ธัมมิกสังคมนิยมแบบเผด็จการ! วิพากษ์พุทธทาสในวันล้ออายุปีที่ 105

ธัมมิกสังคมนิยมแบบเผด็จการ! วิพากษ์พุทธทาสในวันล้ออายุปีที่ 105

พระ เงื่อม อินทปัญโญ หรือที่เรารู้จักกันในนาม “พุทธทาสภิกขุ” นับได้ว่าเป็นพระปัญญาชนชาวไทยที่มีความโดดเด่นที่สุดคนหนึ่ง นับจากพระวชิรญาณภิกขุ วัตรปฏิบัติ ตัวตนและคำสอนของเขาได้กลายเป็นชุดความคิดหลักอันแข็งแกร่ง คำสอนเชิงจิตวิญญาณ ประสบการณ์การตื่นรู้ การตีความพระไตรปิฎก ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้เขียน แต่การนำคำสอนทางศาสนาไปตัดสินความถูกต้องทางการเมืองของพุทธทาสต่างหากที่ นอกจากจะไม่มีคนตั้งคำถามอย่างเป็นกิจลักษณะแล้ว [3] กลับสนับสนุนเอออวย วิธีคิดหลายอย่างของเขานับวันจะเป็นการบั่นทอนทำลายการเมืองที่เปิดกว้างแบบ ประชาธิปไตย ที่มีหัวใจสำคัญอยู่ที่ความเชื่อมั่นวางใจในมนุษย์ปุถุชนว่ามีความเสมอภาค เท่าเทียมกัน มีความสามารถพอเพียงที่จะดูแลกันได้ แต่หลักธรรมที่ตีความโดยพุทธทาสกลับมีนัยที่ตรงกันข้ามอย่างรุนแรง
อ่านเพิ่มเติม

๑๐๐ ปีชาตกาล “พุทธทาสภิกขุ”

๑๐๐ ปีชาตกาล “พุทธทาสภิกขุ”

พระนักเขียนหนังสือ พระผู้มอบมรดกธรรมให้สังคมไทย

จากหนังสือศิลปวัฒนธรรม

ในบรรดาพุทธสาวกคงไม่มีพระรูปใดที่เขียนหนังสือเผยแผ่พุทธธรรมไว้มากเท่าพระธรรมโกศาจารย์พุทธทาสภิกขุ หรือที่ท่านมักเรียกตัวเองว่า พุทธทาส อินทปัญโญ มีมากกว่า ๑๔๐ เล่ม

สมดังคำเมื่อครั้งที่ท่านปวารณาตนไว้เมื่อแรกใช้นาม “พุทธทาส” ซึ่งแสดงถึงอุดมคติสูงสุดในการรับใช้พระพุทธศาสนา ท่านเขียนไว้ในบันทึก เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ว่า “…ชีวิตของข้าพเจ้า สละทุกอย่างๆ มุ่งหมายต่อความสุขนี้ และประกาศเผยแพร่ความสุขนี้เท่านั้น ไม่มีอะไรดีกว่านี้ ในบรรดามีอยู่ในพระพุทธศาสนา…”

เดิมทีนั้นท่านเป็นพระนักเทศน์ ท่านได้ริเริ่มการเทศน์ในรูปแบบของปาฐกถาธรรมที่ประยุกต์ทั้งรูปแบบ และเนื้อหาของธรรมะให้การแสดงธรรมสมสมัย เข้าถึงผู้สนใจธรรมทุกหมู่เหล่า หรือที่เรียกว่า “ภาษาคน ภาษาธรรม”
อ่านเพิ่มเติม

ธรรมทาน จาก ท่านอ.พุทธทาส

ธรรมทาน จาก ท่านอ.พุทธทาส

“…เมื่อประสบความสำเร็จ
สิ่งแรกก็คือดีใจ จนลืมตัว และโง่ลงไปบางอย่าง
สำหรับจะประมาท หรือสะเพร่าในอนาคต
ความสำเร็จ เป็นครูที่ดีน้อยกว่า ความไม่สำเร็จ
ความไม่สำเร็จ แต่มีเสน่ห์จนคนทั่วไป เกลียดความไม่สำเร็จ
…เมื่อไม่ประสบความสำเร็จ
เราจะได้อะไร ที่มีค่ามากกว่า เมื่อประสบความสำเร็จไปเสียอีก
ถ้าเป็นจิตนิยม แต่เราไม่รู้-ไม่รู้สึก ถือเอาไม่ได้
แต่คนทั่วไป มองมันในแง่ลง เห็นเป็นความเสียหาย
และเกิดทุกข์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก เป็นโชคร้ายไปเสียโน่น
…ถ้าต้อนรับความไม่สำเร็จ อย่างถูกต้อง
มันจะมอบความรู้ ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ ถึงที่สุดในกาลข้างหน้า
จนกลายเป็นผู้ทำอะไร สำเร็จไปหมด…”

