รูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิมพ์นิยม มีนิ้วรอง

รูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิมพ์นิยม มีนิ้วรอง

รูปหล่อหลวงพ่อเงินองค์นี้เป็นพระพิมพ์นิยม มีลักษณะถูกต้องตามพิมพ์มาตรฐานทุกอย่าง เนื้อโลหะออกสีเหลืองอมเขียวแบบขันลงหินโบราณซี่งเป็นเนื้อนิยม ความเก่าตามธรรมชาติดูได้ง่าย และไม่มีรอยพิรุธอะไรให้เห็น ในเรื่องความเป็นพระแท้หรือไม่ นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ความสวยสมบูรณืจัดเป็นเรื่องรอง พระที่มีสถาพแบบนี้จัดเป็นพระระด้บองค์ครู ราคาต้องไม่ตำกว่า7หลักกลางๆ แต่ต้องเป็นพระที่ดูง่ายมีความมั่นใจว่าเป็นพระแท้ ซึ่งพระองค์นี้มีความพิเศษกว่าองค์อื่นคือ ที่ไต้ฐานองค์พระตรงรอยตัดช่อซีงมีรอยตะไบห่างๆอยู่ ปรากฎว่ามีรอยเหล็กจารอ่านได้ว่า อุ อะ มะ ทับรอยตะไบ และมีสนิมจางๆเกิดภายหลังคลุมอีกที คราบสนิมนี้จีงเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า เป็นรอยตะไบเก่าและรอยจารเก่าโดยไม่มีข้อสงสัย ดังนั้นพระรูปหล่อหลวงพ่อเงินพิมพ์นิยมองค์นี้จึงนับเป็นองค์ที่พิเศษกว่าองค์ใดๆทั้งสิ้น มีสิ่งพิสูจน์ที่เป็นรูปธรรมว่าเป็นพระแท้ ผู้ที่จะครอบครองได้ ต้องมีถีง8หลัก โดยท้วไปแล้วพระหลวงพ่อเงินเนื้อโลหะ ความสวยสมบูรณ์ไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับความแท้ดูง่าย จะเห็นได้จากพระที่เป็นองค์ครู แต่ละองค์จะต้องมีการลงรักที่แสดงความเก่าของรักได้อายุ มีคราบสนิมเก่า หรือไม่ก็มีการสึกกร่อนให้เห็นได้ว่าเก่าจริง พระที่ไม่มีลักษณะที่กล่าวถึงแม้จะเป็นพระแท้ ผู้ที่เป็นเจ้าของมีความมั่นใจแต่คนอื่นก็ไม่มั่นใจด้วย เพราไม่มีประจักษ์พยานที่เป็นรูปธรรม ดังนั้นการที่พระหลวงพ่อเงินองค์นี้มีรอยจารทับรอยตะไบเก่า และมีสนิมคลุมอีกชั้นหนึง ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าพระมีความเก่าจริง เป็นพระแท้ นี่เป็นความพิเศษประการแรก ความพิเศษประการที่สองคือ ผู้ลงเหล็กจารคือหลวงพ่อเงินได้ประจุพระพุทธคุณเป็นพิเศษกว่าองค์ที่ไม่มีเหล็กจาร

http://www.taradpra.com/

ประวัติและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร ตอนที่2

ประวัติและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร ตอนที่2

สำหรับบทความพระเครื่องในวันนี้ผมก็จะมาบอกเล่า ประวัติและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร กันต่อจากบทความเดิมของหลวงพ่อเงิน ในตอนที่แล้วครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาสำหรับทุกท่านๆ ผมว่าเริ่มต้นบทความเครื่องดีๆสำหรับวันนี้กันเลยดีกว่าครับ
วันมรณภาพของหลวงพ่อเงิน บันทึกที่มีอยู่ ตรงกันทุกแห่งว่าหลวงพ่อเงินมรณภาพเมื่อ วันศุกร์ แรม 11 ค่ำ เดือน 10 ปี มะแม เวลา 5.00 น. ตรงกับวันเดือนปีในทางสากล คือ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2462 ท่านมรณภาพที่วัดวังตะโก หรือวัดบางคลาน ตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร
ประวัติของหลวงพ่อ ช่วงชีวิตในฉากสุดท้ายของท่าน ไม่มีปัญหาอะไร ทุกคนได้ยินได้ฟังมาเหมือนๆกัน แต่ตอนที่หลวงพ่อเงินท่านเกิดมา ไม่มีผู้ใดจะจดจำเท่าใดนัก นอกจากบุคคลในครอบครัวของ ท่านเท่านั้น แต่ทุกคนไม่รู้ว่า ผู้ที่เกิดมากับฝีมือหมอตำแยในละแวกบ้าน ใครบ้างจะเป็นบุคคลสำคัญ ถึงกับต้องคอยจดวันเดือนปีเอาไว้
โดยญาติโยมต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะเก็บศพของหลวงพ่อเงินไว้ก่อน สักหนึ่งปี เป็นอย่างน้อย เพื่อมิให้ดป็นการเพิ่มความเงียบเหงาอาลัยมากไปกว่านั้น เพราะอย่างน้อยก็ยังมานมัสการกราบไหว้ เรือนร่างของท่านเสมือนหนึ่งว่า ท่านยังอยู่ แต่ยังไม่ทันที่จะถึงเวลาเก็บอัฐิของหลวงพ่อเลย ญาติโยมและบรรดาศิษย์ที่มีความเคารพนับถือท่าน ต่างก็เฮโลเข้าแย่งกัน ของสิ่งใดที่หลวงพ่อเคยใช้อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นจีวร สบง ข้าวของเครื่องใช้ แม้จะได้คนละเล็กน้อยก็เอาดี เพื่อนำไปเป็นวัตถุมงคลคุ้มครอง แม้แต่เถ้าถ่านก็ไม่มีเหลือให้เห็นเลย
อภินิหารของหลวงพ่อเงิน นั้นยังคงความเข้มขลังอยู่ ต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงพ่อเงิน ได้แก่ต้นโพธิ์ที่หลวงพ่อเงินได้หักกิ่งมาปักไว้ริมน้ำหน้าพระอุโบสถ วัดวังตะโก ก่อนจะนำมาปักหลวงพ่อได้ อธิษฐานจิตขอเสี่ยงทายไว้ว่า หากวัดท่านจะเจริญรุ่งเรืองก็ขอให้กิ่งโพธิ์กิ่งนี้จงแตกกิ่งก้านกว้างใหญ่ไพศาลด้วยเถิด
อ่านเพิ่มเติม

ประวัติและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร ตอนที่ 1

ประวัติและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร ตอนที่ 1

ประวัติและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดพิจิตรกันบ้างนะครับ ซึ่งพระเกจิอาจารย์ท่านนั้นก็คือ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร นั้นเองครับ
ซึ่งจากคำบอกเล่า บอกต่อๆกันมานั้น หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ มีนามเดิมว่า “เงิน” เกิดในวันศุกร์ เดือน 10 ปีฉลู หรือตรงกับวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2353 แต่บ้างก็บอกว่าเกิดในปี พ.ศ.2360 โดยโยมบิดา ของท่านชื่อ อู๋ โยมมารดาชื่อ ฟัก มีพี่น้องรวมกันทั้งหลวงพ่อเงินด้วยแล้ว มีจำนวนด้วยกัน 6 คน ได้แก่
1. นายพรม 2. นางทับ 3. นายทอง (ภายหลังได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นท่านขุนภุมรา) 4. ชื่อเงิน ก็คือหลวงพ่อเงิน นั้นเอง 5. นายหล่ำ 6. นางรอด
โดยทุกท่านที่กล่าวมานี้ ล้วนถือกำเนิดที่บ้านบางคลานทุกท่าน เป็นเลือดเนื้อชาวพิจิตร “เมืองชาละวัน”
เมื่อหลวงพ่อเงินเจริญวัยได้เพียง สามขวบเท่านั้นนายช่วงผู้เป็นลุง ก็นำหลวงพ่อเข้ามาเลี้ยง และได้ส่งหลวงพ่อให้ได้เล่าเรียนวัดตองปุ หรือวัดชนะสงครามใน กทม. นี่เอง จนหลวงพ่อท่านมีอายุได้ สิบสองปี นายช่วงผู้เป็นลุงจึงให้หลวงพ่อได้บรรพชาเป็นสามเณรองค์น้อยๆ ได้ร่ำเรียนทั้งทางคาถาอาคมต่างๆ และด้านพระธรรมวินัยจนแตกฉานเก่งกล้าสามารถเกินผู้ที่อยู่ในวัยเดียวกันและเมื่ออายุใกล้จะ อุปสมบทหลวงพ่อเงินก็สึก และได้อยู่กับพี่ชาย และพี่สะใภ้ของท่าน อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อเงิน

