ธรรมมะสำหรับคนเจ็บไข้ โดย พุทธทาสภิกขุ

ธรรมมะสำหรับคนเจ็บไข้ โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – อาศัยพระพุทธเจ้าเป็นกัลยาณมิตร
ธรรมมะสำหรับคนเจ็บก็มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกอย่างเพียงพอ มากมาย ซึ่งถ้าสรุปเอาแต่ใจความสำคัญรวมกันแล้วก็ได้แก่ คำสอน ที่สอนให้เห็นว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง เรียกว่า ตถตา เป็นเช่นนั้นเอง มันมีเหตุปัจจัยปรุงแต่งกันแล้วเป็นเช่นนั้นเอง เรียกว่า อิทิปปัจยตา โดยละเอียด นี่ถ้าเห็นความเป็นเช่นนั้นเอง ก็เห็นเป็นของที่ไม่หวาดกลัวอะไร ไม่ต้องเกิดปัญหายุ่งยากลำบากใจ เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง เป็นของธรรมดาที่มันต้องมี ตามธรรมชาติ

เราไม่รู้สึกว่าเป็นของธรรมดาตามธรรมชาติ ก็เป็นทุกข์ คือ เกิดความรู้สึกว่าตัวเราขึ้นมา รับเอาความทุกข์นั้น ข้อนี้ต้องฟังให้ดีๆสักหน่อยจึงจะเข้าใจได้ คือว่า เป็นของธรรมดา ของธรรมชาติ ไม่ใช่ของใคร แต่ครั้นมันเกิดขึ้นกับ ชีวิตจิตใจนี้ มันก็มีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นกับชีวิตจิตใจนี้ คือ เกิดความเข้าใจไปว่า มันเกิดแก่ตัวเรา ไม่ใช่เป็นของธรรมชาติ เกิดแก่ธรรมชาติ
อ่านเพิ่มเติม

การดำรงจิตไว้อย่างถูกต้อง โดย พุทธทาสภิกขุ

การดำรงจิตไว้อย่างถูกต้อง โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – อุปปาเหมือนกับขี่รถจักรยานจิต
การพูดกันครั้งสุดท้ายนี้เหมือนกับว่าเป็นการปิดประชุม เป็นการลา หรือรับการลา ด้วยการปราศรัยเล็กๆ น้อยๆ พร้อมกันไปกับการสรุปเรื่องที่บรรยายต่างๆ คือจะกล่าวว่า เรื่องทุกเรื่องที่เราได้ฟัง ได้ยินได้พูดกันมาแล้วนี้ อาจจะสรุปได้เป็นคำพูดสั้นๆ ว่า เป็นเรื่องการดำรงจิตไว้อย่างถูกต้อง ขอให้ช่วยจำว่า พุทธศาสนาทั้งหมดทั้งสิ้น ก็คือการดำรงจิตไว้อย่างถูกต้อง ก็ย่อมจะได้รับผลอยู่ในตัวความถูกต้องนั้นเอง ขอให้เราพยายามส่วนที่เป็นการดำรงจิต แล้วก็ดำรงจิตไว้ให้ถูกต้อง

พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้เป็นใจความ สรุปได้สั้นๆ ว่า ถ้าหากดำรงจิตไว้อย่างถูกต้อง จะได้รับ ประโยชน์ ความสุขทุกอย่างทุกประการ เหมือนกับว่า ญาติมิตรสหาย คนหวังดีทั้งหมด ช่วยเหลือเรา ช่วยกันทำให้กับเรา แล้วถ้าเราดำรงจิตไว้ผิด เราก็จะสูญเสียประโยชน์ มีความเสียหาย ได้รับความทุกข์ เหมือนกับว่า หากคนที่เป็นข้าศึกศัตรู คู่อาฆาตทั้งหลายทั้งหมดเค้ามารุมกันกระทำให้แก่เรา คิดดู

มันอยู่ที่ว่าเราดำรงจิตไว้ถูกต้องหรือดำรงจิตไว้ผิด ถ้าถูกต้องได้รับประโยชน์ ถ้าดำรงไว้ผิดก็สูญเสียประโยชน์ จึงว่าเรื่องทั้งหมดมันอยู่ที่การดำรงจิตให้ถูกต้อง เราจะเรียนรู้เรื่องอะไร เรื่องขันธ์ เรื่องธาตุ เรื่องอายตนะ เรื่องอริยสัจ เรื่องอะไรทั้งหมดทุกเรื่อง มันก็มาสรุปลงที่เพื่อการดำรงจิตไว้ถูกต้อง
อ่านเพิ่มเติม

จงมีตนเป็นสรณะ โดย พุทธทาสภิกขุ

จงมีตนเป็นสรณะ โดย พุทธทาสภิกขุ

ได้ประโยชน์จากธรรมะ มีธรรมะคุ้มครอง มีนิพพานน้อยๆของท่านเองคุ้มครอง ดับซึ่งไฟโรคะ โมหะ โทสะ เป็นนิพพานที่คุ้มครอง แล้วเป็นสุข ทุกทิวาราตรีนี่เป็นการเที่ยวไปของธรรมะ เที่ยวโลกของพระธรรม อยู่ด้วยพระธรรม พระธรรมคุ้มครอง

หน้าที่ 1 – จงมีตนเป็นสรณะ
ถึงท่านสาธุชนผู้สนใจในธรรมะทั้งหลาย อาตมาถือโอกาสแสดงธรรมด้วยการบรรยายจากธรรมดาเพื่อสำเร็จประโยชน์โดยสะดวก เดี๋ยวนี้ท่านมานั่งอยู่ในสถานที่ในลักษณะเช่นนี้ ในโอกาสที่ท่านทั้งหลายทำกันในสิ่งที่เรียกว่า ทัศนาจร จึงขอให้จำ จำในความรู้สึกว่า เดี๋ยวนี้เราได้นั่งกลางดิน โอกาสที่จะนั่งกลางดินอย่างนี้มีน้อย คนที่นั่งกลางดินมักจะโกรธ ขัดใจว่าไม่สมเกียรติ เป็นต้น นี่มันคนโง่ เพราะว่ากลางดินนี้แหละเป็นสิ่งสูงสุด ท่านพระพุทธเจ้า ประสูติและตรัสรู้ก็กลางดิน สอนแสดงธรรมส่วนมากก็กลางดิน อาจกล่าวได้ว่า พระไตรปิฏกทั้งหลายมันเกิดขึ้นกลางดิน สอนแสดงธรรมที่ไหนก็กลางดิน เดินทางก็กลางดิน ที่อยู่ของท่านพระพุทธเจ้าก็กลางดินจนถึงท่านดับขันธ์ปรินิพพานก็กลางดิน เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ไม่กลางดิน เราควรจะพอใจในสิ่งที่เรียกว่า แผ่นดิน
อ่านเพิ่มเติม