อ่านเพิ่มเติม

โอวาทคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาส ภิกขุ

โอวาทคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาส ภิกขุ

ตายให้เป็นคือตายชนิดที่ไม่ตาย แต่กลับเป็นอยู่ตลอดกาล และต้องเป็นการกระทำชนิดที่เรียกว่าตายเสียก่อนตาย คือ ตายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนแต่ร่างกายแตกดับ……

๐ ๐ ๐ ๐
การกุศลที่แท้จริงและสูงสุดนั้นคือ….การทำให้มนุษย์ได้รู้ถึงสิ่งที่มนุษย์ควรรู้หรือจำเป็นต้องรู้ และให้ได้ถึงสิ่งที่ควรเข้าถึงหรือจำเป็นต้องเข้าถึง กล่าวคือธรรมะที่ทำให้จิตใจสูง ได้แก่การที่มีใจมีความสะอาดปราศจากกิเลส ใจสว่าง สงบของจิตใจ ซึ่งจำเป็นเร่งด่วนหรือต้องการก่อนสิ่งอื่นใด
ทั้งหมดทั้งสิ้น

อย่ามุ่งหมายความสุขอันประเสริฐอะไรๆให้มากไปกว่าความปกติของจิตที่ไม่ยินดียินร้าย ไม่ขี้นไม่ลงไปตามอารมณ์ที่กระทบ เพราะไม่มีสุขอะไรประเสริฐยิ่งไปกว่าความปกติของจิตนั้น…. ๐ ๐ ๐ ๐

http://supissara.myreadyweb.com/article/category-36353.html

“พุทธทาสภิกขุ” ผู้มีปัญญาอันยิ่งใหญ่ ส่องสว่างทางธรรมให้กับโลก

“พุทธทาสภิกขุ” ผู้มีปัญญาอันยิ่งใหญ่ ส่องสว่างทางธรรมให้กับโลก

เลิศชาย ปานมุข:

พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาส อินทปัญโญ) วัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม) อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งสวนโมกขพลารามเพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและสถานที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา นอกจากนี้ผลงานของท่านพุทธทาสภิกขุยังมีปรากฏอยู่มากมายทั้งในรูปพระธรรมเทศนา และในงานเขียน โดยท่านตั้งใจทำการถ่ายทอดพระพุทธศาสนาให้อยู่ในฐานะที่เป็นพุทธะศาสนาอย่างแท้จริง นั่นคือเป็นศาสนาแห่งความรู้ ไม่เจือปนไปด้วยความหลงผิดที่เข้าแทรกจนกลายเป็นเนื้อร้ายที่คอยกัดกิน ได้แก่เรื่อง พุทธพาณิชย์, ไสยศาสตร์ และเรื่องความหลงใหลในลาภยศของพระสงฆ์ ฯลฯ อีกทั้งคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุก็ได้ถูกถ่ายทอดให้อยู่ในรูปแบบที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้ โดยที่ยังคงเนื้อหาสำคัญไว้ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งคำสอนของท่านยังรวมไปถึงเรื่องทั่วๆ ไปด้วย เช่น การทำงาน, การเรียน ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับชีวิตประจำวัน
อ่านเพิ่มเติม

มหกรรมสืบสานปณิธานพุทธทาสภิกขุ ระหว่างวันที่ 26-28 พฤษภาคม 2549 ณ พุทธมณฑล

มหกรรมสืบสานปณิธานพุทธทาสภิกขุ ระหว่างวันที่ 26-28 พฤษภาคม 2549 ณ พุทธมณฑล

กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน 100 ปีพุทธทาสภิกขุ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้จัดงานมหกรรมสืบสานปณิธานพุทธทาสภิกขุระหว่างวันที่ 26-28 พฤษภาคม 2549 ที่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม กิจกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองชาตกาล 100 ปีพุทธทาสภิกขุ ซึ่งตรงกับวันที่ 27 พฤษภาคม 2549

การจัดงานมหกรรมสืบสานปณิธานพุทธทาสภิกขุ นับเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยจะเป็นการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องระหว่างปี 2549 ถึงปี 2550 เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูท่านพุทธทาสภิกขุ ในฐานะที่เป็นบุคคลสำคัญที่ได้รับการยกย่องทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ ซึ่งยูเนสโกได้ประกาศร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสนี้ด้วย เนื่องจากได้ตระหนักว่าท่านเป็นผู้มีผลงานโดดเด่นในการส่งเสริมขันติธรรม สันติธรรม วัฒนธรรม ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างมวลมนุษย์ตามหลักการ ดำเนินงานของยูเนสโก โดยการเผยแพร่หลักธรรมหรือแนวปรัชญาของท่านพุทธทาสภิกขุ ได้มีการจัดพิมพ์เป็นหนังสือและเอกสารต่างๆ มากมาย และมีการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากถึง 10 ภาษา
อ่านเพิ่มเติม

