โอวาทจากดวงพระวิญญาณบริสุทธิ์สมเด็จโต

โอวาทจากดวงพระวิญญาณบริสุทธิ์สมเด็จโต

พิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยเดลี่
ประจำวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๔

ทำไมทำดีแล้วจึงไม่ได้ดี

คุณขีด : กระผมอยากทราบเรื่องกฎแห่งกรรมเพราะเป็นกุญแจของบุญและบาป คนที่ไม่รู้จักบุญและบาปก็เพราะไม่รู้จักกฎแห่งกรรม บางคนไม่เชื่อว่าบุญมีจริงบาปมีจริง แล้วบางทีทำบุญกลายเป็นได้ผลบาป ทำบาปกลายเป็นผลดี ทั้งนี้เป็นเพราะว่าไม่ทราบชัดในเรื่องกฎแห่งกรรม เพราะฉะนั้นกระผมอยากให้หลวงพ่อสมเด็จได้โปรดขยายกฎแห่งกรรมให้กว้างขวาง ให้เป็นที่รู้ชัดสักหน่อยครับว่ามีกฎอันแท้จริงอย่างไร

สมเด็จโต : กฎแห่งกรรมนี้เป็นสิ่งที่ละเอียดมาก ก็เปรียบเสมือนหนึ่งธรรมชาติของการเติบโตของผลไม้ตามฤดูกาล กรรมที่ท่านสร้างในอดีตภพย่อมนำมาสู่ท่านในปัจจุบันภพ ฉันใดก็ฉันนั้น ทีนี้กรรมเหล่านั้นที่ท่านทำไปแล้วแต่ท่านลืมไปเพราะอะไรเล่า เพราะว่ามนุษย์ที่ยึดว่าทำไมทำดีจึงไม่ได้ดี เพราะมนุษย์ผู้นั้นไม่โปร่งในขั้นสมุฏฐานของเหตุและปัจจัย
อ่านเพิ่มเติม

จัดงานบุญวันสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี

จัดงานบุญวันสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี

รำลึกถึงที่ผู้สร้างคุณูประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา

ศ.เกียรติคุณ ดร.พิชัย โตวิวิชญ์ ถวายเครื่องสักการะแด่องค์สมเด็จโต

“บุญเราไม่เคยสร้าง…ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า…” “ลูกเอ๋ย ก่อนที่จะเข้าไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่ไปเที่ยวขอยืมมาจนพ้นตัว…เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมดไม่มีอะไรเหลือติดตัว…แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า…หมั่นสร้างบารมีไว้…แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง…จงจำไว้นะ… เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้…ครั้นเมื่อถึงเวลา…ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่..จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า” นี่คือ อมตวาจา ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ที่ฝากให้สาธุชน เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว
อ่านเพิ่มเติม

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
(2319 – 2415)

นามเดิม โต
โยมบิดา-มารดา ท่านเป็นโอรสนอกเศวตฉัตรในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อครั้งพระองค์ยังทรงพระยศเป็นเจ้าพระยาจักรี กับนางงุด ชาวนาเมืองกำแพงเพชร เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2319 เวลา 07.20 น. ตรงกับวันพุธ แรม 14 ค่ำ เดือน 5 ปีวอก ที่บางขุนพรหม กรุงเทพฯ เด็กชายโตได้บวชเป็นสามเณร อายุย่าง 13 ปี ตรงกับวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2331 (จ.ศ. 1150) ที่วัดใหญ่ มีพระครูใหญ่เมืองพิจิตรเป็นผู้บรรพชาให้ และเมื่อสามเณรโตได้บรรพชาแล้ว ก็ตั้งใจร่ำเรียนภาษาบาลี ไวยากรณ์มูลกัจจายน์ ซึ่งเป็นต้นตำรับของบาลีที่เรียนกันในยุคนั้น ท่านพระครูใหญ่ท่านมีความรู้ทางเวทมนต์คงกระพันชาตรี เสน่ห์มหานิยม นะจังงัง ปราบหมี ปราบเสือ ปราบจระเข้ ท่านสอนสามเณรหมด สามเณรเรียนแล้วก็ออกป่า ลงน้ำ ทดลองอาคมจนเห็นผล การศึกษาทั้งบาลีนักธรรมก็เจนจบ แต่จะหาคัมภีร์ให้ร่ำเรียนสูงขึ้นไปอีกก็ไม่มี ท่านพระครูใหญ่จึงแนะนำให้ไปศึกษากับพระครูวัดไชยนาทบุรี เมืองชัยนาท ตอนนั้นเป็นพ.ศ. 2333 อายุได้ 15 ปีแล้ว เพื่อเรียนพระปริยัติธรรม แปลไทยเป็นบาลี แปลบาลีเป็นไทย แปลบาลีเป็นลาว เป็นเขมร เป็นพม่า ชำนาญการทุกภาษา เวลาล่วงเลยไปได้ 3 ปี เรียนจนถึงแปดขั้นบาลี ก็จบทุกสรรพตำราที่มีอยู่ในสำนักอาจารย์ จนไม่มีอะไรจะสอนท่านอีก อ่านเพิ่มเติม