การเป็นพุทธบริษัทที่ถูกต้อง โดย พุทธทาสภิกขุ

การเป็นพุทธบริษัทที่ถูกต้อง โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – ศาสตร์ของคนตื่น
ท่านสาธุชนทั้งหลาย การแสดงธรรมในวันนี้ ขอกล่าวในลักษณะบรรยายปาฐกถาธรรมหรือธรรมกถา เป็นการสะดวกดีและได้ประโยชน์เต็มที่ แทนที่จะนั่งเทศน์อย่างตามธรรมเนียม ข้อแรกที่สุดนี้ขอแสดงความยินดีในการมาของท่านทั้งหลาย มาสู่สถานที่นี้และในลักษณะอย่างนี้ คือปรารถนาจะศึกษา และขอแสดงความยินดีในการที่ว่าเราได้มานั่งกันกลางดิน ซึ่งไม่มีกี่แห่งนักที่จะนั่งพูดนั่งเทศน์กันกลางดิน ขอให้เข้าใจว่าเป็นการต้อนรับท่านทั้งหลายด้วยสถานที่อันสูงสุดศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่าพระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน เพราะว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้กลางดิน เพราะว่าพระพุทธเจ้าสอนกลางดิน พระพุทธเจ้าอยู่กลางดิน พระพุทธเจ้านิพพานกลางดิน เคยได้ยินได้ฟังกันมาแล้วว่า ท่านประสูติกลางดินต้นไม้สาละ ท่านตรัสรู้กลางดินโคนต้นโพธิ์ ท่านสอนกลางดินทั่วๆไปไม่ว่าที่ไหนแม้โรงธรรมที่อยู่ที่วัดก็เป็นกลางดิน กุฏิของท่านก็พื้นดิน แม้ในที่สุดท่านนิพพานก็กลางดิน ขอให้สนใจกลางดินเมื่อได้นั่งกลางดิน ขอให้มี พุทธานุสติระลึกถึงพระพุทธเจ้า เอามือประคองแผ่นดินในฐานะเป็นสิ่งสูงสุดศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับพระพุทธองค์อย่างนี้ เราจะได้มีจิตใจที่มีปิติปราโมทย์มากกว่าธรรมดา มีพุทธานุสติมากกว่าธรรมดา เป็นจิตใจที่พร้อมที่จะเข้าถึงธรรมะ ชนิดที่สำเร็จประโยชน์ได้ ขอแสดงความยินดีในการที่ได้มานั่งกันกลางดินในลักษณะอย่างนี้ ทีนี้ก็ขอแสดงความยินดีที่ว่าท่านทั้งหลายสามารถที่จะสวดมนต์มีคำแปลเป็นภาษาไทยได้ ขอนี้ก็มีความสำคัญ คือหมายความว่าได้มีความก้าวหน้าขึ้นไปขั้นหนึ่งจนถึงกับรู้ความหมายของบทที่สวด ถ้าไม่รู้ความหมายของบทที่สวด
อ่านเพิ่มเติม

วิธีทำสมาธิเบื้องต้น โดย พุทธทาสภิกขุ

วิธีทำสมาธิเบื้องต้น โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – จิตที่เป็นสมาธิ
บัดนี้ที่เรามานั่งอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ในลักษณะอย่างนี้ ขอทำในใจให้ถูกต้องว่า มานั่งอยู่ในที่อันศักดิ์สิทธิ์ คือพื้นดิน พระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน สอนกลางดิน อยู่กลางดิน แล้วก็นิพพานกลางดิน นั้นถือว่าแผ่นดิน เป็นที่นั่ง ที่นอน ของพระพุทธเจ้า ท่านพระพุทธเจ้าประสูติโคนต้นไม้ต้นสาละ และตรัสรู้โคนต้นไม้ ไม้อัสถะ สอนส่วนใหญ่ใต้ต้นไม้ แล้วก็นิพพานใต้ต้นไม้ บัดนี้เรามาอยู่ในสถานที่เช่นนั้น คือ ใต้ต้นไม้ และกลางดิน เอามือลูบดินดู ในใจก็ให้คิดถึงพระพุทธเจ้า จะได้เกิดความรู้สึกผิดไปจากธรรมดา ที่จะรู้จักธรรมะได้ง่ายเข้า ขอให้เข้าใจว่าไม่มีศาสดาองค์ไหน ศาสนาไหน ตรัสรู้ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย แต่ตรัสรู้กลางดิน ขอให้เสพเสนาสนะนี้เป็นพิเศษ มีจิตใจหนักแน่น เหมือนแผ่นดิน อันเป็นที่รองรับวิชาความรู้อันพึงมีพึงได้ วันนี้จะได้พูดกันถึง เรื่องการทำสมาธิ หรือวิธีการทำสมาธิ ตามที่ได้ปรารภไว้ นี่ก็เป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่ง มีเหตุผลอย่างยิ่ง ในการศึกษา เพราะว่าการศึกษาทางรอดในพระพุทธศาสนาก็มีอยู่ ตามขั้นตอนคือ ศีล สมาธิ และปัญญา ความถูกต้องทางกาย ทางวาจา ที่ไม่มีที่ตำหนิก็เรียกว่า ศีล ความถูกต้องทางจิตที่ไม่มีอะไรให้เศร้าหมอง ก็เรียกว่า สมาธิ ความถูกต้องทางปัญญา ก็เรียกว่า ปัญญา ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องศึกษากันเรื่อยไป วันนี้จะพูด เรื่องการทำ สมาธิ อันเป็นสิกขา ส่วนที่สอง เพื่อประโยชน์แก่การทำหน้าที่ทั่วๆไปด้วย และเพื่อประโยชน์ของการประพฤติธรรมในพระพุทธศาสนาด้วย
อ่านเพิ่มเติม

