หลวงพ่อฤาษีลิงดำ คำสอนและเมตตายังคงอยู่

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ คำสอนและเมตตายังคงอยู่

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วันท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี และถึงแม้ว่าท่าจะมรณภาพนานหลายปีแล้วนั้น แต่ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่ปฏิบัติชอบ ด้วยอานุภาพและบุญบารมีที่ทางด้านของหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านมีความเมตตาไม่มีประมาณต่อญาติโยมและสาธุชนในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น และถึงแม้ว่าท่านจะได้มรณภาพไปแล้ว แต่ทางด้านของศิษยานุศิษย์ก็ยังคงเดินทางไปทำบุญที่วัดท่าซุงกันอย่างไม่ขาดสายกันเลยทีเดียว

และด้วยความมหัศจรรย์ หรืออาจจะเป็นเพราะบุญบารมีของท่าน ที่ได้แผ่ไพศาลไปถึงศิษยานุศิษย์ และทางด้านของความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ยังไม่เสื่อมคลาย ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ได้กล่าวขานถึงอภินิหารต่าง ๆ ของท่านที่ได้มีผู้ประสบกับตัวเอง และได้นำมาถ่ายทอดและบอกกล่าวเล่าสู่กันฟัง จนทำให้มีผู้คนได้เดินทางไปกราบไหว้ขอพรที่วัดท่าซุงแห่งนี้จนแน่นขนัดกันเลย

และยังมีโบสถ์แก้วที่สวยงามแปลกตา ถือได้ว่าเป็นมรดกที่มีคุณค่าทางวัตถุธรรม ที่ทางหลวงพ่อได้ทำการจัดสร้างเอาไว้ให้ผู้คนรุ่นหลังได้เห็น ภายในโบสถ์ประดิษฐานสังขารของหลวงพ่อไว้ ให้ผู้ที่เดินทางมาได้เข้าไปทำการกราบไหว้ และนอกจากนี้ภายในวัดก็ยังมีการให้เสี่ยงเซี่ยมซี ทำให้ผู้คนที่เดินทางมาทำบุญไหว้พระกันแล้ว ก็มักจะเสี่ยงเซียมซีแล้วนำเลขที่ไปเสี่ยงเซียมซีได้ ไปซื้อหวยจนได้รับโชคลาภ และได้รับรางวัลใหญ่กันมาแล้วหลายต่อหลายคน ในช่วงก่อนวันหวยออกจึงมักจะมีผู้คนเดินทางมาที่วัดท่าซุงกันจนแน่นขนัด ถึงขนาดที่จะต้องเข้าคิวรอเสี่ยงเซียมซีกันเลยทีเดียวค่ะ

– See more at: http://www.xn--22c0ba9d0gc4c.com

บทกรวดน้ำ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

บทกรวดน้ำ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

อิทัง ปุญญะ พะลัง

ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญ มาล้ว ณ.โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว ตั้งแต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงอนุโมทนาส่วนกุศลนี้ และขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้..ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

และข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาตัวข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และพญายมราช ขอให้เทพเจ้าทั้งหลาย และพญายมราช จงอนุโมทนาส่วนกุศลนี้ และขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด

และข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอให้ท่านทั้งหลายจงอนุโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ และความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ.กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

ผลและบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ.โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้เทอญ

http://www.watchai.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=539322978&Ntype=20

รวมคำสอนหลวงพ่อฤาษี (ลิงดำ) วัดท่าซุง

รวมคำสอนหลวงพ่อฤาษี (ลิงดำ) วัดท่าซุง

ธรรมะเป็นสิ่งที่ชโลมจิตใจเราให้มีสติ รู้จักคิด ตั้งหมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง โดยยึดถือหลักธรรมะไปปรับใช้ ถึงแม้เราจะไม่ได้บวช ไม่ได้ถือศีล 8 ศีล 227 แต่เราก็สามารถนำหลักแนวคิดธรรมะที่เราเคยได้ยินมาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ อย่างเช่นกันทำงานกับคนหมู่มาก ย่อมมีคามคิดที่แตกต่างมีปัญหามากมายตามมา เราควรจะมีสติรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น หาวิธีแก้ไขปัญหาโดยไม่ด่วนตัดสินใจ ลองปรึกษากับเพื่อนร่วมงานคนรอบข้าง ย่อมมีวิธีใดวิธีหนึ่งที่สามารถแก้ไขปัญหาให้เราได้ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ หรือพระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) ก็ได้เทศนาธรรมะดีๆให้เราได้รู้จักคิดรู้จักมีสติ สอนวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายให้เราได้อ่านกัน

พุทธานุสสติ ทรงอารมณ์ได้ถึงฌาน ๔
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
อ่านเพิ่มเติม

พิธีพุทธาภิเษก และ การห้อยพระที่ถูกต้อง โดย หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ

พิธีพุทธาภิเษก และ การห้อยพระที่ถูกต้อง โดย หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ

