ปฏิบัติธรรมะกับหลวงปู่จันทา ถาวโร โดย พระอภิวุฒิ ปญฺญาธโร (หลวงพี่หงุ่น)

ปฏิบัติธรรมะกับหลวงปู่จันทา ถาวโร โดย พระอภิวุฒิ ปญฺญาธโร (หลวงพี่หงุ่น)

ปฏิบัติกับหลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย จ.พิจิตร
โดย
พระอภิวุฒิ ปญฺญาธโร (หลวงพี่หงุ่น)

ท่านได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า เมื่อปีพ.ศ.2547 ท่านยังจำพรรษาอยู่วัดตะคร้อซึ่งเป็นวัดที่บ้านเกิดของท่านเองในอ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ตอนนั้นท่านได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ทำการบูรณะโบสถ์เก่าของหลวงพ่อริ้ว กุสลจิตฺโต เมื่อท่านทำการบูรณะเสร็จแล้วท่านจึงขออนุญาติออกเดินธุดงค์ จาริกไปยังวัดป่าเขาน้อยเพราะได้ยินวัตรปฏิบัติที่น่าเลื่อมใสของหลวงปู่จันทาจากพระด้วยกันมาเล่าให้ฟัง ท่านใช้เวลาในการเดินธุดงค์อยู่ 4 วัน จนถึงวัดป่าเขาน้อย ตอนนั้นหลวงปู่ยังอยู่ที่กุฏิปูนหลังเก่า ท่านเข้าไปกราบแล้วบอกหลวงปู่ว่ากระผมมีความตั้งใจที่จะมาขอปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ครับขอหลวงปู่เมตตาด้วย หลวงปู่ท่านถามมาจากไหน ท่านก็ตอบว่ามาจากนครสวรรค์ครับ แล้วหลวงปู่ท่านก็ถามว่ามีเวลาปฏิบัติได้กี่วัน อ่านเพิ่มเติม

ค่อยๆสะสมบุญ โดย หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน

ค่อยๆสะสมบุญ โดย หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน

เงินเป็นล้าน ๆ มันไปจากหนึ่งจากสองนั่นแหละ ไม่ได้ไปจากล้านที่ไหน ไปจากหนึ่งกับสองนี่แหละ แล้วบวกกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงล้าน ของจะมีมากก็ต้องไปจากหนึ่งจากสองนี้เอง

นี่ความดี คุณงามความดีทั้งหลายก็ไปจากของเล็กน้อยแหละ เหมือนฝนตกเราเห็นไหม เห็นอยู่ด้วยกันทุกคนปฏิเสธได้ยังไง เม็ดฝนที่ตกลงมามันเท่าลูกมะพร้าวเมื่อไร มันก็เท่าเม็ดฝนอย่างที่เราเห็นนั่นแหละ แล้วทำไมมันทำให้ท้องฟ้ามหาสมุทรท่วมไปหมด ด้วยน้ำฝนที่ตกลงมาทีละหยดละหยาดเท่านั้นได้ล่ะ ก็เพราะรวมกันแล้วมันมาก ตกไม่หยุดไม่ถอยมันจึงมากนั่นเอง

การสร้างบุญกุศลพระพุทธเจ้าท่านก็กล่าวไว้อย่างนั้นเหมือนกัน …เราสร้างไว้ทุกวันทุกเวลาไม่ประมาทโดยลำดับลำดา ก็พอกพูนขึ้นไป ๆ งอกงามขึ้นไป เจริญขึ้นไป

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://muangput.com/webboard/index.php/topic,707.0.html

ปรารภธรรมะให้ฟัง โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

ปรารภธรรมะให้ฟัง โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

ธรรมต้องอาศัยอยู่กับโลก ไม่มีโลก…ธรรมก็อยู่ไม่ได้
ผู้เห็นธรรม รู้ธรรมก็คือ ผู้มารู้มาเห็นโลกตามความเป็นจริง
แล้วเบื่อหน่ายคลายจากโลกเอง
ถ้ารู้เท่า รู้เรื่อง มันเป็นธรรมทั้งหมด
ผู้ปฏิบัติจะเห็น…ความดีความชั่วของตนตรงนั้นแหละ
เมื่อไม่มีโลกแล้ว ธรรมก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปตั้งไว้ตรงไหน
จะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
โลกอันใดธรรมก็อันนั้น
จะเป็นโลกหรือเป็นธรรม อยู่ที่ “ฝึกอบรม” ต่างหาก