พระเครื่อง รุ่น 215 ปี สมเด็จโต

พระเครื่อง รุ่น 215 ปี สมเด็จโต

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พระมหาเถระรูปสำคัญแห่งกรุงรัตน โกสินทร์ ที่ได้รับความเคารพศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน สมญา “พระเถระ 5 แผ่นดิน”
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เกิดในสมัยรัชกาลที่ 1 หลังสร้างกรุงรัตน โกสินทร์ประมาณ 7 ปี ที่บ้านไก่จ้น (ท่าหลวง) อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 5 ขึ้น 12 ค่ำ ปีวอก จุลศักราช 1150 เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารในสมัยรัชกาลที่ 4-5 มรณภาพในต้นสมัยรัชกาลที่ 5

เป็นพระเกจิผู้มีปฏิปทาจริยาวัตรน่าเลื่อมใส มีความสมถะ ทั้งทรงคุณวิเศษทางวิชาคาถาอาคม เมตตามหานิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดสร้าง “พระสมเด็จ” จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง หนึ่งในพระเครื่องชุดเบญจภาคี สุดยอดของพระเครื่องของเมืองไทย ซึ่งยิ่งนับวันค่านิยมยิ่งสูงขึ้น สนนราคาในปัจจุบันต่อองค์นับล้านบาททีเดียว
อ่านเพิ่มเติม

๔ ยุคพระสมเด็จ

๔ ยุคพระสมเด็จ

๔ ยุคพระสมเด็จ

สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์

ท่านเป็นคน 5 แผ่นดินคือเกิดในสมัยรัชกาลที่ 1 และมรณภาพในในต้นรัชกาลที่ 5

มีบันทึกเก่า ๆ ตั้งแต่สมัย 80 ปีก่อนเกี่ยวกับตัวท่านและประวัติการสร้างพระ พูดถึงพิมพ์ทรงของพระสมเด็จโตว่ามีถึง 73 พิมพ์

หนังสือพระยุคสมัย 20-30 ปีก่อนก็มีคนเขียนถึงพิมพ์ทรงต่าง ๆ ได้มากมายเช่นกัน

ศึกษาย้อนหลังจะได้ความจริงว่าคนสมัยก่อนที่นิยมเล่นหาพระสมเด็จ “ใจกว้าง” กว่าคนสมัยนี้ เพราะหลักการในการพิจารณาของนั้นอยู่ที่ “เนื้อหา” และให้ความสำคัญของพิมพ์ทรงเป็นลำดับต่อไป
อ่านเพิ่มเติม

คาถาสมเด็จพระพุฒาจารย์โต

คาถาสมเด็จพระพุฒาจารย์โต

คาถาสมเด็จพระพุฒาจารย์โต รวม คาถาสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) คาถาบูชาพระสมเด็จ คาถาอารธนาพระสมเด็จ พุทธมังคลคาถา พุทธมังคลคาถาถือเป็น อีกหนึ่งบทคาถา คาถาสมเด็จโต ของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์โต คำว่าพุทธมังคลคาถานี้ คือการนมัสการบูชาพระอรหันต์แปดทิศ ซึ่งล้วนแต่เป็นพระมหาเถระที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น

