ประวัติหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โดยย่อ หน้า 1

ประวัติหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โดยย่อ หน้า 1

อดีตเจ้าอาวาสและก่อตั้งวัดป่าวิเวกวัฒนาราม อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
นาม บัว โลหิตดี
ชาติภูมิ ในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ณ บ้านตาด อุดรธานี
เกิดเมื่อ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๖
บิดา
มารดา พี่น้องทั้งหมด ๑๖ คน
สถานภาพ

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
สมัยเด็ก เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ
วัยหนุ่ม เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไร
ทำจริงๆ จังๆ เป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวง
คู่ครอง เดิมไม่เคยคิดจะบวช เพราะอยากมีครอบครัว แต่มักมีอุปสรรคให้แคล้วคลาดทุกทีไป
เหตุที่บวช เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้ง ท่านก็ทำเฉย ๆ ตลอดมา ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ในครั้งสุดท้ายนี้ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า หวังพึ่งใบบุญจากการบวชของลูกให้ได้ ถึงกับทำให้พ่อแม่น้ำตาร่วง ครั้งนี้ท่านรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจพ่อแม่มาก จึงตัดสินใจ และยอมบวชตามประเพณี เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ โดยตั้งใจไว้ในตอนต้นนี้ว่า จะบวชเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น
วันบวช ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ณ วัดโยธานิมิตร อุดรธานี
อ่านเพิ่มเติม

ประวัติหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

ประวัติหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน (ย่อ)

“เวลามีชีวิตอยู่นี้ เราจะทำความดีให้โลกทั้งหลายได้เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม
และทำด้วยความเมตตาสงสารต่อโลก เพราะหลังจากนี้แล้ว…เราตายแล้ว…
เราจะไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีกต่อไป เป็นตลอดอนันตกาล”

นี้…เป็นสัจจะวาจา ของท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน พ่อแม่ครูอาจารย์… องค์หลวงตา… ของปวงศิษย์ทุกคน ที่ประกาศต่อชาวโลกอย่างองอาจกล้าหาญ กิตติศัพท์กิตติคุณกึกก้องกังวาล ทำโลกธาตุให้สะเทือนสะท้าน ดุจพระยาไกรสรสีหราชผู้เป็นจอมไพร บันลือสีหนาทด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ ภิกษุผู้เฒ่าในวัยอันชราภาพมากแล้ว ได้ประกาศแสนยานุภาพแห่งพระพุทธศาสนา ดัวยเมตตาธรรมอันบริสุทธิ์ล้ำค่าไม่มีประมาณ ก่อให้เกิดคุณูปการแผ่ไปในเหล่าสรรพสัตว์ เปรียบหยาดน้ำฝนตกจากนภากาศ รดราดผืนพสุธาอันแห้งผาก…ให้ชุ่มฉ่ำเย็น ฉะนั้น

ประวัติหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

ชาติภูมิ

หลวงตา ถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาแห่งสกุล “โลหิตดี” ณ ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันอังคารที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ตรงกับวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีฉลู บิดาชื่อ “นายทองดี” มารดาชื่อ “นางแพง” ได้ให้มงคลนามว่า “บัว”
อ่านเพิ่มเติม

ประวัติหลวงตามหาบัว

ประวัติหลวงตามหาบัว

กำเนิด ในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ณ บ้านตาด อุดรธานี

วันเกิด ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๖

นาม บัว โลหิตดี

พี่น้องทั้งหมด ๑๖ คน

สมัยเด็ก เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ

วัยหนุ่ม เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริงๆ จังๆ เป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวง

คู่ครอง เดิมไม่เคยคิดจะบวช เพราะอยากมีครอบครัว แต่มักมีอุปสรรคให้แคล้วคลาดทุกทีไป

เหตุที่บวช เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้ง ท่านก็ทำเฉย ๆ ตลอดมา ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ในครั้งสุดท้ายนี้ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า หวังพึ่งใบบุญจากการบวชของลูกให้ได้ ถึงกับทำให้พ่อแม่น้ำตาร่วง ครั้งนี้ท่านรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจพ่อแม่มาก จึงตัดสินใจ และยอมบวชตามประเพณี เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ โดยตั้งใจไว้ในตอนต้นนี้ว่า จะบวชเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น

วันบวช ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ณ วัดโยธานิมิตร อุดรธานี

พระอุปัชฌาย์ ชื่อ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์

เคารพพระวินัย ด้วยเดิมมีนิสัยจริงจัง จึงบวชเพื่อเอาบุญกุศลจริง ๆ และตั้งใจรักษาสิกขาบทวินัยน้อยใหญ่อย่างเคร่งครัด ในพรรษาแรกท่านได้ตั้งสัจอธิษฐานว่า ในการทำวัตรเช้า-เย็นรวมและการบิณฑบาต จะไม่ให้มีวันใดขาดเลย และท่านก็ทำได้ตามที่ตั้งคำสัตย์ไว้
อ่านเพิ่มเติม

นายกฯ กราบหลวงตามหาบัว ห่วงรถติดวันพระราชทานเพลิงศพ

นายกฯ กราบหลวงตามหาบัว ห่วงรถติดวันพระราชทานเพลิงศพ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก luangta.com ,ครอบครัวข่าว 3

เมื่อเวลา 18.45 น.ของวานนี้ (15 กุมภาพันธ์) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี นายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว. วัฒนธรรม และนายไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษาธิการ ได้เดินทางไปถึงวัดป่าบ้านตาด เพื่อกราบขอขมาสรีระสังขารหลวงตาพระมหาบัว พร้อมกับสวดมนต์ทำวัตรเย็น ซึ่งหลังเสร็จพิธีนายอภิสิทธิ์ ได้จุดเทียนส่องธรรม รับฟังพระธรรมเทศนาของพระญาณวิศิษฏ์ หลวงพ่อทอง จันทสิริ เจ้าอาวาสวัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

โดยก่อนหน้านั้น นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะ ได้เข้าไปดูงานก่อสร้างเมรุลอย และรับฟังคำอธิบายการก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้คนงานได้เร่งก่อสร้างทั้งกลางวันและกลางคืน จนคืบหน้าไปอย่างมาก โดยได้ทำบันไดพร้อมลูกกรงบันไดทางขึ้นซึ่งมีหัวเป็นเหลี่ยมเพชร 13 เหลี่ยมเสร็จแล้วทั้ง 4 ด้าน ขณะที่ฐานส่วนบนสุด เตาเผา และเทพื้นซีเมนต์เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ยังเหลือในส่วนของการทำฐานชั้นแรก ติดราวบันได เป็นต้น

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นห่วงการสร้างเมรุ แต่เป็นห่วงเรื่องการจัดการจราจรในวันพิธีพระราชทานเพลิงศพ หลวงตามหาบัว เนื่องจากเชื่อว่า จะมีประชาชนเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
อ่านเพิ่มเติม

พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน)

พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน)

พระธรรมวิสุทธิมงคล
(บัว ญาณสมฺปนฺโน)
หลวงตาบัว, หลวงตามหาบัว

เกิด 12 สิงหาคม พ.ศ. 2456
อุปสมบท 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2477
มรณภาพ 30 มกราคม พ.ศ. 2554
พรรษา 76
อายุ 97
วัด วัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด)
จังหวัด อุดรธานี
สังกัด ธรรมยุติกนิกาย
วุฒิการศึกษา น.ธ.เอก, เปรียญธรรม 3 ประโยค
ตำแหน่ง
ทางคณะสงฆ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด

พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสัมปันโน) หรือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (12 สิงหาคม พ.ศ. 2456 – 30 มกราคม พ.ศ. 2554) เป็นพระภิกษุชาวจังหวัดอุดรธานี สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ฝ่ายวิปัสสนาธุระ อดีตเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดป่าบ้านตาด ท่านเป็นศิษย์ของพระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)) ซึ่งได้มีโอกาสอุปฐากรับใช้หลวงปู่มั่นในช่วงปัจฉิมวัยและเป็นผู้หนึ่งที่ได้บันทึกประวัติของหลวงปู่มั่นโดยละเอียดในเวลาต่อมา
หลวงตามหาบัวเป็นที่รู้จักในฐานะพระนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานผู้มีปฏิปทาที่มั่นคง แน่วแน่ เด็ดขาด และจริงจัง บรรดาศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่มั่นต่างนับถือกันว่าท่านเป็นลูกศิษย์องค์หนึ่งที่มีปฏิปทาที่คล้ายคลึงกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต การกล่าวขวัญถึงท่านในหมู่ผู้ศรัทธามีหลายเรื่องค่อนไปในเชิงอภินิหาร เช่น การล่วงรู้วาระจิตของบุคคลอื่น การที่เศษผม เศษเล็บ และชานหมากของท่านกลายเป็นพระธาตุไปตั้งแต่ครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ เป็นต้น
หลังวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2540 ชื่อของหลวงตามหาบัวได้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้นทั้งในและนอกประเทศ จากการที่ท่านได้ดำเนินการทอดผ้าป่าทองคำและเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้ชื่อ “โครงการผ้าป่าช่วยชาติ โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน” เพื่อใช้เป็นทุนสำรองของประเทศไทย ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้ได้ดำเนินการมาโดยตลอดในช่วงปัจฉิมวัยของท่าน อย่างไรก็ตาม ในช่วงปัจฉิมวัยนี้เองได้มีเหตุการณ์ที่ทำให้ท่านตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ว่าท่านเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองจากนักวิชาการและนักสื่อสารมวลชนจำนวนหนึ่ง เช่น ประเด็นการคัดค้านการรวมบัญชีเงินทุนสำรองของประเทศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ประเด็นการคัดค้านการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสงฆ์ฉบับใหม่ และการเทศนาวิพากษ์วิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีช่วง พ.ศ. 2548 เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อเกษม เขมโก แร่เหล็กน้ำพี้

หลวงพ่อเกษม เขมโก แร่เหล็กน้ำพี้

หลวงพ่อเกษม เขมโก
องค์หล่อจากแร่ศักดิ์สิทธิ์ แร่เหล็กน้ำพี้ จ.อุตรดิตถ์

ประวัติ
หลวงพ่อเกษม เขมโก เดิมมีนามว่า เจ้าเกษม ณ ลำปาง ประสูติ เมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 เป็นบุตรใน เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ) รับราชการเป็นปลัดอำเภอ กับ เจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง และเป็นราชปนัดดาในมหาอำมาตย์โท พลตรีเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย
สมัยตอนเด็กๆมีคนเล่าว่าท่านซนมากมีอยู่ครั้งหนึ่งท่านปีนต้นบ่ามั่น(ต้นฝรั่ง)เกิดผลัดตกจนมีแผลเป็นที่ศรีษะ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งเป็นการบรรพชาหน้าศพ (บวชหน้าไฟ) ของเจ้าอาวาสวัดป่าดั๊ว 7 วันได้ลาสิกขาและท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรอีกครั้งเมื่ออายุ 15 ปีและจำวัดอยู่ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ท่านได้ศึกษาด้านพระปรัยัติธรรมจนสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ในปี พ.ศ. 2474 และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปีถัดมา โดยมี พระธรรมจินดานายก เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม โดยพระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก ได้ศึกษาภาษาบาลีที่สำนักวัดศรีล้อม ต่อมาได้ย้ายมาศึกษาแผนกนักธรรมที่สำนักวัดเชียงราย
พ.ศ. 2479 ท่านสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ท่านเรียนรู้ภาษาบาลีจนสามารถเขียนและแปลได้ รวมทั้งสามารถแปลเป็นภาษามคธได้เป็นอย่างดี แต่ท่านไม่ยอมสอบเอาวุฒิ จนครูบาอาจารย์ทุกรูปต่างเข้าใจว่าพระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก ไม่ต้องการมีสมณะศักดิ์สูง ๆ เรียนเพื่อจะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาเท่านั้น
เมื่อสำเร็จทางด้านปริยัติธรรมแล้ว ท่านแสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในด้านวิปัสสนา จนกระทั่ง ท่านทราบข่าวว่ามีพระเกจิรูปหนึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนา คือ ครูบาแก่น สุมโน ท่านจึงฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านได้ตามครูบาแก่น สุมโน ออกท่องธุดงค์ไปแสวงหาความวิเวกและบำเพ็ญเพียรตามป่าลึก จนถึงช่วงเข้าพรรษาซึ่งพระภิกษุจำเป็นต้องยุติการท่องธุดงค์ชั่วคราวท่านจึงต้องแยกทางกับพระอาจารย์ และกลับมาจำพรรษาที่วัดบุญยืนตามเดิม พอครบกำหนดออก ก็ติดตามอาจารย์ออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนา อ่านเพิ่มเติม

สถานปฏิบัติธรรม-มณฑป หลวงพ่อเกษมเขมโก(สำนักสงฆ์สุสานไตรลักษณ์) จังหวัดลำปาง

สถานปฏิบัติธรรม-มณฑป หลวงพ่อเกษมเขมโก(สำนักสงฆ์สุสานไตรลักษณ์) จังหวัดลำปาง

เมืองลำปางแห่งนี้เคยมีพระอาจารย์เกจิชื่อดัง ที่มีชื่อเสียงในด้านต่างๆ ถึงแม้ว่าท่านจะล่วงลับไปแล้วแต่ชื่อเสียงของท่านก็ยังคงอยู่ ประจำเมืองนครลำปางแห่งนี้อยู่ไม่เสื่อมคลาย พระอาจารย์ท่านนั้นคือ หลวงพ่อเกษมเขมโก ท่านมีนามเดิมว่า เกษม มณีอรุณ เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2455 ณ บ้านท่าเก๊าม่วง ริมแม่น้ำวัง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ท่านเป็นบุตรของเจ้าน้อยหนู และเจ้าแม่จ้อน ณ ลำปาง