การพิจารณากาย – เวทนา – จิต – ธรรม
ให้เห็นเป็นสักแต่ว่านั้น ไม่ใช่ของง่าย
เพราะมันเป็นการลบสมมติบัญญัติของเดิมทั้งหมด
ที่เห็นเป็นสักแต่ว่านั้น
มันเป็นบัญญัติสมมติใหม่ซึ่งเกิดจากสติปัฏฐาน
ถ้าผู้ปฏิบัติพิจารณาได้อย่างนี้
มันก็จะละการถือตน ถือตัว ถือเขา ถือเรา
ให้หมดสิ้นไปจากใจได้ นี้เป็นเบื้องต้นของสติปัฏฐาน
อ่านเพิ่มเติม

หลวงปู่ชอบระลึกภพชาติ

หลวงปู่ชอบระลึกภพชาติ

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ. เลย

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นพระเถระสุปฏิปันโน ผู้มีความเพียรเผากิเลส สามารถหักราคะ โทสะ โมหะ เห็นโทษภัยของสังขารมีความเห็นชอบแทงตลอด เป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ใช้ชีวิตสมณเพศอยู่กับการปฏิบัติ จนแทบจะเอาชีวิตไปทิ้งในป่ากลางดง และท่านสามารถระลึกชาติได้หลายภพชาติ เช่น เคยเป็นพ่อค้าชาวลาวขายผ้า เดินทางมากับพ่อเชียงหมุน (อุปัฏฐากในชาตินี้) ข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งไทยมาถวายผ้าขาวหนึ่งวาและเงิน ๕๐ สตางค์ บูชาถวายพระธาตุพนม พร้อมอธิษฐานขอให้ได้บวช ได้พ้นทุกข์

ท่านเล่าว่าท่านเคยมาช่วยสร้างพระธาตุพนมด้วย (พระธาตุพนมนี้สร้างก่อนพระปฐมเจดีย์) ท่านเคยเกิดเป็นทหารพม่ามารบกับไทย แต่ยังไม่ทันฆ่าคนไทย ก็ตายไปเสียก่อน เพราะเคยเกิดอยู่เมืองปันที่พม่า ชาตินี้ท่านได้กลับไปดูบ้านเกิดในชาติก่อนที่เมืองปันด้วย เคยเป็นทหารไปหลบหนีภัยที่ถ้ำกระ เชียงใหม่ และได้ตายเพราะอดข้าวที่นั่น ท่านเคยเป็นพระภิกษุรักษาศีลอยู่กับพระอนุรุธเถระ เคยเป็นสามเณรน้อย ลูกศิษย์ของพระมหากัสสปะสมัยพุทธกาล เคยเกิดเป็นผีเสื้อ ถูกค้างคาวไล่จับเอาไปกินที่ถ้ำผาดิน เคยเกิดเป็นกวาง เคยเกิดเป็นเก้งไปแอบกินมะกอก กินยังไม่ทันอิ่มสมอยากก็ถูกมนุษย์ไล่ยิง เขายิงที่โคกมน ถูกเอาที่ขาและจำต้องรีบเร่งวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงไปตายที่บ้านม่วง

อ่านเพิ่มเติม

บุพเพชาติปางก่อน โดย หลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย

บุพเพชาติปางก่อน โดย หลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย

บุพเพชาติปางก่อน
หลวงปู่จันทา ถาวโร
วัดป่าเขาน้อย อ. วังทรายพูน จ. พิจิตร

ในตอนเย็นวันหนึ่งนั่งแปล ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร จนจบแล้วก็เข้าที่ไหว้พระสวดมนต์อุทิศส่วนบุญ จากนั้นก็นั่งภาวนาวันนั้นจิตรวมใหญ่

พอจิตสงบลงก็มีแสงสว่างกระจ่างแจ้งเกิดขึ้นแล้วพระธรรมก็ยกเพศนักบวชมาให้เห็นยืนอยู่ตรงหน้า แหมรูปร่างสวยงาม แต่ไม่ใหญ่โตนะ มีขนาดเท่ากับปัจจุบันนี้แหละ แล้วพระธรรมก็พูดขึ้นว่า

“นี่แหละ สมบัติของท่าน ยกเอามาให้ดูเป็นสมบัติที่ดี ตั้งแต่ชาติปางก่อนโน้น สมัยศาสนาของพระพุทธเจ้าสิขี ก่อนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ขึ้นไปอีก ๕ พระองค์ นั่นแหละ

