จิตที่มีศีล สมาธิ ปัญญา สมเด็จพระญาณสังวร

จิตที่มีศีล สมาธิ ปัญญา

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

วัดบวรนิเวศวิหาร

บัดนี้ จักแสดงธรรมะ เป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้นก็ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงชี้ตรงเข้ามา ถึงจุดสำคัญแห่งการปฏิบัติธรรมะ คือจิต หรือจิตใจ ได้ตรัสไว้ในพระธรรมบทซึ่งแปลใจความว่า จิตดิ้นรนกวัดแกว่ง รักษายากห้ามยาก แต่ผู้ทรงปัญญาย่อมกระทำจิตให้ตรงได้ เหมือนอย่างช่างศรดัดไม้ที่จะทำเป็นลูกศรให้ตรงได้ ฉะนั้น ดั่งนี้ ทุกคนย่อมทราบจิตของตนเองว่าดิ้นรนกวัดแกว่งไปในอารมณ์ คือเรื่องทั้งหลายอยู่เป็นประจำ และหากว่าจะสังเกตดูเด็กเล็กๆ ที่หัดตั้งไข่ ยืนขึ้นได้ เดินได้ วิ่งได้ ก็จะเห็นว่าเด็กนั้นอยากจะร้องก็ร้อง อยากจะวิ่งเมื่อไรก็วิ่ง อยากจะเดินก็เดิน อยากจะนั่งก็นั่ง อยากจะนอนก็นอน ไม่เลือกเวลาสถานที่ อาการที่เด็กแสดงออกไปต่างๆ นั้น ก็แสดงถึงความดิ้นรนกวัดแกว่งแห่งจิตของเด็กนั้นเอง แต่เมื่อโตรู้เดียงสาขึ้นได้มีการฝึกหัดให้รู้จักรักษากิริยาวาจาเป็นต้น เด็กก็จะค่อยๆ สงบขึ้น ไม่วิ่ง ไม่เดิน ไม่นั่ง ไม่นอน ไม่ร้อง เป็นต้น เหมือนอย่างเมื่อยังเล็กๆ ทั้งนี้มิใช่ว่าจิตของเด็กนั้นจะสงบ ก็คงดิ้นรนกวัดแกว่งอยู่นั่นเอง แต่ว่าอาศัยการฝึกหัดกิริยาวาจาต่างๆ อันเนื่องเข้าไปถึงการฝึกหัดจิตใจ จึงทำให้เริ่มมีสติ เริ่มมีปัญญาที่จะควบคุมยับยั้งตัวเอง มาเป็นผู้ใหญ่ๆ ขึ้น ความที่มีสติปัญญาควบคุมยับยั้งตนเองก็มากขึ้น แต่ว่าจิตใจนั้นก็คงดิ้นรนกวัดแกว่งอยู่นั่นเอง แต่ว่ามีสติมีปัญญาที่จะควบคุมยิ่งขึ้น ถ้าหากว่าไม่มีสติปัญญาควบคุมให้ยิ่งขึ้นไปแล้ว แม้ว่าเด็กเล็กๆ นั้นจะโตขึ้นจนถึงเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ก็คงจะต้องอยากวิ่งก็วิ่ง อยากเดินก็เดิน อยากนั่งก็นั่ง อยากพูดก็พูด อยากนอนก็นอน เหมือนอย่างเด็กเล็กๆ นั้นเอง เพราะจิตนี้ดิ้นรนกวัดแกว่งไปอย่างนั้นบ้าง ไปอย่างนี้บ้าง เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น ถ้าสติและปัญญาของผู้ใหญ่มีน้อยเหมือนอย่างสติปัญญาของเด็กเล็กๆ แล้ว แม้จะเป็นผู้ใหญ่อายุเท่าไหร่ก็คงจะปฏิบัติเหมือนอย่างเด็กเล็กๆ นั้นเอง เพราะภาวะของจิตดิ้นรนกวัดแกว่งอยู่เช่นเดียวกัน
อ่านเพิ่มเติม

จิตตานุปัสสนา สมเด็จพระญาณสังวร

จิตตานุปัสสนา

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก

บัดนี้ จักแสดงธรรมะ เป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้นก็ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม

อันจิตใจนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของบุคคล เป็นต้นเหตุหรือต้นทางของความดีความชั่วทุกอย่าง ของสุขทุกข์ทั้งปวง ตลอดถึงของมรรคผลนิพพาน และของความสิ้นทุกข์ด้วยประการทั้งปวง แต่จิตใจนี้ที่ยังมิได้อบรม ย่อมดิ้นรนกวัดแกว่งกระสับกระส่าย รักษายากห้ามยาก เหมือนดั่งที่ทุกๆ คนย่อมได้ประสบอยู่ ซึ่งจิตใจของตนเองอันมีลักษณะดังกล่าว พระบรมศาสดาได้ทรงแสดงลักษณะของจิตใจที่ยังมิได้รับอบรมไว้ดังกล่าวนั้น แต่ก็ได้ทรงแสดงต่อไปอีกว่า บุคคลผู้ทรงปัญญาย่อมปฏิบัติกระทำจิตของตนให้ตรงได้ เหมือนอย่างนายช่างศรดัดลูกศร และได้ทรงแสดงต่อไปอีกว่าจิตย่อมดิ้นรน แม้ว่าผู้ปฏิบัติจะยกจิตขึ้นสู่กรรมฐาน คือสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน ก็ยังเป็นเหมือนอย่างปลาที่จับยกขึ้นจากที่อยู่คือน้ำ วางไว้บนบก ปลานั้นก็ย่อมดิ้นรนเพื่อที่จะลงไปสู่น้ำ จิตก็เป็นเช่นนั้น แม้ว่าจะยกจิตขึ้นจากอารมณ์อันเป็นบ่วงของมาร ซึ่งเป็นที่อยู่ของจิตอันยังมิได้รับอบรม ขึ้นสู่กรรมฐานดังกล่าว เพื่อละบ่วงของมารนั้น ก็ย่อมดิ้นรนเช่นนั้น แต่ก็ได้ตรัสแล้วว่าผู้ทรงปัญญาย่อมทำจิตของตนให้ตรงได้ เหมือนอย่างช่างศรดัดลูกศร เพราะแม้ว่าจิตขณะที่ยกขึ้นสู่กรรมฐาน ยังดิ้นรนอยู่ แต่เมื่อมีความเพียร มีความรู้ตัว มีสติที่ระลึกได้อยู่ และคอยกำจัดความยินดีความยินร้าย หากมีธรรมะเหล่านี้ค้ำจุนอยู่ในที่สุดก็จะทำจิตให้สงบได้ เหมือนอย่างปลาที่จับยกขึ้นมาจากน้ำวางไว้บนบก แม้ทีแรกปลาจะดิ้น แต่เมื่อเหนื่อยแรงเข้าก็จะหยุดดิ้นไปโดยลำดับ จนถึงนิ่งสงบ จิตก็เป็นเช่นนั้น
อ่านเพิ่มเติม

