เทศน์อบรม-ให้สัมภาษณ์หนังสือนิตยสาร “ดิฉัน”
(โดย คุณหญิงทิพยวดี ปราโมช ณ อยุธยา)
ที่กุฏิหลวงตา ณ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๑ (เย็น)
ตอบข้อข้องใจ
หมอในเมืองกับหมอบ้านนอกนี่ต่างกันอยู่มากนะ พวกหมอบ้านนอกส่วนมากช่วยคนไข้จริง ๆ คนไข้วิ่งเข้าไปหานี่ จะทำไง ก็ต้องช่วยรักษาเขาเต็มไม้เต็มมือ เวลารักษาแล้วเขาไม่มีเงินให้ก็ต้องปล่อยไป ๆ แต่หมอในเมืองไม่เป็นอย่างนั้นนะ
หมอประเภทนี้กินไปเรื่อยเสียก่อนนะ กินไปเรื่อย พอเสร็จแล้วหยูกยานี้เท่าไรเป็นเงินสักเท่าไร รีดเอา ๆ แหลก ๆ นี่ละหมอในเมืองกับหมอบ้านนอกต่างกันอย่างนี้ นี้เป็นหลักความจริงเราไม่หาเรื่องอุตริ เรื่องของมันเป็นอย่างนี้ เลยหมอทุกวันนี้กลายเป็นปอบเป็นผีไป พอเห็นคนไข้เข้ามาโรงพยาบาลแล้ว ว่าวันนี้อาหารว่างเกิดแล้ว เป็นลักษณะนั้นนะ ไม่ได้มีความเมตตาอะไรทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นใครจึงอยากจะเป็นหมอ ๆ เพราะมันเป็นหมาได้ง่าย รีดขูดกินตลอดเวลาไม่มีสนใจในเรื่องอรรถเรื่องธรรมเลย
เวลานี้จิตใจของหมอนี้เหือดแห้งมากที่สุด เราพูดจริง ๆ ตรงไปตรงมานี้ เราเคยพูดกับหมออย่างนี้เหมือนกัน ถ้าเราจะพูดแล้วไม่มีสะทกสะท้าน เราจะต้องพูดไปตามเหตุตามผลหลักเกณฑ์เท่านั้น อรรถธรรมเป็นอย่างนั้น ธรรมไม่ได้พูดอ้อมแอ้ม ๆ ต้มตุ๋นหลอกลวงเก่ง ๆ นั้นเรื่องกิเลสสกปรกหาความสะอาดไม่ได้ ประดับประดาหน้าร้านให้สวยงาม ข้างในมีแต่ขี้หมูราขี้หมาแห้ง แต่สำหรับธรรมแล้วตรงไปตรงมา เป็นภาษาที่สะอาด ภาษาตรงไปตรงมาคือภาษาธรรม ภาษากิเลสนี้สกปรกมากที่สุด
เวลานี้โลกเต็มไปด้วยกิเลส เพราะฉะนั้นมันถึงสกปรก ไปที่ไหนมีแต่ความเดือดร้อนเต็มบ้านเต็มเมืองหาความสุขไม่ได้ ใครอยู่ที่ไหน ๆ ใครอย่าว่ามีความสุขนะ หาความสุขไม่ได้ มันประดับประดาร้านเฉย ๆ ทางจิตใจมันเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้กันด้วยความโลภ ราคะตัณหา ความโกรธ เต็มไปอยู่ในหัวใจ บีบบังคับอยู่นั้นเอาความสุขมาจากไหนคนเรา
อ่านเพิ่มเติม