หลวงพ่อเงิน

หลวงพ่อเงิน

ประวัติ หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ
วัดบางคลาน (วัดหิรัญญาราม) อ.โพทะเล จ.พิจิตร

หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ มีนามเดิมว่า “เงิน” เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 10 ปีฉลู ซึ่งตรงกับวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2348 บิดาชื่อนายอู๋ มารดาชื่อนางฟัก เป็นชาวบ้านตำบลบางคลาน จังหวัดพิจิตร มีพี่น้องร่วม บิดาเดียวกันทั้งหมด 6 คน คนที่ 1 ชื่อ พรม คนที่ 2 ชื่อทับ คนที่ 3 ชื่อ ทอง คนที่ 4 ชื่อ เงิน คนที่ 5 ชื่อ หล่ำ คนที่ 6 ชื่อ รอด (ในหนังสือประวัติของท่านมีผู้เขียนไว้เป็น ๒ กระแส แต่ต่างยืนยันว่าท่านเกิดปีฉลู กระแสแรกว่าท่านเกิดปีฉลู พ.ศ. 2348 อีกกระแสท่านเกิดปีฉลู พ.ศ. 2360)

ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน “หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ” เป็นชาวบ้านบางคลาน อำเภอบางคลาน จังหวัดพิจิตร เป็นบุตรคนที่ 4 บิดาของท่านชื่อ อู๋ เป็นชาวบ้านบางคลาน มารดาของท่านชื่อฟัก เป็นชาวบ้าน จังหวัดกำแพงเพชร ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งรัตนโกสินทร์ มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น 6 คนด้วยกัน

เมื่อปี พ.ศ. 2356 หลวงพ่อเงิน อายุได้ 5 ขวบ นายช่วงซึ่งเป็นครูของท่าน ได้พา หลวงพ่อเงิน ไปอยู่กรุงเทพฯ จนกระทั่งหลวงพ่อเงินเติบโตเข้าศึกษาเล่าเรียนได้ จึงได้นำ หลวงพ่อเงิน ไปฝากไว้ที่วัดตองปู (วัดชนะสงคราม) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือที่วัดชนะสงครามตลอดมาจนถึงปี พ.ศ. 2363 หลวงพ่อเงินอายุได้ 12 ปีจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุครบบวชท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดชนะสงคราม ฉายา พุทธโชติ แล้วหลวงพ่อเงิน ท่านได้จำพรรษา เพื่อปฏิบัติธรรมวินัยเรียนทางวิปัสสนากรรมฐานอยู่ได้ 3 พรรษาขณะที่ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดชนะสงคราม ท่านได้ไปถวายตัวเป็นศิษย์ เพื่อศึกษาศิลปวิทยาคมตลอดจนเรียนวิปัสสนาธุระ ในทางเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี จากเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒจารย์(โต) พรหมรังสีวัดระฆังโฆสิตาราม

อ่านเพิ่มเติม

หลวงปู่เงิน พุทธโชติ

หลวงปู่เงิน พุทธโชติ

หลวงปู่เงิน พุทธโชติ
(เงิน พุทธโชติ)
หลวงปู่เงิน พุทธโชติ

เกิด 16 กันยายน พ.ศ. 2353
อุปสมบท พ.ศ. 2375
มรณภาพ 20 กันยายน พ.ศ. 2464
อายุ 111
วัด วัดบางคลาน
จังหวัด พิจิตร
ตำแหน่ง
ทางคณะสงฆ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดบางคลาน

หลวงปู่เงิน พุทธโชติ เกิดวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2353[1] ตรงกับรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร[2]
ประวัติ

นามเดิมแรกเกิดของท่านคือ เงิน เมื่อท่านอายุได้ 3 ขวบ ผู้เป็นลุงได้พามาอยู่ที่กรุงเทพฯศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่วัดชนะสงคราม ต่อมา เมื่อท่านอายุ 12 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดชนะสงครามศึกษาพระธรรมวินัย คำภีร์มูลกัจจายน์ เวทมนตร์คาถาและวิทยาการต่างๆ จนแตกฉาน จากนั้น ท่านได้อุปสมบทเมื่ออายุครบ 20 ปี ณ วัดชนะสงคราม มีฉายาว่า “พุทธโชติ” บวชได้ 3 พรรษา ก็ย้ายมาจำพรรษาที่วัดคงคาราม (วัดบางคลานใต้) ต่อมาย้ายเข้าไปอยู่ที่ในหมู่บ้านวังตะโก อยู่ห่างจากวัดคงคารามคนละฝั่งเท่านั้น ตอนที่ย้ายจากวัดคงคาราม หลวงพ่อได้นำกิ่งโพธิ์ติดต้วมาด้วย 1 กิ่งแล้วนำกิ่งโพธิ์นั้นมาปลูกเสี่ยงทาย ถ้าหากต้นโพธิ์ตายก็คงจะอยู่ไม่ได้ ถ้าหากที่นี่จะเป็นวัดได้ขอให้ต้นโพธิ์เจริญงอกงาม ปรากฏว่า ต้นโพธิ์เจริญงอกงามแผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่โต หลวงพ่อเงินก็ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ที่นี่ด้วย และท่านเป็นเพื่อนกับหลวงปู่ศุข ซึ่งหลวงปู่ศุขก็ได้ฝากกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์มาเป็นลูกศิษย์ด้วย[2] หลวงพ่อเงินถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2464 สิริอายุได้ 111 ปี[1]

http://th.wikipedia.org/wiki/

พระเครื่องหลวงพ่อเงิน

ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร พระเครื่องหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานนับเป็นอีกหนึ่งในตำนานของวงการพระเครื่องไทย

พระเครื่องหลวงพ่อเงิน เหรียญจอบเล็กหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เป็นที่นิยมอย่างมาก

พระเครื่อง หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
ราคาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ซึ่งพระที่ท่านได้สร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลไว้ เช่น ตะกรุด (ปัจจุบันหาได้ยาก ราคาพระเครื่องหลวงพ่อเงิน สูงมาก) พระเครื่องหลวงพ่อเงิน พระเครื่องรูปเหมือน เนื้อทองเหลืองที่นับเป็นงานใหญ่และเป็นมาตรฐาน ได้แก่ พระรูปเหมือนพิมพ์นิยม สามารถแยกเป็นแม่พิมพ์ต่างๆ ได้ดังนี้คือ พิมพ์ชายติด พิมพ์ชายห่าง พระรูปเหมือนพิมพ์ขี้ตา แยกแม่พิมพ์เป็นพิมพ์สามชาย พิมพ์สี่ชาย พิมพ์ห้าชาย และเหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ เหรียญหล่อพิมพ์จอบเล็ก ซึ่งก็แยกออกเป็นพิมพ์แข็งตรง พิมพ์แข็งติด พิมพ์เท้ากระดก และพิมพ์ตาขีด นับเป็นพระเครื่องที่มีชื่อเสียงของ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
พระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ทุกพิมพ์ถ้าอยู่ในสภาพสวยสนนราคาขึ้นหลักล้านทั้งสิ้น ปัจจุบันหาพระแท้ๆ ได้ยากครับ พุทธคุณของท่านนั้นเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด และโชคลาภ วันนี้ก็ได้นำรูปพระหลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยม พิมพ์ขี้ตา เหรียญจอบใหญ่ และเหรียญจอบเล็ก มาให้ชมกันอย่างละหนึ่งองค์ครับ
อ่านเพิ่มเติม