หลักพื้นฐานการมีธรรมะและการบำเพ็ญหน้าที่ โดย พุทธทาสภิกขุ

หลักพื้นฐานการมีธรรมะและการบำเพ็ญหน้าที่ โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – เคารพธรรมะ
ถึงครูบาอาจารย์ผู้มีหน้าที่ช่วยบริหารการศึกษาทั้งหลาย อาตมาขอแสดงความยินดี ในการมาของท่านทั้งหลาย ในสถานที่นี้ ในลักษณะอย่างนี้ เพื่อแสวงหาความรู้ ทางธรรมะ เพื่อการประกอบอาชีพของตนให้มีความก้าวหน้ามั่นคงยิ่งๆขึ้นไป อาตมาขอแสดงความยินดีที่ท่านมีหน้าที่เป็นครูบาอาจารย์ ถ้าเทียบกับวรรณะในอินเดียแล้วถือว่าเป็นวรรณะพราหมณ์ เทียบคู่ได้กับวรรณะกษัตริย์ ที่มีหน้าที่คุ้มครองให้ในทางจิตวิญญาณ และวรรณะกษัตริย์ที่มีหน้าที่คุ้มครองทางด้านวัตถุ บริหาร ร่างกาย ทรัพย์สมบัติ อาตมาขอให้นึกถึงเกียรติอันสูงสุดนี้ คำว่า ครู นี้หมายถึง หนัก บุคคลที่ควรหนัก คือควรเคารพ ในการค้นคว้าสรรพศาสตร์ คือผู้ที่เปิดประตู ครอบแห่งความโง่เขลา เร่าร้อน แล้วเปิดไปสู่โลกภายนอกที่สะอาด สว่าง สงบ เย็น ถึงว่าเป็นผู้ที่เปิดประตูในทางวิญญาณ ผู้นำในทางวิญญาณให้ก้าวหน้า ให้ถูกทาง ดังนั้นเราควรจะพอใจในการทำหน้าที่ครู ไม่ใช่สร้างสอนกันไปวันๆ หรือเป็นเพียงอาชีพหากินเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม

วิเวกเป็นสิ่งที่ควรรู้จักและควรมี โดย พุทธทาสภิกขุ

วิเวกเป็นสิ่งที่ควรรู้จักและควรมี โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – วิเวกเป็นสิ่งที่ควรรู้จัก
วันนี้จะพูดในหัวข้อว่า วิเวกเป็นสิ่งที่ควรรู้จัก และควรมี คำว่า วิเวกนี้ ดูจะเป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป บางคนคิดว่าเป็นคำครึคระ สำหรับพวกอยู่ป่า ฤๅษี ชีไพร ถ้าเคยเข้าใจอย่างนั้น ให้มาศึกษาใหม่ จะมีประโยชน์อย่างมาก มันมีความรับซ่อนอยู่ แล้วคนก็ไม่รู้จัก ไม่ต้องการ ให้เข้าใจคำว่า วิเวก เป็นตัวหนังสือก่อน ภาษาบาลี วิเวก แปลว่า เดี่ยว ไม่มีอะไรรบกวน แต่ภาษาไทยมีแต่จะเปลี่ยนความหมาย เป็นวิเวกวังเวง เป็นไม่ต้องการ ไม่น่าจะพอใจ คนธรรมดาก็ไม่ชอบวิเวก เพราะเขาไม่อยากอยู่คนเดียว อย่างน้อยก็มีเด็กๆ เพื่อน คนหลายๆคน อบอุ่น นั่นไม่เป็นไร แต่ความหมายวิเวก มันลึกกว่านั้นมาก มันจำเป็นต้องมีด้วยซ้ำไป ถ้าไม่มีเสียบ้าง มันอาจจะตาย ก็ลองคิดดูว่า เดี่ยว และไม่มีอะไรมารบกวน มันจะสบายไหม วิเวกแบ่งเป็น สามชนิด หนึ่งคือทางกาย คือ กายที่ไม่มีอะไรมารบกวน สองคือทางจิต จิตที่ไม่มีอะไรมารบกวน และสาม อุปธิวิเวก คือไม่มีอะไร มายึดมั่น ถือมั่น หอบหรือถือหนักอะไรเอาไว้ บางทีเปลี่ยนความคิดมาสนใจ พอใจ เรื่องวิเวกบ้างก็ได้ วิเวกทางกาย คือ กายที่ไม่มีใครมารบกวน แต่ในความจริง มันอยากมีอะไรมารบกวน มายุ่งด้วย จะยิ่งดี แต่ก็มีบางเวลาที่ไม่อยากให้มีใครมายุ่ง อยากมีอิสระ อยู่คนเดียว ไม่มีวัตถุ อ่านเพิ่มเติม

การทำงาน คือการปฏิบัติธรรม โดย พุทธทาสภิกขุ

การทำงาน คือการปฏิบัติธรรม โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – การรอดในโลกนี้มีอย่างไรบ้าง
ท่านสาธุชน ผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย อาตมาจะได้กล่าวเรื่องโดยหัวข้อว่าการทำงาน คือการปฏิบัติธรรม ทำไมต้องพูดเรื่องนี้ ก็ เพราะว่าเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายส่วนมากยังไม่เข้าใจ อย่าหาว่าเป็นการดูหมิ่นดูถูกอะไร หรือว่าท่านส่วนมากยังไม่เข้าใจและเข้าใจผิดอยู่ คือไม่เห็นด้วยว่า การทำงานเป็นการปฏิบัติธรรมได้อย่างไร ด้วยเคยได้ยินเขาพูดกันแต่ว่า ปฏิบัติธรรม ต้องไปอยู่วัด ต้องเก็บตัว ต้องทำตามแบบฉบับที่เขาวางไว้ บัดนี้มาพูดว่าการทำงาน คือการปฏิบัติธรรม มันขัดกันก็เลยไม่เชื่อ นี่แหละถึงต้องพูดเรื่องนี้ สิ่งที่เรียกว่า “ธรรม” มันก็ยังเป็นสิ่งที่เราไม่รู้จัก ไม่รู้จักว่าธรรมคืออะไร เราก็เลยไม่รู้ว่าการปฏิบัติธรรมคืออะไร และการทำงาน คือการปฏิบัติธรรมอย่างไร เราไม่รู้ว่าธรรมคืออะไร เราก็เลยไม่รู้ว่าทำอย่างไรจึงจะมีธรรม ดังนั้นเราจึงไม่มีธรรม ก็อยู่กันอย่างไม่มีธรรม ไม่มีธรรมะ ก็ต้องมีแต่ความยุ่งยาก ลำบาก ทุกข์ทรมาน ทั้งโดยส่วนตัวและโดยสังคม ในชั้นแรกนี้ ก็อยากจะพูดถึงคำว่าธรรม ธรรม คือ สิ่งที่มีอยู่โดยธรรมชาติ ดังนั้นในภาษาบาลี คำว่า ธรรม กับ คำว่า ธรรมชาติ จึงเป็นคำเดียวกัน เมื่อถามว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร ก็ตอบว่าตรัสรู้ธรรม ท่านสอนอะไร ท่านสอนธรรม สอนธรรมะ ก็ควรจะรู้ต่อไปว่าท่านสอนอะไร จึงจะรู้ว่าท่านตรัสรู้ธรรม ท่านสอนธรรม ก็เหมือนว่ายังไม่ได้พูดว่าอะไร และยังไม่มีประโยชน์อะไร ท่านตรัสรู้ธรรม และสอนธรรม ก็คือสอนเรื่องธรรมชาติ เกี่ยวกับธรรมชาติ โดยสี่ความหมาย โดย 4 หัวข้อ ก็ได้ ท่านสอนว่าตัวธรรมชาติว่าเป็นอย่างไร ท่านสอนว่ากฎของธรรมชาตินั้นเป็นอย่างไร ท่านสอนเรื่องหน้าที่ของมนุษย์ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติว่าเป็นอย่างไร ท่านสอนเรื่องผลที่จะได้รับจากการปฏิบัตินั้นว่าเป็นอย่างไร มันมีอยู่ 4 อย่างอย่างนี้ ท่านทั้งหลายก็พอจะเข้าใจได้เองว่า ความหมายที่สามว่าหน้าที่ของมนุษย์ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติ นั่นแหละเป็นหัวข้อที่สำคัญที่สุด ที่เราต้องรู้ ต้องเข้าใจและต้องปฏิบัติด้วย ไม่ใช่รู้เฉยๆ ปฏิบัติเฉยๆ
อ่านเพิ่มเติม