ประมวลหลักปฏิบัติ สมเด็จพระญาณสังวร

ประมวลหลักปฏิบัติ

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

วัดบวรนิเวศวิหาร

บัดนี้ จักแสดงธรรมะ เป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้นก็ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นพระผู้รู้ผู้เห็นได้ตรัสสั่งสอนไว้ ให้เราทั้งหลายพากันปฏิบัติธรรมะ ในที่แห่งหนึ่งได้ตรัสประมวลข้อที่พึงปฏิบัติไว้ทั้งหมด โดยพระพุทธภาษิตที่แปลความว่า ท่านทั้งหลายจงมีความหลีกเร้นเป็นอาราม คือเป็นที่มายินดี ยินดีในความหลีกเร้น ตามประกอบความสงบแห่งใจในภายใน กระทำฌานคือความเพ่งพินิจมิให้เสื่อมไป ประกอบด้วยวิปัสสนาความเห็นแจ้ง หรือปัญญาเห็นแจ้งพอกพูนเรือนว่างอยู่เถิด ดั่งนี้

ข้อปฏิบัติข้อแรก

พระพุทธานุสาสนี ที่แปลความมานี้เป็นอันประมวลหลักปฏิบัติไว้ทั้งหมด ทุกๆ คนผู้ปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนาย่อมต้องปฏิบัติในหลักที่ทรงสั่งสอนไว้นี้ แม้ว่าจะตั้งแต่ในเบื้องต้นซึ่งดูเหมือนจะยังไม่เข้าหลักที่ทรงสั่งสอนไว้ แต่อันที่จริงนั้นก็ต้องเริ่มเข้าหลักที่ทรงสั่งสอนไว้นั้นตั้งแต่ข้อแรก คือมีความหลีกเร้นเป็นอารามคือเป็นที่มายินดี ยินดีในความหลีกเร้น ข้อนี้ย่อมหมายถึงตั้งแต่สถานที่ ซึ่งเข้าไปปฏิบัติ และข้อประกอบต่างๆ ของการที่จะเข้าไปสู่สถานที่ซึ่งปฏิบัตินั้นได้ ตลอดจนถึงความเพียร ดังเช่น ต้องการจะปฏิบัติในบ้านของตนเอง ก็ต้องเข้าไปสู่ที่หลีกเร้น อันเป็นกายวิเวกความสงัดกาย มาสู่ที่นี้ก็เป็นการมาสู่ที่หลีกเร้นเช่นเดียวกัน หลีกก็คือว่าหลีกออกจากเครื่องพัวพัน แม้ว่าจะชั่วระยะหนึ่งเวลาหนึ่งก็ตามที เร้นก็คือว่าสงบสงัด ตลอดจนถึงจิตใจต้องวางสิ่งที่เป็นภาระธุระทั้งหลายอย่างอื่น และการที่จะหลีกเร้นดั่งนี้ได้ ก็จะต้องมีข้อประกอบเช่นว่า ศีล คือความสำรวมกายวาจาใจของตนเอง แม้ว่าจะมิได้คิดรับหรือสมาทานศีลห้าศีลแปด หรือศีลที่ยิ่งไปกว่าก็ตาม แต่ว่าเมื่อจะปฏิบัติก็จะต้องเริ่มมีความสำรวมกายวาจาใจ กายวาจาใจต้องมีความสงบ ไม่วุ่นวาย ดั่งนี้ก็เป็นศีล และก็จะต้องมีความสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ซึ่งเรียกว่าอินทรียสังวร ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะที่มีความระลึกรู้ในอันที่จะปฏิบัติ จึงจะชักนำให้เข้ามาสู่สถานที่หลีกเร้น และกายวาจาใจของตนเองก็สงบ มีสติสัมปชัญญะ อันเป็นอาการหลีกเร้น ซึ่งเป็นอาการของศีล ของอินทรียสังวร ของสติ ของสัมปชัญญะ แม้ว่าในขั้นเริ่มต้นก็ตามที
อ่านเพิ่มเติม

เวทนานุปัสสนา ๔ ชั้น สมเด็จพระญาณสังวร

เวทนานุปัสสนา ๔ ชั้น
สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

วัดบวรนิเวศวิหาร

บัดนี้ จักแสดงธรรมะ เป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้น ก็ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม ปัญญาในธรรมนั้นก็ต้องอาศัยศีลเป็นภาคพื้น อาศัยสมาธิเป็นบาท เป็นอันว่า ศีล สมาธิ ปัญญา หรือปัญญาศีลสมาธิ หรือปัญญาสมาธิและศีล ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน อันผู้ปฏิบัติธรรมะจะพึงปฏิบัติให้มีทั้งสาม ดังจะพึงเห็นได้ว่าปัญญานั้นต้องมีเป็นภาคพื้นมาก่อนเหมือนกัน คือปัญญาที่เป็นพื้น จึงทำให้รู้จักพุทธศาสนา รู้จักศีล รู้จักสมาธิ รู้จักปัญญา รู้จักปฏิบัติศีลสมาธิปัญญา นี้ต้องอาศัยปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาเป็นพื้นอยู่เพียงพอก็จะไม่รู้จัก ไม่สามารถปฏิบัติได้