อภินิหารน่าอัศจรรย์หลังจากหลวงพ่อเงินได้มรณภาพไปแล้ว

อภินิหารน่าอัศจรรย์หลังจากหลวงพ่อเงินได้มรณภาพไปแล้ว

อภินิหารน่าอัศจรรย์หลังจากหลวงพ่อเงินได้มรณภาพไปแล้ว
๑. วันทำศพหลวงพ่อเงินคือเมื่อถึงวันจัดการเผาศพมีประชาชนมากมายเหลือที่จะคณานับ ยื้อแย่งกระดูก จีวร จากตัวท่านเอาไปทำเครื่องรางของขลัง และเอาไปสักการบูชาเพื่อป้องกันภัยต่าง ๆ นับว่าหลวงพ่อเงินมีประชาชนเคารพนับถือและเลื่อมใสในตัวท่านมาก
๒. วาจาสิทธิ์ของหลวงพ่อเงินหลวงพ่อเงินมีวาจาสิทธิ์มากคนเกรงกลัวกันนักหนา คือ ท่านห้ามมิให้มีเรื่องราวเกิดขึ้นในวัดของท่าน เช่นตีกัน ยิงกัน หรือฉกชิงวิ่งราวไม่ได้เป็นเด็ดขาดถ้าใครขืนทำสืบดูรู้ตัวต้องมีอัน__เป็นไปต่าง ๆ คือไฟไหม้บ้านบ้าง ตายโหงบ้าง เช่นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ ทางวัดมีงานประจำปี มีคนมามากมายเกิดลักทรัพย์ขึ้นในวัด ในที่สุดจับผู้ร้ายได้และถูกฟ้องศาลติดตะราง ส่วนภรรยาของผู้ร้ายได้สาบาน ต่อหน้ารูปจำลองหลวงพ่อเงินว่าสามีของตนไม่ได้เป็นคนลักทรัพย์ ในที่สุดหลังจากเสร็จจากงานปิดทองไหว้พระแล้ว ภรรยาของคนร้ายก็ได้อาเจียนออกมาเป็นโลหิต จนถึงแก่ความตาย อภินิหารของหลวงพ่อเงิน ถ้าใครทำขึ้นในวัดย่อมมีอันเป็นไปให้เห็นดังนี้เสมอจึงมีผู้เกรงกลัวมาก
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดหลวงพ่อเงิน
๑. ไม้ละมุดหลวงพ่อเงินละมุดต้นนี้เมื่อหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ขึ้นอยู่หน้ากุฏิของท่านเป็นที่สำหรับอาบนํ้ามนต์ไม่กี่ปีมานี้ละมุดต้นนี้ตายและตายอยู่ ๓ เดือน ใบยังไม่ร่วง ครั้นต่อมามีคนต่างจังหวัดมาขอเอาไป ทางวัดก็ให้ไปบ้างและเก็บไว้บ้าง เล่ากันว่าที่คนเอาไปๆ ผูกคอโดยทำเป็นพระเครื่องบ้างเลี่ยมทองบ้าง เป็นเครื่องรางของขลังบ้าง เขาว่ายิงไม่เข้าบ้าง ไม่ดังบ้าง ยิงไม่ถูกบ้าง จนกระทั่งเลื่องลือกันไปทุก ๆ แห่งเดี๋ยวนี้ แม้แต่รากละมุดอยู่ในดินก็ขุดคุ้ยเอาไปทำเครื่องรางของขลังกันหมดแล้ว
๒. กล้วยร้อยหวีแม้แต่กล้วยซึ่งปลูกไว้ข้างศาลาการเปรียญของหลวงพ่อเงินก็แจกจ่ายกันคนละผลสองผลในที่สุด แม้แต่ต้น ใบ ราก ก็เอาไปทำเครื่องรางของขลังกันหมดเหมือนกับต้นละมุดนั่นแหละ
๓. สัปคับช้าง(อานช้าง) หลวงพ่อเงิน หลังจากหลวงพ่อเงินมรณภาพไปแล้วแม้แต่สัปคับช้าง ซึ่งหลวงพ่อเงินเคยขี่ช้างและนั่งสัปคับช้างนั้น ได้เก็บและทิ้งไว้หลังพระอุโบสถหลังเก่าก็มีผู้เอาไปเลี่ยมทองบ้าง เลี่ยมเงินบ้างเอาไปทำเครื่องรางของขลังบ้าง จนกระทั่งหมดไป
๔. ต้นโพธิ์หลวงพ่อเงินจากคำบอกเล่าของ “พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระครูพิบูลธรรมเวท”เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเงินที่ปรากฏแก่หลวงพ่อพระครูพิบูลธรรมเวทคือต้นโพธิ์หลวงพ่อเงินปลูกอยู่หน้าพระอุโบสถของท่าน ต้นโพธิ์ต้นนี้มีผู้สูงอายุที่เคยเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเงินมาก่อนเล่าให้ฟังว่าเป็นต้นโพธิ์อธิษฐานเมื่อก่อนที่หลวงพ่อจะย้ายจากวัดคงคาราม(วัดบางคลานใต้) มาสร้างวัดขึ้นใหม่คือ วัดวังตะโก (วัดหิรัญญาราม ตำบลบางคลานปัจจุบันนี้) ท่านก็ได้นำกิ่งโพธิ์มาหนึ่งกิ่ง แล้วท่านก็มาอธิฐานว่าถ้าจะสร้างวัดตรงนี้แล้วจะเจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายภาคหน้าก็ขอให้ต้นโพธิ์เจริญงอกงาม

http://www.xn--42cgaeg4ewcdwadtcbg7mc2c2eb8cd4rf1r.com/

ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเงินจากคำบอกเล่าของกำนันโชติ สนสกุล

ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเงินจากคำบอกเล่าของกำนันโชติ สนสกุล

ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเงินจากคำบอกเล่าของกำนันโชติ สนสกุล หลวงพ่อเงินเป็นหลวงพ่อที่มีอภินิหารศักดิ์สิทธิ์และพิสดารมากในระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่หลายประการ แม้ท่านได้จากเราไปเป็นเวลานานแล้วความศักดิ์สิทธิ์ของท่านก็ยังมิได้สูญหายจากเราไป จะขอเล่าให้ฟังตามที่ได้สดับตรับฟังมาจากท่านผู้ใหญ่ที่อายุมาก ๆ เพียงย่อ ๆ กล่าวคือ
๑. ถ่ายรูปหลวงพ่อเงินไม่ติดในระหว่างที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ผู้คนบ้านใกล้เมืองไกลไปมาหาสู่ท่านไม่ขาดระยะ คราวหนึ่งมีคนต่างชาติคือ “คนแขก”มาขอถ่ายรูปของท่านกระจกหน้ากล้องแตก ครั้งที่สองถ่ายอีกคือถ่ายตรง ๆ หน้าพอเอาไปล้างรูปดูแล้ว ปรากฏว่าไม่ติดหมดทั้งหน้า ติดหน้าเพียงแถบเดียว นี่คืออภินิหาร ของหลวงพ่อเงิน
๒. การหล่อรูปจำลองของหลวงพ่อเงินเมื่อหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ประชาชนเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อได้ตกลงกันจัดการหล่อรูปจำลองของท่านไว้ ในการเททองหล่อรูปเททองไม่ติด ทำอย่างไรก็ไม่ติด จึงนิมนต์ท่านมาทำพิธีเททองนั้น ขอร้องให้เทให้ติด หลวงพ่อบอกว่า “เอาแต่พอแม้นๆอย่าให้เหมือนเลย”แล้วช่างก็ทำการหล่อใหม่สำเร็จ ดังที่ปรากฏอยู่ที่วัดหิรัญญารามปัจจุบันนี้
๓. การทำปลอกช้างเมื่อหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่หลวงพ่อมีช้างหลายเชือก เพื่อสะดวกแก่ผู้เลี้ยงช้างจึงได้จัดการทำ “ปลอก”ช้างขึ้นใช้ ในระหว่างที่กำลังสูบเตาสูบเพื่อหลอมเหล็กนั้น เหล็กที่หลอมไม่ละลายเพราะหลวงพ่อนั่งดูอยู่ และแกล้งพูดว่าสูบไม่ดีเหล็กจึงไม่ละลายจนกระทั่งลูกศิษย์ของท่าน ต้องการจะให้หลวงพ่อขึ้นไปฉันอาหารบนกุฏิเสียจะได้ทำให้สำเร็จ และเมื่อหลวงพ่อจะลุกขึ้นไปฉันอาหารบนกุฏิท่านแกล้งเอาจีวรทิ้งใส่ลงไปในเตาสูบนั้น พวกลูกศิษย์ตะลึงและแกล้งสูบใหญ่เพื่อให้ไหม้ไฟ สูบอยู่นานจนควันเขียวแล้วก็แดง ครั้นเอาคีมคีบขึ้นมาจับดูปรากฏว่าจีวรไม่ไหม้ไฟแต่อย่างใด พวกลูกศิษย์ที่ช่วยกันทำปลอกช้างนั้น จึงแย่งฉีกชายจีวรนั้นมาผูกคอคนละชิ้นสองชิ้น เมื่อท่านฉันอาหารเสร็จแล้วจึงลงมาดูที่ที่ทำปลอกช้างนั้น แล้วพูดว่าใครเอาจีวรกูไปไหน พวกลูกศิษย์จึงชี้ไปที่คอซึ่งจีวรหลวงพ่อถูกฉีกเอาไปทำเครื่องรางของขลังเสียแล้ว ท่านก็ไม่ว่ากระไร นี่คืออภินิหารของหลวงพ่อเงิน ซึ่งศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน จีวรเผาไฟไม่ไหม้
๔. เชื้อพระวงศ์มาเยี่ยมวัดหลวงพ่อเมื่อหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ก็ได้มาขออาบนํ้ามนต์กับหลวงพ่อ สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช มาขอเรียนศิลปศาสตร์กับหลวงพ่อด้วย
๕. สิ่งที่ประทับใจที่ลูกหลานไม่รู้ลืมคือ เป็นผู้ริเริ่มก่อสร้างโรงเรียนประชาบาล ตำบลบางคลาน(เงินอนุสรณ์)ซึ่งปัจจุบันนี้ลูกหลานยังได้ศึกษาเล่าเรียนตราบเท่าทุกวันนี้ข่าวเล่าลือว่าหลวงพ่อบอกหวยแม่น ก็มีประชาชนไปขอกันมากมาย ภายหลังต่อมาหลวงพ่อเห็นว่าการบอกใบ้หวยเป็นการพนันหลวงพ่อจึงไม่ยอมบอกใครอีก

http://www.xn--42cgaeg4ewcdwadtcbg7mc2c2eb8cd4rf1r.com/

ลูกประคำหลวงพ่อเงิน

ลูกประคำหลวงพ่อเงิน

ลูกประคำของหลวงพ่อเงินนี้ เป็นของโปรดของท่านเพราะท่านใช้ประจำในขณะนั่งวิปัสสนากรรมฐาน หรือพูดอย่างง่าย ๆ คือ นั่งไป นับไปนั่นเอง สมัยนั้น นายเป๋ อ่อนละมัย ซึ่งเป็นชาวบ้านบางคลาน บวชและได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเงิน จนได้รับความไว้วางใจ และเป็นผู้อยู่ใกล้ชิดคอยรับใช้หลวงพ่อตลอดเวลา พระเป๋ อ่อนละมัย บวชอยู่กับหลวงพ่อท่านถึง ๘ พรรษา หลังจากนั้นก็สึก หลวงพ่อจึงได้มอบลูกประคำให้แก่ทิดเป๋ ลูกประคำของหลวงพ่อทำด้วยงาช้างและกะลามะพร้าว กับพระธาตุฉิมพลี ที่โตที่สุดในประเทศไทย ใหญ่ขนาดเท่าเม็ดมะขามป้อม(พระธาตุฉิมพลีนี้เคยนำออกมาให้คุณปรีชา เอี่ยมธรรม แห่งอภินิหาร และพระเครื่องชม ถึงกับอุทานว่าไม่เคยเห็นพระธาตุองค์ไหนจะใหญ่โตเท่านี้)
หลวงพ่อได้บอกกับนายเป๋ว่า จงเก็บรักษาไว้ให้ดี ของนี้เมื่อถึงคราวจนก็ไม่จนเมื่อถึงคราวยาก ก็ไม่ยาก นายเป๋ก็เก็บรักษาไว้อย่างดีตามคำของหลวงพ่อ ต่อมานายเป๋ตาย ลูกประคำนี้จึงได้ตกมาอยู่กับ__นายแชวง อ่อนละมัย ผู้เป็นบุตรตามคำบอกเล่าของนายแชวง อ่อนละมัย เล่าว่า วันหนึ่งในฤดูนํ้าท่วม มีแขกมาเยี่ยมบ้านและขอชมลูกประคำ ขณะที่ยกออกมานั้นลูกประคำตกจากพาน เชือกขาดลูกประคำหลุดกระเด็นตกใต้ถุนบ้านซึ่ง นํ้าท่วม หายไปบางส่วน หลังจากนั้นนายแชวงได้จุดธูปเทียนขอขมาลาโทษ เมื่อนํ้าลดแล้วปรากฏว่าเม็ดลูกประคำไปกองอยู่รวมกันที่กอมะลิ ซึ่งอยู่ข้างล่างทางขึ้นบ้าน เมื่อเก็บมาได้แล้วก็นำมาร้อยเข้าพวงอย่างเดิมครบ ๑๐๘ เม็ด ลูกประคำนี้ถือว่าเป็นยอดแห่งวัตถุมงคลชิ้นหนึ่งของหลวงพ่อเงิน ปัจจุบันลูกประคำยังคงอยู่ในสภาพเดิม เจ้าของรักและหวงแหนอย่างมาก อ่านเพิ่มเติม