พุทธทาส ภิกขุ บุคคลสำคัญของโลก

พุทธทาส ภิกขุ บุคคลสำคัญของโลก
ศ.พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต)

การที่องค์การยูเนสโกประกาศยกย่องท่านอาจารย์พุทธทาสว่าเป็นบุคคลสำคัญของโลกย้ำเตือนถึงความจริงของบทกลอนของท่านพุทธทาสที่ว่า “พุทธทาสจักอยู่ไปไม่มีตาย” ผลงานของท่านนอกจากจะไม่ตายไปจากความทรงจำของชาวพุทธแล้ว ยูเนสโกยังประกาศยกย่องท่านพุทธทาสไปทั่วโลก
เราอาจตั้งคำถามว่า ทำไมท่านพุทธทาสจึงได้รับยกย่องจากยูเนสโก เขามองท่านพุทธทาสอย่างไร ใครที่อยากจะได้รับการยกย่องในเวลาร้อยปีชาตกาลของตนแบบท่านพุทธทาสก็อาจจะจับประเด็นได้และทำผลงานให้ตรงจุด บางคนอาจได้คิดว่า เมื่อยูเนสโกยังยกย่องท่านพุทธทาส ทำไมเราจึงไม่ศึกษางานของท่านบ้าง เรากลายเป็นพวกใกล้เกลือกินด่างหรือเปล่า เพราะฉะนั้นในช่วงนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะหันมาศึกษางานของท่านพุทธทาส ให้มากขึ้น อาตมาเคยพูดถึงท่านพุทธทาสเมื่อประมาณ ๒๕ ปีมาแล้วในปี ๒๔๒๕ เมื่อพูดแล้วได้พิมพ์เป็นหนังสือเรื่องเปรียบเทียบแนวคิดพุทธทาสกับฌอง-ปอล ชาร์ต นักเขียนรางวัลโนเบลของฝรั่งเศส เป็นนักปรัชญาเอกซิสเตนเชียลิสม์ พิมพ์เป็นหนังสือครั้งแรกในปี ๒๕๒๖ อะไรที่เคยพูดไว้ในหนังสือนั้นเป็นอีกมุมมองหนึ่งซึ่งจะไม่พูดถึงในวันนี้
อ่านเพิ่มเติม

ศิลปะการประหยัดของพุทธทาส

ศิลปะการประหยัดของพุทธทาส

มีสลึง พึงบรรจบ ให้ครบบาท
อย่าให้ขาด สิ่งของ ต้องประสงค์
มีน้อย ใช้น้อย ค่อยบรรจง
อย่าจ่ายลง ให้มาก จะยากนานฯ

กลอนโบราณบทนี้ อาจจำเป็นต้องหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นให้คนไทย หันกลับมาตระหนักเรื่อง “ความประหยัด” กันใหม่แบบจริงจังเสียที หลายคนคงไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ ยิ่งเด็ก เยาวชนรุ่นใหม่ จะยิ่งเข้าใจยาก เพราะพวกเขาอาจไม่รู้จัก แม้แต่เหรียญสลึงด้วยซ้ำ!

โดยเฉพาะใน พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นยุคหลังผ่านวิกฤติการณ์น้ำท่วมใหญ่รอบ ๕๐ ปีของไทย ถึงกับพร้อมใจกันขนานนามว่ามหาอุทกภัย และยังมี After Shock ตามมาอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวของที่จำต้องขึ้นราคา ไหนจะค่าแท็กซี่ที่ขู่จะขึ้นค่าโดยสารกันฮึ่มๆ เพราะค่าน้ำมัน ค่าแก๊สที่ผันผวน ฯลฯ เหล่านี้ จะเป็นแรงเหวี่ยงทางเศรษฐศาสตร์ ที่จะทำให้สรรพสิ่งรอบตัว พากันขยับราคาแพงกันไปหมด ถ้าเราไม่ตระหนักเรื่อง “การประหยัด” ในวันนี้ เกรงว่าอาจสายเกินการณ์
อ่านเพิ่มเติม