ท่านได้ไปบวชในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์นั้น ตั้งแต่เป็นเณรไปตลอดจนถึงวันตาย นั่นแหละ ไม่หวั่นไหวในเรื่องโลกสงสาร พอใจใฝ่ฝันในการทำความดี เพราะเบื่อหน่ายในภพชาติสังขารที่ได้ไปอบายเสียเป็นส่วนมาก

ได้มีโอกาสทำคุณงามความดีเพียงชาติเดียวเท่านั้น และก็ได้มอบกายถวายชีวิตรักษาเพศพรหมจรรย์ไว้ บวชจนตลอดชีวิต ไม่สึกไปสร้างโลก ไม่หวั่นไหวในเรื่องกิเลสทั้งนั้น จนกระทั่งได้เอาผ้าเหลืองห่อร่างเข้ากองไฟไปเลยนะในชาตินั้น
อ่านเพิ่มเติม

พบเปรต 3 สาวงาม หลงกาเม โดย หลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย

พบเปรต 3 สาวงาม หลงกาเม โดย หลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย

คืน วันหนึ่งตอน ๓ ทุ่ม ขณะที่ท่านพระอาจารย์จันทาเดินจงกรมอยู่ในป่าช้าแห่งนั้น บรรยากาศอันสงัดวิเวกวังเวงได้เย็นเยือกลง มีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงลอยมาจนทำให้สะอึก ท่านคิดว่า ชาวบ้านฝังผีไม่ลึก ทำให้สุนัขมาขุดคุ้ยหลุมผี ลากเอาศพเน่าแล้วขึ้นมากิน กลิ่นศพเลยกระจายมาตามกระแสลม

จึงสูดลมหายใจแรง ๆ เอากลิ่นศพเข้าปอด วิธีนี้จะทำให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับกลิ่นเหม็นได้สนิท ความเหม็นเน่าจะทุเลาลง วิธีนี้สัปเหร่อแนะนำให้ไว้
แล้วท่านก็เดินจงกรมต่อไปกำหนดพุทโธตามจังหวะย่างก้าวไม่นานจิตร่วมลงเกิดโอภาสสว่างจ้า

ใน แสงสว่างนั้น เห็นนิมิตเป็นหญิงสาว ๓ นาง ตัดผมสั้นคล้ายทรงผมผู้หญิงออกศึกสงครามสมัยโบราณ ผิวขาวร่างสูงใหญ่ ๘ ศอก สวยมาก แต่เปลือยกายล่อนจ้อน เข้ามาหยุดยืนห่างในระยะประมาณ ๒ วา ที่ของลับนางทั้ง ๓ มีหนอนตัวเท่านิ้วมือจำนวนมากมายเจาะอยู่ยุ่บยั่บน่าหวาดเสียว น้ำเหลืองน้ำหนองไหลพลั่ก ๆ ลงมาที่พื้นดินจิตบอกว่า นางทั้ง ๓ นี้เป็นเปรต !
อ่านเพิ่มเติม

ธรรมะโอวาท หลวงพ่อสุดใจ ทันตมโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

ธรรมะโอวาท หลวงพ่อสุดใจ ทันตมโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

พอบวชเริ่มภาวนา
ใจได้รับความสุขสงบเย็นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นึกย้อนถามตัวเองว่า
ถ้าเรานั่งอยู่มีคนเดินมาด่าเรา เราจะโกรธมั๊ย
คนทั่วไปที่ไม่รับการฝึกอบรมจิตใจมา
ย่อมมีความโกรธเป็นธรรมดา
แต่คนที่ได้รับการฝึกฝนมาจะไม่โกรธ
กลับสงสารว่า…เค้าไม่เคยเจอความสุขที่แท้จริง
เค้าน่าสงสาร
ถ้าเรารักตัวเอง เราจะไม่ส่งจิตออกไปให้ใจโกรธ
แต่จะมีสติรักษาจิตให้มีความสุข สงบเย็น….