ภัพพบุคคล

ดังจะพึงเห็นได้ถึงสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย ไม่มีปัญญาเพียงพอที่จะรู้จักธรรมะ ที่จะรู้จักปฏิบัติธรรมะ แต่มนุษย์นั้นมีปัญญาเพียงพอที่จะรู้จัก ที่จะปฏิบัติได้ แต่แม้เช่นนั้นก็มีระดับของปัญญาแตกต่างกัน ถ้าหากว่ามีปัญญาน้อยมากเกินไปก็ยากที่จะรู้จัก ยากที่จะปฏิบัติได้เหมือนกัน ต้องมีปัญญาพอสมควรที่เรียกว่า ภัพพบุคคล เป็นบุคคลผู้สมควร ก็คือมีปัญญาพอสมควรและนอกจากนี้ยังจะต้องมีกิเลสเบาบางพอสมควร ไม่ใช่กิเลสหนานัก ถ้าหากว่ามีกิเลสหนานัก ก็ยากที่จะรู้จักธรรมะ รู้จักปฏิบัติธรรมะได้ ดังเช่นที่มีโลภโกรธหลงจัดเกินไป หรือว่ามีทิฏฐิมานะที่รุนแรงเกินไป มีมิจฉาทิฏฐิความเห็นผิดที่ดิ่งลงไปมากที่เรียกว่า นิยตมิจฉาทิฏฐิ มิจฉาทิฏฐิที่ดิ่งลงไปก็ยากที่จะรู้จักธรรมะ ปฏิบัติธรรมะได้ ทำให้ไม่เป็น ภัพพบุคคล คือบุคคลผู้ที่สมควรเรียกว่าเป็นคนอาภัพหรือ อภัพ ไม่สมควร คือไม่อาจที่จะรู้จักที่จะปฏิบัติธรรมะให้บรรลุผลได้ หรือว่ามีกรรมที่ประกอบไว้หนักมากเกินไป ดังที่ยกขึ้นแสดงก็คือ อานันตริยกรรม กรรมที่หนักมาก กรรมนี้เองก็ทำให้ไม่สามารถบรรลุผลของธรรมะที่เป็นมรรคเป็นผลได้ แม้ว่าจะรู้จักธรรมะ และปฏิบัติธรรมะได้ตามสมควร ก็ได้บรรลุผลตามสมควร แต่ที่จะให้ได้มรรคให้ผลให้ได้นิพพานนั้นท่านว่าไม่ได้ ก็เป็นอาภัพหรือ อภัพพบุคคล ส่วนบุคคลนอกจากนี้ไม่โง่เง่าทึบมืดเกินไป มีปัญญาที่เป็นพื้นอยู่ตามสมควร และก็มีกิเลสที่ไม่หนามากนัก ไม่มีทิฏฐิมานะจัดนัก ไม่มีความเห็นผิดที่ดิ่งลงไป และมิได้ประกอบกรรมที่หนักมากเป็นขั้น อานันตริยกรรม เป็นภัพพบุคคล บุคคลผู้ที่สมควร สามารถที่จะรู้จักธรรมะ ที่จะปฏิบัติธรรมะ จนถึงบรรลุมรรคผลนิพพานได้ด้วยกัน เพราะฉะนั้นบุคคลส่วนใหญ่จึงกล่าวได้ว่าอยู่ในจำพวกภัพพบุคคล
อ่านเพิ่มเติม

กายานุปัสสนา ๔ ชั้น สมเด็จพระญาณสังวร

กายานุปัสสนา ๔ ชั้น
สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

วัดบวรนิเวศวิหาร

บัดนี้ จักแสดงธรรมะ เป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้น ก็ขอให้ทุกๆ ท่าน ตั้งใจนอบน้อมนมัสการพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม ปัญญาในธรรมนั้นต้องอาศัยสมาธิ และสมาธินั้นก็ต้องอาศัยศีลพร้อมกับสรณะเป็นภาคพื้น สรณะนั้นจำต้องอาศัยโดยแท้ เพราะธรรมะทั้งปวงอาศัยคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าผู้พระบรมศาสดา ฉะนั้น ความรับคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ ก็คือการถึงสรณะ หรือมีสรณะนั้นเอง ฉะนั้น ผู้ปฏิบัติจึงควรตั้งใจถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะคือที่พึ่ง ตั้งใจถึงพระธรรมเป็นสรณะคือที่พึ่ง ตั้งใจถึงพระสงฆ์เป็นสรณะคือที่พึ่ง ความตั้งใจถึงนี้เป็นความตั้งใจที่แน่วแน่ ไม่มีแบ่ง ดังบทสวดที่ว่า

นัตถิ เม สรณัง อัญญัง ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี
พุทโธ เม สรณัง วรัง พระพุทธเป็นที่พึงอันประเสริฐของข้าพเจ้า
ธัมโม เม สรณัง วรัง พระธรรมเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า
สังโฆ เม สรณัง วรัง พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า
อ่านเพิ่มเติม

พระคติธรรมสมเด็จพระสังฆราชฯ

พระคติธรรมสมเด็จพระสังฆราชฯ

วันที่ 3 ตุลาคม 2555 รับนิมนต์ไปฉันภัตตาหารเพลในงานบำเพ็ญพระกุศลคล้ายวันประสูติ เจริญพระชันษา 99 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ฉันภัตตาหารเพลเสร็จได้รับแจกหนังสือเกี่ยวกับสมเด็จพระสังฆราชนมาหลายเล่มเช่นพระผู้สำรวมพร้อม พระพุทธศาสนากับสังคมไทย ตนอันเป็นที่รักยิ่งของตน รวบรวมพระคติธรรม เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ เจริญพระชันษา 99 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ขออนุญาตนำพระคติธรรมบางส่วน บทประพันธ์ของเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ มาให้อ่าน ในวันคล้ายวันประสูติ เจริญพระชันษา 99 ปี 3 ตุลาคม 2555

พระมรดก
จุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาคือให้คนเป็นคนดี

ความดีระดับใดก็จะนำให้ไกลทุกข์ในระดับนั้น
ความดีถึงที่สุดคือความหมดจดจากกิเลสทั้งปวง
ความโลภความโกรธ ความหลงมิหลงเหลือแม้แต่น้อย
อย่าทำบาปแม้เล็กน้อยเพียงใด
ทำกุศลทั้งปวงให้เต็มสติปัญญาความสามารถ ทำใจให้ผ่องใส
อ่านเพิ่มเติม

ศาสนาและทศพิธราชธรรมในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

ศาสนาและทศพิธราชธรรมในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เขียนคำนำหนังสือ ศาสนาและทศพิธราชธรรม ที่พิมพ์ในโอกาสที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงดำรงประมุขสงฆ์ในฐานะสมเด็จพระสังฆราชมาครบ 24 ปี เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2556 ว่า ทศพิธราชธรรมเป็นคำสอนที่มีมาในคัมภีร์ชาดกของพระพุทธศาสนา เชื่อกันว่าเป็นคำสอนที่โบราณาจารย์สั่งสอนพระราชาในสมัยโบราณ ทางพระพุทธศาสนาจึงถือว่าเป็นหลักธรรมสำหรับพระราชาผู้เป็นประมุขของประชาชน และได้นำสืบๆ กันมา

ต่อมาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงนำมาเป็นแบบแผนในการถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเสสกถา สำหรับพระมหากษัตริย์ และทรงอธิบายขยายความลำดับต่อมาว่ามิใช่เป็นธรรมสำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น หากแต่เป็นหลักธรรมสำหรับผู้ปกครองทั่วไปในระดับต่างๆ

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงอธิบายขยายความต่อว่าทศพิธราชธรรม เป็นธรรมสำหรับทุกคน

ในขณะที่ผู้เรียบเรียง กล่าวว่า
อ่านเพิ่มเติม

หลักการทำสมาธิเบื้องต้น พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

หลักการทำสมาธิเบื้องต้น

พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

คัดลอกจาก http://mahamakuta.inet.co.th/practice/mk713/mk7131/mk7132.htm

สมาธินี้ได้มีอยู่ในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก ในสิกขาสามก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ในมรรคมีองค์แปดก็มีสัมมาสมาธิเป็นข้อสุดท้าย และในหมวดธรรมทั้งหลายก็มีสมาธิรวมอยู่ด้วยข้อหนึ่งเป็นอันมาก ทั้งได้มีพระพุทธภาษิตตรัสสอนไว้ให้ทำสมาธิในพระสูตรต่าง ๆ อีกเป็นอันมาก เช่น ที่ตรัสสอนไว้ว่า ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอบรมสมาธิ เพราะว่าผู้ที่มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้วย่อมรู้ตามเป็นจริง ดั่งนี้ ฉะนั้น สมาธิจึงเป็นธรรมปฏิบัติสำคัญข้อหนึ่งในพระพุทธศาสนา

แต่ว่าสมาธินั้นมิใช่เป็นข้อปฏิบัติในทางศาสนาเท่านั้น แต่เป็นข้อที่พึงปฏิบัติในทั่ว ๆ ไปด้วย เพราะสมาธิเป็นข้อจำเป็นจะต้องมีในการกระทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการดำเนินชีวิตทั่วไปหรือทางด้านปฏิบัติธรรม มีคนไม่น้อยที่เข้าใจว่าเป็นข้อที่พึงปฏิบัติเฉพาะในด้านศาสนา คือสำหรับผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรมอย่างเป็นภิกษุ สามเณร หรือเป็นผู้ที่เข้าวัดเท่านั้น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ฉะนั้น ก็จะได้กล่าวถึงความหมายของสมาธิทั่วไปก่อน

สมาธินั้น ได้แก่ความตั้งใจมั่นอยู่ในเรื่องที่ต้องการให้ใจตั้งไว้เพียงเรื่องเดียวไม่ให้ใจคิดฟุ้งซ่านออกไป นอกจากเรื่องที่ต้องการจะให้ใจตั้งนั้น ความตั้งใจดั่งนี้เป็นความหมายทั่วไปของสมาธิ และก็จะต้องมีในกิจการที่จะทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรียนศึกษา หรือว่าการงานอย่างใดอย่างหนึ่ง
อ่านเพิ่มเติม

“วิธีล้างบาปของพระพุทธเจ้า”…สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

“วิธีล้างบาปของพระพุทธเจ้า”…สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

คัดลอกจากหนังสือเรื่อง วิธีการของพระพุทธเจ้า
(หัวข้อ วิธีล้างบาปของพระพุทธเจ้า)
นิพนธ์ในเจ้าพระคุณสมเด็จญาณสังวร (สุวฑฺฒนมหาเถระ)
พิมพ์น้อมถวายเป็นวิทยาทานโดยมหามงกุฏราชวิทยาลัย
ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ หน้า ๘๐-๘๑

สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่ตำบลคยาสีสะ
คราวนั้นอยู่ในฤดูหนาวจัดราว ๘ วัน (ราวกลางเดือน ๓ ตามที่นับอย่างไทย)
มีหิมะตกมาก เวลากลางคืนก็ยิ่งหนาวจัด

พวก ชฎิล (นักบวชที่เกล้าผมเป็นกระเซิง ซึ่งกลายมาเป็นแบบชฎา) เป็นอันมาก
พากันลงไปในแม่น้ำคยา ดำผุดโผล่ สระสนานเกล้าหรือรดให้เปียก บูชาไฟบ้างก็มี
ด้วยคิดว่า สุทธิ คือ ความบริสุทธิ์มีได้ด้วยการวิธีปฏิบัตินี้

พระพุทธเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นการปฏิบัติของพวกชฎิลเหล่านั้น
ได้ทรงอุทานขึ้นในเวลานั้น ความว่า
“ความดี บริสุทธิ์สะอาดมีได้เพราะน้ำหามิได้เพราะชนก็อาบน้ำกันมาก
สัจจะและธัมมะมีในผู้ใด ผู้นั้นเป็นคนสะอาด เป็นพราหมณ์ คือ คนดี”
อ่านเพิ่มเติม

องค์ที่ ๑๙ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

องค์ที่ ๑๙ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

สมเด็จพระสังฆราชสมเด็จ พระสังฆราช (เจริญ สุวัฑฒโน) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

