อเหมือนของหลวงพ่อสด บริเวณหน้าสำนักงานประชาสัมพันธ์ของวัด มาจุดธูปเทียนบูชา และสามารถปิดทองที่รูปหล่อได้ โดยรูปหล่อนี้หล่อขึ้นจากโลหะ และนำมาประดิษฐานไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 ในแต่ละวันก็จะมีผู้คนหลากหลายเข้ามากราบไหว้บูชากัน อย่างวันที่ฉันไปถึงก็เห็นนักเรียนนักศึกษาหลายคนกำลังปิดทองอยู่

จากบริเวณรูปหล่อเหมือนของหลวงพ่อสด ฉันก็เดินตรงเข้าไปที่ด้านในสุดซึ่งอยู่ติดกับคลอง มีทางเดินเล่นเลียบคลองที่ร่มรื่น สามารถยืนให้อาหารปลาได้ บางทีก็มานั่งดูทิวทัศน์ริมคลองที่สงบร่มเย็น มีเรือแล่นผ่านไปมา และยังมี “สวนกาญจนาภิเษก” ที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ให้ร่มเงา นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้

เดินกลับมาตามทางเดิม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ “หอสังเวชนีย์มงคลเทพนิรมิต” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “หอหลวงพ่อ” อันเป็นสถานที่ประดิษฐานสังขารของหลวงพ่อสด เป็นตึกทรงไทยสองชั้นที่เปิดให้คนเข้ามาเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมถวายหลวงพ่อเป็นประจำทุกวัน และทุกวันพฤหัสบดี เวลาประมาณ 14.00 น. จะมีการเจริญสมาธิภาวนาที่บริเวณชั้นสอง ซึ่งวันที่ฉันไปนั้นก็ตรงกับวันพฤหัสบดีพอดิบพอดี ก็เลยได้นั่งสมาธิเจริญภาวนาพร้อมๆ กับพุทธศาสนิกคนอีกหลายคน ได้รับความสงบ และความสบายใจกลับบ้านมาด้วย

นอกจากจะมากราบไหว้หลวงพ่อสด หากมาที่วัดปากน้ำภาษีเจริญแห่งนี้ ก็ยังสามารถเดินดูรอบๆ วัด ซึ่งจะได้เห็นถึงศิลปกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งจากหอพระไตรปิฎก เดิมนั้นสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่หอไตรหลังที่ปรากฏอยู่นี้ สร้างขึ้นใหม่จากการถอดแบบของเดิม ทำลวดลายเดิม มีการลงรักปิดทองฝาผนังด้านนอกทั้งหลัง

และเนื่องจากวัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ที่ดูได้จากโบราณสถานและโบราณวัตถุต่างๆ ในวัด ก็ทำให้ปรากฏศิลปวัตถุ และสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยามากมาย อย่างเช่น ในพระอุโบสถของวัด ประดิษฐานพระประธาน เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนลงรักปิดทอง ศิลปะอยุธยา ซึ่งพระพักตร์จะคล้ายกับพระมงคลบพิตรในวิหารมงคลบพิตร จ.อยุธยา

สำหรับผู้ที่มาเยือนวัดปากน้ำภาษีเจริญตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็จะเห็นสิ่งก่อสร้างใหญ่โตสีขาวสะอาดตา นั่นก็คือ “พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล” ที่สร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมกับมีการประกอบพิธีสมโภชน์ไปเรียบร้อยแล้ว โดยเจดีย์นี้จะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผสมทรงกลม มีฐาน 9 ชั้น ผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนาและศิลปะรัตนโกสินทร์ และได้รับต้นแบบมาจากเจดีย์วัดโลกโมฬี จ.เชียงใหม่

คำว่า “พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล” เป็นนามที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญองค์ปัจจุบันได้ตั้งขึ้น โดยมีความหมายคือ “มหารัช” หมายถึงแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ และ “มงคล” มาจากราชทินนามของ “พระมงคลเทพมุนี” หรือหลวงพ่อสด นั่นเอง