โลกพระศรีอารย์อยู่แค่ปลายจมูก โดย พุทธทาสภิกขุ

โลกพระศรีอารย์อยู่แค่ปลายจมูก โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – โลกของพระศรีอารย์
โลกพระศรีอารย์อยู่แค่ปลายจมูก แด่ท่านสาธุชนผู้มีใจในธรรมทั้งหลาย การบรรยายประจำวันเสาร์ แห่งวันวิสาขบูชาแห่งชาติอาตมาขอกล่าวด้วยเรื่องสำคัญที่พากันมองข้ามจากความเดิม ส่วนในครั้งนี้จะกล่าวในหัวข้อว่า โลกพระศรีอารย์อยู่แค่ปลายจมูก การกล่าวเช่นนี้คงจะทำให้รู้สึกกระวนกระวายสำหรับท่านหลายท่านก็ได้ เพราะไม่มีใครพูดอย่างนี้ พูดกันแต่ว่าโลกพระศรีอารย์ ต้องรออีกหมื่นปีกว่าจะมาถึง ที่อาตมาว่าโลกพระศรีอารย์อยู่แค่ปลายจมูก ก็จะหาอาตมาว่าพูดเล่น พูดเพ้อๆไป พูดอย่างไม่รับผิดชอบ อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาพูดอย่างรับผิดชอบ พูดอย่างตั้งใจจริงว่าโลกพระศรีอารย์อยู่ไม่ไกล อยู่แค่ปลายจมูก แต่คนโง่มันไม่คว้าเอา แต่จะให้พูดเสียให้หมดว่า พระนิพพานอยู่ที่ปลายจมูก โลกพระศรีอารย์อยู่แค่ปลายจมูก คนโง่เหล่านั้นมองไม่เห็น พูดถึงสิ่งที่อยู่ที่หน้าผากก่อน เจ้าของมันมองไม่เห็น มันก็ไม่รู้สึกว่ามี มีเพชรที่หน้าผาก ส่วนโลกของพระศรีอารย์มันอยู่แค่ปลายจมูก พอเอาตาสองลูกจ้องลงไปที่ปลายจมูก มันก็เห็นลางๆ ไม่เชื่อก็ลองเพ่งดูปลายจมูกของตนเดี๋ยวนี้ดูก็ได้ มันก็ยังไม่เห็นโดยสมบูรณ์ เห็นลางๆนั่นเอง จนต้องพูดกันว่ามันจะเห็นที่ปลายจมูกได้อย่างไร
อ่านเพิ่มเติม

สมาธิและการพัฒนาของระบบสมาธิ โดย พุทธทาสภิกขุ

สมาธิและการพัฒนาของระบบสมาธิ โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – การตั้งมั่น สม่ำเสมอ
เนื่องจากมีเวลามาก ก็จะพูดให้ละเอียดหน่อย โดยเฉพาะเรื่องที่จะพูดในวันนี้ คือเรื่อง สมาธิเฉยๆ ส่วนเรื่อง สมาธิภาวนา และ อานาปานสติ จะพูดในวันหลังเพราะเรื่องมันมาก เมื่อครูจะสอนสมาธิก็ควรรู้เรื่องสมาธิให้มันครบถ้วน เพราะสมาธิตามธรรมชาติโดยสัญชาตญาณ ก็มีอยู่พวกหนึ่ง และสมาธิที่ฝึกจนมากขึ้นก็มีอยู่พวกหนึ่ง แต่มันก็เรียกว่าสมาธิเหมือนกัน จะพูดถึง สมาธิตามสัญชาตญาณ ก็ขอให้นักเรียนสังเกตดูว่า ลิงมันกระโดด ข้ามต้นไม้ได้แม่นยำจากกิ่งนี้ ไปสู่กิ่งนั้น มันทำได้ด้วยอำนาจอะไร หรือว่านกมันบินไปในช่องแคบๆได้ และมีปลาบางชนิดสามารถพ่นน้ำไปหาแมลงที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ จนตกลงมาแล้วกินเสีย อย่างนี้ก็ได้ มันทำด้วยอำนาจอะไร ถ้ารู้ ก็จะรู้ว่าทำได้ด้วยอำนาจสมาธิที่มีอยู่ตามสัญชาตญาณ ไม่ต้องมีใครมาสอนก็ทำได้ และเราก็ไม่ค่อยได้คิดถึงว่ามันเป็นสมาธิ หรือจะเล่นทอยหลุม ขว้างก้อนหินได้แม่นยำ หรืออะไรก็ตาม ทำไมเด็กๆมันทำได้ กระทั่งว่าคนจะยิงปืนอย่างแม่นยำ ถูกเป้า มันก็ทำด้วยสมาธิ พูดได้ว่า สมาธิตามสัญชาตญาณ มีอยู่เป็นพื้นฐานแห่งชีวิตและจิตใจ ถ้าอย่างนั้น มันทำอย่างที่ว่ามาไม่ได้ ทีนี้ก็ดูว่าสมาธิตามธรรมชาติ มันจำกัดอยู่เพียงเท่านั้น มันไม่พอที่ใช้ในการงานที่สูงขึ้นไป มนุษย์หรือคนป่า ครึ่งลิงครึ่งคนมันก็สังเกตเห็นว่า จิตนี้ฝึกได้ จนมีบางพวกไปฝึกตามป่าเขา เป็นฤๅษีชีไพร ฝึกแล้ว ได้มากกว่าแล้ว มากกว่าพวกหนึ่ง ในระดับแรกๆก็ได้เท่านั้น ยังไม่ถึงวิปัสสนาที่ดับกิเลส อ่านเพิ่มเติม