หลวงพ่อเกษมเขมโก ท่านมรณภาพเมื่อ พ.ศ.2538 และเก็บศพไว้ที่สำนักสงฆ์สุสานไตรลักษณ์ ในปัจจุบันสถานปฏิบัติธรรม-มณฑป หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ ตั้งอยู่ชานเมืองลำปาง ตามทางสายลำปาง-แจ้ห่มประมาณ 1 กิโลเมตร ไปเส้นทางเดียวกับวัดเจดีย์ซาวหลัง แต่ถึงก่อนประมาณ 500 เมตร เมื่อไปถึงจะพบรูปปั้นหลวงพ่อเกษมขนาดใหญ่ที่สังเกตเห็นได้จากถนน ภายในบริเวณมีมณฑปลักษณะเป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ มีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อเกษม เขมโก เกจิอาจารย์ซึ่งมีผู้เคารพนับถือเป็นจำนวนมาก นั่งขัดสมาธิขนาดเท่ารูปจริง เพื่อให้ประชาชนเคารพสักการะ และบริเวณหน้ามณฑปมีสถานที่เช่าพระเครื่อง ส่วนกุฏิของหลวงพ่อเกษมอยู่ด้านข้างมณฑป

ประวัติของหลวงพ่อเกษมเขมโก ชีวิตช่วงก่อนบวชได้เรียนที่โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูล จนจบชั้นประถมปีที่ 5 การศึกษาสามัญ ปี พ.ศ. 2466 แล้วบรรพชาเป็นครั้งแรก โดยการบวชหน้าไฟ อายุได้ 12 ปี เมื่ออายุได้ 15 ปี บรรพชาเป็นสามเณรจำพรรษาที่วัดบุญยืน จนกระทั่งอายุได้ 21 ปีจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อ พ.ศ. 2475 โดยท่านเจ้าคุณพระธรรมจินดานายก เจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากการอุปสมบทแล้ว ท่านได้เข้าเรียนภาษาบาลีและปริยัติธรรมจากสำนักวัดศรีล้อม วัดบุญวาทย์วิหาร วัดเชตวันและวัดเชียงราย ในจังหวัดลำปาง ท่านสอบได้นักธรรมเอก ในพ.ศ.2479 ขณะนั้นอายุได้ 24 ปี และได้เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับครูบาแก่น (พระอุบล สุมโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดประตูป่อง ลำปาง ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืนจนถึง พ.ศ. 2492 จึงได้ยื่นใบลาออกจากเจ้าอาวาส เพราะหลวงพ่อเกษมชอบความวิเวก จึงอาศัยอยู่ที่ศาลาวังทาน จากนั้นจึงย้ายไปอยู่ที่ป่าช้าแม่อาง แล้วกลับมาบำเพ็ญภาวนาที่ป่าช้าศาลาวังทานได้พรรษาหนึ่งก็ไปอยู่ป่าช้าบ้านนาป้อและกลับมาอยู่ประตูม่าห์ (ประตูม้า-สุสานไตรลักษณ์ปัจจุบัน) ท่านอยู่ประตูม่าห์ในระยะหนึ่ง เจ้าคุณวัดเชียงรายได้มานิมนต์ให้ไปอยู่ที่วัดม่อนพยาแช่เพื่อนั่งหนักบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนวัตถุ การพัฒนาวัดต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการจัดทำเหรียญของท่านให้สาธารณชนบูชา เสนาสนะต่างๆ ที่สร้างด้วยเงินบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อเกษม มีจำนวนมาก เช่น กุฏิสงฆ์หอฉัน ห้องน้ำ-ส้วม แท็งก์เก็บน้ำฝน ศาลาจักรีวังสานุสรณ์ฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ห้องเก็บของกำแพงกั้นดินข้างห้วยและใน พ.ศ.2529 ได้จัดตั้งมูลนิธิการศึกษาหลวงพ่อเกษมเขมโก เพื่อช่วยเหลือเด็กในด้านการศึกษา
อ่านเพิ่มเติม

เจ้าศุขเกษม ณ ลำปาง หลวงพ่อเกษม เขมโก โดย พระอาจารย์ชลินทร์ ปิ่นวัฒนะ

เจ้าศุขเกษม ณ ลำปาง หลวงพ่อเกษม เขมโก โดย พระอาจารย์ชลินทร์ ปิ่นวัฒนะ

“เขมโก” แปลว่าผู้มีธรรมอันเกษม มักน้อย สันโดษ ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ท่านเรียนรู้บาลีจนแตกฉานเพื่อนำวิชาความรู้มาศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ไม่ต้องการนำไปสอบเอาวุฒิ ไม่ต้องการมีสมณะศักดิ์อันสูงส่ง ปฏิบัติศีลบริสุทธิ์ไม่ยึดติดในกิเลสทั้งปวง

หลวงพ่อเกษม เขมโก นามเดิมของท่านคือ เจ้าศุขเกษม ณ ลำปาง เป็นเจ้านายในราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ องค์แรกที่ออกผนวชจนตลอดชีวิต ท่านเป็นบุตรในเจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง กับ เจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง และ ยังเป็นหลานในมหาอำมาตย์โท พลตรีเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย หลวงพ่อเกษมเป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐาน พระเกจิเถราจารย์ด้านธุดงควัตร มักปฏิบัติธรรมตามป่าช้า หน้าเชิงตะกอน ท่านเป็นลูกศิษย์ของครูบาแก่น สุมโน และมีโอกาสติดตามครูบาแก่นออกท่องธุดงค์เข้าไปในป่าลึกเพื่อแสวงหาความสงบ วิเวก เพื่อบำเพ็ญเพียร

เมื่อแรกอุปสมบท หลวงพ่อเกษม สังกัดวัดบุญยืน เมื่อเจ้าอธิการคำเหมยเจ้าอาวาสวัดบุญยืนมรณภาพลง คณะสงฆ์และคณะกรรมการวัดบุญยืนขอให้ท่านรับตำแหน่งเจ้าอาวาส หลวงพ่อเกษมรับตำแหน่งเจ้าอาวาสอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะขอลาออกเพื่อท่องธุดงควัตร โดยเขียนจดหมายฝากไว้ว่า

“…….. ทุกอย่าง เราสอนดีแล้ว อย่าได้คิดไปตามเรา เพราะเราสละแล้ว การเป็นเจ้าอาวาสเปรียบเหมือนหัวหน้าครอบครัว ต้องรับผิดชอบภาระหลายอย่าง ไม่เหมาะสมกับเรา เราต้องการความวิเวกจะไม่ขอกลับมาอีก…….”

เมื่อลาออกจากเจ้าอาวาสวัดบุญยืนแล้วหลวงพ่อเกษมไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่ป่าช้าศาลาวังทาน จากนั้นก็เดินทางไปยังป่าช้าวัดแม่อ่าง บนดอยแม่อาง เพื่อไปปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมของท่านเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นอุกฤษฏ์ เช่น อดอาหารติดต่อกันเป็นเวลา 49 วัน โดยไม่เป็นอันตราย ปฏิบัติธรรมกลางแดดที่ร้อนระอุ กลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก หรือ ปฏิบัติธรรมข้ามคืนข้ามวันโดยไม่หยุดพัก ซึ่งเชื่อกันว่าภิกษุผู้ปฏิบัติธรรมได้ระดับนี้จะต้องมีจิตเข้าถึงฌาน 4 คือ จตุตถฌาน สามารถแยกกายและจิตให้ออกจากกัน
อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

พระสุปฏิปนฺโนรูปหนึ่งที่ต้องการนำเสนอในโพสต์นี้ คือ หลวงพ่อเกษม เขมโก วัตรปฏิบัติของหลวงพ่อองค์นี้เป็นเรื่องอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