พุทธมังคลคาถา
สัมพุทโธ ทิปะทัง เสฏโฐ นิสินโน เจวะ มัชฌิเม
โกณฑัญโญ ปุพพะภาเค จะ อาคเณยเย จะ กัสสะโป
สารีปุตโต จะ ทักขิเณ หะระติเย อุปาลิ จะ
ปัจฉิมเมปิ จะ อานันโท พายัพเพ จะ คะวัมปะติ
โมคคัลลาโน จะ อุตตะเร อีสาเนปิ จะ ราหุโล อ่านเพิ่มเติม

ย้อนรอยบารมี “สมเด็จโต” แม้พระมหากษัตริย์ยังเกรง โดย พระอาจารย์ชลินทร์ ปิ่นวัฒนะ

ย้อนรอยบารมี “สมเด็จโต” แม้พระมหากษัตริย์ยังเกรง โดย พระอาจารย์ชลินทร์ ปิ่นวัฒนะ

“ สมเด็จพระพุฒาจารย์ เอนกปรีชา วิสุทธศีลจรรยาสมบัติ นิพัทธุตคุณ สิริสุนทรพรตจาริก อรัญญิกคนฤศร สมณนิกรมหาปรินายก ตรีปิฎกโกศล วิมลศีลขันธ์ ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร พระอารามหลวง”

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี มีชื่อเรียกขานกันอย่างหลากหลาย เช่น สมเด็จโต , สมเด็จวัดระฆัง , หลวงพ่อโต , หลวงปู่โต กระทั่ง “ขรัวโต” อันเป็นนามที่ผู้คนร่วมสมัยของท่านเรียกขานด้วยความยกย่อง

มีความเชื่อกันว่าสมเด็จโตเป็นพระโอรสนอกเศวตฉัตรในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แต่ครั้งยังทรงพระยศเป็น “เจ้าพระยาจักรี”

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาเลื่อมใสในหลวงพ่อโตเป็นอย่างยิ่งโดยทรงพระราชทานสมณศักดิ์ถวายหลวงพ่อโตเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2395โดยมีสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ราชทินนาม “พระธรรมกิตติ” และ ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อโตมีอายุ 65 ปีแล้ว และเป็นผู้ที่พยายามหลีกเลี่ยงที่จะรับการถวายสมณศักดิ์ตลอดมา ตลอดแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
อ่านเพิ่มเติม

เหรียญสมเด็จพุฒาจาร์โต รุ่น 100 ปี (บล๊อคนิยม

เหรียญสมเด็จพุฒาจาร์โต รุ่น 100 ปี (บล๊อคนิยม) เหรียญแห่งความอัศจรรย์ เนื้อทองคำ น้ำหนัก 13 กรัม สภาพสวย เป็นบล๊อคนิยม จะมีจุดที่กลางศรีษะท่าน

‘เหรียญสมเด็จโตวัดระฆัง’ รุ่น 100 ปี (มรดกอันล่ำค่า)

ประวัติและข้อมูล

เหรียญทองคำสมเด็จโต 100 ปี วัดระฆังปี 2515 จัดสร้างโครงการปูชนียวัตถุพื่อเป็นอนุสรณ์ครบ 100 ปีแห่งมรณะภาพของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ในวันที่ 22 มิถุนายน2515 .ในการสร้างวัตถุมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และ สมเด็จพนะนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงเสด็จประกอบพิธีเททอง เป็น”ปฐมมหามงคลฤกษ์”เมื่อวัน 16กันยายน พ.ศ.2514 และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯเสด็จฯ”พิธีมหาพุทธาภิเษก”ในวันที่15มิถุนายน พ.ศ.2515 พิธีกรรมทำดีมากได้นำเกสรดอกไม้ดอกบัวที่บูชาพระแก้วมรกตและเกสรดอกไม้ที่บูชาตามสถานที่สำคัญทั่วราชอาณาจักรทองคำเปลวที่ติดบูชาพระทั่วราชอาณาจักรโดยเฉพาะที่ปิด”พระรูปเหมือนสมเด็จโต”ภายในวิหารวัดระฆังรวมทั้ง ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผบตรีนิสิงเห และผงมหาราชที่บรรดาพระเกจิอาจารย์ประสิทธิ์ประสาทไว้นอกจากนี้ก็มีผงพระที่ชำรุดเช่น”พระสมเด็จวัดระฆัง พระสมเด็จพระปลันทน์”รวมทั้ง”ผงว่าน108ชนิดไคลเสมาหน้าพระอุโบสถวัดระฆัง”พร้อมทั้งผงปูนจากเสมาและภายในพระอุโบสถเป็นต้นและมีคณาจารย์ร่วมปลุกเสกในยุตนั้นมากมายมี”สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ร่วมอยู่ถึง3พระองค์เช่น”สมเด็จพระวันรัต(ปุ่น)วัดพระเชตุพนฯ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(วาสน์)วัดราชบพิธฯและสมเด็จพระญาณสังวร(เจริญ)วัดบวรนิเวศวิหาร และยังมี อ่านเพิ่มเติม