สนทนาเรื่องธรรมคำเดียว โดย พุทธทาสภิกขุ

สนทนาเรื่องธรรมคำเดียว โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – ธรรมคือหน้าที่ของสิ่งมีชีวิต
ฟังเรื่องธรรม อาตมาอยากถวายความคิด รู้สึกถึงคำๆนี้ ให้พิจารณา ถ้าไปใช้ให้มีประโยชน์ได้ก็ดีมาก มีคนเห็นด้วยว่า ธรรม แค่พยางค์เดียว แก้ปัญหาหมดทุกปัญหาในสากลจักรวาล อย่างที่เราพูดกันมาแล้วว่า ธรรมคือหน้าที่ของสิ่งมีชีวิต เมื่อสิ่งมีชีวิตทำหน้าที่ แล้วจะมีปัญหาอะไรเหลือ หรือถ้ามันทำหน้าที่ผิดไป มันจะเป็นธรรมที่ผิด เป็นบาปอกุศล ในบาลีเขาว่า คือธรรมดำ ธรรมขาว กรรมดำ กรรมขาว มีใช้กันมาก เราไม่เคยนำมาพูดกันเอง เราใช้คำอื่นว่า บาป กุศล อกุศล เขาควรจะทำหน้าที่ให้มีชีวิตรอด ก็เป็นธรรมที่ผิดไปเสีย เป็นธรรมที่ดำ ตรงข้ามกับขาว ซึ่งเป็นธรรมที่ถูก แต่ที่เราใช้ธรรมเพียงคำเดียว คือการทำหน้าที่ที่ถูกต้อง ตามการมุ่งหมายของการมีชีวิต ขอให้จำความหมาย และหลักนี้ ซึ่งเป็นหลักที่ตรงความหมายตามวิทยาศาสตร์มากที่สุด
อ่านเพิ่มเติม

การมีชีวิตด้วยจิตว่าง โดย พุทธทาสภิกขุ

การมีชีวิตด้วยจิตว่าง โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – มีชีวิตด้วยจิตว่างอย่างไร
ท่านสาธุชนผู้สนใจในธรรมทั้งหลาย อาตมาจะพูดกับท่านทั้งหลายโดยหัวข้อว่า การมีชีวิตด้วยจิตว่าง การมีชีวิตด้วยจิตว่างนี่คืออะไร คือสิ่งที่ท่านยังไม่รู้ จะพูดใส่หน้ากรอกหูลงไปเลยว่า คือสิ่งที่ท่านยังไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตด้วยจิตว่างอย่างไร ไม่รู้ว่าการมีชีวิตด้วยจิตว่างคืออะไร

การมีชีวิตด้วยจิตว่างก็คือ จิตที่รู้จักสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริง ไม่ไปเป็นทาสของสิ่งใดๆ ไม่ไปติดผูกพันอยู่กับสิ่งใดๆ เป็นจิตว่าง เป็นจิตอิสระจากสิ่งทั้งหลายที่มีอยู่ในโลก อย่างนี้เรียกว่าจิตว่าง จิตฉลาด จิตคิดลึกได้รวดเร็ว สำหรับจะว่าง ไม่เป็นจิตโง่ งุ่มง่าม เข้าไปหลงใหลยึดถือในสิ่งใด ก่อนแต่จะทำ กำลังทำ ทำเสร็จแล้ว จิตโง่มันก็ยึดถือตลอดเวลา มันก็แบกภูเขาอยู่ตลอดเวลา มันเป็นจิตวุ่น เป็นจิตที่ติดอยู่กับสิ่งนั้นๆ มันไม่ว่างถ้ามีสติปัญญารู้เพียงพอในเรื่องของธรรมชาติ เรื่องกฎของธรรมชาติ เรื่องหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ เรื่องพ้นจากหน้าที่เป็นต้นแล้ว ก็รู้ว่าธรรมชาติทั้งหลายมันเป็นอย่างนั้นเอง จะไปหมายมั่นตามความต้องการของเราไม่ได้ เราก็ไปเกี่ยวข้องกับิ่งเหล่านั้นโดยไม่ต้องหมายมั่น คือด้วยจิตที่เป็นอิสระ
อ่านเพิ่มเติม

สติและการฝึกสติ โดย พุทธทาสภิกขุ

สติและการฝึกสติ โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – สติเป็นธรรมเครื่องตื่นอยู่
ทีนี้จะพูดถึงธรรมะ ตามที่ได้รับการขอร้องให้พูดเรื่อง สติ ที่จริงคำว่าสติคำเดียวมันพอ ถ้าเรารู้ ดับทุกข์ได้จริง แต่ว่าเรามีสติกันแต่ปาก มีสติตามธรรมเนียม ตามพิธีรีตอง ไม่รู้จักตัวสติ ทั้งๆที่สติมีอยู่แล้วในเรา ถ้าไม่มีสติมันตายหมดแล้วคนเรา อยากจะให้ทุกคนระลึกให้ลึกลงไปสิ่งที่เขาเรียกว่า สัญชาตญาณ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้เองแก่สิ่งที่มีชีวิต อย่างที่เราได้ยินกัน สัญชาตญาณแห่งการต่อสู้ แห่งการอยู่รอด เป็นสัญชาตญาณที่สำคัญที่สุด ทีนี้จะมีชีวิตอยู่ได้ต้องมีสัญชาตญาณหลายๆอย่าง ช่วยกันประกอบไว้ให้สำเร็จตามนั้น คราวนี้สัญชาตญาณที่วิเศษอันนี้ ที่สามารถรู้สึกได้เร็วที่เรียกว่า สติ รู้สึกตัวอยู่ มันมีอยู่ตามสัญชาตญาณ เต็มขนาดที่ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ ถ้าไม่มีสติแท้ๆตามธรรมชาติ มันทำอะไรไม่ได้ เหมือนหลับตาเดิน หลับตากินข้าว ทำการงานอะไรลองหลับตาดู มันก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีสติ ดังนั้นถือว่า สติเป็นธรรมเครื่องตื่นอยู่ เราทำอะไรทุกกอย่างได้ โดยสิ่งที่เรียกว่าสติ ในระดับต่ำสุดคือตามธรรมชาติ หมาแมว อะไรมันก็มี สิ่งมีชีวิตมันต้องมีสัญชาตญาณชื่อนี้ คือสติ ถ้ามิฉะนั้นเหมือนหลับ สลบ หรือตาย ในภาษาบาลี เรียกว่าสติ แต่ในสันสกฤตเรียกว่า สมประดี ก็คือคำว่าสติ ในภาษาไทยว่าสมปฤดี คุณคงเข้าใจว่า คนไม่มีสมปฤดี หมายถึงอะไร คนหลับ คนเมา คนบ้าไม่มีสมปฤดี เพราะว่ามันไม่มีสติ ถ้าว่ากันโดยยุติธรรมแล้ว สติเป็นสัญชาตญาณพื้นฐานที่ให้ชีวิตเรารอด และต้องขอบคุณสติที่ทำให้เราไม่บ้า ที่ให้เราอยู่รอด โดยที่เราไม่รู้สึกตัว ไม่สนใจ ไม่รู้จักมัน
อ่านเพิ่มเติม