หลวงพ่อสุดใจ ทันตมโน
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://muangput.com/webboard/index.php/topic,767.0.html?PHPSESSID=qumilbnabtq0v0emi63rilp5b2

ความเสื่อมไปแห่งสังขาร โดย หลวงปู่ชา

ความเสื่อมไปแห่งสังขาร โดย หลวงปู่ชา

ความเสื่อมไปแห่งสังขาร

เสื่อมไปอย่างไร เปรียบเหมือนก้อนน้ำแข็ง แต่ก่อนมันเป็นน้ำเขาเอามาทำให้เป็นก้อน แต่มันก็อยู่ไม่นานหรอกมันก็เสื่อมไป เอาก้อนน้ำแข็งใหญ่ๆเท่าเทปนี้ไปวางไว้กลางแจ้ง จะดูความเสื่อมของก้อนน้ำแข็งก็เหมือนสังขารนี้ มันจะเสื่อมทีละน้อยทีละน้อย ไม่กี่นาทีไม่กี่ชั่วโมงก้อนน้ำแข็งก็จะหมด ละลายเป็นน้ำไป นี่เรียกว่าเป็นขะยะวัยยัง ความสิ้นไป ความเสื่อมไปแห่งสังขารทั้งหลาย เป็นมานานแล้ว ตั้งแต่มีโลกขึ้นมา เราเกิดมา เราเก็บเอาสิ่งเหล่านี้มาด้วยไม่ใช่ว่าเราทิ้งไปไหน พอเกิดเราเก็บเอาความเจ็บ ความแก่ ความตายมาพร้อมกัน

ดังนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านจึงตรัสไว้ว่า ขะยะ-วัยยัง ความสิ้นไปเสื่อมไปของสังขารทั้งหลาย เรานั่งอยู่บนศาลานี้ทั้งอุบาสก อุบาสิกา ทั้งพระ ทั้งเณร ทั้งหมดนี้ มีแต่ก้อนเสื่อมทั้งนั้นนี่ที่ก้อนมันแข็ง เปรียบเช่นก้อนน้ำแข็ง แต่ก่อนเป็นน้ำ มันเป็นก้อนน้ำแข็งแล้วก็เสื่อมไป เห็นความเสื่อมมันไหม ดูอาการที่มันเสื่อมซี ร่างกายของเรานี่ทุกส่วนมันเสื่อม ผมมันก็เสื่อมไป ขนมันก็เสื่อมไปเล็บมันก็เสื่อมไป หน้ามันก็เสื่อมไป อะไรทุกอย่างมันเสื่อมไปทั้งนั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://muangput.com/webboard/index.php/topic,856.0.html?PHPSESSID=qumilbnabtq0v0emi63rilp5b2

เรียนตามแบบ รบนอกแบบ

เรียนตามแบบ รบนอกแบบ

ตามที่ได้ทราบข่าวมีพระนักปริยัติบางรูป ท่านค้นคว้าตามตำรา เพราะได้เรียนมามาก อาตมาว่าทดลองดูเถอะ การกางแบบ กางตำราทำนี่ ถึงเวลาเรียน เรียนตามแบบ แต่เวลารบ รบนอกแบบ ไปรบตามแบบมันสู้ข้าศึกไม่ไหว ถ้าเอากันจริงจังแล้วต้องรบนอกแบบ เรื่องมันเป็นอย่างนั้น ตำรานั้น ท่านทำไว้พอเป็นตัวอย่างเท่านั้น บางทีอาจทำให้เสียสติก็ได้ เพราะพูดไปตามสัญญา สังขาร ท่านไม่เข้าใจว่าสังขารมันปรุงแต่งทั้งนั้น เดี๋ยวนี้ลงไปพื้นบาดาลโน่น ไปพบปะพญานาค เวลาขึ้นมาก็พูดกับพญานาค พูดภาษาพญานาค พวกเราไปฟังมันไม่ใช่ภาษาพวกเรา มันก็เป็นบ้าเท่านั้นเอง

ครูบาอาจารย์ท่านไม่ให้ทำอย่างนั้น เรานึกว่าจะดิบจะดี มันไม่ใช่อย่างนั้น ที่ท่านพาทำนี้มีแต่ส่วนละส่วนถอนเรื่องทิฏฐิมานะ เรื่องเนื้อเรื่องตัวทั้งนั้น อาตมาว่าการปฏิบัตินี้ก็ยากอยู่ ถึงอย่างไรก็อย่าทิ้งครูทิ้งอาจารย์ เรื่องจิตเรื่องสมาธินี่หลงมากจริงๆ เพราะสิ่งที่ไม่ควรจะเป็นไปได้ แต่มันเป็นขึ้นมาได้เราจะว่าอย่างไร อาตมาก็ระวังตัวเองเสมอ