วิธีการปลุกพระ ปลุกผ้ายันต์ และวัตถุมงคลต่างๆ ถ้าพระที่เข้าขั้นที่เรียกว่าได้ทิพยจักขุญาน โดยมากเขาไม่ทำเองนะ เขาเที่ยววานพระมาทำ พระพุทธเจ้าบ้าง พระปัจเจกพุทธเจ้าบ้าง พระอริยสงฆ์บ้าง เทวดาบ้าง พรหมบ้าง อันนี้ก็สบายดี แต่หากว่าถ้าทำเองไม่นานมันก็เจ๊ง ตัวเองยังคุ้มครองตัวเองไม่ค่อยได้ คนมันก็ตายนี่ แล้วมันจะไปคุ้มครองความตายของใครเค้าได้ วิธีทำฉันก็บวงสรวงชุมนุมเทวดา อาราธนาบารมีพระทั้งหมด ตั้งแต่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด ตั้งแต่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด พรหมทั้งหมด เทวดาทั้งหมด ครูอาจารย์ทั้งหมด ฉันยกยอดเลย ยกยอดในเมื่ออาราธนาก็เห็นท่านมากันครบถ้วน แล้วมาทำกัน เมื่อท่านบอกว่าไม่มีอะไรจะบรรจุแล้ว เต็มแล้ว ฉันก็เลิก จงจำไว้นะ การที่เราจะเสกพระเสกยันต์อะไรต่ออะไรนี่นะ ถ้าเสกด้วยอำนาจกำลังของเราล่ะก็ ไม่ช้ามันก็เสื่อม เราน่ะมันดีแค่ไหน การเสกว่าคาถาต่างๆ นี่ก็เป็นการอาราธนาบารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือเทวดา หรือพรหมมาช่วย แต่ว่าคาถาบางอย่างก็จะว่าแต่เฉพาะบางจุด
อ่านเพิ่มเติม

บทความธรรมมะ อานิสงส์การบวชในพุทธศาสนา…โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

บทความธรรมมะ

อานิสงส์การบวชในพุทธศาสนา…โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ต่อแต่นี้ไป จะนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าด้วยเรื่อง อานิสงส์การบรรพชา มาคุยกับบรรดาท่านพุทธบริษัท ความมีว่า องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์เมื่อทรงพระชนม์อยู่ องค์สมเด็จพระบรมปรารถเรื่องการอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสว่า การอุปสมบทบรรพชานี้มีอานิสงส์พิเศษ
อานิสงส์อย่างอื่น มีการสร้างวิหารทานก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี ทอดกฐินผ้าป่าก็ดี จัดว่าเป็นอานิสงส์สำคัญ แต่อานิสงส์นี้นั้น บุคคลที่จะพึ่งได้ต้องโมทนาก่อน หมายความว่า ถ้าบุตรธิดาของตนบำเพ็ญกุศล บิดามารดาไม่โมทนาย่อมไม่ได้ แต่ว่าการอุปสมบมบรรพชานี้แปลกกว่านั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า
อ่านเพิ่มเติม

ลืมอุทิศส่วนกุศล หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ลืมอุทิศส่วนกุศล หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ลืมอุทิศส่วนกุศล

“เมื่อทำบุญแล้ว ถ้าจะอุทิศส่วนกุศลภายหลังจะได้ไหมคะ…?”
การทำบุญไปแล้วครั้งหนึ่งสักกี่ปีๆ บุญก็ยังอยู่
ถ้าทำไปแล้วสัก ๓๐ ปีก็ยังอุทิศส่วนกุศลได้ บุญมันไม่หาย
ไม่ใช่เราทำบุญแล้วเดี๋ยวเดียวมันก็หาย ไม่ใช่อย่างนั้นนะ

“แล้วถ้าเผื่อทำบุญแล้ว ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลจะได้บุญเต็มที่ไหมคะ?”
ก็ได้เต็มที่อยู่แล้ว เราเป็นผู้ได้สมบูรณ์แบบ

แต่อยู่ที่ว่า เราจะให้เขาหรือไม่ให้
การอุทิศส่วนกุศลนี่ถ้าเราไม่ให้เราก็กินคนเดียว ใช่ไหม
ทีนี้ถ้าเราให้เขา ของเราก็ไม่หมด
อีกส่วนที่เราให้ไปไม่ได้ยุบไปจากของเดิม
อ่านเพิ่มเติม

คาถาหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

คาถาหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

พระพุทธคาถา

สัมมาสัมพุทธัสสะ พระอะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ
สวดทุกคืน คืนละ 7 จบ
อานุภาพคาถามีดังนี้
ศัตรูจะพินาศไปเองเมื่อคิดประทุษร้าย
จะเกิดผลในด้านมงคลทุกประการตามที่ปรารถนา
จะสามารถเห็นได้แจ่มแจ้งด้วยญาณ เห็นได้ชัดเจนทุกประการ และทุกขณะที่ประสงค์จะเห็น
เป่าให้ศิษย์ผู้เรียนทิพยจักขุญาณ และเรียนไปปรโลกได้ มีญาณเครื่องเห็นแจ่มใส

คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า

ตั้งนะโมฯ 3 จบก่อนแล้ว นมัสการ ไตรสรณคมณ์ (พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆังสรณัง คัจฉามิ) แล้วให้สมาทานศีล 5 (ปาณา ฯลฯ สุราเมระยะฯ )หรือ ศีล 8 แล้วจึงท่อง สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม พรหมมา จะมหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ พรหมมาจะมหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม มิเตภาอุอะติ พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มามีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม สัมปะติจฉามิ เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ สวดเช้าเย็น ครั้งละ 9 จบ จะทำให้มีความคล่องตัวในความเป็นอยู่ เงินไม่ขาดมือ หลวงพ่อบอกอีกว่า เป็นเบี้ยต่อไส้ ถ้าภาวนาควบกับอาปาฯ จิตยิ่งสะอาดยิ่งเห็นผล ….
อ่านเพิ่มเติม

อุปจารสมาธิ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

อุปจารสมาธิ : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

คำสอนระหว่างเข้าพรรษาปี ๒๕๒๑
โดย
พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี

ตอนที่ ๓
อุปจารสมาธิ

ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย และท่านสหธรรมิกทั้งหลาย
เวลานี้ ท่านทั้งหลายได้พากันสมาทานแล้วซึ่งพระกรรมฐาน
สำหรับวันนี้ ก็จะขอนำอานาปานุสสติกรรมฐานมาพูดกับบรรดาท่านทั้งหลายอีก

เพราะว่าอานาปานุสสติกรรมฐานนี่ เป็นกรรมฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะเจริญพระกรรมฐานกองใด
ถ้าหากว่าไม่ใช้อานาปานุสสติกรรมฐานเป็นบาทแล้ว
ผลแห่งการเจริญพระกรรมฐานกองนั้นจะไม่มีผลสำหรับท่าน

วันนี้ก็จะขอพูดต่อไปจากอาการของขณิกสมาธิ
เมื่อวันก่อนได้พูดไปในรูปของขณิกสมาธิ แต่ทว่าสำหรับวันนี้ จะพูดไปถึงอุปจารสมาธิ
แต่ก่อนที่จะนำเรื่องนั้นขึ้นมาพูด ก็จะขอนำเอาอุปสรรคของอานาปานุสสติกรรมฐานมาพูดเสียก่อน
อ่านเพิ่มเติม

อานาปานสติ จับลม 3 ฐาน …. หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

อานาปานสติ จับลม 3 ฐาน …. หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

อานาปานสติ แปลว่า ระลึกถึงลมหายใจเป็นอารมณ์ กรรมฐานกองนี้กรรมฐานกองนี้เป็นกรรมฐานใหญ่คลุมกรรมฐานกองอื่น ๆ เสียสิ้น เพราะจะปฏิบัติกรรมฐาน ๔๐ กองนี้ กองใดกองหนึ่งก็ตาม จะต้องกำหนดลมหายใจเสียก่อน หรือมิฉะนั้นก็ต้องกำหนดลมหายใจร่วมไปพร้อมๆกับกำหนดพิจารณากรรมฐานกองนั้น ๆ จึงจะได้ผล หากท่านผู้ใดเจริญกรรมฐานกองใดก็ตาม ถ้าละเว้นการกำหนดเสียแล้ว กรรมฐานที่ท่านเจริญจะไม่ได้ผลรวดเร็วสมความมุ่งหมาย อานาปานานุสสตินี้ มีผลถึงฌาน ๔ สำหรับท่านที่มีบารมีเป็นพุทธสาวก ถ้าท่านที่มีบารมีในวิสัยพุทธภูมิ คือท่านที่เป็นพระโพธิสัตว์คือท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิ ท่านผู้นั้นจะทรงฌานในอานาปาน์นี้ถึงฌานที่ ๕
เมื่อมีทุกขเวทนาเกิดขึ้นทางกาย ท่านที่ได้ฌานในอาณาปานานุสสติ เข้าฌานในอานาปาน์จนถึงจตุตถฌานแล้ว ทุกขเวทนานั้นจะระงับไปทันที ทั้งนี้มิใหมายความว่าเวทนาหายไป แต่เป็นเพราะเมื่อเข้าถึงฌาน ๔ ในอานาปาน์นี้แล้ว จิตจะแยกออกจากขันธ์ ๕ ไม่รับรู้ทุกขเวทนาของขันธ์ทันที
ท่านที่ได้ฌานอานาปานานุสสจินี้ สามารถรู้กำหนดเวลาตายของท่านได้ตรงตามความจริงเสมอ โดยกำหนดล่วงหน้าได้เป็นเวลาแรมปี เมื่อจะตายท่านฏ้สามารถบอกได้ว่า เวลาเท่านั้นเท่านี้ท่านจะตาย และตายด้วยอาการอย่างไร เพราะโรคอะไร
ท่านที่ได้ฌาน ๔ ในอานาปาน์นี้แล้ว จะปฏิบัติในกรรมฐานกองอื่น ๆ อีก ๓๙ กองนั้น ท่านเข้าฌานในอานาปาน์ก่อน แล้วถอยหลังจิตมากำรงอยู่แค่อุปจารสมาธิแล้วกำหนดกรรมฐานกองนั้น ๆ ท่านจะเข้าถึงจุดสูงสุดในกรรมฐานกองนั้น ๆ ได้ภายใน ๓ วันอย่างช้า ส่วนมากได้ถึงจุดสูงสุดของกรรมฐานนั้น ๆ ภายในที่นั่งเดียว คือคราวเดียวเท่านั้นเอง
อ่านเพิ่มเติม

พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี

พระราชพรหมยาน
(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี

เกิดเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๐ เดิมชื่อสังเวียน เป็นบุตรคนที่ ๓ ของนายควง นางสมบุญ สังข์สุวรรณ เกิดที่ตำบลสาลี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี มีพี่น้อง ๕ คน เมื่ออายุ ๖ ขวบ เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาล วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนจบชั้นประถมปีที่ ๔ เมื่ออายุ ๑๕ ปี เข้ามาอยู่กับท่านยายที่บ้านหน้าวัดเรไร อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี ในสมัยนั้น และได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ อายุ ๑๙ ปี เข้าเป็นเภสัชกรทหารเรือ สังกัดกรมการแพทย์ทหารเรือ พออายุครบบวช

อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ เวลา ๑๓.๐๐ น. ณ วัดบางนมโค โดยมีพระครูรัตนาภิรมย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวิหารกิจจานุการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เล็ก เกสโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ อายุ ๒๑ ปี สอบได้นักธรรมตรี อายุ ๒๒ ปี สอบได้นักธรรมโท อายุ ๒๓ ปี สอบได้ นักธรรมเอก
อ่านเพิ่มเติม

กายทิพย์ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

กายทิพย์ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

กายทิพย์ กายเทพ กายพรหม กายธรรม กายนิพพาน
กายทิพย์ หมายความว่าได้อุปจารฌานเล็กน้อย กายเทพ ก็เข้าถึงจุดอุปจารฌาน จะเกิดเป็นเทวดาชั้นยามาได้เหมือนกัน ส่วนผู้ที่ทรงฌานได้ครบองค์ฌาน พอตายแล้วก็ไปเป็นพรหม ก็เลยเรียกว่า กายพรหม กายธรรม หมายถึงว่าเป็นพระอริยะเจ้า กายนิพพาน หมายถึงว่าคนนั้นได้อรหันต์แล้ว

กายทิพย์
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
วันนี้เป็นวันสำคัญ หลวงพ่อกับท้าวมหาราชทั้ง ๔ และพระยายมราช ได้ไปยังพระจุฬามณี ก่อนจะเข้าประตูก็มีพระอรหันต์ออกมาองค์หนึ่ง ไม่ใช่ใคร หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ

พูดกับท่านว่า
“แหม ไม่เคยเจอหน้ากันเลย หลวงพ่ออยู่ที่ไหนครับ”

ท่านบอกว่า
“แกเสือกบอกเขาแล้วว่า ข้าไปอยู่นิพพาน แกมาถามข้าทำไม”

ก็ถามท่านอีกว่า
“หลวงพ่อไปหรือเปล่า ถ้าไม่ไปผมก็โกหกเขานะ”
อ่านเพิ่มเติม

ประวัติ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ประวัติ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

พระราชพรหมยาน
(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี

เกิดเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๐ เดิมชื่อสังเวียน เป็นบุตรคนที่ ๓ ของนายควง นางสมบุญ สังข์สุวรรณ เกิดที่ตำบลสาลี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี มีพี่น้อง ๕ คน เมื่ออายุ ๖ ขวบ เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาล วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนจบชั้นประถมปีที่ ๔ เมื่ออายุ ๑๕ ปี เข้ามาอยู่กับท่านยายที่บ้านหน้าวัดเรไร อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี ในสมัยนั้น และได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ อายุ ๑๙ ปี เข้าเป็นเภสัชกรทหารเรือ สังกัดกรมการแพทย์ทหารเรือ พออายุครบบวช

อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ เวลา ๑๓.๐๐ น. ณ วัดบางนมโค โดยมีพระครูรัตนาภิรมย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวิหารกิจจานุการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เล็ก เกสโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ อายุ ๒๑ ปี สอบได้นักธรรมตรี อายุ ๒๒ ปี สอบได้นักธรรมโท อายุ ๒๓ ปี สอบได้ นักธรรมเอก

ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๐-๒๔๘๑ ได้ศึกษาพระกรรมฐาน จากครูบาอาจารย์หลายท่าน อาทิเช่นหลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค, หลวงพ่อจง พุทธสโร วัดหน้าต่างนอก, พระอาจารย์เล็ก เกสโร วัดบางนมโค, พระครูรัตนาภิรมย์ วัดบ้านแพน, พระครูอุดมสมาจารย์ วัดน้ำเต้า, หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ, หลวงพ่อเนียม วัดน้อย, หลวงพ่อโหน่ง วัดอัมพวัน (วัดคลองมะดัน) และหลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ
อ่านเพิ่มเติม

คำทำนาย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

คำทำนาย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

เรื่องปริศนาพยากรณ์ ๑๐ รัชกาลนี้ ในบรรดาสานุศิษย์ของพระเดชพระคุณพระราชพรหมยานเถระ (มหาวีระ ถาวโร) หรือที่รู้จักกันในนาม “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ” ศิษย์เอกองค์หนึ่งของหลวงพ่อปานวัดบางนมโค อยุธยา ซึ่งปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปแล้ว สรีระไม่เน่าเปื่อย บรรจุอยู่ในโลงแก้ว ณ พระวิหารวัดท่าซุงจ.อุทัยธานี คงจะได้ยินได้ฟังมาอีกแบบหนึ่งถึงที่มาของคำปริศนาพย ากรณ์ กล่าวคือในสมัยที่พระคุณท่านยังดำรงสังขารอยู่ได้เล่ าให้ศิษยานุศิษย์ฟังดังนี้