‘ล้ออายุ’ พุทธทาส 105 ปี

‘ล้ออายุ’ พุทธทาส 105 ปี

คนส่วนใหญ่อาจฉลองวันเกิดด้วยการจุดเทียนบนเค้กก้อนใหญ่ แล้วแจกจ่ายให้ญาติพี่น้องอย่างมีความสุข แต่สำหรับท่านพุทธทาสภิกขุ วันเกิดคือ “วันประหารอาสวกิเลสให้สิ้น” ซึ่งเป็นหนทางสู่ความสุขที่ยั่งยืน
นับเป็นปีที่ 15 แล้ว ที่นายวุฒิ วิพันธ์พงษ์ อาสาสมัครกลุ่มอยู่เย็นเป็นประโยชน์ เข้าร่วมกิจกรรมล้ออายุท่านพุทธทาสภิกขุ เนื่องจากรู้สึกเลื่อมใสในหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา จากการได้สนทนาธรรมกับท่านพุทธทาสภิกขุ ขณะบรรพชาอยู่ที่สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี

ลูกศิษย์ท่านพุทธทาสภิกขุ วัย 35ปี คนนี้ บอกว่า กิจกรรมล้ออายุเริ่มจัดครั้งแรกเมื่อปี 2509 เนื่องจากท่านพุทธทาสภิกขุ ต้องการปลูกฝังให้พุทธศาสนิกชนไม่ยึดติดกับอายุ และเปลี่ยนการเฉลิมฉลองวันเกิด มาเป็นการพิจารณาการกระทำของตนเองในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
อ่านเพิ่มเติม

ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด (พุทธทาส ภิกขุ)

ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด (พุทธทาส ภิกขุ)

ใครจะชอบใครชังช่างเขาเถิด
ใครจะเชิดใครแช่งก็ช่างเขา
ใครจะด่าว่าบนก็ทนเอา
ใครจะเมามากมายไม่หมายมอง
ชอบ ก็ช่างเขาไงเราไกลหนี
ชอบก็ดีวางไว้ไม่ฉลอง
ชอบไม่เห็นไม่รู้ดูดั่งทอง
ชอบไม่ต้องเกี่ยวแวะนั่นแหละดี
ใครรักเราเรารู้อยู่ว่ารัก
ใครไม่ทักรักใคร่ก็ไปหนี
ใครสรรเสริญเยินยอก็พอที
ใครราวีคิดร้ายไม่หมายสู้
ชังก็ช่างไม่อีนังไปขังขอบ
ชังเกินชอบตอบช่างวางไว้หู
ชังหนังหน้าไม่เห็นเช่นไม่ดู
ชังก็อยู่แค่ชังไม่ฟังเขา อ่านเพิ่มเติม

ทัศนะของพุทธทาสภิกขุเกี่ยวกับศาสนาๆ

The Ecumenical Vision of Buddhadasa Bhikkhu and
His Dialogue with Christianity
ทัศนะของพุทธทาสภิกขุเกี่ยวกับศาสนาๆ
และการสนทนาวิสาสะของท่านกับชาวคริสต์

Delivered on 2 May 2004 by Prof. Swearer
… สมหมาย เปรมจิตต์ แปล

To study different religions comparatively with an attitude of good will results in mutual understanding. This, in turn, brings about a way of thinking and acting in men which causes them not to hurt each other’s feelings. And not to hurt one another’s feelings further gives rise to peaceful co-existence par excellence between all societies and nations of the world.
Christianity and Buddhism are both universal religions; they exist wherever truly religious people practice their religion in the most perfect way. If religious persons show respect for each religion’s founder and for the Dhamma-truth at the core of each religion, they will understand this interpretation. Devotion to a religion results in the cessation of self-interest and self-importance and therefore leads to a realization of the universality and unity of all religions. (Buddhadasa Bhikkhu, Buddhism and Christianity)

การศึกษาเปรียบเทียบศาสนาต่างๆ ด้วยความหวังดี ย่อมจะก่อให้เกิดความเข้าใจกันดีขึ้น ทั้งจะทำให้เราไม่คิดที่จะทำในสิ่งที่จะก่อให้เกิดความบาดหมางแก่อีกฝ่ายหนึ่ง การไม่ทำร้ายจิตใจผู้อื่นนั้น จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ระหว่างประชาคมโลก
ศาสนาคริสต์กับศาสนาพุทธ เป็นศาสนาใหญ่ของโลก ศาสนาทั้งสองต่างก็มีศาสนิกที่ดี ที่ปฏิบัติตามศาสนาของตน หากศาสนิกของแต่ละศาสนาให้ความเคารพต่อศาสดาของกันละกัน และต่อสัจธรรมอันเป็นแก่นแท้ของแต่ละศาสนา ศาสนิกเหล่านั้นก็จะเข้าใจความหมายที่ข้าพเจ้ากล่าวมานี้ ศรัทธาความเลื่อมใสในศาสนา ทำให้คนเราลดทิฐิมานะ และการสำคัญตัวเองผิด ผลก็คือเราจะได้เห็นความเป็นสากลและเอกภาพของศาสนาทั้งหมด (Buddhadasa Bhikkhu, Buddhism and Christianity)
อ่านเพิ่มเติม