พระองค์มีพระนามเดิมว่า เจริญ คชวัตร ประสูติที่อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๖ ทรงศึกษาที่โรงเรียนวัดเทวสังฆาราม เมื่อพระชนมายุได้ ๘ พรรษา และบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเทวสังฆาราม เมื่อพระชนมายุ ๑๔ พรรษา ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๐ ได้ไปเรียนภาษาบาลีที่วัดเสน่หา จังหวัดนครปฐม ปี พ.ศ. ๑๔๗๒ ได้มาอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ศึกษาพระปริยัติธรรม ได้ตามลำดับดังนี้

พ.ศ. ๒๔๗๒ สอบได้นักธรรมชั้นตรี
พ.ศ. ๒๔๗๓ สอบได้นักธรรมชั้นโท และเปรียญธรรม ๓ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๗๕ สอบได้นักธรรมชั้นเอก และเปรียญธรรม ๔ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๗๖ อุปสมบทที่วัดเทวสังฆาราม จำพรรษาที่วัดนี้ ๑ พรรษา แล้วกลับมาวัดบวรนิเวศวิหาร อุปสมบทซ้ำเป็นธรรมยุติ และสอบไล่เปรียญธรรม ๕ ประโยค
พ.ศ. ๒๔๗๗, ๒๔๗๘, ๒๔๘๑ และ ๒๔๘๔ สอบได้เปรียญธรรม ๖,๗,๘ และ ๙ ประโยคตามลำดับ
พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นสมาชิกสังฆสภาโดยตำแหน่ง เป็นกรรมการสังคายนาพระธรรมวินัย และเป็นผู้อำนวยการศึกษาสำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร
พ.ศ. ๒๔๘๙ เป็นพระวินัยธรชั้นอุทธรณ์ และเป็นกรรมการสภาการศึกษามหามงกุฎราชวิทยาลัย
พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้รับพระทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระโศภณคณาภรณ์ และเป็นกรรมมหามงกุฏราชวิทยาลัย
พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นกรรมการเถรสมาคม คณะธรรมยุต ประเภทชั่วคราว อ่านเพิ่มเติม

เปิดตัวหนังสือพุทธการ์ตูน “จิตตกรรมเล่าเรื่องจิตตนคร” พระนิพนธ์สมเด็จพระสังฆราช เล่มแรกของประเทศไทย

เปิดตัวหนังสือพุทธการ์ตูน “จิตตกรรมเล่าเรื่องจิตตนคร” พระนิพนธ์สมเด็จพระสังฆราช เล่มแรกของประเทศไทย เทิดพระเกียรติ 100 ชันษา 3 ตุลาคม 2556 แจกประชาชนในงานฉลองพระชันษาวัดบวรนิเวศวิหาร สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ระบุขอต้นฉบับไปพิมพ์แจกประชาชนได้

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ร่วมกับสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 และมูลนิธิวีระภุชงค์ เปิดตัว “หนังสือจิตตกรรมเล่าเรื่องจิตตนคร” เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในโอกาสเจริญพระชันษา 100 ปี 3 ตุลาคม 2556

โดยมีรมว.วัฒนธรรม (วธ.) พระดร.อนิลมาน ธมฺมสากิโย ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ กรรมการมูลนิธิวีระภุชงค์ และพระธีรโพธิภิกขุ หรือพระอาจารย์ธีระพันธุ์ ลอไพบูลย์ ประธานชมรมธุลีไท ร่วมแถลงข่าว

พระ ดร.อนิลมาน กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษา 100 ปี 3 ตุลาคม 2556 รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมใจจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน ระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคม 2556

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในการบำเพ็ญพระราชกุศล เป็นกรณีพิเศษ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระสังฆราช ในวันที่ 3 ตุลาคม นี้
อ่านเพิ่มเติม

เปิดตัวหนังสือ จิตตกรรมเล่าเรื่องจิตตนคร ถอดพระนิพนธ์ พระสังฆราช

เปิดตัวหนังสือ จิตตกรรมเล่าเรื่องจิตตนคร ถอดพระนิพนธ์ พระสังฆราช เป็นสมุดภาพเล่าเรื่องครั้งแรกของไทย เทิดพระเกียรติ 100 ชันษา

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ ห้องประชุมชั้น 6 บริษัท ไทยนครพัฒนา จ.นนทบุรี นายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.)กล่าวในพิธีเปิดงานแถลงข่าว “หนังสือจิตตกรรมเล่าเรื่องจิตตนคร” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษา 100 ปี ว่า จิตตนคร เป็นผลงานพระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งได้นำหลักพระธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา เรื่องจิตและธรรมะที่เกี่ยวกับจิตในแง่มุมต่างๆ มาผูกเป็นเรื่องราวในทำนองบุคลาธิษฐาน เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจในเรื่องจิตและการปฏิบัติทางจิต ทั้งนี้ พระธีรโพธิภิกขุ ได้รับประทานอนุญาต จากสมเด็จพระสังฆราช ให้นำพระนิพนธ์ดังกล่าว มาเป็นแรงบันดาลใจเขียนเรื่องและวาดภาพประกอบ ให้มีความน่าสนใจเข้าถึงคนรุ่นใหม่ในชื่อเรื่อง “จิตตกรรมเล่าเรื่องจิตตนคร” เพื่อให้ผู้ศึกษาพระนิพนธ์ มีความเข้าใจในหลักธรรมง่ายขึ้น นายสนธยา กล่าวต่อไปว่า สวธ. ได้ร่วมกับสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 และมูลนิธิวีระภุชงค์ ให้การสนับสนุนการจัดพิมพ์หนังสือจิตกรรมเล่าเรื่องจิตตนคร จำนวน 15,000 เล่ม เพื่อถวายเป็นสักการบูชาและถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราช อีกทั้งเล็งเห็นในคุณค่าของหนังสือ “จิตตกรรมเล่าเรื่องจิตตนคร” ว่าจักสามารถเผยแผ่พระธรรมคำสอนให้เข้าถึงประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนไทยได้ง่ายขึ้น ซึ่งไม่เฉพาะแต่ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่เป็นหลักปฏิบัติอย่างสากล ถือเป็นหนังสือแห่งยุคที่เชื่อว่าจะสามารถพัฒนาไปสู่รูปแบบอื่นได้อีก เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมโลกต่อไป