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

สมเด็จพระพุฒาจารย์
(โต พรหมรังสี)

เพชรนาคราช และเหล็กไหลเพชรนาคราชแก้ว สารพัดนึกมหาเวช สมเด็จโตพรหมรังสี

ลูกแก้วมณีโชติก็เป็นอีกชื่อหนึ่งของเพชรนาคราช หรือแก้วสารพัดนึก เป็นชื่อจากแหล่งที่มาและสื่อทางจิตของผู้ปฎิบัติได้ส่งจิตสอบถาม ส่วนเหล็กไหลเพชรพญานาคราชเป็นอีกหนึ่ง ที่พบจากก้อนหินคอนเช่นเดียวกับเพชรนาคราช และที่นำเสนอนี้เป็นสิ่งที่ยอดยิ่ง ที่มีการประดับลูกปัดทวาราวดีมันวาวหลากสีสัน และประดับพลอยสีแดงอยู่ตรงกลางสวยงาม และที่เลิศเหนือสิ่งบรรยายคือ มีรูปหล่อสมเด็จโตนั่งบริกรรม ล้อมรอบด้วยพลอยหลายสีมีลูกปัดอยู่โดยรอบนอก และที่หายากยิ่งก็คือ มีพระพุทธเจ้าองค์เล็กหล่อแบบลอยองค์อยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยพลอยและลูกปัดทวาราวดีหลากสี
ในส่วนการพบเห็น เราท่านจะพบมีลูกปัดทวาราวดี ที่ฝังบนพระสมเด็จวัดระฆัง และมีแผ่นทองบอกเวลาการพระธาตุพนมจำลอง สร้างปี ๒๔๐๑ และจะเป็นพระพิมพ์ต่างๆ อ่านเพิ่มเติม

เกี่ยวกับหลวงปู่สมเด็จโต

เกี่ยวกับหลวงปู่สมเด็จโต
พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ

หลวงปู่สมเด็จโต ท่านเมตตาแสดงธรรมเรื่องนี้ไว้ให้คนรุ่นหลังได้คิด ดังนี้

๑. ท่านเล่าว่า ครั้งหนึ่งท่านไปเทศน์ที่บางนกแขวก ขากลับลงเรือล่องมาตามน้ำ โดยใช้คนแจว ด้วยความอ่อนเพลียของร่างกาย ทำให้ท่านหลับไป ตื่นเอาบ่าย ๒ โมง

๒. ท่านขอร้องคนแจวเรือช่วยพายเรือกลับที่วัดล่าง เพราะคนแจวบอกท่านว่า คนเพลวัดเขาตีกลอง จึงเพลที่วัดล่าง แต่ไม่ได้ปลุกท่าน

๓. ท่านก็ขอร้องคนแจวว่า นึกว่าช่วยชีวิตของฉัน ช่วยแจวเรือกลับไปวัดที่ตีกลองเพลหน่อยเถิด

๔. เมื่อถึงวัดนั้น คนแจวก็นำอาหารถวายท่าน ชาวบ้านแถวนั้นที่รู้จักท่านก็นำอาหารมาถวาย มีคนแอบดูท่าน โดยคิดว่าพระฉันข้าวเย็น
อ่านเพิ่มเติม

เซียมซีวัดไชโยวรวิหาร (สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี) จ.อ่างทอง

เซียมซีวัดไชโยวรวิหาร (สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี) จ.อ่างทอง

วัดไชโยวรวิหาร เป็นพระอารามหลวง ชั้นโท มหานิกาย ตั้งอยู่ที่ หมู่ ๓ ตำบลไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง เป็นสถานที่ที่ประดิษฐาน พระมหาพุทธพิมพ์ พระพุทธรูปปางสมาธิ ที่สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