ปฏิปทาของท่าน แม้ว่าจะมองดูตามลักษณะที่ท่านบำเพ็ญภาวนาในสถานที่ต่างๆดูเหมือนว่าท่านทรมานตนเกินกว่าเราจะคิดว่านั่นท่านปฏิบัติธรรม

ปกติหลวงพ่อเกษม เขมโก จะอาศัยอยู่ในป่าช้า นั่งสมาธิภาวนาอยู่ที่หน้าเชิงตะกอนเผาผีบ้าง นั่งภาวนากลางแดดร้อนระอุ นั่งภาวนายามค่ำคืนที่หนาวอย่างทารุณของภาคเหนือ นั่งภาวนาท่ามกลางสายฝนที่ตกชุก อย่างนี้เป็นต้น

ทำไมท่านต้องทำถึงขั้นนั้น จะไม่เป็นการทรมานตนจนเกินไปหรือ? เปล่าเลย!ท่านทนได้และทำได้ โดยไม่มีอันตรายใดๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ไม่เกิดกับท่านเลย

นอกจากว่า ความเจ็บป่วยที่มีขึ้นตามปกติของมนุษย์พึงมีพึงเป็นเท่านั้น มันเป็นความเลี่ยงไม่ได้

แต่การกระทำเยี่ยงท่าน เป็นนิสัยที่ท่านเคยปฏิบัติมาก่อนแต่อดีต ซึ่งท่านเคยพูดอยู่เสมอว่า”การปฏิบัติอย่างนี้ ต้องแยกกายและจิตให้ออกจากกัน”

หลวงพ่อเกษม เขมโก กำเนิดเมื่อวันพุธ แรม ๔ ค่ำ เดือนยี่เหนือ ปีชวด ตรงกับวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๕ เป็นบุตรชายคนหัวปีของเจ้าน้อยหนู มณีอรุณ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ณ บ้านท่าเค้าม่วง ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
อ่านเพิ่มเติม

” คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก “

” คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก ”

ความหลุดพ้น ที่มนุษย์ทุกคนพึงหานั้น อยู่ที่ตนเอง

หากตนเองมุ่งปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

ก็จะได้พบไม่ยาก ขอให้มุ่งปฏิบัติเถิด

การหลุดพ้นนั้น จะต้องทำจิดใจของตนให้หมดกิเลส

หมดสิ้นจากทุกข์ทกอย่าง หมดสิ้นจากสิ่งที่อยากได้

สิ่งที่เรียกว่า โลภ โกรธ หลง ตัดสิ่งนี้ให้หมดสิ้น

และเจริญวิปัสสนากรรมฐานจึงได้พบทางหลุดพ้น

+++++++++++++++++++

” คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก ”

“ ถ้าต้องพูดกับคนทุกคนแล้ว คงไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมแน่

การเห็นเป็นเหตุแห่งการคิด การคิดเป็นเหตุแห่งการเห็น

ถ้าคิดดีก็เป็นทางเย็น ถ้าคิดเป็นก็เย็นสบาย

ตายเป็นเหม็นเน่า เราเขาเหมือนกัน อยู่ไปทุกวันใครได้ก็ดี ใครมีก็ได้! ”

+++++++++++++++++++
อ่านเพิ่มเติม

เหรียญระฆังศิริมงคล หลวงพ่อเกษม เขมโก ปี 2516 บล็อกสิบโท

เหรียญระฆังศิริมงคล หลวงพ่อเกษม เขมโก ปี 2516 บล็อกสิบโท

เหรียญระฆังศิริมงคล เสาร์ห้าหรือเหรียญวีรชน 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งเป็นเหรียญที่หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกนั่งปรกปลุกเสก เมื่อวันเสาร์ ขึ้น 15 ค่ำ (ตรงกับวันเสาร์ห้า) และได้นั่งปรกปลุกเสกซ้ำในวันที่ 15 เมษายน 2516 ก่อนรุ่งอรุณ เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นเพื่อหาปัจจัยสร้างศาลเจ้าแม่สุชาดา เหรียญรุ่นนี้มี 2 เนื้อ คือ
1.เงิน จำนวน 150 เหรียญ
2.ทองแดง จำนวน 50,000 เหรียญ
เหรียญระฆังศิริมงคลเสาร์ห้ารุ่นนี้ เป็นเหรียญที่สร้างชื่อเสียงให้แก่หลวงพ่อเกษม เขมโก จนเป็นที่รู้จักของคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งเป็นวันมหาวิปโยค เป็นการแสดงพลังการเมืองของประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อนิสิต นักศึกษา และประชาชนกว่า 500,000คน ชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญและคัดค้านอำนาจรัฐบาลเผด็จการทหาร
ในเหตุการณ์นั้น เหรียญระฆังศิริมงคลได้แสดงปาฏิหารย์ คุ้มครองนักศึกษาท่านหนึ่งที่ร่วมชุมนุมประท้วงรัฐบาลเผด็จการ โดยนักศึกษาผู้นั้นได้แขวนเหรียญระฆังศิริมงคลบูชาติดตัวร่วมชุมนุม เมื่อนักศึกษาผู้นั้นได้เห็นทหารทำร้ายประชาชนที่ร่วมชุมนุม จึงเกิดโทสะได้ถือไม้เบสบอลท้าทายจะต่อสู้กับทหารที่ถืออาวุธปืนเอ็ม-16 จนเป็นเหตุให้ทหารใช้ปืนเอ็ม-16ยิงเข้าใส่นักศึกษาผู้นั้น แต่กระสุนหาได้ถูกนักศึกษาผู้นั้นไม่ กระสุนกลับวิ่งเลยไปถูกประชาชนที่ยืนอยู่ด้านหลังนักศึกษาคนนั้น จนเป็นเหตุให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เหตุการณ์นี้สื่อมวลชนได้แพร่ภาพออกอากาศไปทั่วประเทศและต่างประเทศ จากเหตุการณ์นี้ทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศรู้จักหลวงพ่อเกษม เขมโก และเหรียญระฆังศิริมงคลเสาร์ห้า
สมัยที่หลวงพ่อเกษม เขมโกยังมีชีวิต ได้มีศิษย์ของท่านถามท่านว่า พระเครื่องของหลวงพ่อรุ่นไหนดีที่สุด หลวงพ่อเกษม เขมโกท่านตอบว่า…ถ้าอยากดังอยากเด่น ก็ต้องแขวนเหรียญระฆังศิริมงคลติดตัว จะได้ดังเหมือนเสียงระฆัง

เหรียญระฆังศิริมงคลเสาร์ห้ารุ่นนี้ เมื่อประมาณปีพ.ศ.2518-2519 ราคาเล่นหากันอยู่ที่ประมาณ 300-500 บาท แล้วแต่สภาพความสวยและความฟิตของผู้ซื้อในขณะนั้น ไม่มีการแยกบล็อกพิมพ์เหมือนเช่นทุกวันนี้ เช่นบล็อกสายฝน บล็อกสิบโท บล็อกเขี้ยว และบล็อกเสาอากาศ บล็อกเสาอากาศเป็นบล็อกที่มีความคมชัดกว่าบล็อกอื่นจึงเป็นบล็อกนิยม

http://mahajukkaput-amulet.com/northen-provinces-lp/rakang,lp-kasem.html

บันทึกพระราชปุจฉาสนทนาธรรม

บันทึกพระราชปุจฉาสนทนาธรรม
บันทึกโดย พระครูปลัดจันทร์ กตปุญโญ

ณ วัดคะตึกเชียงมั่น
ต.หัวเวียง อ.เมือง จ.ลำปาง

ต่อไปนี้เป็นพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงปฏิสันถารกับ พระอินทรวิชยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดคะตึกเชียงมั่น และ หลวงพ่อเกษม เขมโก ซึ่ง ข้าพเจ้า (พระครูปลัดจันทร์ กตปุญโญ) ได้มีโอกาสช่วยหลวงพ่อถวายพระพรด้วย ข้อความนี้ข้าพเจ้าบันทึกไว้หลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับแล้วดังนี้