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เปิดตัวหนังสือ จิตตกรรมเล่าเรื่องจิตตนคร เทิดพระเกียรติสมเด็จพระสังฆราช 100 ชันษา

http://www.stepzii.com/archives/3279

ศึกษาวิเคราะห์แนวคิดเรื่องจิตตนครของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน)

ศึกษาวิเคราะห์แนวคิดเรื่องจิตตนครของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน)

ผู้วิจัย : นางสาวพารณี เจียรเกียรติ

วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องจิตในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร-วาท (๒) เพื่อศึกษาแนวคิดจิตตนครของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และ (๓) เพื่อศึกษาวิเคราะห์คุณค่าเชิงจริยธรรมในพระนิพนธ์จิตตนครของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงเอกสาร โดยศึกษาข้อมูลจากพระไตรปิฎก อรรถกถา ฏีกา วิสุทธิมรรค พระนิพนธ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก หนังสือของท่านพุทธทาสภิกขุ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ศ.ดร. ระวี ภาวิไล เป็นต้น

การวิจัยพบว่าแนวคิดเรื่องจิตในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาทและในพระนิพนธ์จิตตนครเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ในพระนิพนธ์จิตตนครใช้ลักษณะการอธิบายแนวคิดเรื่องจิต โดยการอุปมาอุปมัยผ่าน บุคคลา-ธิษฐาน ทำให้เกิดความซาบซึ้งดื่มด่ำและเข้าใจธรรมของพุทธองค์ได้มากขึ้น ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณค่าเชิงจริยธรรม ซึ่งเข้าใจในลักษณะและธรรมชาติของจิต กระบวนการพัฒนาจิต และการส่งเสริมการปฏิบัติทางจิต
อ่านเพิ่มเติม

ที่พึ่งของชีวิต อันไม่มีที่พึ่งใดเปรียบได้ พระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ที่พึ่งของชีวิต อันไม่มีที่พึ่งใดเปรียบได้ พระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ที่พึ่งของชีวิต อันไม่มีที่พึ่งใดเปรียบได้

พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาเพื่อจิตใจโดยแท้ เป็นศาสนาที่ทะนุถนอมจิตใจเป็นอย่างยิ่ง มุ่งพิทักษ์รักษาจิตใจเป็นอย่างยิ่ง มุ่งพิทักษ์รักษาจิตใจให้ห่างไกลจากความเศร้าหมองทั้งปวง อันจักเกิดแต่ความโลภ ความโกรธ ความหลง ศึกษาพระพุทธศาสนาให้รู้จริง ก็จะเห็นพระพุทธเจ้าว่า ทรงมีพระหฤทัยละเอียดอ่อนและสูงส่งเหนือผู้อื่นทั้งปวง ความอ่อนโยนประณีตแห่งพระหฤทัย ทำให้ทรงเอื้ออาทรถึงจิตใจสัตว์โลกทั้งหลาย ทรงแสดงความทะนุถนอมห่วงใยสัตว์น้อยใหญ่ไว้แจ้งชัด สารพัดที่ทรงตรัสรู้อันจักเป็นวิธีป้องกันจิตใจของสัตว์โลก สมเด็จพระบรมศาสดาทรงพระมหากรุณาพร่ำชี้แจงแสดงสอนตลอดพระชนมชีพที่ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว เช่นนี้แล้วไม่ความหรือที่พุทธศาสนิกทุกถ้วนหน้า จะตั้งใจสนองพระมหากรุณาเต็มสติปัญญาความสามารถปฏิบัติตามที่ทรงสอน เอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมทุกข์ทั้งหลาย ด้วยการแนะนำบอกเล่าให้รู้จัก ให้เข้าใจว่าสมเด็จพระพุทธศาสดานี้ทรงยิ่งด้วยพระมหากรุณา จึงทรงอบรมพระปัญญา จนถึงสามารถทรงยังให้เกิดพระพุทธศาสนาขึ้นได้ เป็นที่พึ่งยิ่งใหญ่ของสัตว์โลกทั้งหลายได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่มีที่พึ่งอื่นใดเปรียบได้
อ่านเพิ่มเติม

อนุรักษ์ “มรดกทางธรรม” สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

อนุรักษ์ “มรดกทางธรรม” สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

อนุรักษ์ “มรดกทางธรรม” สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

ห้องสมุดพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ฉลอง 100 พรรษา “สมเด็จพระสังฆราช”

ถาวรวัตถุอันเป็นมงคล ซึ่งสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร กำลังเตรียมการเพื่อจัดสร้างเป็นพระกุศลเฉลิมพระเกียรติในวาระมหามงคล เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จะทรงเจริญพระชนมายุ 100 พรรษา ในปี 2556

โดยมีเป้าหมายต้องการพัฒนาให้เป็นห้องสมุดทางพระพุทธศาสนาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะมีหนังสือทางพระพุทธศาสนาแล้ว ยังจะมีผลงานการวิจัยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา สื่อมัลติมีเดียต่างๆ ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา รวมทั้งจะเป็นสถานที่ที่ใช้จัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาด้วย

และที่สำคัญห้องสมุดพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย จะถือว่าเป็นห้องสมุดแห่งเดียวของประเทศ ไทยที่จะมีการรวบรวมข้อมูลที่ เป็นมรดกทางธรรมของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ไว้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ลายพระหัตถ์ หนังสือพระนิพนธ์หนังสือ วิชาการส่วนพระองค์ พระสุรเสียงที่พระองค์ทรงเทศน์ในงานต่างๆ ที่มีการบันทึกไว้รวม ไปถึงพระรูปที่หาชมได้ยากของ พระองค์ด้วย
อ่านเพิ่มเติม