ประวัติวัดไชโยวรวิหาร เดิมเป็นวัดราษฏร์โบราณ ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ได้สร้างพระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่เป็นปูนขาวไม่ปิดทองไว้กลางแจ้ง ณ วัดแห่งนี้ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระองค์ได้เสด็จมานมัสการและโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดไชโย ในปี พ.ศ. ๒๔๓๐
อ่านเพิ่มเติม

พระอรหันต์อยู่ในบ้าน ….โดยสมเด็จโต (อยากให้ลูกทุกคนบนโลกได้อ่าน)

พระอรหันต์อยู่ในบ้าน ….โดยสมเด็จโต (อยากให้ลูกทุกคนบนโลกได้อ่าน)

ปฏิบัติธรรมศาสนาพุทธ

สมเด็จโตท่านเป็นยอดนักเทศน์ ท่านเทศน์ได้จับใจคนฟัง ธรรมเทศนาของท่านเข้าใจง่าย ไม่ต้องนั่งแปลไทยให้เป็นไทย เพราะท่านใช้คำไทยตรงๆ เป็นภาษาพื้นๆ ที่คนทั่วไปได้ฟังก็เข้าใจ เป็นที่นิยมของชนทุกชั้น
ฟังไปก็สนุกเพลิดเพลิน และยังได้คติธรรม ไม่ง่วงเหงาหาวนอนเหมือนนักเทศน์ท่านอื่นๆ

สมเด็จโตท่านได้เล่าว่า มีคราวหนึ่งท่านได้รับนิมนต์ให้แสดงธรรม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จออกมาท่ามกลางเหล่าขุนนาง ข้าราชการ และข้าราชบริพาร ครั้นพอพบหน้าท่านเจ้าผู้ครองแผ่นดินก็ทรงสัพยอกว่า “ท่านเจ้าคุณ เห็นเขาชมกันทั้งเมืองว่าท่านเทศน์ดีนักนี่ วันนี้ต้องขอพิสูจน์หน่อย”

สมเด็จโตทรงทูลว่า “ผู้ที่ไม่เคยฟังในธรรม ครั้นเขาฟังธรรม และได้รู้เห็นในธรรมนี้แล้ว เขาก็ชมว่าดี ขอถวายพระพร มหาบพิตร” และวันนี้อาตมาจะมาเทศน์เรื่อง “พระอรหันต์อยู่ในบ้าน”จ

ฝ่ายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเหล่าขุนนาง ข้าราชการและข้าราชบริพารต่างก็มีความสงสัย เพราะเคยได้ยินแต่ว่าพระอรหันต์ท่านจะอยู่ในถ้ำ ในป่า ในเขา ในที่เงียบสงัดหรือที่วัดวาอารามเท่านั้น แต่ทำไมสมเด็จโตจึงกล่าวว่าจะเทศนาเรื่องพระอรหันต์อยู่ในบ้าน ในขณะที่ทุกคนพากันคิดสงสัยอยู่นั้น ฝ่ายสมเด็จโตทรงทราบด้วยญาณวิถีของทุกคน
ท่านจึงขยายความต่อไปว่า จิตพระอรหันต์เป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านละจากความโลภ ความหลง ไม่ยินดียินร้ายในเรื่องใดๆทั้งสิ้น เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยม หากใครได้ทำบุญกับพระอรหันต์แล้วไซร้ ก็ถือได้ว่าเป็นลาภอันประเสริฐที่สุด บุญที่ได้ทำกับท่านจะให้ผลในชาติปัจจุบันทันที ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า ทุกๆคนจึงมุ่งเสาะแสวงหาแต่พระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน แต่ไม่เคยมองเห็นพระอรหันต์ที่อยู่ในบ้านเลย
อ่านเพิ่มเติม

คาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

คาถาชินบัญชร โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ
ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง
ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ
ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วระลึกถึงหลวงปู่โตและตั้งคำอธิษฐานแล้วเริ่มสวด

เริ่มสวด นโม 3 จบ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐาน
อ่านเพิ่มเติม

“สมเด็จโต” กับ”พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” โดย นพ.วิชัย เทียนถาวร

“สมเด็จโต” กับ”พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” โดย นพ.วิชัย เทียนถาวร