หลวงปู่ชา สุภัทโท
วัดหนองป่าพง

ปฏิบัติสมาธิให้สงบอย่างแท้จริง โดย หลวงพ่อชา สุภัทโท

ปฏิบัติสมาธิให้สงบอย่างแท้จริง โดย หลวงพ่อชา สุภัทโท

ปฏิบัติทำไมมันถึงยากถึงลำบาก เพราะว่ามันอยาก พอไปนั่งสมาธิปุ๊บก็ตั้งใจว่าอยากจะให้มันสงบ ถ้าไม่มีความอยากให้สงบก็ไม่นั่งไม่ทำอะไร พอเราไปนั่งก็อยากให้มันสงบ เมื่ออยากให้มันสงบ ตัววุ่นวายก็เกิดขึ้นมาอีก ก็เห็นสิ่งที่ไม่ต้องการเกิดขึ้นมาอีก มันก็ไม่สบายใจอีกแล้ว นี่มันเป็นอย่างนี้

ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า อย่าพูดให้เป็นตัณหา อย่ายืนให้เป็นตัณหา อย่านั่งให้เป็นตัณหา อย่านอนให้เป็นตัณหา อย่าเดินให้เป็นตัณหา ทุกประการนั้นอย่าให้เป็นตัณหา ตัณหาแปลว่าความอยาก ถ้าไม่อยากจะทำอะไรเราก็ไม่ได้ทำ อันนั้นปัญญาของเราไม่ถึง ทีนี้มันก็เลยอู้เสีย ปฏิบัติไปไม่รู้จะทำอย่างไร พอไปนั่งสมาธิปุ๊บ ก็ตั้งความอยากไว้แล้ว

อย่างพวกเราที่มาปฏิบัติอยู่ในป่านี้ ทุกคนต้องอยากมาใช่ไหม นี่จึงได้มา อยากมาปฏิบัติที่นี้ มาปฏิบัตินี่ก็อยากให้มันสงบ อยากให้มันสงบก็เรียกว่าปฏิบัติเพราะความอยาก มาก็มาด้วยความอยาก ปฏิบัติก็ปฏิบัติด้วยความอยาก เมื่อมาปฏิบัติแล้วมันจึงขวางกัน ถ้าไม่อยากก็ไม่ได้ทำ จึงเป็นอยู่อย่างนี้ จะทำอย่างไรกับมันล่ะ
อ่านเพิ่มเติม

ธุดงค์ผจญสัตว์ร้าย ยอมสละชีพได้เพื่อพระธรรม โดย หลวงปู่จันทา ถาวโร

ธุดงค์ผจญสัตว์ร้าย ยอมสละชีพได้เพื่อพระธรรม โดย หลวงปู่จันทา ถาวโร

เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ อันเป็นพรรษาที่ ๔ ของท่าน
ในช่วงนอกพรรษาที่ ๔ นั้นหลวงปู่ได้ไปภาวนาตามป่าเขาที่ทุรกันดารหลายต่อหลายแห่ง

“สมัยนั้นป่าไม้ ภูเขา มันก็รกชัฏ สัตว์มันก็มีหลายประเภทหลายชนิด
นั่นแหละ เป็นเหตุให้เตรียมตัวพร้อมอยู่ทุกเมื่อ เตรียมตัวอยู่เสมอ เป็นเหตุให้ตื่นต่อความตายอยู่เสมอ”

หลวงปู่เล่าถึงสิ่งที่ครูบาอาจารย์ของท่านสอนไว้

“ถ้าไปอยู่ป่าเขาลำเนาไพรนั้น อย่านอน กลางวันก็อย่านอน กลางคืนก็อย่านอน
เดิน ยืน นั่ง ทำความเพียรอยู่อย่างนั้น ความสงบของจิตก็จะเกิดขึ้น
สงบเยือกเย็นดี มีอารมณ์เดียว เพราะสถานที่เหล่านั้นมันห่างไกลจากหมู่บ้าน”
อ่านเพิ่มเติม