โลกอื่น โดย พุทธทาสภิกขุ

โลกอื่น โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – โลกอื่น หมายความว่าอย่างไร
ท่านอาคันตุกะผู้มาเยี่ยมวัดทั้งหลาย อาตมาขอแสดงความยินดีในการมาของท่านทั้งหลาย ขอต้อนรับตามที่จะทำได้ ในลักษณะของ ธรรมะปฏิสันถาร ไม่มีวัตถุสิ่งของเครื่องเลี้ยงเครื่องดื่มอะไรสำหรับปฏิสันถาร เพื่อจะได้รับประโยชน์จากพระธรรม และต้อนรับด้วยที่นั่งที่นอนของพระพุทธเจ้า ในกลางดิน พระพุทธเจ้าท่านประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน สอนกลางดิน นิพพานก็กลางดิน ท่านทั้งหลายไม่เคยนั่งกลางดินก็ขอต้อนรับด้วยแผ่นดิน เป็นอีกโลกหนึ่ง ทำไมถึงว่าเป็นอีกโลกหนึ่ง เพราะว่ามันรู้สึกต่างกัน เมื่อไปนั่งนอนบนที่พักอันหรูหรา จิตใจมันไปอีกอย่างหนึ่ง พอนั่งลงกลางดิน จิตใจมันก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ขอให้ท่านทั้งเทียบเคียง ดูกันเอาเอง แล้วจะรู้ว่า โลกอื่น มันหมายความว่าอย่างไร ฉะนั้นวันนี้จะบรรยายเกี่ยวกับโลกอื่น
อ่านเพิ่มเติม

ความสุขแท้มีอยู่แต่ในงาน โดย พุทธทาสภิกขุ

ความสุขแท้มีอยู่แต่ในงาน โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – คำว่าธรรมะมีความหมายกว้างถึงอย่างนี้
ท่านสาธุชน ผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย อาตมาขอแสดงความยินดีในการมาที่นี่ของท่านทั้งหลายในลักษณะอย่างนี้ อย่างนี้คนสนใจในธรรม เมื่อมีความเข้าใจพอสมควรเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าธรรม เมื่อมีความสนใจในประโยคที่ว่า “ความสุขแท้มีอยู่แต่ในงาน” นี่เป็นจุดตั้งต้นที่ดี หรือเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าเราจะมีความเข้าใจต่อธรรมะโดยถูกต้องและยิ่งขึ้นหรือถึงที่สุด คำว่างาน หรือคำว่างานนี่ มีความเข้าใจผิดกันอยู่มากจนเรียกว่าตรงกันข้าม ขอให้อดทนทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำๆนี้ให้ดีที่สุดเถอะ คำว่า “งาน” หรือการทำงาน”นั่น มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากว่าทำหน้าที่จะต้องทำ ไม่อย่างนั้นจะทำไปทำไม การทำงานทุกคนก็มีหวังว่าจะได้ผลงานมา ก็เพื่อประโยชน์ โดยเฉพาะคือดำรงชีวิต ถ้าเรารู้จักความหมายของคำว่าธรรมะแล้ว เราจะรู้ว่า ธรรมะนั่นแหละเป็นชื่ออีกชื่อหนึ่งของคำว่างาน หรือหน้าที่ เมื่อถามว่าธรรมะคืออะไร ในเมืองไทยเรานี้จะตอบว่าธรรมะ คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นี่ไม่พอ เราว่าเอาเองนะว่าไม่พอ แต่ถ้าเป็นในอินเดียซึ่งเป็นต้นตอของวัฒนธรรมที่เรารับเขามานี่ ถ้าว่า “ธรรม”หรือว่า “ธรรมะ”นี้ก็แปลว่าหน้าที่ ขอให้สนใจกันก่อนว่า คำว่าธรรม หรือว่าธรรมะนั้น ในประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของภาษานี้แปลว่า “หน้าที่” หน้าที่ของอะไร หน้าที่ของสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งเลย สิ่งที่มีชีวิตมีหน้าที่ ที่จะต้องทำหน้าที่เพื่ออะไร ครั้งแรกเพื่อรอดอยู่ หน้าที่เพื่อรอดชีวิตอยู่ แล้วถ้ารอดชีวิตอยู่ได้แล้ว มันมีก็หน้าที่จะต้องเลื่อนให้สูงขึ้นไป เพื่อให้ชีวิตมันก้าวหน้า จนถึงยอดสุดของมนุษย์หรือที่ชีวิตมันจะเป็นไปได้ ขอให้ทำความเข้าใจไว้ตลอดกาลเลยก็ได้ว่า ทุกศาสนาในโลกมีจุดสุดท้ายตรงกันหมด คือความรอด แม้จะใช้ภาษาต่างๆกันตามกำเนิดแห่งศาสนานั้นๆ แต่มีคำตรงกันอยู่คำหนึ่งคือคำว่า “รอด” เป็นคริสเตียนก็รอดอย่างคริสเตียน เป็นอิสลามก็รอดอย่างมุสลิม ความหมายว่ารอดด้วยกันทั้งนั้น คงเป็นความหมายติดมาแต่ดั้งเดิม ที่มนุษย์เริ่มรู้จักสิ่งที่ดีกว่าธรรมดา ก็รู้ว่าปลายทางคือความรอด
อ่านเพิ่มเติม