นพ.วิชัย เทียนถาวร อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข

“สุดยอดพระผง” ที่ “คน” ทุกระดับของประเทศไทยปรารถนา คือ “พระสมเด็จ” ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม จะเป็นพิมพ์ใดก็ได้ เช่น พิมพ์ใหญ่ พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์เส้นด้าย พิมพ์ฐานแซม พิมพ์ปรกโพธิ์…สนนราคาบูชาองค์ละ 6-7 หลัก ใครๆ ก็อยากได้มีไว้ประจำกาย แต่ต้องมีบารมีถึงๆ หน่อย เช่น พวกเจ้านายใหญ่โต อาเสี่ยเงินล้าน นักเลงพระจริงๆ บางคนบอกว่าสวดพระคาถา “ชินบัญชร” บ่อยๆ เดี๋ยวได้เองล่ะ เพราะพุทธคุณสูงมากอันได้แก่ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด มั่นคง ก้าวหน้า เจริญรุ่งเรือง ฯลฯ

ประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ผู้เขียนมีโอกาสไปเที่ยววัดระฆังโฆสิตาราม ฝั่งธนบุรี ตั้งใจไปกราบนมัสการท่านที่วัด ได้ทำบุญบูชาดอกไม้ธูปเทียนและได้นำหนังสือ “อมตะธรรม สมเด็จโต” ที่ทางวัดแจกเป็นทาน ติดตัวมาด้วย เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เข้าห้องพระได้หยิบหนังสือเล่มดังกล่าวมาเปิดอ่านดูอีกครั้ง พบเรื่องเรื่องหนึ่งน่าสนใจมาก ช่างเหมาะเจาะกับห้วงเวลาสำคัญ 12 สิงหาคม เป็น “วันแม่แห่งชาติ” ยังอยู่ในช่วงกลิ่นอายอันอบอวลของความรัก “แม่” เหมาะยิ่งแล้วที่จะนำคำเทศนาของเจ้าประคุณ “สมเด็จโต” ที่เทศนาให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ฟัง ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง ในหัวข้อ “พระอรหันต์อยู่ในบ้าน” ความว่า
อ่านเพิ่มเติม

“คุณไสย” แพ้ สามประโยคสั้นๆ เรื่องเล่าของ “พระพุฒาจารย์โต”

“คุณไสย” แพ้ สามประโยคสั้นๆ เรื่องเล่าของ “พระพุฒาจารย์โต”

อาตมา (สมเด็จโต) ได้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนตร์ด้วยตัวอาตมาเอง ในสมัยที่อาตมาได้ออกเดินธุดงค์ในป่าเป็นเวลา 15 ปี โดยอาศัยอยู่ในเขตดงพญาไฟ ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศเขมร ในสมัยนั้นเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูตผีวิญญาณ ตลอดจนชาวบ้านที่มีเวทมนต์คาถา และเล่นคุณไสยกันอยู่อย่างมากมายในอาณาบริเวณชายแดนแห่งประเทศสยามในตอนนั้น อาตมาได้เดินธุดงค์แต่เพียงลำพัง ในช่วงนั้นอาตมามิได้ศึกษาในพระเวทมนตร์คาถาอาคมใดเลย นอกจากคำว่า

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอยึดมั่น พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
พระธรรมเป็นที่พึ่ง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
อ่านเพิ่มเติม