ขัดเกลากิเลสด้วยธรรมะ โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณ

ขัดเกลากิเลสด้วยธรรมะ โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณ

” ธรรมะเป็นอาวุธสำคัญที่กิเลสหวั่นไหวเกรงกลัวเพราะรู้ทันกลอุบายของมันผู้ปฏิบัติจะมีความอิ่มแห่งธรรมเหมือนอิ่มอาหาร จะเข้าใจกันเอง ไม่ต้องถามเพราะธรรมเป็นของอิ่มพอ แต่กิเลสมันไม่เคยมีความอิ่ม มันหิวกระหายอยู่เป็นนิจ คนเราถ้ามีกิเลสเต็มตัวแล้ว มันก็เหมือนหมูเราดี ๆ นี่เอง กินแล้วนอน ๆ จนอ้วนพีเขาก็นำไปขึ้นเขียงสับบั่นเท่านั้น ฉะนั้นผู้ปฏิบัติธรรมเขาจึงไม่เลี้ยงกิเลส เขาทำลายกิเลสทั้งนั้น พระอริยเจ้าทั้งหลายในอดีตที่ผ่านมาท่านรู้ทันกิเลสเมื่อกิเลสโผนมา ธรรมะโผนไป กิเลสโหดร้าย ธรรมะโหดดี อยากรบต้องออกแนวรบ นักปฏิบัติคือนักรบ เป็นต้องเป็นตายต้องตาย จึงจะเอากิเลสอยู่ กิเลสมีเท่าไหร่ ธรรมต้องมีเท่านั้น ”

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://muangput.com/webboard/index.php/topic,882.0.html?PHPSESSID=qumilbnabtq0v0emi63rilp5b2

การพิจารณากาย : หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท

การพิจารณากาย : หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท

พระธรรมเทศนา
ของ
พระครูสุทธิธรรมรังษี
หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท
วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม
ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
เรื่อง การพิจารณากาย
แสดงไว้เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๔

ลำดับต่อไปจะได้บรรยายธรรมะอันเป็นแนวทางปฏิบัติของบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย
วันนี้บังเอิญฝนตก คนก็น้อย กัณฑ์เทศน์ก็ไม่ค่อยมี เสียงมันก็ไม่ค่อยขึ้น (หัวเราะ)

การแสดงธรรมเป็นสิ่งที่ยาก ไม่เหมือนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านรู้วาระ รู้จิตใจของบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย
เพราะฉะนั้นการเทศน์ก็ยังเข้าไปสู่จิตใจของบุคคลผู้นั้นให้เห็นเหตุเห็นผล
ได้บรรลุธรรมวิเศษเกิดขึ้นในขณะที่ฟังธรรมก็มีจำนวนมากๆ เป็นเช่นนั้น
เพราะว่าเป็นสัพพัญญู รู้แจ้งของใจของมนุษย์ทั้งหลาย
อย่างบรรดาเราก็เหมือนกัน ฟังๆ ไปอย่างนั้น
ผู้เทศน์ก็ไม่สันทัด ผู้ฟังบางทีก็สันทัด ไม่สันทัดก็มี
ก็ว่าตามความจริงอย่างนั้น
อ่านเพิ่มเติม

พุทโธในใจ โดย หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

พุทโธในใจ โดย หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

“..พุทโธในใจ หลงใหลทำไม ไม่ต้องหลง ไม่ต้องลืม นั่งก็พุทโธในใจ
นอนก็พุทโธในใจ ยืนก็พุทโธในใจ เดินไปไหนมาไหน ก็พุทโธในใจ
กิเลสโลเล ละให้หมด โลเลทางตา โลเลทางหู
โลเลทางจมูก ทางกลิ่น โลเลในอาหารการกิน เลิกละให้หมด….”

หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

กุสลา ธมฺมา นั้นเป็นเครื่องเตือนจิตใจ

กุสลา ธมฺมา นั้นเป็นเครื่องเตือนจิตใจ

เรื่อง กุสลา ธมฺมา นั้นเป็นเครื่องเตือนจิตใจ
ของพี่น้องชาวไทยเราทั่วหน้ากัน
ได้พากันระลึกแล้วหรือยัง

กุสลา ธมฺมา คือหมายความว่า
ธรรมที่ยังบุคคลให้มีความเฉลียวฉลาด
อกุสลา ธมฺมา สิ่งที่ทำบุคคลให้โง่
ถ้าใครเจริญทาง อกุสลา ธมฺมา ก็โง่เข้าไปโดยลำดับ
โง่ไม่มีหยุดสิ้นสุดยุติลงได้ โง่ตั้งกัปตั้งกัลป์
กอบโกยเอาความทุกข์ไปจากความโง่ตั้งกัปตั้งกัลป์
ตลอดไปเรื่อยๆ
ถ้าผู้มี กุสลา ภายในใจ ระลึกถึงเรื่องความเป็นความตาย
ระลึกถึงบาปถึงบุญในหัวใจของเรา
พอที่จะได้เป็นข้อคิดต่างๆ บ้าง
ตามสายธรรมพระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนมาเป็นเวลานาน
เราจะพอมีเครื่องยึดเครื่องเกาะในจิตใจของเรา
อ่านเพิ่มเติม