“ในสมัยที่อาตมา (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) อยู่กับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ปีนั้นจำได้ว่าเป็นปี พ.ศ. ๒๔๘๐ หลวงพ่อปานไม่อยู่ อาตมาเป็นนักค้นแล้วก็คว้าด้วย ท่านวางอะไรไว้ที่ไหนไม่มีใครเขากล้าหยิบ แต่อาตมาคนเดียวกล้าหยิบ สันดานมันเลว เป็นลิงนี่จะให้มันเรียบร้อยได้อย่างไร ค้นไปค้นมาในกุฏิหลวงพ่อปานแล้วก็พบสมุดข่อย เป็นคำพยากรณ์ของพระอรหันต์สมัยกรุงศรีอยุธยา พยากรณ์ไว้ตั้งแต่กรุงเทพยังไม่ปรากฏ แต่สมุดข่อยนั้นเก่า ขาดกระรุ่งกระริ่ง ข้อความก็ขาด จึงไปกราบเรียนามหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานท่านก็บอกว่า เดิมหนังสือเล่มนี้เป็นสมบัติของหลวงปู่คล้าย แต่ทว่ามันเก่าเต็มทีก็เลยจ้างเขาเขียนไว้ในสมุดข่อย อีกเล่มหนึ่ง แล้วหลวงพ่อปานก็สั่งให้ไปหยิบหนังสือเล่มนั้นจากกุฏ ิของท่านซึ่งซุกไว้ใต้ตู้นาฬิกา เอาผ้าสีแดงห่อไว้อย่างดีเหมือนกับจะเตรียมไว้ให้เจ้ าลิงอ่าน เมื่อเปิดผ้าออกดูแล้วปรากฎว่าหนังสือเล่มนั้นดูราวก ับว่าจะมีอายุสัก ๓๐ ปีเศษ ๆ ตัวหนังสืออ่านง่าย เป็นคำทำนายของหลวงพ่อใย ซึ่งเป็นพระอรหันต์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้พยากรณ์กรุงเทพมหานครซึ่งจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า และกล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินของกรุงเทพมหานครไว้ด้วยดั งนี้
อ่านเพิ่มเติม

ทำไมต้อง “ชำระหนี้สงฆ์” โดย..หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ทำไมต้อง “ชำระหนี้สงฆ์” โดย..หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

การชำระหนี้สงฆ์

ผู้ถาม : ทำกรรมอะไรถึงลง อเวจี คะ.?

หลวงพ่อ : อเวจีนี่ทำกรรมหนักมากมันจึงจะลง ก็มีอนันตริยกรรม อาจิณกรรม ขโมยของสงฆ์ ของสงฆ์ นี่แตะนิดเดียว ลงอเวจีเลยนะ แม้แต่เศษเล็ก ๆ

(เรื่อง อนันตริยกรรม เช่น ฆ่าพ่อแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ยุให้สงฆ์แตกกัน เป็นต้น พระยายมมาบอกหลวงพ่อว่า “ทุกคนอย่าได้ทำเด็ดขาด ท่านช่วยไม่ได้เลย” ส่วน อาจิณกรรม เช่น แม่ครัวทุบหัวปลา แกงเป็นประจำ เป็นต้น สำหรับ ขโมยของสงฆ์ หลวงพ่อได้ยกตัวอย่างให้ฟังดังนี้)

หลวงพ่อ : มีญาติพระเจ้าพิมพิสาร เป็นทายกในตอนต้นก็ดี ซื่อตรงต่อการบุญการกุศล แต่มาตอนกลาง ๆ มือถึงท้ายมือไม่ค่อยดี เริ่มหยิบแล้วทีแรกก็เป็น ทายก ต่อมาก็เลยเป็น ทายัก ของอะไรดี ๆ ก็ยังเอาไปเสียบ้าง เอาไว้ให้ลูกให้เมียเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียบ้าง ของที่เขาจะถวายสงฆ์ เขาตั้งใจจะทำอาหารถวายสงฆ์ เนื้อ ดี ๆ ก็ยักเอาไว้บ้าง แกงดี ๆ ก็ยักเอาไว้บ้าง

บางทีไม่ยกของสด ไอ้ของที่สำเร็จรุปที่เขาไม่ทันจะถวายพระ ก็ยักเอาไว้เสียบ้าง ญาติของพระเจ้าพิมพิสารเป็นทายักแบบนี้ ตายแล้วลงนรกสิ้นระยะเวลา ๑ กัป พ้นจากนั้นแล้ว ก็มาตก ยมโลกียนรก คือ ผ่านนรกบริวาร ๔ ขุม แล้วก็มาตกยมโลกีนรกตามลำดับมาเป็น เปรต ๑๑ จำพวก สุดท้ายก็เป็น เปรตพวกที่ ๑๒ สมัยพระพุทธเจ้าของเรานี้
อ่านเพิ่มเติม

ในหลวงสนทนาธรรมกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จากเว็บ DMC

ในหลวงสนทนาธรรมกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จากเว็บ DMC

เรื่อง…กสินวิญญาณของในหลวง

เป็นการสนทนากันระหว่างหลวงพ่อและในหลวงในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องการเมือง และเรื่องสงเคราะห์ช่วยเหลือคน และที่ขาดไม่ได้คือเรื่องธรรมะ ในระหว่างที่กำลังสนทนากันอยู่นี้ ตอนหนึ่งเรื่องกรรมฐาน หลวงพ่อเล่าการสนทนาเรื่อง “กสิน” ให้ลูกศิษย์ทั้งหลายฟังว่า..

ในหลวง : หลวงพ่อบันทึกเสียงมาให้ผมคาสเซ็ทเดียว กสิน ๑๐ อย่าง คาสเซ็ทเดียว

หลวงพ่อ : ถ้าทำได้อย่างเดียว อย่างอื่นทำได้หมด

ในหลวง : แต่ว่า กสินวิญญาณ หลวงพ่อไม่ได้บอกมาด้วย

ล่อกสินวิญญาณ เข้าให้ มันมีในแบบที่ไหนล่ะ(หัวเราะ) ไม่มีในแบบ ของท่านมี เอ้อ…แปลกจริงเหมือนกัน เราก็นั่งฟัง ถามมันเป็นอย่างไร กสินวิญญาณ นี่ไม่มี เมื่อวานมวยวัดเลยไม่รู้ใครเป็นใคร ท่านไม่ชอบใช้ราชาศัพท์
อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่อง “การเสกพระ”

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่อง “การเสกพระ”

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
เล่าเรื่อง

“การเสกพระ”

เรื่องมีอยู่ว่า … ตอนท้ายชีวิตของ หลวงพ่อปาน (วัดบางนมโค จ.อยุธยา)
หลวงพ่อปานทำรูปของท่าน แล้วมีรูป “ยันต์เกราะเพชร”
ทำหลายพันผืน สำหรับแจกบรรดาพุทธบริษัทที่มีความต้องการ

หลวงพ่อปานไม่ได้สั่งพิมพ์เอง
เป็นนายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์
คนนี้เรียน คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า กับหลวงพ่อปาน
ทำจนมีผล ทำคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า จนเป็น “ฌาน”

คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้านี่ ลูกหลานทั้งหลาย ถ้าใครจำได้นะ
ถ้าใครจำคาถาได้ ทำให้เป็นสมาธิ ทำให้เป็นฌาน มีผล ๒ อย่าง คือว่า
ถ้าเป็นฌานแล้ว … ลาภสักการจะเกิดไม่ขาดสาย
ขึ้นชื่อว่าความขัดข้องใด ๆ ไม่ค่อยจะมี
หากว่ามีขึ้นมา ก็มีการชดใช้
หมายความว่า … หาทัน นี่เป็นประการ ๑

ประการที่ ๒ คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า นี่เป็น “พุทธานุสสติกรรมฐาน”
มีผลยันให้ถึง พรหม หมายความว่า บันดาลให้เกิดเป็น “พรหม” ได้
แต่ถ้าหากใช้ “ฌาน” อันนั้นไปเจริญ “วิปัสสนาญาณ” ก็ไป … “พระนิพพาน” ได้
อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อฤาษีลิงดำบรรยายเรื่อง “อนาคตของประเทศชาติ”

หลวงพ่อฤาษีลิงดำบรรยายเรื่อง “อนาคตของประเทศชาติ”

อนาคตของประเทศชาติ

บรรยายโดย..พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

เมื่อวันพุธที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘

มัชฌิมา : ผู้คัดลอก

(อ้างอิงจาก “หนังสือธัมมวิโมกข์” ปีที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๒๐
ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ หน้า ๔๓-๕๒ “ธรรมกถา”)

********************************
เรื่องมีอยู่ว่า… ท่านพลตรียุทธศิลป์ เกสรศุกร์ ผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ (ยศและตำแหน่งสมัยนั้น) ได้นิมนต์ หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พร้อมด้วยพระเถระรวม ๖ รูป เพื่อไปบำรุงขวัญของทหารในเขตกองทัพภาคที่ ๒ โดยนำ “ผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม” และ “เหรียญเอกราช” ไปแจกให้แก่ทหารตามฐานปฏิบัติการชายแดน ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘

และในวันสุดท้ายคือวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ ได้ทำการแจกให้แก่ทหาร ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา และก่อนทำการแจกได้แสดงธรรมิกถาพิเศษ เรื่อง “อนาคตของชาติ” ณ พุทธศาสนสถาน ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา

มูลเหตุที่มาแจกวัตถุมงคล

“..เจริญสุข แก่บรรดาทหารของชาติทุกท่าน อาตมาได้ไปทำการจากจ่ายผ้ายันต์และเหรียญแก่ทหารทางภาคเหนือมาแล้ว ๓ ครั้ง ต่อมาได้ทราบจากข้าหลวงของสมเด็จพระบรมราชินีนาถว่า
“…สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงปรารภว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านไม่ห่วงทหารภาคอีสานหรืออย่างไร จึงไม่ไปแจกของแก่ทหารทางภาคอีสานบ้าง..”