วัตถุมงคลของสมเด็จโต ( วัดระฆัง ) ที่อธิฐานจิต

วัตถุมงคลของสมเด็จโต ( วัดระฆัง ) ที่อธิฐานจิต

ทุกท่านที่มีวัตถุมงคลของสมเด็จโต ( วัดระฆัง ) ที่อธิฐานจิต นิมนต์ติดตัวไว้เสมอ และการนำวัตถุมงคลไปใช้จะเกิดผลตามปรารถนาหรือไม่ อยู่ที่ตัวผู้ใช้ และความสามารถในการต่อจิตสัมพันธ์กับพลังในวัตถุมงคลนั้นๆ ดังเช่นวัตถุมงคลตามนี้
– เครื่องรางของขลัง
อันดับ 1 สร้อยประคำเหล็กไหล
อันดับ 2 มีดหมอ ที่อธิฐานจิตโดยปู่โต
อันดับ 3 เบี้ยแก้ สายวังที่อธิฐานจิตโดยปู่โต
อันดับ 4 อื่นๆ
-พระกริ่งปวเรศ (พระกริ่งครอบจักรวาล มีพลังพุทธานุภาพเรื่องพุทธพยากรณ์ และป้องกันภัยพิบัติโลก)
อันดับ 1 พระกริ่งปวเรศ สร้างสมัย ร.3 พ.ศ. 2382 ที่อธิฐานจิตโดยปู่โต
อันดับ 2 พระกริ่งปวเรศ ที่อธิฐานจิตโดยปู่โต พ.ศ. 2394 – พ.ศ. 2398
อันดับ 3 พระกริ่งปวเรศ ที่อธิฐานจิตโดยปู่โต พ.ศ. 2399 – พ.ศ. 2414
อันดับ 4 พระกริ่งปวเรศ พ.ศ. 2416 – พ.ศ. 2434 ( ขอมอบโอกาสให้เช่าบูชาเฉพาะ พระกริ่งปวเรศ สร้างวาระ พ.ศ.2434 พิมพ์สมบูรณ์ พูนสุข เนื้อนวโลหะ 1 องค์ ราคาเช่าบูชา 9 ล้านบาท อิงค่านิยมปี 2554 ) อ่านเพิ่มเติม

ตักเตือนตน**สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังษี

ตักเตือนตน**สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังษี

การเป็นคน ให้เหมือนคน

ต้องเป็นคน ไม่ถือตน

เมื่อถือตน ย่อมเป็นคน ไม่ถึงตน

การเป็นคน ต้องเป็นคน ไม่หยามคน

เมื่อหยามคน ย่อมถึงการ เป็นพาลชน

อันพาลชน ย่อมพาลคน ทั่วทุกทิศ

เมื่อพาลคน วาระจิต ย่อมเศร้าหมอง

ถือทิฐิ อกุศล

วาระกรรม วิบากขึ้น

ย่อมสนอง คนพาลเอย

———–
คัดลอกจาก หนังสือโอวาท จากดวงพระวิญญาณบริสุทธิ์ สมเด็จโต เล่ม 4

ขอขอบคุณ : http://www.chonburiguide.com/

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

ประวัติของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จโตมีคนบันทึกและแต่งไว้ 2-3 คน แต่มาเขียนเอาสมัยหลังก็มี สถานที่เกิด วันเดือนปีเกิด ไม่ตรงกันสักฉบับ ฉบับที่คนให้การเชื่อถือคือของพระยาทิพย์โกษา (สอน โลหนันท์) ซึ่ง วันเดือน ปี เกิด พอเข้ากับบันทึกที่หลวงปู่คำ วัดอัมรินทร์ ซึ่งเคยรับใช้ใกล้ชิดสมเด็จโตแทบจะทุกวัน เพราะไปช่วยท่านทำพระสมเด็จนั่นเอง บันทึกย่อนี้มีใจความว่า
?พ่อโตบวชพระเมื่อ พ.ศ.๒๓๕๐ เกิด ชาตะ ๒๓๓๐ บวชพระ ๖๕ พรรษา มรณะ ๒๔๑๕ บวชเณร ๘ พรรษา บวชตั้งแต่เป็นเณร พ.ศ.๒๓๔๒?
ตัวอักษรดำใหญ่เป็นบันทึกเพิ่มเติมภายหลังว่า ?แต่เป็นบันทึกของหลวงปู่คำ เขียนไว้ถี่ถ้วน เป็นที่เชื่อได้ เป็นประวัตอันแท้จริงของขรัวโตวัดระฆัง แล้วมาลอกต่อเมื่อปู่คำได้มรณภาพ ไปแล้ว ๔ ปี ในราว พ.ศ.๒๔๒๕ แล้วบันทึกนี้ตกอยู่ที่พระครูปลัดมิศร์ และนายพึ่ง ลูกนายเหลี่ยมบ้านช่างหล่อ ได้ไปขอปลัดมิศร์มาลอกเอาไว้ในราว ๒๔๓๙ แล้วนายจอม องค์ช่างหล่อ มาลอกครั้งสุดท้ายเมื่อ ๒๔๔๓ นายจอมเป็นหัวหน้ากองโรงกษาป ได้ลอกมาจากบ้านช่างหล่อ หลังวัดระฆัง เป็นหลานนายพึ่งปฏิมาปกร เคยเป็นเจ้ากรมกษาปหรือช่างสิบหมู่สมัยนั้น ต่อมา หลานนายจอมได้ลอกมาไว้เป็นครั้งสุดท้าย พระคุณท่านได้เป็นพระวิปัสสนาสูง จะหาพระองค์ใดมาเปรียบมิได้?
อีกหน้าเป็นบันทึกของหลวงปู่คำต่ออีกว่า ?พิมพ์พระสมเด็จทรงนิยมที่ชาวบ้านทั่วไปรู้จัก อ่านเพิ่มเติม

