๒๕๕๖ ปีมหามงคล พระชันษาครบ ๑๐๐ ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ผู้นำคณะสงฆ์สูงสุดแห่งโลกพระพุทธศาสนา
พุทธศักราช 2556 ปีที่หน้าประวัติศาสตร์ของวงการคณะสงฆ์ไทยต้องบันทึกถึงความสำคัญอีกครั้ง
เพราะเป็นปีที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประมุขแห่งคณะสงฆ์ไทย จะทรงมีพระชันษาครบ 100 ปี หรือ 1 ศตวรรษ
นับเป็น สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่เจริญพระชันษายิ่งยืนนานกว่าสมเด็จพระสังฆราชในอดีตที่ผ่านมา
ทั้งยังทรงดำรงตำแหน่งต่างๆทางคณะสงฆ์ยาวนานกว่าพระสงฆ์รูปอื่นๆ คือ ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 23 ปี ตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต 24 ปี ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร 51 ปี
ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ.2469 จากสามเณรที่บวชแก้บน ณ วัดเทวสังฆาราม จ.กาญจนบุรี และได้เข้ามาศึกษาพระปริยัติธรรม และบวชเป็นพระสงฆ์ที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2476 พระองค์ทรงปฏิบัติศาสนกิจอย่างเคร่งครัดและครบถ้วน จนกระทั่งได้รับพระ ราชทานสถาปนาขึ้นดำรงตำแหน่ง สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ลำดับที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2532
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงสร้างประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ไทยไว้อย่างมากมาย
ในด้านการพระศาสนา ช่วงที่พระองค์ยังไม่ได้มีพระอาการประชวร จะทรงประทานพระโอวาทสั่งสอนพระภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่อยู่ในฐานะพระอุปัชฌาย์อยู่เสมอ ทั้งยังทรงสอนกรรมฐานแก่พุทธศาสนิกชนเป็นประจำทุกวันพระ และหลังวันพระเป็นประจำ นอกจากนี้ ยังทรงเสด็จไปปฏิบัติศาสนกิจในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และเยี่ยมพระสงฆ์ในพื้นที่ต่างๆอยู่เสมอ เพื่อจะได้ทรงทราบปัญหาของคณะสงฆ์ ทั้งยังทรงสร้างโรงพยาบาลถวายเป็นพระอนุสรณ์เฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทั้ง 18 พระองค์ขึ้นในภูมิภาคต่างๆ
ส่วนด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พระองค์ทรงเป็นผู้ริเริ่มกิจการในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปยังต่างประเทศ ทรงส่งพระธรรมทูตไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินโดนีเซีย ทั้งยังเสด็จไปให้การบรรพชาอุปสมบทกุลบุตรในอินโดนีเซีย ทำให้เกิดคณะสงฆ์เถรวาทและวัดทางพระพุทธศาสนาเถรวาทขึ้นในประเทศอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก
อ่านเพิ่มเติม →