จดหมายเหตุ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

จดหมายเหตุ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระฉายาว่า”สุวัฑฒโน” พระนามเดิมว่าเจริญ พระสกุล “คชวัตร”
ประสูติที่บ้านเลขที่ 367ตำบลบ้านเหนืออำเภอเมืองจังหวัดกาญจนบุรีเมื่อวันศุกร์ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 11 ปีฉลู ตรงกับวันที่ 3 ตุลาคมพ.ศ.2456เวลาประมาณ10ทุ่มหรือประมาณ 4.00 น. เศษแห่งวันเสาร์ที่ 4 ตุลาตม พ.ศ.2456 ตามที่นับในปัจจุบัน โยมบิดาชื่อน้อย คชวัตร ถึงแก่กรรม พ.ศ.2465 โยมมารดาชื่อกิมน้อย คชวัตรถึงแก่กรรม พ.ศ.2508

บรรพชน
บรรพชนของสมเด็จมาจาก 4 ทิศ บิดามาจากสายกรุงเก่าทางหนึ่ง จากปักษ์ใต้ทางหนึ่ง ส่วนมารดามีเชื้อสายญวนทางหนึ่ง และจีนทางหนึ่ง บิดาคือนายน้อย คชวัตร เป็นบุตรนายเล็กและนางแดงอิ่ม เป็นหลานปู่พระยา หลานย่าของหลวงพิพิธภักดี และนางจีนเป็นชาวกรุงเก่ามารับราชการในกรุงเทพ ได้ออกไปเป็นผู้ช่วยราชการอยู่เมืองไชยาคราวหนึ่ง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ รัชกาลที่ 3ได้เป็นผู้หนึ่งที่ไปคุมเชลยที่เมืองพระตะบอง ได้ภริยาชาว เมืองไชยา 2 คน ชื่อทับ กับชื่อนุ่น และได้ภริยาชาวเมืองพุ่มเรียง 1 คน ชื่อแต้ม ต่อมาเมื่อได้รับคำสั่งให้ไปราชการปราบแขกที่มาตีเมืองตรังเมืองสงขลาจึงไปได้ภรรยาซึ่งเป็นพระธิดาของพระปลัดเมืองตะกั่วทุ่ง ( สน )และได้พาภริยามาตั้งครอบครัวอยู่ที่กรุงเทพ ฯ เวลานั้นพี่ชายของหลวงพิพิธภักดีเป็นที่พระพิชัยสงคราม เจ้าเมืองศรีสวัสดิ์และพระยาประสิทธิสงคราม ( ขำ ) เจ้าเมืองกาญจนบุรีเป็นอาของหลวงพิพิธภักดีจึงพาภรรยาไปตั้งครอบครัวอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี และลาออกจากราชการไปประกอบอาชีพทำนา ตระกูลคชวัตร นายเล็กกับนางแดงอิ่ม มีบุตร 3 คน

1.นายน้อย คชวัตร
2.นายวร คชวัตร
3.นายบุญรอด คชวัตร
นายน้อย กับนางกิมน้อย คชวัตร มีบุตร 3 คนดังนี้

1.สมเด็จพระญาณสังวรฯ( เจริญ คชวัตร )
2.นายจำเนียร คชวัตร
3.นายสมุทร คชวัตร

อ่านเพิ่มเติม

ชีวิตและปฏิปทา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน) ตอนที่ ๒

ชีวิตและปฏิปทา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน) ตอนที่ ๒

ศาสนาพุทธสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกชีวประวัติบุคคล

จาก http://pantip.com/topic/31074925

ปฏิปทาอันควรค่าแก่การเป็นแบบอย่าง สำหรับพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั่วไป พระปฏิปทาอันเป็นแบบ
อย่างดังกล่าวก็คือ

• ความเป็นผู้ทรงปริยัติและไม่ทิ้งปฏิบัติ
• ความเป็นผู้สำรวมระวังในพระวินัย
• ความเป็นผู้มักน้อยสันโดษ

——————————————————————————

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เคยกล่าวยกย่อง
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ไว้ว่า “หลวงตาอาจจะมีบารมีทางด้านคุ้มครองรักษาประเทศชาติไทยเราได้
แต่หากเป็นด้านค้ำจุนพระศาสนาแล้ว
สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศ จะมีบารมีมากกว่าเสียอีกน๊ะ”

“ท่านไม่ได้ใช้วาจาเลยนะ ไม่พูดเลย มีแต่เราพูดเล็กน้อย พอให้ท่านทราบเท่านั้น
แล้วก็ไม่อยู่นาน เวลาสำคัญๆ ท่านคุยธรรมะเรื่องภายในสำคัญๆ อยู่มาก
เฉพาะสองต่อสอง เรื่องสำคัญท่านจะถามคุยกันธรรมดาว่าท่านพูดน้อยท่านก็ไม่ได้พูดน้อย
เวลาคุยกันเฉพาะสองต่อสองคุยกันธรรมดาเลยนะ เวลาออกสังคมท่านพูดน้อยมาก
เวลาคุยกันสองต่องสองนี้คุยกันธรรมดาเลย มีอะไรท่านก็รับสั่งถามมา เราก็ตอบไปๆ
ท่านถามข้ออรรถข้อธรรมข้อใด พูดกันธรรมดา แต่เวลาสิ่งสำคัญๆ ท่านมักจะถามเฉพาะสองต่อสอง
อยู่วัดบวรฯ ก็ดี อยู่วัดป่าบ้านตาดก็ดี ก็เราสนิทกับท่านมานานเท่าไหร่แล้ว อยู่วัดบวรฯ มาด้วยกัน
ท่านเคยไปเป็นพระภาวนาอยู่ที่วัดป่าบ้านตาดหลายครั้ง ครั้งละเป็นอาทิตย์”
อ่านเพิ่มเติม

หนังสือทรงคุณค่าที่ ‘สมเด็จพระสังฆราช’ ทรงนิพนธ์

หนังสือทรงคุณค่าที่ ‘สมเด็จพระสังฆราช’ ทรงนิพนธ์

ทีมข่าว special scoop ขอร่วมถวายสักการะพระศพ และน้อมจิตเป็นหนึ่งส่งเสด็จ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สู่นิพพาน ด้วยการรำลึกถึงหนังสืออันทรงคุณค่าที่ทรงนิพนธ์เรื่องต่างๆ ทางด้านพระพุทธศาสนาไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งที่เป็นตำรา พระธรรมเทศนา และทั่วไป ซึ่งเป็นหลักธรรมคำสอนที่ประชาชนชาวไทยและต่างชาติสามารถใช้เป็นหลักคิดหรือแนวทางในการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี พร้อมนำเสนอตัวอย่างหนังสือที่ทรงนิพนธ์ดังนี้