บริเวณปลียอดของพระมหาเจดีย์ฯ หุ้มด้วยทองคำน้ำหนัก 7,185.55 บาท ทั้งยังมีแผ่นทองคำกว้าง 9.9 เซนติเมตร ยาว 4.9 เมตร สลักคำว่า “สติ มตฺตญฺญุตา ชาตา” หมายความว่า สติเป็นเหตุให้เกิดเศรษฐกิจพอเพียง และ “ปญฺจสีลํ สุรกฺขิตํ โลกสฺสตฺถิ สนฺติสุขํ” หมายความว่า ศีล 5 ที่รักษาดีแล้ว สันติสุขย่อมมีแก่ชาวโลก

เมื่อเดินเข้าพระมหาเจดีย์บริเวณชั้นสอง สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือประตูทางเข้า เป็นประตูไม้สักทองแกะสลักรูปท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ประกอบด้วย ท้าวธตรัฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งตามความเชื่อในพระพุทธศาสนา เพื่อคอยให้ความคุ้มครอง และคอยดูแลรักษาพระมหาเจดีย์

สำหรับพระมหาเจดีย์ มีทั้งหมด 5 ชั้น ชั้นแรกจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ชาวบ้าน (ยังไม่เสร็จสมบูรณ์) ชั้น 2 (ที่มีประตูทางเข้าเป็นไม้สักทองแกะสลัก) เป็นพื้นที่สำหรับปฏิบัติธรรม รองรับได้ถึง 1,000 คน ชั้น 3 ประดิษฐานพระพุทธรูป สิ่งของเครื่องใช้ และอัฐบริขาร จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ชั้น 4 ประดิษฐานหลวงพ่อทองคำ และบูรพาจารย์ในอดีต

พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์

จุดเด่นที่สุดอยู่บริเวณชั้น 5 นอกจากจะมีระเบียงให้ออกไปชมทัศนียภาพรอบๆ วัดในมุมสูงแล้ว ยังเป็นที่ประดิษฐาน “เจดีย์แก้ว” ซึ่งจำลองมาจากพระมหาเจดีย์มหารัชมงคล สร้างขึ้นจากกระจกที่มีความหนา 1 เซ็นติเมตร นำมาวางซ้อนกันจำนวน 800 ชั้น และทำการแกะสลักด้วยมือ มีความสูงจากฐานถึงยอด 8 เมตร

ด้านบนของเจดีย์แก้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และมีการสร้างเจดีย์ทองคำครอบบนยอดของเจดีย์ ส่วนที่บริเวณฐานจะใช้กระจกแกะสลักเป็นรูปพญานาคจำนวน 80 ตัว เท่ากับอายุของพระพุทธเจ้า และเจดีย์แก้วนี้เป็นแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีแก้วเป็นส่วนประกอบ

นอกจากจะมาไหว้พระทำบุญกันแล้ว ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญก็ยังเปิดให้เข้ามานั่งวิปัสสนากรรมฐานด้วย ซึ่งใครที่สนใจก็สามารถติดต่อสอบถามทางวัดได้เลย ส่วนใครที่ยังไม่พร้อมจะมานั่งวิปัสสนา ก็เพียงแค่ทำใจให้บริสุทธิ์ คิดดี ทำดี พูดดี เท่านี้ก็ช่วยให้จิตใจมีความสงบสุขได้แล้ว

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
วัดปากน้ำภาษีเจริญ ตั้งอยู่ที่ ถ.รัชมงคลประสาธน์ เขตภาษีเจริญ กทม. การเดินทางจากเดอะมอลล์ท่าพระ ให้วิ่งมาทางตลาดพลู จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเทอดไท วิ่งตรงตามถนนเทอดไท แล้วเลี้ยวเข้าสู่ถนนรัชมงคลประสาธน์ ตรงมาเรื่อยๆ จะถึงทางเข้าวัด มีรถประจำทางผ่านวัดคือ สาย 4 สาย 9 และสาย 175 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2467-0811, 0-2457-9042

http://www.manager.co.th/travel/viewnews.aspx?NewsID=9560000021207

. . . . . . .