การฌาปนกิจศพหลวงพ่อเงิน

การฌาปนกิจศพหลวงพ่อเงิน

การฌาปนกิจศพหลวงพ่อเงินคณะศิษยานุศิษย์และบรรดาญาติโยมทั้งหลายได้ทำการฌาปนกิจศพ หลวงพ่อเงินเมื่อเดือน ๔ ปีวอก พ.ศ.๒๔๖๓ ก่อนที่จะทำการฌาปนกิจศพนั้นได้มีการขุดศพของหลวงพ่อเงินขึ้นมาเพื่อชำระล้างกระดูก ในการขุดครั้งนั้น(กำนันขจร สอนขำ กำนันตำบลบางคลานเป็นผู้เล่าให้ผู้เขียนฟัง)
นายปลิ้ว ทองเผือก เป็นผู้ชำระล้างทำความสะอาดซากศพของหลวงพ่อ นายปลิ้ว ทองเผือก จึงได้เก็บกระดูกหัวเข่า(ลูกสะบ้า) ของหลวงพ่อ เข้าไว้เพราะถือว่า อาจารย์ดีนั้นจะต้องดีทั้งตัวฉะนั้นกระดูกหลวงพ่อชิ้นนี้จึงไม่ได้เผา ตกทอดเป็นสมบัติของ นายปลิ้ว ต่อมานายปลิ้ว มีญาติชื่อ นายหมอ ทองเผือก จึงได้แบ่งกระดูกไปให้ส่วนหนึ่ง และเมื่อนายหมอมีบุตร ก็ได้แบ่งให้บุตรอีก บุตรของนายหมอ ทองเผือก เป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ ๖ ตำบลบางคลาน ชื่อนายสนิท ทองเผือก ปัจจุบันกระดูกของหลวงพ่อส่วนนี้ได้ถูกตัดแบ่งออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในตระกูล“ทองเผือก”สำหรับกระดูกของหลวงพ่อที่เผาแล้วมีอยู่ที่กำนันตำบลบางคลาน คือ กำนันขจร สอนขำท่านกำนันบอกว่า เป็นมรดกตกทอดมาจากย่าทวด ซึ่งย่าทวดของกำนันได้เอากระดูกมาทำหัวแหวนแทนพลอยสีของกระดูกขาวนวล เมื่อส่องดูด้วยกล้องจะเห็นเป็นขุยเด่นชัด ท่านกำนันเล่าว่าเมื่อได้มาใหม่ ๆ ดมดูกลิ่นหอม เหมือนกระแจะจันทน์ ขณะนี้ดมดูก็ยังหอมอยู่ ความหอมของกระดูกนี้พอจะสันนิษฐานได้ว่า หลังจากฌาปนกิจศพตอนเก็บกระดูก อาจจะถูกพรมด้วยนํ้าหอมก็ได้จึงมีกลิ่นหอมติดอยู่ปัจจุบันกระดูกชิ้นนี้สึกกร่อนไปบ้างทั้งนี้เนื่องจากมีผู้มาขอดูและขออนุญาตเอาขี้ผึ้งมาแตะที่กระดูกเมื่อแตะแล้วก็ถือว่าขึ้ผึ้งก้อนนี้เป็นของขลังบางคนก็มาขอเอามีดแกะไป ต่อมาภายหลังกำนันไม่ยอมให้ใครดู เก็บรักษาไว้อย่างดีในวันฌาปนกิจศพมีประชาชนไปร่วมงานเป็นจำนวนมากเพราะถือว่าหลวงพ่อเงินเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง และเป็นมิ่งขวัญของขาวพิจิตรทุกคน

http://www.xn--42cgaeg4ewcdwadtcbg7mc2c2eb8cd4rf1r.com/

หลวงพ่อเงินรักษาโรค

หลวงพ่อเงินรักษาโรค

หลวงพ่อเงินรักษาโรคหลวงพ่อเงินนอกจากท่านจะเป็นพระที่เรืองวิชาแล้ว ท่านยังมีสติปัญญาที่จัดอยู่ในขั้นอัจฉริยะ อีกด้วย เพราะะท่านเป็นหมอโบราณที่เก่งกาจ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ประชาชนที่มารับการรักษา วิธีการรักษา ของท่านก็ใช้นํ้ามนต์ และบางทีก็ใช้สมุนไพร สำหรับสมุนไพรนั้นท่านจะจัดให้ไปต้มกิน ในไม่ช้าโรคที่เป็นก็จะหายป่วย ขณะนี้ตำรายาของหลวงพ่อเงินยังอยู่ที่วัดบางคลานเป็นสมุดข่อย ซึ่งทางวัดเก็บรักษาไว้อย่างดี ท่านผู้สนใจไปขอดูได้จากเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
หลวงพ่อเงินกับเจ้านายทางกรุงเทพฯด้วยความเชื่อถือของ
ประชาชนโดยทั่วไปนี้เอง ทำให้ชื่อเสียงของท่านลือกระฉ่อนไปทั่วทุกสารทิศได้มีเจ้านายทางกรุงเทพฯ ขึ้นมาหาท่านและขอเล่าเรียนวิชาจากท่านในสมัยนั้นมีหลายองค์ที่จำได้ก็มี สมเด็จมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้เสด็จมาอยู่ที่วัดบางคลานหลายวัน เข้าใจว่าจะมาเรียนวิปัสสนากรรมฐานนอกจากนี้ยังมีผู้เล่าว่ากรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ในสมัยนั้นยังทรงดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นอยู่ได้เสด็จมาที่วัดบางคลานเพื่อเล่าเรียนวิชาจากหลวงพ่อด้วย รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ มีดังนี้
กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ท่านกำลังแสวงหาความรู้เกี่ยวกับทางด้านไสยศาสตร์ ขณะนั้น เป็นศิษย์
อ่านเพิ่มเติม

ประวัติหลวงพ่อเงิน

ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

หลวงพ่อเงินชื่อเดิมของท่านชื่อ“เงิน”ในสมัยนั้นยังไม่มีนามสกุลท่านเกิดเมื่อวันที่๑๖กันยายนพ.ศ. ๒๓๕๓ตรงกับวันศุกร์เดือน๑๐ปีฉลูบิดาของหลวงพ่อเงินชื่อ“อู๋”ซึ่งเป็นชาวบ้านบางคลานมารดาชื่อ“ฟัก”เป็นชาวบ้านแสนตออำเภอแสนตอ(ปัจจุบันเป็นอำเภอขาณุวรลักษณ์บุรี) จังหวัดกำแพงเพชร
เมื่อเอ่ยชื่อถึง หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน ไม่มีใครในจังหวัดพิจิตรที่ไม่รู้จักท่านเพราะหลวงพ่อเงินเป็นเกจิอาจารย์ที่ทรงความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เคารพบูชาของประชาชนทั่ว ๆ ไปในบรรดาเกจิอาจารย์ด้วยกันแล้วเห็นจะไม่มีหลวงพ่อองค์ใดที่จะดังไปกว่าหลวงพ่อเงิน ถึงแม้ว่าท่านจะมรณภาพไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๖๒ ชื่อของท่านยังฝังแน่นอยู่ในความจำของบุคคลทุกชนชั้น

หลวงพ่อเงินชื่อเดิมของท่านชื่อ “เงิน”ในสมัยนั้นยังไม่มีนามสกุล ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๓๕๓ตรงกับวันศุกร์ เดือน ๑๐ ปีฉลู บิดาของหลวงพ่อเงินชื่อ “อู๋”ซึ่งเป็นชาวบ้านบางคลาน มารดาชื่อ “ฟัก”เป็นชาวบ้านแสนตอ อำเภอแสนตอ(ปัจจุบันเป็นอำเภอขาณุวรลักษณ์บุรี) จังหวัดกำแพงเพชร หลวงพ่อเงิน มีพี่น้องร่วมสาย
โลหิตทั้งหมด ๖ คน ดังนี้
คนที่ ๑ ชื่อ พรม(ชาย)
คนที่ ๒ ชื่อ ทับ(หญิง)
คนที่ ๓ ชื่อ ทอง(ขุนภุมรา) (ชาย)
คนที่ ๔ ชื่อ เงิน(หลวงพ่อเงิน)
คนที่ ๕ ชื่อ หลํ่า(ชาย)
คนที่ ๖ ชื่อ รอด(หญิง)
ในปี พ.ศ. ๒๓๕๖ ขณะนั้นหลวงพ่อเงินอายุได้ ๓ ขวบ นายช่วงซึ่งเป็นลุงของท่านได้พาหลวงพ่อเงิน ไปอยู่กรุงเทพฯด้วยนายช่วงได้อุปการะเลี้ยงดูหลวงพ่อเงินจนกระทั่งเติบโตมีอายุจะเข้าศึกษาเล่าเรียนได้จึงได้นำหลวงพ่อไปฝากไว้ที่วัดตองปุ (วัดชนะสงคราม) จังหวัดพระนคร หลังจากนั้นท่านก็ได้เรียนหนังสือที่วัดชนะสงคราม ตลอดมาจนกระทั่งถึงปี พ.ศ.๒๔๖๕ ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณรขณะนั้นอายุได้ ๑๒ ปี หลังจากบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว ก็ได้ศึกษาธรรมวินัยและเวทมนต์คาถาอาคมต่าง ๆ จนถึงขั้นแตกฉาน พออายุใกล้จะอุปสมบทได้ท่านก็สึกจากสามเณรเป็นฆราวาส อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน วัดวังตะโก และวัดท้ายน้ำ เทพเจ้าแห่งอำเภอโพทะเลและเพชรน้ำเอกของจังหวัดพิจิตร

