เจ้าศุขเกษม ณ ลำปาง หลวงพ่อเกษม เขมโก โดย พระอาจารย์ชลินทร์ ปิ่นวัฒนะ
“เขมโก” แปลว่าผู้มีธรรมอันเกษม มักน้อย สันโดษ ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ท่านเรียนรู้บาลีจนแตกฉานเพื่อนำวิชาความรู้มาศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ไม่ต้องการนำไปสอบเอาวุฒิ ไม่ต้องการมีสมณะศักดิ์อันสูงส่ง ปฏิบัติศีลบริสุทธิ์ไม่ยึดติดในกิเลสทั้งปวง
หลวงพ่อเกษม เขมโก นามเดิมของท่านคือ เจ้าศุขเกษม ณ ลำปาง เป็นเจ้านายในราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ องค์แรกที่ออกผนวชจนตลอดชีวิต ท่านเป็นบุตรในเจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง กับ เจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง และ ยังเป็นหลานในมหาอำมาตย์โท พลตรีเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย หลวงพ่อเกษมเป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐาน พระเกจิเถราจารย์ด้านธุดงควัตร มักปฏิบัติธรรมตามป่าช้า หน้าเชิงตะกอน ท่านเป็นลูกศิษย์ของครูบาแก่น สุมโน และมีโอกาสติดตามครูบาแก่นออกท่องธุดงค์เข้าไปในป่าลึกเพื่อแสวงหาความสงบ วิเวก เพื่อบำเพ็ญเพียร
เมื่อแรกอุปสมบท หลวงพ่อเกษม สังกัดวัดบุญยืน เมื่อเจ้าอธิการคำเหมยเจ้าอาวาสวัดบุญยืนมรณภาพลง คณะสงฆ์และคณะกรรมการวัดบุญยืนขอให้ท่านรับตำแหน่งเจ้าอาวาส หลวงพ่อเกษมรับตำแหน่งเจ้าอาวาสอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะขอลาออกเพื่อท่องธุดงควัตร โดยเขียนจดหมายฝากไว้ว่า
“…….. ทุกอย่าง เราสอนดีแล้ว อย่าได้คิดไปตามเรา เพราะเราสละแล้ว การเป็นเจ้าอาวาสเปรียบเหมือนหัวหน้าครอบครัว ต้องรับผิดชอบภาระหลายอย่าง ไม่เหมาะสมกับเรา เราต้องการความวิเวกจะไม่ขอกลับมาอีก…….”
เมื่อลาออกจากเจ้าอาวาสวัดบุญยืนแล้วหลวงพ่อเกษมไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่ป่าช้าศาลาวังทาน จากนั้นก็เดินทางไปยังป่าช้าวัดแม่อ่าง บนดอยแม่อาง เพื่อไปปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมของท่านเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นอุกฤษฏ์ เช่น อดอาหารติดต่อกันเป็นเวลา 49 วัน โดยไม่เป็นอันตราย ปฏิบัติธรรมกลางแดดที่ร้อนระอุ กลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก หรือ ปฏิบัติธรรมข้ามคืนข้ามวันโดยไม่หยุดพัก ซึ่งเชื่อกันว่าภิกษุผู้ปฏิบัติธรรมได้ระดับนี้จะต้องมีจิตเข้าถึงฌาน 4 คือ จตุตถฌาน สามารถแยกกายและจิตให้ออกจากกัน
อ่านเพิ่มเติม