การตัดกรรมตัดเวร โดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

การตัดกรรมตัดเวร โดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

การตัดกรรม คือ การหยุดทำความชั่วหยุดทำบาป ส่วนการตัดเวร คือ การหยุดการพยาบาทอาฆาตจองเวรซึ่งกันและกัน คือไม่แก้แค้นซึ่งกัน และกันรู้จักคำว่าให้อภัยซึ่งกันและกัน และผู้ที่ทำผิดก็ให้รู้จักคำว่าขอโทษ ผู้ที่ถูกขอโทษก็รู้จักคำว่าให้อภัย อันนี้เป็นอุบายตัดกรรมตัดเวร

พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าใครทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นแน่นอนหลีกเลี่ยงไม่ได้
กัมมัสสะโกมหิ (เรามีกรรมเป็นของๆตน)
กัมมะทายาโท (เราจะต้องรับผลของกรรมนั้น)
กัมมะโยนิ (เรามีกรรมนำเกิด)
กัมมะพันธุ (เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์พวกพ้อง)
กัมมะปะฏิสะระโน (เรามีกรรมเป็นที่พึ่งที่อาศัย)
ยัง กัมมัง กะริสสามิ (เราทำกรรมอันใดไว้)
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา (เป็นบุญหรือเป็นบาป)
ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ (เราจะต้องรับผลของกรรมนั้น)
อภิณหัง ปัจจะเวกขิตัพพัง (พึงพิจารณาเห็นเนืองๆดังนี้)
ไปทำพิธีตัดกรรมก็เป็นการลบล้างคำสอนของพระพุทธเจ้า
อ่านเพิ่มเติม

กรรมนิมิต – คตินิมิต โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

กรรมนิมิต – คตินิมิต โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

แสดงธรรม ณ วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๖

กรรมในทางพุทธศาสนาท่านแสดงไว้ตามตำราหลายอย่าง ผู้สนใจศึกษาตามตำรับตำราก็พอเข้าใจและได้ความรู้กว้างขวาง เพราะท่านแสดงไว้ดีหมดทุกอย่าง วันนี้จะแสดงเฉพาะเรื่องกรรมที่ติดตามคน หรือกรรมที่จะนำคนให้ไปเกิดในคตินั้นๆ นั่นคือ กรรมนิมิต กับ คตินิมิต

กรรม หมายความถึง การกระทำ คนเรานั้นกายกับใจเป็นเกลอกัน อยู่ร่วมกันสนิทสนมกลมเกลียวกันดีที่สุด จะทำอันใดพร้อมเพรียงกันทุกสิ่ง ไม่ว่าจะทำชั่วทำดี ทำบาปทำบุญ พร้อมเพรียงกันทุกประการ แต่เวลากายแตกดับ กายไม่ได้รับผิดชอบสิ่งที่เกิดจากการทำร่วมกันนั้น ใจเป็นผู้รับผิดชอบคนเดียว ที่ว่าไม่ได้รับผิดชอบในที่นี้หมายความถึงว่ากายไม่ได้รับกรรม เพราะเมื่อแตกดับหรือตายแล้วทอดทิ้งไว้ในดิน กลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลมไปตามเดิม เรียกว่ารูปสลายไปตามสภาพของมัน ไม่ได้รับรู้ด้วย
อ่านเพิ่มเติม

กิเลสในโลกปัจจุบัน โดย หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด

กิเลสในโลกปัจจุบัน โดย หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
หลังจังหัน
(ถวายเครื่องเล่นเทป ซีดีแล้วก็รับวิทยุได้ครับ) มีทางจะเสียไหมล่ะ พวกวิทยุ เทวทัตโทรทัศน์เราขยะ เตรียมการไว้ต้อนรับกันอยู่แล้ว เราเบื่อพระทั่วประเทศไทยเรานี่ นับแต่หลวงตาบัวหัวโล้นๆ ไป มันมีแต่วิทยุเทวทัต เริ่มมาตั้งแต่หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์เทวทัต วิดีโอ โทรศัพท์มือถือ นี้ล้วนแล้วตั้งแต่เป็นข้าศึกของพระในวัดๆ แต่เวลานี้มันเต็มอยู่ในวัดๆ ฟังซิน่ะ พระมันหูหนวกตาบอดหรือมันเป็นยังไง เรียนมาด้วยกัน มหาเปรียญ เจ้าฟ้าเจ้าคุณถึงขั้นสมเด็จ สิ่งเหล่านี้เกลื่อนอยู่ในห้องมันนั่นแหละ เป็นยังไงพระเหล่านี้น่ะ หัวโล้นๆ นี่น่ะ มันเป็นยังไง มันไม่ดูเหรอหลักธรรมหลักวินัยของศาสดาองค์เอก มันเหยียบหัวพระพุทธเจ้าไปตลอดเวลา เวลานี้วัดกลายเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรกลายเป็นมูตรเป็นคูถเต็มไปหมดที่ไหนๆ ก็ดี ส่วนที่ตั้งใจเพื่อศีลเพื่อธรรมนี้มีน้อยมาก ที่ปฏิบัติตัวเป็นมูตรเป็นคูถอยู่ในส้วมในถานคือวัดมีมากต่อมาก อ่านเพิ่มเติม