สวรรค์ในทุกอิริยาบถ โดย พุทธทาสภิกขุ

สวรรค์ในทุกอิริยาบถ โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – สติที่นึกถึงธรรมะ
เพื่อนสหธรรมมิกและสาธุชนทั้งหลาย การบรรยายไม่อาจทำไปในรูปของเทศนา แต่จะทำไปในรูปของปราศรัย ตามที่จะทำได้ ดังที่ทราบกันอยู่ดีแล้วว่า ผู้บรรยายอยู่ในฐานะที่มีโรคภัยเบียดเบียน แต่ถ้าจะไม่พูดบรรยายกันเลย มันก็ไม่ถูกต้อง ในตอนเช้าได้ให้ของขวัญคือ เสรีภาพ ในการรับนับถือธรรมะเพื่อชีวิต และได้บอกถึงสิ่งที่สำคัญคือ เพชร และเครื่องขุดเพชร ที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก เพชรนั้นคือเครื่องการดับทุกข์โดยตรง ขอย้ำว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น และการปฏิบัติสิ่งใดที่ทำให้ไม่ยึดมั่นถือมั่น นั่นก็เป็นเพชร และผลการปฏิบัตินั้นก็เป็นเพชร ขอให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถปฏิบัติได้ ในการที่จะได้รับของขวัญ คือเสรีภาพ ที่เป็นเพชรและเครื่องขุดเพชร ตามหลักที่สำคัญคือ กาลามสูตร ทีนี้ก็มาถึงเรื่องของขวัญอันที่สองนี้ จะเรียกชื่อของขวัญนั้นว่า สวรรค์ในทุกอิริยาบถ บางคนก็รู้สึกแปลกๆก็มี สวรรค์ในทุกอิริยาบถ นั้นมันมีได้ และพยายามเข้าใจให้มันเกิดมีได้ ขอให้ตั้งใจฟังให้ดี ขอให้ทำความเข้าใจปลีกย่อยก่อนว่า มีคนกล่าวหาอาตมาว่า ยกเลิกสวรรค์ ยกเลิกนรก ว่าไม่มีสวรรค์ ไม่มีนรก และเดี๋ยวนี้จะเป็นพยานกันทุกท่านว่า มีสวรรค์ได้ในทุกอิริยาบถ ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องรอตอนตายแล้ว สำหรับสวรรค์ของท่านที่ไปตอนตายแล้ว ก็ไม่ต้องไปยกเลิกให้มันเหนื่อย ให้มันเป็นสวรรค์ในความหวังกันไปเรื่อยๆเถิด ส่วนสวรรค์ที่มีอยู่ที่นี่ และเดี๋ยวนี้นั้น ต้องการจะให้ทราบและปฏิบัติ และต้องการจะให้ได้รับอยู่ในทุกอิริยาบถ ทีนี้ก็ฟังเป็นเรื่องใหญ่โต เหลือวิสัย แต่อาตมายืนยันได้ว่า เป็นสิ่งที่เป็นได้ ไม่เหลือวิสัย เพราะเราทำอะไรไม่ลึกซึ้ง ไม่ประณีต ละเอียด มันจึงไม่รู้ธรรมะในชั้นที่ละเอียด แล้วมันน่าหัวว่า สวรรค์นี้ ไม่ต้องลงทุนเป็นเงิน เป็นทองอะไร ไม่ต้องเหนื่อยอะไร มากไปกว่าที่มีอยู่ก่อนแล้ว ให้ทุกคนทำตามหน้าที่ของทุกคนที่มีอยู่แล้วตามประจำวันของชีวิต แต่ขอเพิ่มนิดเดียวว่า ให้มี ธรรมมานุสติ ในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่นั้นๆ ชาวนาทำนา ชาวสวนทำสวน พ่อค้าก็ค้าขายไปตามเดิม ทำตามที่เคยทำอยู่อย่างเดิม แค่เพิ่มนิดเดียวคือ สติที่นึกถึงธรรมะ
อ่านเพิ่มเติม

หน้าที่ของพุทธบริษัท โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ของพุทธบริษัท โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – จงกระทำในใจให้สำเร็จประโยชน์
ต่อไปนี้อาตมาขออนุโมทนาที่จะปรารภธรรมะตามประสงค์ของท่านเจ้าภาพ ขอท่านสาธุชนทั้งหลายโดยมีท่านเจ้าภาพเป็นประธาน ให้ จงกระทำในใจให้สำเร็จประโยชน์ในการบำเพ็ญกุศล และในวันนี้ ในลักษณะอย่างนี้ ก็ดูแปลกประหลาดอยู่บ้างที่ให้ไปนั่งกลางดิน ให้คิดเสียว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะแผ่นดิน เป็นที่ประสูติ นั่งตรัสรู้ แสดงธรรม ที่อยู่ ที่กิน ของพระพุทธเจ้า ในที่สุดท่านก็ไปนิพพานกลางดิน จึงกล่าวได้ว่า ดินเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อนั่งบนดินอย่างนี้ ขอให้ทำใจระลึกถึงพระพุทธเจ้า ถือว่าเราเป็นการกระทำพุทธบูชาอย่างยิ่ง ต่อไปก็เป็นเรื่องของการบำเพ็ญกุศล มีความหมายที่ว่า เป็นการช่วยสืบทอดอายุพระศาสนาให้ยังอยู่ในโลก และขอให้ไทยทานทั้งหลาย มากน้อยเพียงไรมิใช่ปัญหา แต่ว่าไทยทานจะใช้ไปเพื่อการดำรงอยู่แห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นที่พึ่งแก่โลก หากศาสนายังอยู่ อาจเพราะมีผู้บวชผู้เรียนอยู่ได้ รู้ธรรมะอยู่ได้ และสอนสืบต่อๆกันไป หากกระทำได้อย่างนี้ พระศาสนายังอยู่ในโลกและเป็นหน้าที่ของพระศาสนาที่ทำให้โลกสันติสุข สันติภาพ ทั้งของบุคคลและสังคม และมีหน้าที่ให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ โดยมี ผู้บวช ผู้เรียน ผู้ปฏิบัติ และผู้เผยแพร่ ก็ขอให้มีธรรมในใจอย่างนี้ว่า มันมีส่วนกุศลกันทั้งโลก ดีกว่าที่ว่าไปสวรรค์วิมานเพียงไม่กี่คน เผยแพร่ไปทั่งโลก เป็นอานุภาพของธรรมะ ถ้าธรรมะยังมีอยู่ในโลก โลกก็รอด ไม่ต้องมีปัญหา คนไม่ค่อยชอบที่จะยอมรับธรรมะ ถ้ามนุษย์ยอมรับธรรมะ เพื่อขจัดสิ่งเลวร้ายในโลก นั่นคือความเห็นแก่ตัว ขอให้ใคร่ดูอย่างละเอียด การเบียดเบียนทั้งตนเอง และผู้อื่น เป็นความเห็นแก่ตัวทั้งนั้น ถ้าเห็นแก่ตัวแล้ว ก็หาความซื่อตรงไม่ได้ คดโกง พูดกันไม่รู้เรื่อง อ่านเพิ่มเติม