ชาติกำเนิด

หลวงพ่อเงิน เดิมท่านชื่อเงิน เมื่อสมัยก่อนยังไม่ได้ใช้นามสกุล ท่านเกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2351 ตรงกับศุกร์เดือน 10 ปีมะโรง บิดาของท่านชื่อ อู๋ เป็นชาวบ้านบางคลาน มารดาของท่านชื่อฟัก เป็นชาวบ้านแสนตอ จังหวัดกำแพงเพชร ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งรัตนโกสินทร์

หลวงพ่อเงิน ท่านมีพี่น้องร่วมสายโลหิตทั้งหมด 6 คน ดังนี้

คนที่ 1 ชื่อพรม ชาย

คนที่ 2 ชื่อทับ หญิง

คนที่ 3 ชื่อทอง(ขุนภุมรา) ชาย

คนที่ 4 ชื่อเงิน(หลวงพ่อเงิน)

คนที่ 5 ชื่อหล่ำ ชาย

คนที่ 6 รอด หญิง

เมื่อปี พ.ศ. 2356 หลวงพ่อเงิน อายุได้ 5 ขวบ นายช่วงซึ่งเป็นครูของท่าน ได้หาหลวงพ่อเงินไปอยู่กรุงเทพฯ จนกระทั่งหลวงพ่อเงินเติบโตเข้าศึกษาเล่าเรียนได้ จึงได้นำหลวงพ่อเงินไปฝากไว้ที่วัดตองปู (วัดชนะสงคราม) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือที่วัดชนะสงครามตลอดมาจนถึงปี พ.ศ. 2363 หลวงพ่อเงิน อายุได้ 12 ปีจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุครบบวชท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดชนะสงคราม ฉายา พุทธโชติ แล้วท่านได้จำพรรษา เพื่อปฏิบัติธรรมวินัยเรียนทางวิปัสสนากรรมฐานอยู่ได้ 3 พรรษาขณะที่ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดชนะสงครามท่านได้ไปถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อศึกษาศิลปวิทยาคมตลอดจนเรียนวิปัสสนาธุระ ในทางเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรีจากเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒจารย์(โต) พรหมรังสีวัดระฆังโฆสิตารามจนเป็นที่พอใจแล้ว ท่านจึงได้กลับไปจำพรรษาที่วัดคงราราม (วัดบางคลานใต้) บ้านบางคลาน ตำบลบางคลาน อำเภอบางคลาน จังหวัดพิจิตร บ้านเดิมของท่านอยู่ได้ 1 พรรษา

ที่วัดคงคารามนี้มีหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์ให้ เป็นเจ้าอาวาสอยู่ก่อนแล้ว ท่านเป็นพระที่เรืองวิชาแก่กล้าองค์หนึ่งเหมือนกันและท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุด้วย แต่หลวงพ่อท่านอุปัชฌาย์ให้ท่านชอบเทศน์แหล่ เป็นทำนองการเทศน์แหล่หรือการซ้อมแหล่ ทำให้เกิดเสียงดังมาก หลวงพ่อเงินท่านไม่พอใจ เพราะท่านเป็นพระที่เคร่งครัดทางธรรมวินัยและทางวิปัสสนากรรมฐานชอบแต่ทางสงบ
อ่านเพิ่มเติม

ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร
หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ มีนามเดิมว่า “เงิน” เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 10 ปีฉลู ซึ่งตรงกับวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2348 บิดาชื่อนายอู๋ มารดาชื่อนางฟัก เป็นชาวบ้านตำบลบางคลาน จังหวัดพิจิตร มีพี่น้องร่วม บิดาเดียวกันทั้งหมด 6 คน คนที่ 1 ชื่อ พรม คนที่ 2 ชื่อทับ คนที่ 3 ชื่อ ทอง คนที่ 4 ชื่อ เงิน คนที่ 5 ชื่อ หล่ำ คนที่ 6 ชื่อ รอด (ในหนังสือประวัติของท่านมีผู้เขียนไว้เป็น ๒ กระแส แต่ต่างยืนยันว่าท่านเกิดปีฉลู กระแสแรกว่าท่านเกิดปีฉลู พ.ศ. 2348 อีกกระแสท่านเกิดปีฉลู พ.ศ. 2360)

ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน “หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ” เป็นชาวบ้านบางคลาน อำเภอบางคลาน จังหวัดพิจิตร เป็นบุตรคนที่ 4 บิดาของท่านชื่อ อู๋ เป็นชาวบ้านบางคลาน มารดาของท่านชื่อฟัก เป็นชาวบ้าน จังหวัดกำแพงเพชร ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งรัตนโกสินทร์ มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น 6 คนด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2356 หลวงพ่อเงิน อายุได้ 5 ขวบ นายช่วงซึ่งเป็นครูของท่าน ได้พา หลวงพ่อเงิน ไปอยู่กรุงเทพฯ จนกระทั่ง หลวงพ่อเงิน เติบโตเข้าศึกษาเล่าเรียนได้ จึงได้นำ หลวงพ่อเงิน ไปฝากไว้ที่วัดตองปู (วัดชนะสงคราม) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือที่วัดชนะสงครามตลอดมาจนถึงปี พ.ศ. 2363 หลวงพ่อเงินอายุได้ 12 ปีจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุครบบวชท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดชนะสงคราม ฉายา พุทธโชติ แล้วหลวงพ่อเงิน ท่านได้จำพรรษา เพื่อปฏิบัติธรรมวินัยเรียนทางวิปัสสนากรรมฐานอยู่ได้ 3 พรรษาขณะที่ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดชนะสงคราม ท่านได้ไปถวายตัวเป็นศิษย์ เพื่อศึกษาศิลปวิทยาคมตลอดจนเรียนวิปัสสนาธุระ ในทางเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี จากเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒจารย์(โต) พรหมรังสีวัดระฆังโฆสิตาราม
อ่านเพิ่มเติม

รวมคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ)

รวมคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ)