‘การศึกษาเพื่อความเป็นคนที่สมบูรณ์’

พระนิพนธ์ฉบับนี้จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา (5 ธันวาคม 2555) “เรื่องการศึกษาเพื่อความเป็นคนที่สมบูรณ์นี้” ได้ปรับปรุงมาจากธรรมบรรยายของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่ทรงสอนพระนวกภิกษุ วัดบวรนิเวศวิหาร ในพรรษากาล 2533 โดยคัดเลือกตัดตอนมาในส่วนของความรู้ความเข้าใจเรื่องศีล สมาธิ และปัญญา ตามหลักคำสอนและตามความหมายทางพระพุทธศาสนา มีเนื้อหาไม่ยากและไม่ง่ายจนเกินไป ที่ผู้อ่านจะได้ความรู้เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา สามารถเป็นพื้นฐานที่จะศึกษาต่อไป อีกทั้งเป็นประโยชน์ต่อการนำไปประพฤติปฏิบัติให้เกิดสันติสุขแก่ชีวิตและสังคมได้ด้วย

‘ความสุขหาได้ไม่ยาก’

พระนิพนธ์ฉบับนี้จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสคล้ายวันประสูติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ทรงเจริญพระชนมายุกาลครบ 93 พรรษา ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2549 โดยคณะศิษย์เห็นว่าพระนิพนธ์เรื่องความสุขหาได้ไม่ยาก เป็นพระนิพนธ์ที่ทรงอธิบายถึงพุทธวิธีที่จะสร้างความสุขให้ชีวิต ตามหลักคำสอนและตามความมุ่งหมายทางพระพุทธศาสนา สามารถไปปฏิบัติได้ง่าย
อ่านเพิ่มเติม

ยิ่งสงบ ยิ่งเป็นสุข – สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ยิ่งสงบ ยิ่งเป็นสุข – สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ยิ่งสงบ ยิ่งเป็นสุข

ที่จริง จิตใจเวลามีความปรารถนาต้องการกับ
เวลาไม่มีความปรารถนาต้องการนั้นแตกต่างกันมาก
จิตใจยามมีความโลภหรือความปรารถนาต้องการนั้น
ไม่ได้มีความสุข มีแต่ความร้อนความตื่นเต้น
กระวนกระวายขวนขวายเพื่อให้ได้สมปรารถนา

จิตใจยามไม่มีความปรารถนาต้องการนั้น
มีความสุขอย่างยิ่ง เห็นจะต้องเปรียบง่ายๆ คือ
ในยามหลับกับในยามตื่น
อ่านเพิ่มเติม

อิทธิปาฏิหาริย์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

อิทธิปาฏิหาริย์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

องค์พระประมุขแห่งพุทธจักรปัจจุสมัยที่ทรงพระชนม์ยืนยาวสูงสุด เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระชาติภูมิ ณ กาญจนบุรี เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๖ ในปีนี้จึงนับเป็นมหามงคลอันพิเศษยิ่งที่ทรงเจริญพระชันษาครบ ๑๐๐ ปี (๓ ตุลาคม ๒๕๕๖) ทั้งปีนี้ยังครบ ๒ รอบ หรือ ๒๔ ปีแห่งการได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ นับแต่วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๓๒

เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ ทรงมีพระวิริยะในการศึกษา ทรงเรียนและสอบด้านปริยัติธรรมได้ในชั้นสูงสุด กล่าวคือ นักธรรมเอก (พ.ศ. ๒๔๗๕) และเปรียญ ๙ ประโยค (พ.ศ. ๒๔๘๔) ทรงใฝ่พระทัยศึกษาภาษาต่าง ๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน จีน และบาลี-สันสกฤต จนสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง จึงทรงหาความรู้สมัยใหม่ด้วยการอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศ ทั้งในคดีโลกและคดีธรรม เป็นเหตุให้พระทัศนะกว้างขวาง ทันต่อเหตุการณ์โลก อันเป็นประโยชน์ยิ่งต่อการสอนสั่งและเผยแผ่พระพุทธศาสนา พระนิพนธ์หนังสือทางพระพุทธศาสนาอีกจำนวนมากเป็นคู่มือการศึกษาและหลักปฏิบัติของชาวพุทธ ล้วนสมสมัย เหมาะแก่บุคคล และสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งทรงสอนพระพุทธธรรมแก่พหูชนไม่เว้นแม้ชาวต่างประเทศ พระนิพนธ์หลายเล่มได้รับการแปลไปในภาษาอื่น เช่น จีน อังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส เป็นต้น นอกจากด้านปริยัติข้างต้นซึ่งเป็นฐานแล้ว ในด้านปฏิบัติก็ทรงฝึกหัดและเริ่มทำกรรมฐาน โดยคำแนะนำในเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พระอุปัชฌาย์ของพระองค์ และทรงทำตลอดมาอย่างต่อเนื่อง จึงทรงตอบพระราชปุจฉาธรรมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เช่น เกี่ยวกับวิปัสสนากรรมฐาน ได้กระจ่าง เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย โปรดให้ทรงนิพนธ์พระวิสัชชนาคำสอนนั้นไว้เป็นประจักษ์ตราบปัจจุบัน นับว่าทรงเป็นพระมหาเถระที่ทรงภูมิธรรมทั้งด้านปริยัติศาสนาและด้านปฏิบัติศาสนา อนึ่ง ระหว่างวันที่ ๒๒ ตุลาคม – ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๙ ซึ่งรัชกาลที่ ๙ เสด็จออกทรงผนวชนั้น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเลือกให้สมเด็จพระญาณสังวรฯ (ซึ่งขณะนั้นมีสมณศักดิ์ที่พระโศภณคณาภรณ์) เป็นพระอภิบาล (พระพี่เลี้ยง) ของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อ่านเพิ่มเติม

. . . . . . .