เศรษฐกิจคืออะไร โดย พุทธทาสภิกขุ

เศรษฐกิจคืออะไร โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – การกระทำที่ดีที่สุด ผลออกมาก็ดีที่สุด
ท่านสาธุชน ผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย การบรรยายประจำวันเสาร์ แห่งภาควิสาขบูชาเป็นครั้งที่แปดในวันนี้ อาตมาก็ยังคงกล่าวเรื่องไปตามเดิม สำหรับในวันนี้มีหัวข้อว่า เศรษฐกิจคืออะไร ทั้งหมดนี้จะกล่าวไปในทัศนะของพุทธบริษัท ดังนั้นท่านจึงไม่ต้องเหมือนกับเขาที่กล่าวกัน ในการบรรยายทุกครั้งที่แล้วมา ที่กล่าวถึงว่า การศึกษาคืออะไรการทำงานคืออะไร การคบหาสมาคมคืออะไร ศาสนาคืออะไร การทำบุญทำทานคืออะไร จิตใจคืออะไร ทรัพย์สมบัติคืออะไร เหล่านี้เป็นการกล่าวในทัศนะของพุทธบริษัท มันจึงเป็นการกล่าวที่แปลกออกไป จนในครั้งที่แล้วกล่าวว่าทรัพย์สมบัติคืออะไร เป็นการกล่าวว่าเราไม่ได้มีทรัพย์สมบัติที่แท้จริง ตรงตามความหมายของคำนี้ คือไม่ได้เป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความปลื้มใจ ภาคภูมิใจ แต่เรามีลักษณะของผู้ที่มีนั้นเหมือนเปรต ที่ทูนภูเขาอยู่ตลอดเวลา และได้ตายไปเป็นโสมเฝ้าทรัพย์ ดังนั้นเราต้องดูเสียใหม่ ให้รู้จักว่าทรัพย์สมบัติคืออะไร แล้วก็มีมันให้ตรงความหมายที่แท้จริง ซึ่งมีความสำคัญอยู่ที่ว่ามันต้องทำความปลื้มใจ เย็นอกเย็นใจ ไม่ใช่ทำความร้อนใจ เดี๋ยวนี้เรามีทรัพย์สมบัติที่ทำความร้อนใจ กระวนกระวาย มันไม่ใช่ทรัพย์สมบัติ มันเป็นสิ่งเผาลนชนิดหนึ่ง ขอจงดูความจริงเถิด ไม่ต้องคาดคะเน ก่อนได้ทรัพย์สมบัติมา ก็กระวนกระวายใจ ครั้นได้มา ก็ไม่หยุดกระวนกระวายใจ อยู่ด้วยความรัก หึงหวง วิตก นานาประการ อย่างที่พ่อบ้าน แม่บ้าน เป็นโรคเส้นประสาทกันโดยมาก โดยทรัพย์สมบัตินั้น แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าทรัพย์สมบัติได้อย่างไร คือมันเป็นสิ่งที่ทรมานใจ เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น ไม่ได้สร้างความเยือเย็นเลยสักนิดเดียว ดังนั้นเราต้องดูทรัพย์สมบัติกันเสียใหม่ในทัศนะของพุทธบริษัท มองในฐานะที่เป็นพุทธบริษัท ดังที่ได้กล่าวมาแล้วการบรรยายทั้งเจ็ดครั้งที่แล้วมา
อ่านเพิ่มเติม

แม่, พระคุณของแม่ โดย พุทธทาสภิกขุ

แม่, พระคุณของแม่ โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – เมื่อถูกถามว่าแม่คืออะไร
อาตมาต้องขอโอกาสจากญาติโยมทั้งหลายพูดแก่นักเรียนที่อยู่ข้างหลัง ที่พึ่งมาถึง ก็คิดอยู่ว่าจะพูดเรื่องอะไรดี แต่ก็คิดอยู่ว่าเรื่องแม่, เรื่องพระคุณของแม่โดยยึดหลักว่า คนที่ไม่รู้เรื่องแม่คืออะไรนั้น เป็นเรื่องที่ไม่รู้อะไรแล้วจะไปรู้อะไรอีก ในเมื่อแม่มันยังไม่รัก มันจะไปรักใครได้ ต้องดูที่ตรงนี้ มันจะไม่มีพื้นฐานทางศีลธรรม ไม่อาจจะรักผู้อื่น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นักเรียนเมื่อถูกถามว่าแม่คืออะไร นักเรียนก็อึกอัก ตอบไม่ได้ มักจะเห็นแต่เรื่องภายนอก ตั้งแต่เกิดมา แม่เป็นผู้ให้สตางค์ใช้ ก็เห็นกันเท่านี้ มันควรจะลึกลงไปถึงเรื่องจิตใจว่าเราเป็นอะไร นิสัยดีเลวอย่างไร มารยาทจะดีหรือเลวนั้นเพราะแม่เขาใส่มาให้ อบรมมาให้ แต่ถ้ารับการอบรมมาไม่เพียงพอก็เอาตัวไม่รอด จะรอดหรือไม่รอด อยู่ที่แม่นั่นเอง เด็กๆควรจะรู้พระคุณของแม่ ว่าไม่ใช่แค่ให้ทางด้านกาย เงินใช้ ที่อยู่ ที่กิน แต่แม่สร้างด้วยจิตใจ ว่าจะให้ดีหรือเลวอย่างไร ควรมองให้ลึก พุทธเจ้าท่านตรัสว่า บิดามารดา เป็นพรหมของลูก เป็นเทวดาของลูก เป็นพระอรหันต์ของลูก ถ้านักเรียนคนไหนตอบได้อย่างนี้ น่าจะมีรางวัลให้ แต่ส่วนใหญ่ตอบแค่ แม่เป็นผู้ให้สตางค์ใช้ เท่านั้นเอง ถ้ามองกันให้ลึกว่า ลูกจะขึ้นสวรรค์หรือจะลงนรก ก็ขึ้นอยู่กับบิดามารดานั่นเอง มันมีการสนับสนุนถูกหรือผิดตั้งแต่เกิด ถ้าสนับสนุนในทางที่ผิดเด็กก็จะเลว แต่ถ้าสนับสนุนในทางที่ถูกเด็กก็จะดี
อ่านเพิ่มเติม

ทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นทุกข์ โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นทุกข์ โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – เรื่องกลางดิน
ท่านผู้เป็น อคัณตุกะทั้งหลาย บรรดาที่ประชุมกันอยู่ที่นี้ บัดนี้เป็นโอกาสกำหนดไว้ ที่จะมีการพูดจากัน และก็บังเอิญมาพร้องกันหลายระดับ เป็นชนขั้นทางจิตจิต ทางวิญญาณชนิดที่เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องด้วยทุกระดับจึงจะได้ ถ้าพูดถึงระดับต่ำ ระดับเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ก็สนใจฟัง โดยพื้นความหมายที่มันสูงกว่านั้น หรือว่าเป็นการศึกษาเรื่องของ วัยเด็ก รุ่นเด็ก สำหรับเด็ก พร้อมกันไปก็ได้ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรกันได้ จะมีประโยชน์น้อยเกินไปก็ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรกันได้ จะมีประโยชน์น้อยเกินไปก็ได้ ไม่คุ้มค่ามา จึงขอให้ทุกคนเด็กเล็กที่สุด ก็พยายามทำให้ดี ฟังให้ได้ ถ้าสู้ไม่ไหวก็หลับไปเสียเลย จะได้หมดปัญหา
อ่านเพิ่มเติม

. . . . . . .