อิทธิบาท 4
เมื่อบวช ก็ต้องยุติเรื่องราวทางโลก จึงควรที่สนใจศึกษาหาความรู้ทางปริยัติธรรม และฝึกปฏิบัติ ปริยัติธรรม ได้แก่ คำสั่งสอน อันเป็นแนวทางไปสู่การปฏิบัติ?ส่วนปฏิบัติธรรมนั้นเป็นคำสอน ที่บ่งวิธีปฏิบัติโดยตรงซึ่งจะมีผลส่งให้ถึงปฏิเวธธรรม?? คือ? การรู้แจ้งแทงตลอดสภาวะความเป็นจริง ท่านบอกว่า ถ้าบวชแล้วไม่สนใจในพระสัจธรรม?? ของพระพุทธองค์ ก็เสียเวลาเปล่า ถึงฆราวาสก็เช่นกัน เมื่อไม่ได้เป็นผู้ทรงศีล ก็ต้องเอาดีทางโลกให้ได้ ต้องเก่งไปในทางที่ตัวเลือกดำเนินชีวิต ท่านสอนว่า ?“ อ้ายโลกก็เหลว อ้ายธรรมก็แหลกเป็นแบกบอน เหลือแต่ กิน นอน เที่ยว สามอันเท่านั้นเอย” ? เมื่อละตัณหาได้ อุปทานก็ไม่มี ดังจะยกอุทาหรณ์เทียบเคียงให้เห็น เช่น สามีภรรยาที่หย่ากัน เมื่อเขายังไม่หย่ากัน สามีไปทำอะไรเข้า ฝ่ายภรรยาก็เก็บเอามาเป็นทุกข์เป็นร้อนด้วย หรือเมื่อฝ่ายภรรยาไปทำอะไรเข้า?? ฝ่ายสามีก็เก็บเอามาเป็นทุกข์เป็นร้อนด้วย ถ้าเขาหย่าขาดกันแล้ว มิใยที่ฝ่ายใดจะไปก่อกรรมทำเข็ญขึ้น อีกฝ่ายหนึ่ง จะไม่มีทุกข์มีร้อนด้วยเลย ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะเขาหมดความยึดถือว่า เขาเป็นสามีภรรยากันแล้ว นี่ฉันใดก็ฉันนั้น จะเห็นได้ชัดในข้อว่า ทุกข์เกิดจากอุปาทานอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ดูดดึงเข้ามา แต่ลำพังขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวทุกข์ ได้ในคำว่า ?“ ปัญจุปาทานักขันทา ทุกขา ”
รวมความก็ว่า ปล่อยอุปาทานไม่ได้ เป็นทุกข์ ปล่อยได้หมดทุกข์ ถอดกายทิพย์ออกจากเสียงมนุษย์ กายมนุษย์ก็ไม่มีเรื่อง จะไม่มีใครเป็นทุกข์ และในที่สุดจะต้องปล่อยอุปาทานได้หมด ทั้งในกายทิพย์ กายรูปพรหม และอรูปพรหม คงแต่ธรรมกายเด่นอยู่ ฯ กล่าวคือ ผู้ปฏิบัติตามธรรมะของพระองค์ จะรู้ว่าธรรมะของพระองค์ดีจริงอย่างไร และเมื่อปฏิบัติตามแล้ว ได้ผลเป็นอย่างไร ดังนี้ ย่อมเกิดจาก การปฏิบัติของตนเอง ด้วยใจของตนเอง ผู้อื่นจึงพลอยรู้ด้วยไม่ได้ มันเป็นรสทางใจ หากใจผู้ปฏิบัติเยือกเย็นเป็นสุขสักปานใด แม้เขาจะมาเล่าให้เราฟัง ใจเรามันก็จะไม่เย็นอย่างเขา ตามคำที่เขาเล่าบอกนั้นได้ จะไม่ผิดอะไรกับคนหนึ่ง ได้กินแกงชนิดหนึ่งมาเล่าให้เราฟังว่า มันอร่อยอย่างนั้นอย่างนี้ ก็จะไม่ทำให้เราเปิปข้าวเปล่า ๆ โดยนึกเอารสแกงที่เขาว่านั้นมาประสมให้ได้รสอร่อยอย่างเขาว่านั้นได้ ?แม้ว่าเวลานี้จะเป็นการล่วงมาช้านานจากที่พระองค์เสด็จดับขันธ์ ปรินิพพานไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรเป็นข้อห้ามว่า ผู้ที่ปฏิบัติตามจะไม่ได้รับผล อย่างที่ท่านได้รับ นอกจากคำกล่าวอ้างของคนเกียจคร้าน ข้อนี้ มีคำว่า ….อกาลิโก ในบทพระธรรมคุณนี้เอง เป็นหลักฐานยันอยู่ว่าธรรมของพระองค์ ผู้ใดปฏิบัติตามย่อมทำให้เกิดผลทุกเมื่อ ไม่มีขีดขั้น พระอริยสาวกทั้งหลายนั้น ฐานะเดิมก็เป็นมนุษย์ปุถุชนนี้เอง แม้องคมนตรีสมเด็จพระบรมศาสดาก็เช่นกัน มิใช่ เทวดา อินทร์ พรหม ที่ไหน แต่ที่เลื่อนขั้นสู่ ฐานะเป็นพระอริยะได้ ก็เพราะการปฏิบัติเท่านั้น แนวปฏิบัติอย่างไหนถูก พระองค์สอนไว้ละเอียดหมดแล้ว ปัญหาจึงเหลือแต่ว่าพวกเราจะปฏิบัติกันจริงหรือไม่เท่านั้น ฯ อ่านเพิ่มเติม

พระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ

พระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ

พระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ องค์ปฐมบรมครูแห่งวิชชาธรรมกายในยุคปัจจุบัน เดิมชื่อ สด นามสกุล มีแก้วน้อย ท่านเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๒๗ ตรงกับวันแรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช ณ บ้านสองพี่น้อง ตำบลสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรคนที่สองของนายเงินและนางสุดใจ มีแก้วน้อย มีพี่น้องร่วมมารดาบิดา ๕ คน

เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
กลางรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าครั้งนั้นเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต เผื่อน ติสสทัตตมหาเถระ วัดพระเชตุพนฯ พระอาจารย์องค์หนึ่งของท่าน ยังดำรงสมณศักดิ์เป็นท่านเจ้าคุณพระศากยยุตติวงศ์ เจ้าคณะอำเภอภาษีเจริญ เล็งเห็นความเป็นผู้นำของหลวงพ่อ ซึ่งครั้งนั้นเป็นพระฐานานุกรมที่ พระสมุห์สด จนฺทสโร เจ้าประคุณได้มอบหมายท่าน ให้จำต้องยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ ซึ่งเป็นพระอารามหลวงเก่าแก่แต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และในขณะนั้นชำรุดทรุดโทรมมาก เป็นกึ่งวัดร้าง มีพระประจำวัดอยู่เพียงสิบสามรูป อ่านเพิ่มเติม

พระผงของขวัญ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ

พระผงของขวัญ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ

พระปากน้ำ รุ่น 3

พระผงของขวัญวัดปากน้ำ ของท่านเจ้าประคุณพระมงคลเทพมุนี หรือหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ ธนบุรีนั้น เป็นพระเครื่องที่ขึ้นชื่อลือชาเป็นอย่างยิ่ง และมีผู้นิยมบูชาแสวงหา ตลอดจนต้องการรู้หลักการพิจารณาเบื้องต้นกันมากมาย ดังนั้น จึงเห็นควรว่าน่าจะพูดคุยกันเป็นเบื้องต้นเกี่ยวกับพระยอดนิยมพิมพ์นี้ เพราะอธิบายทางโทรศัพท์ หรือทางอีเมล์ กันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว พระผงของขวัญวัดปากน้ำนี้ หลวงพ่อสดท่านสร้างขึ้นเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับผู้มีจิตศรัทธาสมทบทุนช่วย กันสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม นับเป็นการบอกบุญรุ่นแรกๆ และมอบพระให้เป็นที่ระลึก เลยเรียกกันว่า “พระของขวัญ” ซึ่งจัดสร้างเป็นพระเนื้อผง ประกอบด้วยวัตถุมงคลต่างๆ มีตัวหลักเป็นผงปูน และเขียนผงเป็นยันต์วิเศษตามตำรับ เช่น ผงมหาราช ผงอิทธิเจ ผงปถมังเป็นต้น มีมวลสารอื่นๆ อาทิดอกมะลิแห้งที่มีผู้นำไปบูชา เส้นเกศาของหลวงพ่อสดเอง ประวัติหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)

พระวัดปากน้ำนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่น ปรากฏว่าพุทธคุณเป็นที่เลื่องลือทั้งด้านเมตตามหานิยมมหาลาภ แคล้วคลาดคงกระพัน จนพูดกันติดปากว่า

“ถ้ามีพระวัดปากน้ำอยู่กับตัวแล้ว ในน้ำไม่ตาย บนบกไม่ตาย กลางอากาศไม่ตาย ลาภผลไม่ขาดมือ และมีค่าเท่ากับสมบัติพันล้าน หากมุ่งหวังสิ่งใดก็ให้อธิษฐานเถิดจักเกิดสัมฤทธิผลทุกประการ”

และเนื่องจากองค์พระเป็นเนื้อผง จึงมีความเปื่อยยุ่ยง่าย ดังนั้น จึงพบว่าบางองค์มีการนำมาลงแล็กเกอร์เพื่อให้เกิดความคงทน อ่านเพิ่มเติม