ในหลวง : หลวงพ่อประจำอยู่ที่วัดนี้หรือ

หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร อาตมาประจำอยู่ที่สุสานไตรลักษณ์

ในหลวง : อยากไปหาหลวงพ่อเหมือนกัน แต่หาเวลาไม่ค่อยได้ ได้ทราบว่าเข้าพบหลวงพ่อยาก

หลวงพ่อเกษม : พระราชาเสด็จไปป่าช้าเป็นการไม่สะดวก เพราะสถานที่ไม่เรียบร้อย อาตมาภาพจึงมารอเสด็จที่นี่ ขอถวายพระพร มหาบพิตรสบายดีหรือ

ในหลวง : สบายดี

หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร มหาบพิตรพระชนมายุเท่าไร

ในหลวง : ได้ ๕๐ ปี

หลวงพ่อเกษม : อาตมาภาพได้ ๖๗ ปี

ในหลวง : หลวงพ่ออยู่ตามป่ามีความสงบ ย่อมจะมีโอกาสปฏิบัติธรรมได้มากกว่าพระที่วัดในเมือง ซึ่งมีภารกิจเกี่ยวกับการปกครองและงานอื่นๆ จะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะอยู่ป่าไม่มีภารกิจอย่างอื่น แต่ก็ขึ้นอยู่กับศีลบริสุทธิ์ด้วย เพราะเมื่อศีลบริสุทธิ์จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน นิวรณ์ไม่ครอบงำก็ปฏิบัติได้
อ่านเพิ่มเติม

ครูบาเจ้าเกษม เขมโก

ครูบาเจ้าเกษม เขมโก

สำนักสุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง
โดย ดาวลำปาง

“ท่านเขมโกภิกษุ หลวงปู่เกษม หรือหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่เราท่านเคารพบูชา และรำลึกภาวนาขอบารมีจากท่านช่วยคุ้มครอง ปกป้องจากอันตราย ยามเมื่อเกิดความทุกข์ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด เพราะบารมีหลวงพ่อที่เพียรเจริญวิปัสสนากรรมฐานด้วยความมานะบากบั่น ยากที่จะมีผู้ปฏิบัติได้เสมือนนั้น สร้างศรัทธาและความเชื่อมั่นสูงยิ่งนัก”

หลวงพ่อเกษมท่านเจริญวิปัสสนาด้วยถือสันโดษเป็นที่ตั้ง ใช้อำนาจจิตควบคุมร่างกายเข้าสู่สมาธิภาวนา เบื้องหน้าเชิงตะกอน ท่านไม่ติดรสอาหารเมื่อมีผู้นำมาถวาย แม้อาหารจะเสียจนราขึ้น ถ้าหลวงพ่อท่านยังมิได้แผ่เมตตาท่านก็จะรับประเคนบาตรแล้วแผ่เมตตาให้ หลวงพ่อเป็นผู้มีศีลอันบริสุทธิ์ และเมตตาธรรมสูงส่ง ท่านหมดสิ้นแล้วกิเลสและเปี่ยมล้นด้วยบารมี ทุกวันนี้หลวงพ่อยังเป็นดุจร่มโพธิ์ร่มไทรที่ให้ความร่มเย็นแก่พวกเราทุกคน

ณ ดินแดนถิ่นล้านนา ทางภาคเหนือของประเทศไทย พระอริยสงฆ์ที่พวกเราทุกคนรู้จักชื่อเสียงคุณงามความดีของท่าน ก็คือ ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย พระอริยสงฆ์องค์แรกของภาคเหนือ ท่านเปรียบเสมือนประทีปดวงใหญ่ที่ส่องประกายธรรมไปทั่วทุกสารทิศ ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านได้ประกอบคุณงามความดีไว้กับแผ่นดินนี้มากมาย ท่านจึงถูกจัดให้เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาวเหนือ ประวัติและเรื่องราวต่างๆ ของท่าน จึงถูกบันทึกเพื่อให้อนุชนชาวพุทธรุ่นหลังได้รับรู้ถึงในยุคปัจจุบัน

ประวัติบางตอนของ “ครูบาศรีวิชัย” ตอนหนึ่งกล่าวว่า ท่านครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ว่าจะมีตนบุญมาเกิดที่ลำปาง ครั้นต่อมาครูบาศรีวิชัยได้มรณภาพไป โดยทิ้งคำพยากรณ์นี้ไว้ให้ชาวลำปางได้เฝ้ารอคอยการมาอุบัติของตนบุญ ที่ครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ จนเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี ก็ยังไม่ปรากฏ แต่ชาวลำปางก็ยังเชื่อในคำพยากรณ์ของครูบาศรีวิชัย
อ่านเพิ่มเติม

ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อเกษม เขมโก

ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อเกษม เขมโก

สำนักสุสานไตรลักษณ์ (ป่าช้าศาลาดำ)
บ้านท่าคร่าวน้อย ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง

หลวงพ่อเกษม เขมโก มีนามเดิมว่า เกษม มณีอรุณ เกิดเมื่อวันพุธ แรม ๔ ค่ำ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ตรงกับวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๕ (ร.ศ. ๑๓๑, จ.ศ. ๑๒๗๔, ค.ศ. ๑๙๑๒) ณ บ้านท่าเก๊าม่วง ริมแม่น้ำวัง ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นบุตรชายคนหัวปีคนเดียวของ เจ้าน้อยหนู มณีอรุณ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง และมีน้องสาวเสียชีวิตตั้งแต่เล็กๆ บิดารับราชการเป็นปลัดอำเภอ ชาติตระกูลทั้งบิดาและมารดามาจากตระกูล ณ ลำปาง เป็นหลานเจ้าพ่อบุญวาทย์ วงศ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย

ท่านเป็นคนร่างสันทัด ผิวขาว แข็งแกร่ง บุคลิกลักษณะดีมาแต่กำเนิด ว่องไว และสติปัญญาเฉลียวฉลาด นุ่มนวล แสดงออกซึ่งลักษณะของการประนีประนอม แม้จะซุกซนก็เป็นธรรมดาของวัยเด็ก ไม่มีการแสดงออกซึ่งความแข็งกร้าว ไม่ยอมทำสิ่งที่ผิด

เจ้าเกษม ณ ลำปาง (หลวงพ่อเกษม) จบการศึกษาชั้นประถม ๕ การศึกษาสามัญ ณ โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูล อันเป็นขั้นสูงสุดของโรงเรียนในสมัยนั้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ขณะนั้นอายุได้ ๑๑ ปี