พุทธปรัชญาการศึกษาในทรรศนะพุทธทาสภิกขุ

พุทธปรัชญาการศึกษาในทรรศนะพุทธทาสภิกขุ

พุทธทาสภิกขุเป็นพระสงฆ์ไทยรูปหนึ่งที่มีผลงานและมีชื่อเสียงอย่างโดดเด่น ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ยังเป็นผู้มีชื่อเสียงทั้งในต่างประเทศอีกด้วย มีทั้งผลงานที่เป็นเอกสาร หนังสือ แผ่นเสียง การบรรยายเป็นจำนวนมากมาย ทั้งยังมีผู้ทำการศึกษาวิจัยงานของท่านไว้มากมายยิ่ง อาจเป็นด้วยการเพราะผลของการศึกษา พระสัทธรรมที่ครอบคลุม ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ จึงนำผลมาสู่การรังสรรค์ ผลงานที่เชื่อมโยงทั้งองค์ความรู้ปัจจุบันและการค้นคว้า ตีความเนื้อหาในคัมภีร์ทางด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาต่างๆ จนนำไปสู่การขยายองค์ความรู้ในวงกว้างทั้งทางด้านวิชาการและการปฏิบัติ ซึ่งสอดรับกับปณิธานทั้ง ๓ ประการของท่านคือ
อ่านเพิ่มเติม

เรียนพุทธศาสนา ใน ๑๕ นาที โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ

เรียนพุทธศาสนา ใน ๑๕ นาที โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ

ประมวลคำสอน

นับตั้งแต่กาลที่โลกว่างเปล่า เริ่มกลายเป็นมนุษย์โลกขึ้น เมื่อหลายแสนปีมาแล้ว มนุษย์ได้ใช้มันสมอง แสวงหาความสุขใส่ตน เป็นลำดับๆ มาทุกๆยุค, จนในที่สุด เกิดมีผู้สั่งสอนลัทธิแห่งความสุขนั้นต่างๆกัน, ตัวผู้สอนเรียกว่า ศาสดา, คำสอนที่สอนเรียกว่า ศาสนา, ผู้ที่ทำตามคำสอน เรียกว่า ศาสนิก, ทุกอย่างค่อยแปรมาสู่ความดียิ่งขึ้นทุกที, สำหรับคำสอน ขั้น โลกิยะ หรือ จรรยา ย่อมสอนมีหลักตรงกันหมดทุกศาสนา, หลักอันนั้นว่า จงอย่าทำชั่ว จงทำดี ทั้งต่อตนเอง และผู้อื่น, ดังที่ทราบกันได้อยู่ทั่วไปแล้ว : แต่ส่วนคำสอนขั้นสูงสุด ที่เกี่ยวกับความสุขทางใจ อันยิ่งขึ้นไปนั้น สอนไว้ต่างกัน. ศาสนาทั้งหลาย มีจุดหมายอย่างเดียวกัน เป็นแต่สูงต่ำกว่ากัน เท่านั้น

ทุกองค์ศาสดา เว้นจากพระพุทธเจ้า สอนให้ยึดเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งสาวกไม่มีความรู้(ไป)พิสูจน์ ว่าเป็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เป็นผู้สร้างโลก และอำนวยสุขแก่สัตว์โลก เป็นที่พึ่งของตน, ให้นับถือบูชาสิ่งนั้น โดยแน่นแฟ้น ปราศจากการพิสูจน์ ทดลอง แต่อย่างใด. เริ่มต้นแต่ยุคที่ถือผี ถือไฟ ถือดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ต่างๆ มาจนถึง ยุคถือพระเป็นเจ้า เช่น พระนารายณ์ และ พระพรหมของศาสนาฮินดู พระยโฮวาของศาสนาคริสเตียนและยิว และพระอหล่าของอิสลาม ต่างสอนให้มอบความเชื่อในพระเจ้าเหล่านั้น แต่ผู้เดียว ว่าเป็น ผู้มีอำนาจเหนือสิ่งใดทั้งหมด ทั้งๆที่ไม่ต้องรู้ว่า ตัวพระเจ้านั้นเป็นอะไรกันแน่ และผิดจากหลักธรรมดาโดยประการต่างๆ
อ่านเพิ่มเติม