เปิดโลกพระศรีอริยเมตไตรย >> สืบสายอริยะ >> หลวงพ่อสด

เปิดโลกพระศรีอริยเมตไตรย >> สืบสายอริยะ >> หลวงพ่อสด

หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ (พระมงคลเทพมุนี)
ดอกไม้ที่หอมไม่ต้องเอานำหอมมาพรมก็หอมเองใครจะห้ามไม่ได้ ซากศพไม่ต้องเอาของเหม็นมาละเลงใส่ซากศพก็ต้องแสดงกลิ่นศพให้ปรากฏปิดกันไม่ได้…

คาถาหลวงพ่อสด
สัมมา อะระหัง
**********
ธรรมสัจจะแห่งหลวงพ่อสด
หยุดนั้นแหละเป็นตัวสมถะเป็นตัวสำเร็จ คือสำเร็จหมดทั้งทางโลกและทางธรรม โลกที่จะได้รับความสุขได้ ใจต้องหยุดตามส่วนของโลก ธรรมที่จะได้รับความสุข ใจต้องหยุดตามส่วนของธรรม ดังบาลีว่า “นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ” สุขอื่นนอกจากหยุดจากนิ่งไม่มี หยุดนั้นเองเป็นตัวสำคัญ หยุดคำเดียวเท่านั้นถูกทางสมถะตั้งแต่ต้นจนเป็นพระอรหันต์ เป็นตัวศาสนาแท้ๆ ถูกโอวาทของพระบรมศาสดา ถ้าไม่หยุดจะปฏิบัติศาสนาสัก 30-40 ปีก็ช่าง ที่สุดถึงจะมีอายุเป็นร้อยปีแต่ถ้าทำใจให้หยุดไม่ได้ เป็นไม่ถูกร่องรอยพระศาสนา
อ่านเพิ่มเติม

การเผยเเพร่คำสอนของหลวงปู่สด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

การเผยเเพร่คำสอนของหลวงปู่สด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

ประวัติหลวงปู่สด ( Bibliography of Monk Sod Jantasaro)

( อ้างอิง : ประวัติหลวงปู่สด จาก THAI WIKIPEDIA )
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เดิมชื่อ สด มีแก้วน้อย เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2427 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บ้านสองพี่น้อง ตำบลสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรคนที่สองของนายเงินและนางสุดใจ มีแก้วน้อย มีพี่น้องร่วมมารดาบิดา 5 คน เริ่มเรียนหนังสือกับพระภิกษุผู้เป็นน้าชาย ณ วัดสองพี่น้อง แล้วมาอยู่ ณ วัดบางปลา อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ในความปกครองของพระอาจารย์ทรัพย์ ปรากฏว่าเป็นผู้สามารถเรียน-อ่านภาษาขอมได้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วได้กลับไปช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพค้าขาย ด้วยความวิริยะอุตสาหะเพื่อสร้างฐานะให้มั่นคง เมื่อท่านอายุได้ 14 ปีโยมบิดาได้ถึงแก่กรรมลงท่านจึงรับภาระดูแลการค้าแทน ท่านฉลาดในการปกครอง ลูกเรือต่างก็รักนับถือท่านและเนื่องจากท่านเป็นคนขยันขันแข็งในการทำงาน อาชีพการค้าจึงเจริญขึ้นโดยลำดับ จนปรากฏในยุคนั้นว่า เป็นผู้มีฐานะดีคนหนึ่ง วันหนึ่งเมื่อท่านนำเรือเปล่ากลับบ้านพร้อมเงินรายได้จากการขายข้าวผ่านลัด คลองเล็กซึ่งชาวบ้านเรียกว่า คลองบางอีแท่น มีโจรผู้ร้ายชุกชุมท่านนึกถึงความตายขึ้นมา และได้อธิษฐานจิตในขณะนั้นว่า “ขอเราอย่าได้ตายเสียก่อนเลย ขอให้ได้บวชเสียก่อน เมื่อบวชแล้วจะไม่ลาสิกขา ขอบวชไปจนตลอดชีวิต”การหาเงินเลี้ยงชีพนั้นลำบาก บิดาของเราก็หามาอย่างนี้ ต่างไม่มีเวลาว่างกันทั้งนั้น ถ้าใครไม่รีบหาให้มั่งมี ก็เป็นคนชั้นต่ำ ไม่มีใครนับหน้าถือตา เข้าหมู่เพื่อนบ้านก็อับอาย ไม่เทียมหน้าเขา บุรพชนต้นสกุลก็ทำมาอย่างนี้เหมือนกัน จนถึงบิดาเราและตัวเราในบัดนี้ ก็คงทำอยู่อย่างนี้ ก็บัดนี้บุรพชนทั้งหลายได้ตายไปหมดแล้ว แม้เราก็จักตายเหมือนกัน เราจะมัวแสวงหาทรัพย์อยู่ทำไม ตายแล้วเอาไปไม่ได้ บวชดีกว่า ท่านบอกว่าเริ่มอธิษฐานมาตั้งแต่อายุ 19 ปี หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านเล่าต่อไปว่า เมื่อตกลงใจบวชไม่สึกแล้ว จิตคิดเป็นห่วงมารดาเกิดขึ้น จึงขะมักเขม้นทำงานสะสมทรัพย์ เพื่อให้มารดาเอาไว้ใช้เลี้ยงชีพไปจนตลอดชีวิต ขณะมีอายุย่างเข้า 22 ปี ท่านได้บรรพชาอุปสมบท ณ วัดสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี มีฉายาว่า สด จนฺทสโร พระอาจารย์ดี วัดประตูสาร อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวินยานุโยค (เหนี่ยง อินฺทโชโต) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โหน่ง อินฺทสุวณฺโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ คู่สวดทั้งสองรูปอยู่วัดเดียวกัน คือ วัดสองพี่น้อง ในการเรียนด้านคันถธุระในพรรรษาแรก ท่านสงสัยอยากรู้คำแปลคำว่า อวิชฺชาปจฺจยา ซึ่งไม่มีใครทราบ ท่านจึงเกิดความดำริที่จะไปเรียนคันถธุระต่อที่กรุงเทพฯ
เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านจึงเริ่มปฏิบัติสมถะ-วิปัสสนากับพระอนุสาวนาจารย์นับแต่วันบวช เมื่อบวชแล้วพอรุ่งขึ้นอีกวัน หลวงพ่อก็เริ่มลงมือปฏิบัติพระกรรมฐานต่อกับพระอาจารย์เนียม วัดน้อย อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ได้จำพรรษาอยู่วัดสองพี่น้อง 1 พรรษาเมื่อออกพรรษาที่วัดสองพี่น้องแล้ว ท่านจึงเดินทางมาจำพรรษา ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อศึกษาด้านคันถธุระต่อ ในสมัยนั้นนิยมใช้หนังสือขอมที่จารลงในใบลาน อ่านเพิ่มเติม

หล่อรูปเหมือนหลวงปู่วัดปากน้ำ องค์ที่ 7 ด้วยทองคำ

หล่อรูปเหมือนหลวงปู่วัดปากน้ำ องค์ที่ 7 ด้วยทองคำ

“…จะมีสักกี่ชาติ จะมีสักกี่ครั้ง ที่เราจะได้สร้างมหากุศลอันยิ่งใหญ่ ที่บริสุทธิ์ บริบูรณ์ เช่นนี้ติดตัวไป…”

ขอเชิญผู้มีบุญ ศิษยานุศิษย์ และลูกหลานหลวงปู่ทั่วโลก
ร่วมพิธีหล่อรูปเหมือนหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) องค์ที่ 7 ด้วยทองคำ

ในวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ณ วัดพระธรรมกาย
(วันคล้ายวันเกิดครบรอบ 129 ปี พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร))

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ โทรศัพท์ 02-831-1000
(ขอเชิญผู้ไปร่วมงานแต่งชุดขาวๆ โดยพร้อมเพรียงกัน : เสื้อขาว กางเกง กระโปรง หรือผ้าถุงขาว)

อ่านเพิ่มเติม

. . . . . . .