ความจริงอาตมาห่วงทหารทางภาคอีสานเช่นเดียวกับทหารทางภาคเหนือ เมื่อท่านผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ รับจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางมาแจกจ่าย จึงได้นำสิ่งของมาแจกให้ครั้งนี้

ขั้นแรกอนุศาสนาจารย์ได้อาราธนาให้แสดงธรรม ต่อมาท่านผู้บัญชาการกองพลได้อาราธนาให้เล่าเรื่องของที่นำมาแจกจ่ายว่าทรงคุณค่าอย่างไรบ้าง ผู้ที่ได้รับแจกไปจะได้เกิดศรัทธาความเชื่อมั่น

เพื่อสนองเจตนาของอนุศาสนาจารย์และท่านผู้บังคับบัญชากองพลที่ ๓ ได้อาราธนาจึงขอพูดเรื่องธรรมะก่อนสักเล็กน้อย จากนั้นจึงจะพูดถึงเรื่องสิ่งของที่นำมาแจกจ่าย

เราทุกคนอยากมีความดีด้วยกันทั้งนั้น แม้บางคนนึกว่าตนเองอยากมั่งอยากมี อยากมียศมีอำนาจ แต่ความจริงแล้วก็คืออยากมีดีนั่นเอง

แม้เราจะมียศสูง แต่ถ้าใครมาว่าเราเป็นคนไม่ดี เราก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นใครจะอยากอะไรก็ตามเถอะ แต่ที่สุดของความอยากนั้นก็คือความดีนั่นเอง

รักษาศีล 5 ให้ได้
อ่านเพิ่มเติม

พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร)

พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร)
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระราชพรหมยาน
(วีระ ถาวโร)
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

เกิด 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2459
อุปสมบท 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2479
มรณภาพ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2535
พรรษา 56
อายุ 76
วัด วัดจันทาราม (ท่าซุง)
จังหวัด อุทัยธานี
สังกัด มหานิกาย
วุฒิการศึกษา ป.ธ.4, น.ธ.เอก
ตำแหน่ง
ทางคณะสงฆ์ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง)

พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เป็นพระภิกษุในพุทธศาสนานิกายเถรวาทฝ่ายมหานิกาย เจ้าอาวาสวัดท่าซุง (วัดจันทาราม) จังหวัดอุทัยธานี มีชื่อเสียงในด้านการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานจนได้วิชามโนยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ) หลังการมรณภาพ สังขารร่างกายของท่านมิได้เน่าเปื่อยอย่างศพของคนทั่วไป และได้มีการเก็บรักษาไว้ที่วัดท่าซุงจนถึงปัจจุบันนี้

ประวัติ

ปฐมวัย
พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2459 ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีมะโรง ที่ตำบลสาลี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ในครอบครัวของชาวนาซึ่งมีฐานะค่อนข้างดี บิดาชื่อ นายควง สังข์สุวรรณ มารดาชื่อนางสมบุญ สังข์สุวรรณ ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 จากพี่น้องร่วมบิดามารดาจำนวน 5 คน ดังนี้
นายวงษ์ สังข์สุวรรณ เกิดปี 2453 ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 ถึงแก่กรรมที่วัดท่าซุง เมื่อคราวมาช่วยหลวงพ่อที่วัดท่าซุง อายุ 60 ปี
นางสำเภา ยาหอมทอง (สังข์สุวรรณ) เกิดปี 2457 ถึงแก่กรรมเมื่อปี 2545 อายุ 88 ปี อยู่บ้านสาลี อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร)
นายเวก (หวั่น) สังข์สุวรรณ ต่อมาได้อุปสมบทเป็น พระครูพิศาลวุฒิธรรม (พระมหาเวก อักกวังโส) อยู่วัดดาวดึงษาราม กทม.เกิดวันที่ 15 กรกฎาคม 2463 อุปสมบทที่วัดบางนมโคเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2492 เมื่ออายุได้ 26 ปี 59 พรรษา มรณภาพเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2548 รวมอายุ 85 ปี 3 เดือน 26 วัน
ด.ญ. อุบล สังข์สุวรรณ ถึงแก่กรรมตั้งแต่อายุ 4 ขวบ
ก่อนที่พระราชพรหมยานจะเกิดนั้น มารดาของท่านฝันว่า เห็นพรหมมีสีเหลืองเป็นทองคำเหมือนพระพุทธรูป นอนลอยไปในอากาศ มีเพชรประดับแพรวพราวทั้งตัว เข้าทางหัวจั่วด้านทิศเหนือ เข้ามานั่งที่ตักท่าน มารดาก็กอดไว้ แล้วก็หายเข้าไปในกาย เมื่อเกิดมาใหม่ ๆ หลวงพ่อเล็ก เกสโร ซึ่งมีฐานะเป็นลุง ได้กล่าวว่า เจ้าเด็กคนนี้มาจากพรหม ดังนั้นจึงให้ชื่อว่า “พรหม” และต่อมาภายหลัง คนที่จดสำมะโนครัวเขามาเปลี่ยนชื่อให้เป็น “สังเวียน” ท่านยายกับชาวบ้านเรียกว่า “เล็ก” ส่วนท่านมารดาและพี่ๆ น้องๆ เรียกว่า “พ่อกลาง”
พ.ศ. 2466 อายุ 7 ขวบ เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาลวัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนจบชั้นประถมปีที่ 3 พ.ศ. 2474 อายุ 15 ปี อาศัยกับท่านยายที่บ้านหน้าวัดเรไร อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี ได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ พ.ศ. 2478 อายุ 19 ปี เข้าทำงานเป็นเภสัชกรทหาร สังกัดกรมการแพทย์ทหารเรือ (ปัจจุบันคือโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า)
อ่านเพิ่มเติม