ปี พ.ศ. ๒๔๖๘ อายุได้ ๑๓ ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ณ วัดป่าดัวะ จังหวัดลำปาง โดยการบวชหน้าไฟ ๗ วัน ต่อมาเมื่ออายุได้ ๑๕ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรอีกครั้ง ณ วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง

ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ขณะนั้นสามเณรเกษม อายุได้ ๒๐ ปี ก็สามารถเรียนนักธรรมสอบได้ชั้นโท มีความแตกฉานในด้านบาลีมาก
อ่านเพิ่มเติม

บันทึกพระราชปุจฉา สนทนาธรรม : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และหลวงพ่อเกษม เขมโก

บันทึกพระราชปุจฉา สนทนาธรรม : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และหลวงพ่อเกษม เขมโก

บันทึกพระราชปุจฉา สนทนาธรรม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
และหลวงพ่อเกษม เขมโก

บันทึกโดย พระครูปลัดจันทร์ กตปุญโญ
คัดลอกจาก http://www.tumnan.com/king_kasem.html

ต่อไปนี้เป็นพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงปฏิสันถารกับพระอินทรวิชยาจารย์ และหลวงพ่อเกษม เขมโก ซึ่งข้าพเจ้าได้มีโอกาสช่วยหลวงพ่อถวายพระพรด้วย ข้อความนี้ข้าพเจ้าบันทึกไว้หลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับแล้วดังนี้

ในหลวง
“หลวงพ่อประจำอยู่ที่วัดนี้หรือ”
หลวงปู่
“ขอถวายพระพรอาตมาประจำอยู่ที่สุสานไตรลักษณ์”
ในหลวง
“อยากไปหาหลวงพ่อเหมือนกัน แต่หาเวลาไม่ค่อยได้ ได้ทราบว่าเข้าพบหลวงพ่อยาก”
หลวงปู่
“พระราชาเสด็จไปป่าช้าเป็นการไม่สะดวก เพราะสถานที่ไม่เรียบร้อย อาตมาภาพจึงมารอเสด็จที่นี่ ขอถวายพระพร มหาบพิตรสบายดีหรือ”
ในหลวง
“สบายดี”
หลวงปู่
“ขอถวายพระพรมหาบพิตรพระชนมายุเท่าไร”
ในหลวง
“ได้ ๕๐ ปี”
หลวงปู่
“อาตมาภาพได้ ๖๗ ปี”
ในหลวง
“หลวงพ่ออยู่ตามป่ามีความสงบ ย่อมจะมีโอกาสปฏิบัติธรรมได้มากกว่าพระที่วัด ในเมือง ซึ่งมีภารกิจเกี่ยวกับการปกครองและงานอื่นๆ จะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า”
หลวงปู่
“ขอถวายพระพร อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะอยู่ป่าไม่มีภารกิจอย่างอื่น แต่ก็ขึ้นอยู่กับศีล บริสุทธิ์ด้วย เพราะเมื่อศีลบริสุทธิ์จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน นิวรณ์ไม่ครอบงำก็ปฏิบัติได้”
ในหลวง
“การปฏิบัติอย่างพระมีเวลามากย่อมจะได้ผลเร็ว ส่วนผู้ที่มีเวลาน้อยมีภารกิจมากจะปฏิบัติ อย่างหลวงพ่อก็ไม่อาจทำได้ แล้วจะมีวิธีปฏิบัติอย่างไร เราจะหั่นแลกช่วงเวลาช่วงเช้าให้สั้น เข้าจะได้ไหม คือ ซอยเวลาออกจากหนึ่งชั่วโมงเป็นครึ่งชั่วโมง จากครึ่งชั่วโมงเป็นสิบนาที หรือห้านาที แต่ให้ได้ผล คือ ได้รับความสุขเท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น นั่งรถยนต์จากเชียงใหม่มาลำปางก็สามารถปฏิบัติได้ หรือระหว่างที่มาอยู่ในพิธีนี้มีช่วงที่ว่างอยู่ ก็ปฏิบัติเป็นระยะไปอย่างนี้จะถูกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ อยากจะเรียนถาม”
หลวงปู่
“ขอถวายพระพร จะปฏิบัติอย่างนั้นก็ได้ ถ้าแบ่งเวลาได้”
ในหลวง
“ไม่ถึงแบ่งเวลาต่างหากออกมาทีเดียว ก็อาศัยเวลาขณะที่ออกมาทำงานอย่างอื่นอยู่นั้นแหละ ได้หรือไม่ คือ ใช้สติอยู่ทุกขณะจิตที่เกิดดับ ทำงานด้วยความรอบคอบให้สติตั้งอยู่ตลอด เวลา” อ่านเพิ่มเติม

ครูบาเจ้าเกษม เขมโก (๑) โดย อ.เล็ก พลูโต

ครูบาเจ้าเกษม เขมโก (๑) โดย อ.เล็ก พลูโต

ณ ดินแดนถิ่นล้านนา ทางภาคเหนือของประเทศไทย พระอริยะสงฆ์ที่พวกเราทุกคนรู้จักชื่อเสียงคุณงามความดีของท่านก็คือ ครูบาศรีวิชัย อริยะสงฆ์องค์แรกของภาคเหนือ ท่านเปรียบเสมือนประทีปดวงใหญ่ ที่ส่องประกายธรรมไปทั่วทุกสารทิศ ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ประกอบคุณงามความดีไว้กับแผ่นดินนี้มากมาย ท่านจึงถูกจัดให้เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาวเหนือ

ประวัติและเรื่องราวต่าง ๆ ของท่าน จึงถูกบันทึกเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงในยุคปัจจุบัน ประวัติบางตอนของครูบาศรีวิชัยตอนหนึ่งกล่าวว่า ท่านครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ว่า “จะมีตนบุญมาเกิดที่ลำปาง” ครั้นต่อมาครูบาศรีวิชัยได้มรณภาพไป โดยทิ้งคำพยากรณ์นี้ไว้ให้ชาวลำปางได้เฝ้ารอคอยการมาจุติของตนบุญ ที่ครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ จนเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี ก็ยังไม่ปรากฏ แต่ชาวลำปางก็ยังเชื่อในคำพยากรณ์ของครูบาศรีวิชัย
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๕ ได้มีครอบครัวเชื้อเจ้าผู้ครองนครลำปาง หรือ เขลางค์นคร ในอดีตหัวหน้าครอบครัวคือ เจ้าหนูน้อย ณ ลำปาง ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ รับราชการเป็นปลัดอำเภอ ภรรยาชื่อเจ้า แม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ทั้งสองเป็นหลานเจ้าของ เจ้าพ่อบุญวาทย์ วงศ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย
ครอบครัวนี้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านท่าเก๊าม่วง ริมแม่น้ำวัง อ.เมือง จ.ลำปาง อยู่กินกันมาอย่างมีความสุข ในที่สุดเจ้าแม่บัวจ้อนได้ตั้งครรภ์ และพอถึงกำหนดคลอดตรงกับวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๕ ตรงกับวันพุทธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ.๑๓๑ ค.ศ.๑๙๑๒ เจ้าแม่บัวจ้อนให้กำเนิดทารกเพศชาย เป็นลูกคนแรกของครอบครัว
ขณะนั้นไม่มีใครทราบกันเลย ตนบุญ ที่ครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้นั้นได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว บิดามารดาก็ได้ตั้งชื่อทารกนั้น เกษม ณ ลำปาง เพราะเด็กชายเกษม ณ ลำปาง ได้เกิดมาในเชื้อสายของเจ้าทางเหนือ จึงได้รับการยกย่องของคนทั่วไป ทุกคนต่างเรียกกันว่า เจ้าเกษม ณ ลำปาง หลังจากที่ได้คลอดบุตรมาได้ไม่กี่ปี เจ้าแม่บัวจ้อนได้ให้กำเนิดทารกอีกคน แต่เป็นเพศหญิง ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องของ เจ้าเกษม สืบสายเลือด แต่ทว่าเจ้าแม่น้อยคนนี้วาสนาน้อย ได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก จึงไม่มีโอกาสได้รูว่าพี่ชายของเธอคือ ตนบุญ ที่ชาวลำปางรอคอยเป็นสิบ ๆ ปี อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อเกษม เหรียญระฆัง พ.ศ.2516 รุ่น บล๊อคนิยม