การแผ่เมตตา โดย หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง

การแผ่เมตตา โดย หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง

การแผ่เมตตาคือส่งความปรารถนาดีแก่คน สัตว์ ศัตรูหมู่มาร โดยแผ่ไปให้ทั่วจักรวาล ยิ่งแผ่มาก ก็ยิ่งทำให้ใจสบาย รักชีวิตและทรัพย์สิน คนอื่นเหมือนกับของตนเอง สังคมก็จะมีความสุขสงบอย่างถ้วนทั่ว

หลวงปู่แหวนแนะวิธีแผ่เมตตาให้บังเกิดผล โดยให้ทำตนและจิตใจเหมือนมารดาที่เลี้ยงลูก ให้ความรัก ความเอ็นดูสงสาร มุ่งหวังจะให้ลูกสุขกายสบายใจ มีอาชีพการงาน มีวิชาเลี้ยงตนเอง ได้ ความรักที่แม่ให้กับลูกเป็นความรักที่บริสุทธิ์ไม่มีพิษภัย และไม่ต้องการผลตอบแทนจากลูก มีแต่ให้อย่างเดียว

ถ้าเราแผ่เมตตาเหมือนกับพระอาทิตย์ส่องแสง เมตตานั้นจะมีพลังสูงยิ่ง เพราะธรรมชาติของพระอาทิตย์ขณะที่ส่องแสงไม่ได้เลือกชุมชน สรรพสัตว์ยากดีมีจน อยู่ที่สูงหรือที่ต่ำ จะใกล้หรือไกล ก็ได้รับความร้อนเท่ากัน เมตตาธรรมก็เช่นกัน ขอให้แผ่ไปให้แก่ชนทุกชั้นทุกระดับ ใครจะรับได้มากน้อย สุดแต่วาสนาบารมีของผู้นั้น…

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://muangput.com

ส้วมเคลื่อนที่ โดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

ส้วมเคลื่อนที่ โดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

ภายใต้หนังกำพร้าของคนเรามีแต่ความโสโครก น่าเกลียดน่าสะอิดสะเอียน
มีอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต ไส้น้อย ไส้ใหญ่ กระเพาะ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำดี อุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อไคล ขังอยู่ภายในร่างกายโดยมีหนังกำพร่าห่อหุ้มอยู่ ถ้าลอกหนังออกจะเห็นร่างมีเลือดไหลโซมกาย เนื้อที่ปราศจากผิวหนังห่อหุ้มจะมองไม่เห็นความสวยสดงดงามเลย มองแล้วอยากจะอาเจียนมากกว่าน่ารัก ที่พอจะมองเห็นว่าสวยงามก็ตรงผิวหนังห่อหุ้มเท่านั้น ผิวหนังนี้ก็ใช่ว่าจะเกลี้ยงเกลาเสมอไปไม่ คนเราต้องคอยอาบน้ำชำระล้างทุกวันเพราะสิ่งโสโครกเหงื่อไคลภายในหลั่งไหลออกมาลบเลือนความผุดผ่องของผิวกายอยู่ตลอดวันถ้าไม่คอยชำระล้างก็จะสกปรกเหม็นสาบน่ารังเกียจ ทางช่องทวารขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะก็หลั่งไหลออกมาตามกำหนดเวลาของมันทุกวัน น่ารังเกียจ เลอะเทอะโสมม ซึ่งเจ้าของไม่ปรารถนาจะแตะต้องทั้งๆ ที่เป็นของในกายของตัวเองยิ่งพิจารณาไปคนเราก็คือส้วมเคลื่อนที่ หรือป่าช้าที่บรรจุซากศพเคลื่อนที่ และเป็นผีเน่าที่เดินได้ดีๆ นี่เอง

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://muangput.com

. . . . . . .