พุทธทาสภิกขุผู้ทำประโยชน์ 3

พุทธทาสภิกขุผู้ทำประโยชน์ 3

‘ยูเนสโก’ ยกย่อง ท่านพุทธทาสภิกขุ เป็นบุคคลสำคัญของโลก

พระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินทปัญโญ) หรือพุทธทาสภิกขุ เกิดเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2449 ที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ในระหว่างที่เดินทางมาเรียนเปรียญธรรม 4 ประโยค อยู่ที่กรุงเทพฯ ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้ศึกษาการปฏิรูปพระพุทธศาสนาของประเทศศรีลังกา อินเดีย ทำให้ท่านรู้สึกขัดแย้งกับวิธีการสอนธรรมะที่ยึดถือรูปแบบมากเกินไป ความย่อหย่อนในพระวินัยของสงฆ์ ทำให้ท่านเชื่อว่าพระพุทธศาสนาในประเทศไทยในเวลานั้น คลาดเคลื่อนไปจากที่พระพุทธองค์ได้ชี้แนะ ท่านจึงตัดสินใจกลับมาที่ อ.ไชยา และจัดตั้งสถานปฏิบัติธรรม สวนโมกขพลาราม และปฏิบัติธรรมตามแนวทางที่ท่านเชื่อมั่น จนทำให้หลายคนมองว่าท่านเป็นคอมมิวนิสต์ รับจ้างคนคริสต์มาทำลายล้างพระพุทธศาสนา แต่ท่านก็รับฟังด้วยความเป็นกลาง จนในที่สุดท่านก็ได้รับการยอมรับจากคณะสงฆ์ไทย รวมถึงวงการศึกษาธรรมะของโลก ถึงกับได้รับการยอมรับว่า เป็น “เสนาบดีแห่งกองทัพธรรม” ในยุคหลังกึ่งพุทธกาล
“ท่านพุทธทาสภิกขุนับเป็นแบบอย่างของพระภิกษุสงฆ์ในการปฏิบัติธรรม ให้หลักธรรมคำสอนที่มีคุณค่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับชาวพุทธ และยูเนสโกจะร่วมเฉลิมฉลองในวาระครบชาตกาล 100 ปี ของท่านพุทธทาสภิกขุ ในวันที่ 27 พ.ค. 2549 อ่านเพิ่มเติม

สดับธรรมจากคํากลอน (พุทธทาสภิกขุ)

สดับธรรมจากคํากลอน (พุทธทาสภิกขุ)

บุญเป็นอะไร?

สิ่งนั้นๆ เป็นเหมือน ของเกลื่อนกลาด
ที่เป็นบาป เก็บกวาด ทิ้งใต้ถุน
ที่เป็นบุญ มีไว้ เพียงเจือจุน
ใช้เป็นคุณ สะดวกคาย คล้ายรถเรือ,
หรือบ่าวไพร่ มีไว้ใช้ ใช่ไว้แบก
กลัวตกแตก ใจสั่น ประหวั่นเหลือ
เรากินเกลือ ใช่จะต้อง บูชาเกลือ
บุญเหมือนเรือ มีไว้ขี่ ไปนิพพาน
มิใช่เพื่อ ไว้ประดับ ให้สวยหรู
เที่ยวอวดชู แบกไป ทุกสถาน
หรือลอยล่อง ไปในโลก โอฆกันดาร
ไม่อยากข้าม ขึ้นนิพพาน เสียดายเรือ

ภัยร้ายของนักเรียน

เป็นนักเรียน เพียรศึกษา อย่าริรัก
ถูกศรปัก เรียนไม่ได้ ดั่งใจหมาย
สมาธิจะ หักเหี้ยน เตียนมลาย
ถึงเรียนได้ ก็ไม่ดี เพราะผีกวน
อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ

หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ

สวนโมกขพลาราม (วัดธารน้ำไหล) ต.เลม็ด อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
ประวัติ หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ สวนโมกขพลาราม (วัดธารน้ำไหล) ต.เลม็ด อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
๑. กำเนิดแห่งชีวิต ท่าน อาจารย์พุทธทาส มีนามเดิมว่า เงื่อม นามสกุล พานิช เกิดเมื่อ วันอาทิตย์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ ในสกุลของพ่อค้าที่ตลาดพุมเรียง ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี บิดา ชื่อ เซี้ยง มารดาชื่อ เคลื่อน มีน้องสองคนเป็นชาย ชื่อ ยี่เก้ย และ เป็นหญิง ชื่อ กิมซ้อย บิดาของท่านมีเชื้อสายจีน ประกอบอาชีพหลัก คือ การค้าขายของชำ เฉกเช่นที่ชาวจีนนิยมทำกัน ทั่วไป แต่อิทธิพลที่ท่านได้รับจากบิดากลับเป็นเรื่องของความสามารถทางด้านกวี และทางด้านช่างไม้ ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่รักยิ่งของบิดา
ส่วน อิทธิพลที่ได้รับจากมารดา คือ ความสนใจในการศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้ง อุปนิสัยที่เน้นเรื่อง ความประหยัด เรื่องละเอียดละออในการใช้จ่าย และการทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด และต้องทำให้ดีกว่าครูเสมอ ท่านได้เรียนหนังสือเพียงแค่ชั้น ม.๓ แล้วต้องออกมาค้าขายแทนบิดาซึ่งเสียชีวิต
ครั้นอายุครบ ๒๐ ปี ก็ได้บวชเป็นพระตามคตินิยมของชายไทย ที่วัดโพธาราม ไชยา ได้รับ ฉายา ว่า “อินทปัญโญ” แปลว่า ผู้มีปัญญาอันยิ่งใหญ่ เดิมท่านตั้งใจจะบวชเรียนตามประเพณี เพียง ๓ เดือน แต่ความสนใจความซาบซึ้ง ความรู้สึกเป็นสุขและสนุกในการศึกษา และเทศน์แสดงธรรม ทำให้ท่านไม่อยากสึก เล่ากันว่า เจ้าคณะอำเภอ เคยถามท่านขณะที่เป็นพระเงื่อม ว่า มีความคิดเห็นอย่างไรในการใช้ชีวิต ท่านตอบว่า “ผมคิดว่าจะใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ให้มากที่สุด” “..แต่ถ้ายี่เก้ยจะบวช ผมก็ต้องสึกออกไปอยู่บ้านค้าขาย” ท่านเจ้าคณะอำเภอ ก็เลยไปคุยกับโยมแม่ของท่านว่า ท่านควรจะอยู่เป็นพระต่อไป ส่วนยี่เก้ย น้องชายของท่านนั้น ไม่ต้องบวชก็ได้ เพราะมีชีวิตเหมือนพระอยู่แล้ว คือ เป็นคนมักน้อย สันโดษ การกินอยู่ ก็เรียบง่าย ตัดผมสั้นเกรียน ตลอดเวลา นายยี่เก้ยก็เลยไม่ได้บวช ให้พี่ชายบวชแทนมาตลอด อ่านเพิ่มเติม

เกร็ดธรรม คำสอน – ท่านพุทธทาส ภิกขุ

เกร็ดธรรม คำสอน – ท่านพุทธทาส ภิกขุ

มีคำพูดคำหนึ่งที่น่าประทับใจ ของท่านพุทธทาส
ได้กล่าวไว้ประโยคหนึ่งก็คือ

“วันทั้งวัน ฉันไม่ได้ทำอะไร”

คำกล่าวนี้ถือได้ว่า เป็นการมุ่งเน้นให้มีการทำงานด้วยความว่าง
คือ โลภ โกรธ หลง อัน ทำให้เกิด ตัวกู-ของกู
และเป็นตัวต้นเหตุ แห่งความ “วุ่น” เช่น ชาวนาทำนา
ไปด้วยความอยากร่ำรวย ขุดดินแต่ละครั้งก็นึกถึงทีวีสี
อยากมีรถขี่ หรือมีเงินซื้อเหล้ากิน ข้าราชการก็ทำงาน
เพราะอยากจะได้ สอง ขั้น อยากจะมีอำนาจบาตรใหญ่
หรือแม้แต่การทำบุญทั้งๆที่ยื่นมือให้แต่ใจกลับ
ขอเป็นเศรษฐีขอมีเงินล้านเพิ่มความขี้โลภ
ให้กับตัวเองอีกหลายเท่าตัว
อ่านเพิ่มเติม

ตัวกู ของกู – ท่านพุทธทาสภิกขุ

ตัวกู ของกู – ท่านพุทธทาสภิกขุ…ขอนำหลักคำสอนของท่านมาเผยแผ่นะคะ

คำสอนของท่าน พุทธาสภิกขุ มาเผยแผ่ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านอื่นๆๆ

ว่ากันว่าการให้ใดใด ยังไม่เท่าการให้ธรรมะแก่ผู้อื่นเลยค่ะ

ความยึดมั่นว่าตัวว่าตนนี้เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งเร้นลับอย่างยิ่ง
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดย่อมจะรู้สึกว่า มันเป็นตัวตนของมันอยู่ ดังนี้เสมอ
ไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะมันเป็นสัญชาตญาณชั้นต้นที่สุดของสิ่งที่มี
ชีวิต และเป็นมูลฐานของสัญชาตญาณอื่นๆ…

เช่น สัญชาตญาณหาอาหารการกิน สัญชาตญาณต่อสู้อันตราย หลบ
หนีอันตราย สัญชาตญาณสืบพันธุ์ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่
อาศัยสัญชาตญาณแห่งการรู้สึกยึดถือว่า เป็นตัวมันทั้งนั้น มันต้องยึด
มั่นว่ามีตัวมันเสียก่อน จึงจะไม่อยากตาย มันจึงอยากหาอาหารมา
เลี้ยงร่างกาย อยากต่อสู้เอาตัวรอด หรืออยากจะสืบพันธ์ของมันไว้
อ่านเพิ่มเติม

หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ

หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ

เสนอโดย ศูนย์ข้อมูลกลาง วันที่ 29 ตุลาคม 2555
อนุมัติโดย ศูนย์ข้อมูลกลาง วันที่ 29 ตุลาคม 2555
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร

รายละเอียด
หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยความร่วมมือของภาครัฐ เอกชนและประชาชนทั่วไปด้วยแนวความคิดสร้างหอไตรกลางเมืองกรุง เพื่อเป็นคลังปัญญาสำหรับทุกคน หอจดหมายเหตุฯ เป็นอาคารปูนเปลือย 3 ชั้นตั้งอยู่ริมสระน้ำขนาดใหญ่ภายในสวนวชิรเบญจทัศ โดยมีบางส่วนที่สร้างยื่นไปในน้ำที่มีการออกแบบอย่างเรียบง่ายแต่สวยงามปราณีตร่วมสมัย ภายในอาคารแบ่งเป็นหลายโซนทั้งโถงกิจกรรม, ร้านหนังสือ, ห้องจัดแสดงผลงานและคำสอนต่างๆ ของท่านพุทธทาส, ห้องปฏิบัติธรรม เป็นต้น ซึ่งแต่ละพื้นที่แฝงไปด้วยรหัสและปริศนาธรรมให้ค้นคว้า ศึกษาผ่านสื่อรูปแบบต่างๆ ที่เข้าใจง่ายและทันสมัย นับเป็นแหล่งเรียนรู้และสถานบริการด้านศาสนธรรมที่ได้รวบรวม สืบสานงานด้านพระพุทธศาสนาผ่านอุดมการณ์แนวคิดของท่านพุทธทาสภิกขุซึ่งท่านได้ทุ่มเทศึกษา ค้นคว้า ปฏิบัติและเผยแพร่พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า จนเป็นมรดกทางปัญญาที่ทรงคุณค่าคู่ควรแก่การดูแล เก็บรักษาและเผยแพร่ต่อแก่พุทธศาสนิกชนที่สนใจ อาทิ เอกสารต้นฉบับลายมือคำสอนของท่านพุทธทาส จดหมายภาพร่าง รูปถ่าย ภาพวาด ฟิล์ม สไลด์และอื่นๆอีกมากมาย
นอกจากจะเป็นแหล่งรวบรวมและจัดระบบบริการสืบค้น สนับสนุนการศึกษา ค้นคว้า วิจัยและพัฒนา เผยแพร่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านศาสนธรรมแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างต่อเนื่องเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งทางโลก-ทางธรรม เสริมสร้างสติปัญญาและพัฒนาจิตใจให้กับคนทุกเพศ ทุกวัย

คำสำคัญ
หอจดหมายเหตุพุทธทาสอินทปัญโญ หอจดหมายเหตุฯพุทธทาส ท่านพุทธทาสภิกขุ สวนรถไฟ หอพุทธทาส

หมวดหมู่
หอจดหมายเหตุ

สถานที่ตั้ง
สวนวชิรเบญจทัศ
ถนน กำแพงเพชร 3
อำเภอ เขตจตุจักร จังหวัด กรุงเทพมหานคร

รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
บุคคลอ้างอิง อรวินท์ เมฆพิรุณ อีเมล์ orrawin@gmail.com

http://m-culture.in.th/

ประวัติหลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ

ประวัติหลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ

เกิด

เกิดวันอาทิตย์ที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย หมู่บ้านกลาง
ตำบลพุมเรียง ที่ตั้งเดิมของจังหวัดไชยา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นสุราษฎร์ธานี
เป็นบุตรชายคนโตของนายเซี้ยง และนางเคลื่อน พานิช มีชื่อเดิมว่า เงื่อม อายุห่างจากนายยี่เกย
ผู้เป็นน้องชายสองปี

เรียน

เมื่ออายุได้ ๘ ขวบ ก็เข้ารับการศึกษาแบบโบราณโดยบิดานำไปฝากเป็นเด็กวัด
ที่วัดพุมเรียงใกล้บ้าน เรียนได้สามปีก็กลับมาอยู่บ้าน
เข้าเรียนขั้นประถมที่โรงเรียนวัดโพธารามจนถึงชั้นมัธยมหนึ่ง
ก่อนจะย้ายเข้าไปเรียนที่โรงเรียนสารภีอุทิศ ตำบลตลาด อำเภอไชยา เพื่อไปอยู่กับบิดา
ซึ่งมาเปิดร้านค้าใหม่ที่นี่ แต่ต้องออกจากการศึกษากลางคัน
เนื่องจากบิดาถึงแก่กรรมด้วยโรคลมปัจจุบัน มาช่วยดำเนินกิจการค้ากับมารดา
ระหว่างนี้น้องชายบวชเป็นสามเณร และศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี
อ่านเพิ่มเติม

. . . . . . .