หลวงพ่อเกษม เหรียญระฆัง พ.ศ.2516 รุ่น บล๊อคนิยม

รายละเอียด:
หลวงพ่อเกษม เหรียญระฆัง พ.ศ.2516 รุ่น บล๊อคนิยม
เก็บรักษาสภาพเดิมๆ ปล่อยราคาไม่แพง รุ่นนี้ประสบการณ์สูง
บล๊อคนี้สร้างเพียง 50000 เหรียญ ใครพี่ชอบพูดว่า รุ่นเสาอากาศ รุ่นนายสิบอย่าไปเชี่อเขา..ถ้าอยากรู้ข้อมูลก็ไปซื้อหนังสือ วัตถุมงคล รุ่นนิยม -จนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อเกษม โดยสำนักพิมพ์ เมืองสยาม เพราะเขาเป็นลูกศิษย์ ก้นกุฏิหลวงพ่อ…

เหรียญระฆังหลวงพ่อเกษม ปี2516 เป็นเหรียญที่มีประสพการณ์เมื่อ 14ต.ค 16 หรือเหรียญวีรชน เป็นเหรียญที่ชาว ลำปางหวงมาก เหรียญนี้สร้างเป็นที่ระลึกสมทบทุนสร้างศาลาเจ้าแม่สุชาดา 15เมษายน2516 มี2เนื้อ เงินและทองแดง
พระแท้จะแยกได้ 4 พิมพ์…พิมพ์ที่ 1 จะเป็นพิมพ์ที่นิยมหรือที่ว่าบล๊อกเสาอากาศด้านหน้าให้สังเกตุที่ตัวหนังสือคำว่าเกษมเขมโก จะไม่มีขีดบนตัว ก ส่วนหลังเหรียญให้สังเกตุตรง พศ 2516 จะมีขีด้านบน 2 ขีด และตรงตัวอุจะมีเส้นแตก(ส่วนที่จะสังเกตุเสาอากาศให้ดูจากองค์พระตรงบ่าด้านซ้ายของหลวงพ่อจะมีเส้นจากบ่าไปจนจดซุ้มเหรียญโดยที่เส้นไม่ขาด)…….พิมพ์ที่ 2 (พิมพ์ขีดในตัวหนังสือ)เหรียญด้านหน้า ตรงตัวหนังสือคำว่า เกษมเขมโก จะมีขีดอยู่ในตัว ก ตรงคำว่าเกษม และด้านหลังเหรียญจะเหมือนกับบล๊อกนิยมทุกอย่าง………พิมพ์ที่ 3 (พิมพ์หนึ่งขีด)เหรียญด้านตรงตัวหนังสือคำว่าเกษมเขมโก จะมีขีดหนึ่งขีดบนตัว ก ส่วนด้านหลังเหรียญจะเหมือนกับพิมพ์นิยมทุกอย่าง ………พิมพ์ที่ 4 (พิมพ์ 2 ขีด) เหรียญด้านหน้าตรงตัวหนังสือคำว่าเกษมเขมโก จะมีขีดบนและมีขีดในตัวหนังสือ ตรงคำว่าเกษม ส่วนด้านหลังเหรียญจะแตกต่างกว่าทุกพิมพ์ ตัวอุจะไม่มีเส้นแตก และที่ตรง พศ 2516 ไม่มีขีด 2 ขีดด้านบน วิธีของการสังเกตุพื้นเหรียญของพระรุ่นนี้ให้ดูที่พื้นเหรียญด้านหน้าจะมีเส้นเส้ยนตามแนวขวางทั้งสองข้างของรอบๆองค์หลวงพ่อครับ
อ่านเพิ่มเติม

คำไหว้หลวงพ่อเกษมเขมโก

คำไหว้หลวงพ่อเกษมเขมโก

คำไหว้หลวงพ่อเกษมเขมโก

จุดธูป1ดอก ไหว้1ครั้งแค่อก กล่าวว่า
โอกาสะ โอกาสะ อาจาริโย เมนาโถ ภันเตโหตุ
อายัสมา เขมโก ภิกขุ เมนาโถ ภันเตโหตุ
อาจาริยัง วันทามิหัง
คำอาราธนาวัตถุมงคลก่อนคล้องคอหรือขึ้นบ้าน
เขมะกะภิกขุง อาราธะนานัง วันทามิหัง 3จบ

คาถาโชคลาภ เมตตา ค้าขายดี
ก่อนสวดให้ระลึกถึงพระสีวลี และหลวงพ่อเกษม แล้วอธิษฐานตามใจปรารถนา
นะโม3จบ
สิวะลี มหาเถรัง วันทามิหัง
สิวะลี มหาเถรัง วันทามิหัง
สิวะลี มหาเถรัง วันทามิหัง
มะหาสิวลี เถโร มะหาลาโภ โหติ
มะหาสิวลี เถโร ลาภัง เม เทถะ

คาถาแคล้วคลาด ป้องกันเวลาเดินทาง
นะโม3จบ สวด3จบ 7จบ

พุทโธ วะโร สะติมะโต สัพพะอันตะรายะ วินัสสะตุ
คาถาใช้สวดภาวนาเพื่อให้พระคุ้มครอง
ป้องกันภูติผีปิศาจ เด็กนอนไม่หลับร้องไห้กลางคืนเป่าใส่ศรีษะเด็ก
ธัมโม มะนัง สุรักขะตุ สวด3จบ 7จบ