โอวาทสมเด็จโต; พิจารณา มหาพิจารณา

โอวาทสมเด็จโต; พิจารณา มหาพิจารณา

การพิจารณา สำคัญมาก สมเด็จโต ท่านสอน เรื่องพิจารณา มหาพิจารณา ว่าสำคัญที่สุด เช่นกันดังนี้

ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี เป็นพระเถระยอดอัจฉริยะ ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ในคราวที่แสดงธรรมต่อหน้านัก ปราชญ์ชาวต่างประเทศ ซึ่งรอบรู้ศาสนาเป็นอย่างดี ในกาลครั้งหนึ่ง สมเด็จเจ้าพระยาประสาทให้ทนายมาอาราธนาสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ไปแสดงรู้ในสิ่งที่ถูกที่ชอบด้วยโลกและธรรมในพุทธศาสนาอีกภาษาหนึ่งในนาม ประเทศสยาม ครั้นสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้ยินคำอาราธนาจึงรับว่า ฉันยินดีแสดงนักในข้อเข้าใจ

ทนายกลับไปกราบเรียนสมเด็จเจ้าพระยาประสาทว่า สมเด็จที่วัดรับแสดงในเรื่องให้รู้ความผิดถูกทั้งปวงได้

พอถึงวันกำหนด ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ไปถึงที่ประชุม นักปราชญ์ทั้งหลายยอมให้นักปราชญ์ของไทยออกความก่อนในที่ประชุมปราชญ์ ขุนนางทั้งปวงก็มาประชุมฟังอยู่ด้วย สมเด็จเจ้าพระยาประสาทจึงอาราธนาสมเด็จที่วัดระฆังฯ ขึ้นบัลลังก์แล้วนิมนต์ให้แสดงทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม

คติธรรมคำสอน ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )

คติธรรมคำสอน ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) กล่าวว่า เคล็ดลับสู่ความสำเร็จสุดยอดในทางธรรม คือ จะต้องมีสัจจะอันแน่วแน่และมีขันติธรรมอันมั่นคง จึงจะฝ่าฟันอุปสรรค บรรลุความสำเร็จได้
อาตมามีกฎอยู่ว่า เช้าตีห้าไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าจะร้อง อากาศจะหนาว ต้องตื่นทันที ไม่มีการผัดเวลา แล้วเข้าสรงน้ำ ชำระกายให้สะอาด แล้วจึงได้สวดมนต์และปฏิบัติสมถกรรมฐานหนึ่งชั่วโมง พอหกโมงตรงก็ออกบิณฑบาต เพื่อปฏิบัติตามปฏิปทาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ฝึกจิตให้ได้ผลต้องตรงต่อเวลา กลับจากบิณฑบาตแล้ว ก็เอาอาหารตั้งไว้ ตักน้ำใส่ตุ่ม เสร็จแล้วฉันอาหารเช้า โดยปกติอาตมาฉันมื้อเดียวเว้นไว้มีกิจนิมนต์ จึงฉันสองมื้อ สี่โมงเช้าถึงเที่ยง ถ้ามีรายการไปเทศน์ ก็ไปเทศน์ตามที่นัดไว้ วันไหนไม่ติดเทศน์ก็จะปิดประตูกุฏิทันที ไม่ให้ใครๆเข้าไป ในช่วงเวลานั้นเป็นเวลาศึกษาตำรา เวลาบ่ายโมงจึงออกรับแขก บ่ายสามโมงไม่ว่าใครจะมาอาตมาจะให้ออกจากกุฏิไปหมด เพราะถึงเวลาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ฉะนั้น จุดสำคัญจงจำไว้ เราจะปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น ต้องมีสัจจะเพื่อตน โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร ถึงเวลาทำสมาธิต้องทำ ไม่มีการผัดผ่อนใดๆ ทั้งสิน
อ่านเพิ่มเติม

. . . . . . .