ปริศนาธรรมพินัยกรรมหลวงตาบัว-พุทธทาส

ปริศนาธรรมพินัยกรรมหลวงตาบัว-พุทธทาส

พาดหัวหนังสือพิมพ์ข่าวสดฉบับวันที่ 5 มีนาคมระบุนับล้านคนเข้าร่วมพิธี(ภาพบน) อย่างไรก็ดีหนังสือพิมพ์ในแนวตลาดอีกฉบับคือไทยรัฐพาดหัวว่านับแสนร่วมอาลัย(ภาพล่าง) แต่ไม่ว่าจะแสนหรือล้านคน ก็นับว่าเป็นจำนวนมากมหาศาล

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
5 มีนาคม 2554

ในวันนี้เวลาราว 17.00 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชทานเพลิงศพพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)ณ วัดป่าบ้านตาด โดยโทรทัศน์ช่อง11ถ่ายสดสู่ชาวพุทธทั่วประเทศ สื่อมวลชนรายงานว่ามีชาวพุทธจะเข้าร่วมการพระราชพิธีจำนวนมหาศาล แม้รายงานไม่ตรงกันนัก เช่น หนังสือพิมพ์ข่าวสดพาดหัวว่านับล้านคน ขณะที่ไทยรัฐรายงานว่านับแสนคน

ในประเทศไทยนั้นพระที่นับได้ว่าเป็นอริยสงฆ์ที่เคยมีพิธีศพเป็นที่รู้จักกันมากนอกจากกรณีหลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาดแล้ว ในอดีตก็คือพิธีศพของท่านพุทธทาสภิกขุ

พิธีศพของพระอริยสงฆ์ทั้งสองท่านน่าจะทิ้งปริศนาธรรมบางประเด็นไว้ให้สาธุชนได้พิจารณาโดยแยบคายอยู่บ้างดอกกระมัง..

พินัยกรรมท่านพุทธทาส

สมุดภาพ “ช่วงสุดท้ายแห่งชีวิตของพุทธทาสภิกขุ” ซึ่งจัดทำโดย มูลนิธิโกมลคีมทอง มูลนิธิเด็ก และสวนสร้างสรรค์นาคร-บวรรัตน์ จัดพิมพ์ครั้งที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๓๗ เกี่ยวกับการทำพินัยกรรมของพระธรรมโกศาจารย์ พุทธทาสภิกขุ อินทปัญโญ เมื่อวันที่ ๒๘ มี.ค. ๓๖ ณ วัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
อ่านเพิ่มเติม

ความสัมพันธ์ระหว่างหลวงตาพระมหาบัว กับวัดแสงธรรมวังเขาเขียว

ความสัมพันธ์ระหว่างหลวงตาพระมหาบัว กับวัดแสงธรรมวังเขาเขียว

ปากช่อง-เขาใหญ่-เขาเขียว-เขาสะแกราช ถึงอ.ปักธงชัย เป็นเส้นทางเดินธุดงคกรรมฐานของพระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อาทิ หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม, หลวงปู่มหาปิ่น ปญฺญาพโล, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่คำดี ปภาโส, ท่านพ่อลี ธัมธโร, หลวงปู่จันทร์ เขมปัตโต,หลวงปู่มี ญาณมุนี, หลวงปู่ทา จารุธัมโม เป็นต้น รวมถึงหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ขณะในวัยหนุ่มเมื่อมีเวลาว่างจากการศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดคีรีวัลลิ์ วัดศาลาทอง วัดสุทธจินดาวรวิหาร ระหว่างปีพ.ศ.๒๔๗๙-๒๔๘๒ องค์ท่านมักจะปลีกวิเวกมาปากช่อง-เขาใหญ่-เขาเขียว-เขาสะแกราช

การที่องค์หลวงตาอยู่ที่วัดป่าบ้านตาดจะมีผู้คนเดินทางมาหาตลอดเวลาทำให้ไม่มีเวลาได้พักผ่อนซึ่งองค์ท่านจะได้พักผ่อนร่างกายต่อเมื่อเดินทางอยู่บนรถ เมื่อวัดแสงธรรมวังเขาเขียวก่อตั้งขึ้นโดยลูกศิษย์พระธุดงคกรรมฐาน หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน จึงเดินทางมาโดยมุ่งหวังประโยชน์สุขแก่ผู้อื่นดังนี้
อ่านเพิ่มเติม

. . . . . . .