คาถานะจังงัง
เป็นคาถาแคล้วคลาด ป้องกันศราตรวุธ โจร ภัยทั้งปวง
ตั้งนะโม3จบ

นะ โน นะ อันตะรายา วินัสสันตุ
สวด3จบ 7จบ

http://www.banloktip.com/

หลวงพ่อเกษม เขมโก พระอภิญญาแห่งเขลางค์นคร

หลวงพ่อเกษม เขมโก พระอภิญญาแห่งเขลางค์นคร

ประวัติหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง

หลวงพ่อเกษม เขมโก เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2455 บิดาชื่อ เจ้าหนูน้อย มณีอรุณ มารดาชื่อ เจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ในวัยเด็ก เจ้าเกษม ณ ลำปาง จัดว่าเป็นคนมีสติปัญญาดีเยี่ยมและเป็นเด็กที่ซุกซนมาก เมื่อย่างเข้าสู่วัยเรียน เจ้าเกษม ณ ลำปาง เข้ารับการศึกษาระดับประถมที่ โรงเรียนบุญวงศ์ อนุกูล โรงเรียนประจำ อ.เมือง จ.ลำปาง สมัยนั้นเรียนชั้นสูงสุดแค่ชั้นประถมปีที่ 5 ปี พ.ศ.2466
เจ้าเกษม ณ ลำปาง จบชั้นสูงของโรงเรียนประถมปีที่ 5 ขณะอายุได้ 11 ปี ต่อมาในปี พ.ศ.2470 ครั้นมีอายุ 15 ปี ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบุญยืน จ.ลำปาง เมื่อบรรพชาแล้วก็จำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดบุญยืน ขยันหมั่นเพียรเรียนทางด้านปริยัติศึกษาธรรมะจนถึงปี พ.ศ.2474 สามเณรเจ้าเกษมก็สามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้
กระทั่งในปี พ.ศ.2475 สามเณรเกษม ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดบุญยืนนั่นเอง โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร เจ้าคณะอำเภอขณะนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูอุตรวงศ์ธาดา เจ้าอาวาสวัดหมื่นเทศ และเจ้าคณะอำเภอเมือง จ.ลำปาง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระธรรมจินดานายก เจ้าอาวาสวัดป่าตั๊ว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “เขมโก” แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม
ในปี พ.ศ.2479 พระภิกษุเขมโก ก็สามารถสอบนักธรรมชั้นเอกได้รวมทั้งสนใจศึกษาเล่าเรียนบาลีควบคู่กันไปด้วย เรียนรู้จนสามารถเขียนและแปลภาษามคธได้เป็นอย่างดี เมื่อเรียนปริยัติพอควรแล้ว สามารถนำไปปฏิบัติได้โดยไม่หลงทาง ท่านจึงหันมาปฏิบัติธรรมจนแตกฉาน โดยเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้ และเชี่ยวชาญ ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของ ครูบาแก่น สุมโน อดีตเจ้าอาวาสวัดประตูป่อง โดยได้ติดตามพระอาจารย์ออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนาเรื่อยมา ท่านถือปฏิบัติเช่นนี้จนภายหลังได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน เมื่อปี พ.ศ.2492 ก็ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ปลีกวิเวกไปบำเพ็ญเพียรอยู่ตามป่าช้าต่าง ๆ ทั่ว จ.ลำปาง หลายแห่ง เช่น ป่าช้าแม่อาง ป่าช้านาป้อ ก่อนมาปักหลักบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ป่าช้าประตูม้า หรือสุสานไตรลักษณ์ ปัจจุบัน จนละสังขารเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2539 รวมสิริอายุ 84 ปี
หลวงพ่อเกษม เขมโก นับได้ว่าเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมควรได้รับความเคารพศรัทธาจากประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ในช่วงท่านบำเพ็ญเพียรอยู่ ณ สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง มักมีประชาชนและญาติโยมไปกราบนมัสการมากมายทุกวันมิได้ขาด แม้ท่านละสังขารไปนานพอสมควรแล้ว ก็ยังมีประชาชนแวะเวียนไปกราบไว้สังขารท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์จนทุกวันนี้
อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อเกษม เขมโก จำวัดโดยไม่ใช้มุ้ง ไม่ใช้ผ้าห่ม

หลวงพ่อเกษม เขมโก จำวัดโดยไม่ใช้มุ้ง ไม่ใช้ผ้าห่ม

หลวงพ่อเกษม เขมโก ยอดนักบุญ ผู้ปฎิบัติตนตามธุดงค์วัตรขั้นอุกฤษ์ พระอภิญญาแห่งนครลำปาง ท่านเกิดเมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน พศ. 2455 มีเชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ เมื่อเล็ก มีความจำเป็นเลิศ สามารถท่องมนต์ 7 ตำนาน และ 12 ตำนานได้อย่างคล่องแคล่ว

ที่ว่าท่านปฎิบัติตามหลักธุดงค์วัตร อย่างอุกฤษ์นั้น ได้แก่ การนั่งกรรมฐานทั้งวัน ทั้งคืน ไม่ฉัน ไม่จำวัด เรียกว่า ไม่กิน ไม่นอนเป็นเวลาติดต่อกันยาวนานแรมปี บทจะพิจารณาภัตตาหาร ว่าเป็นอาหารเก่า อาหารใหม่เพื่อให้จิตเข้าถึงพระกรรมฐานนั้น ท่านก็นำอาหารเก่าค้าง ที่เน่าบูด ส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยว มาฉันกิน เมื่ออาหารเข้าถึงปาก กำหนดจิตรับรู้รสว่า มีรสไม่อร่อยเพียงใด มีกลิ่นที่น่ารังเกียจเพียงใด ร่างกายทำปฎิกริยาไม่รับอาหารเน่าเสียนั้น โดยบังคับให้ปากจะอาเจียนออกมา ท่านก็กลับบังคับร่างกายให้รับรสอาหารบูดเน่านั้นเสียให้ได้ โดยกำหนดว่า ฉันเพื่อให้มีแรงปฎิบัติต่อไป จึงไม่จำเป็นต้องฉันอาหารรสเลิศ เพื่อให้ติดยึดในรสอาหาร อันเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง

สถานที่จำเริญกรรมฐานของหลวงพ่อเกษมนั้น ท่านโปรดปราณ ป่าช้า เป็นหนักหนา ด้วยว่าเป็นที่วิเวก ยิ่งป่าช้าไหนมีเสียงเล่าลือกันว่ามีภูติผี วิญญาณร้ายมาก่อกวน ท่านยิ่งมุ่งเข้าไปหา ด้วยเห็นว่า เป็นการพิจารณาอสุภะกรรมฐานได้ดีกว่าที่อื่นใด

ที่โล่งเตียนใด ปราศจากเงาไม้ให้ร่ม ท่านจะเข้าไปนั่งกรรมฐาน บางคราวเป็นหน้าแล้งแดดร้อน ท่านก็จะนั่งกรรมฐานกลางแดดให้แดดแผดเผาตัวท่าน บางคราวหน้าหนาว ท่านก็จะนุ่งห่มจีวรน้อยชิ้น ออกไปนั่งรับลมหนาว ท้าทายกับความเย็นอยู่เช่นนั้น บางคราวฝนตก ท่านก็นั่งกรรมฐานกลางสายฝน โดยปราศจากเครื่องกางกั้น ร่างกายคนเราบางทีก็ทนไม่ไหว เมื่อร่างกายท่านประท้วง โดยการเจ็บป่วย ท่านก็ใช้ธรรมโอสถเป็นเครื่องแก้ ไม่เคยไปหาหมอ ไม่เคยขอร้องให้ใครมาช่วยพยุง ดูแลเลยแม้สักครั้ง ท่านใช้ร่างกายฝืนธรรมชาติแห่งความสุข ความสบาย อันพึงมี พึงได้ของมนุษย์ ตลอดชีวิตของท่าน จนเป็นที่ห่วงกังวลของศิษย์ทั้งหลาย เพียงเพื่อการปฎิบัติบูชาพระธรรม อันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิตของท่าน
อ่านเพิ่มเติม

. . . . . . .