นักบุญน้อย (ครูบาอริยชาติ)

นักบุญน้อย (ครูบาอริยชาติ)

เด็กชายเก่งจึงเป็นเด็กคนเดียวในหมู่บ้านที่รอบรู้และชำนาญในการ “การวัด” ตั้งแต่ยังเด็ก และสามารถสวดมนต์ได้อย่างคล่องแคล่วตั้งแต่อายุเพียง 12 ปี

เด็กชายเก่งจึงเป็นเด็กคนเดียวในหมู่บ้านที่รอบรู้และชำนาญในการ “การวัด” ตั้งแต่ยังเด็ก และสามารถสวดมนต์ได้อย่างคล่องแคล่วตั้งแต่อายุเพียง 12 ปี
ครูบาอริยชาติเล่าว่า ชีวิตเมื่อวัยเด็กเป็นช่วงเวลาที่ท่านลำบาก (กาย) ที่สุด เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่สู้ดีนัก ดังนั้น ท่านและพี่ชายจึงต้องทำงานหนักเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อแม่มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ ท่านเล่าว่า

“ครูบาไม่ได้เกิดมาใช้ชีวิตสบาย พ่อแม่มีลูก 3 คน อาชีพหลักคือทำสวน ฐานะทางบ้านเรียกว่าเข้าขั้นยากจน ครูบาช่วยงานแม่ทุกอย่างในวัยเด็ก ทั้งงานบ้าน งานสวน ทำสวนแทบจะทุกวัน ตั้งแต่สวนผัก ผักกาด ผักชี หอม แตงกวา สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปแต่ละปีๆ โรงเรียนเลิกกลับมาบ้านก็ต้องไปรดน้ำผักให้แม่ บางทีกลับบ้านมาก่อนก็ต้องมาทำกับข้าวรอแม่ บางวันต้องตื่นแต่เช้า บางทีตี 2 ไปเก็บผักเพราะคนซื้อเขาต้องการผักจำนวนมาก เช่น สั่ง 500 กิโล จะเอาตอนเช้า ก็ต้องไป บางทีตี 4 เก็บผักจากสวน 7 โมงไปโรงเรียน เสาร์อาทิตย์แทบไม่มีเวลาเล่น คนอื่นเขาดูการ์ตูน ดูหนัง แต่ครูบาไม่ได้เล่นนะ เสาร์อาทิตย์ก็ต้องช่วยแม่ทำงาน เก็บพริก เก็บมะเขือ ช่วยแม่ทุกอย่าง”
อ่านเพิ่มเติม

หัวอกแม่…หัวใจลูก (ครูบาอริยชาติ)

หัวอกแม่…หัวใจลูก (ครูบาอริยชาติ)

“เอาไว้ให้จบ ม.6 ก่อนแล้วค่อยบวชนะลูก…เดี๋ยวแม่จะซื้อมอเตอร์ไซค์” “ผมไม่เอารถ…ผมจะบวช” ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร ลูกชายก็ยังไม่เปลี่ยนความคิด สุดท้ายนางจำนงค์ก็ได้แต่ตัดพ้อต่อว่า “คนขาดีมาอยู่กับกูไม่ได้พึ่ง คงจะได้พึ่งคนขาไม่ดี เพราะคนขาดีมันไปกันหมดแล้ว”

“เอาไว้ให้จบ ม.6 ก่อนแล้วค่อยบวชนะลูก…เดี๋ยวแม่จะซื้อมอเตอร์ไซค์” “ผมไม่เอารถ…ผมจะบวช” ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร ลูกชายก็ยังไม่เปลี่ยนความคิด สุดท้ายนางจำนงค์ก็ได้แต่ตัดพ้อต่อว่า “คนขาดีมาอยู่กับกูไม่ได้พึ่ง คงจะได้พึ่งคนขาไม่ดี เพราะคนขาดีมันไปกันหมดแล้ว”
การศึกษาในระบบโรงเรียนของเด็กชายเก่งเป็นไปอย่างราบรื่นสมใจนายสุขและนางจำนงค์ผู้เป็นพ่อแม่ ในขณะเดียวกัน การศึกษาภายในวัดก็เป็นไปอย่างต่อเนื่องและรุดหน้า เป็นที่ถูกใจครูบาจันทร์ติ๊บผู้เป็นอาจารย์เช่นเดียวกัน !
อ่านเพิ่มเติม

ประวัติครูบาอริยชาติ

ประวัติครูบาอริยชาติ

ใต้ร่มโพธิธรรม

ด้วยวัยเพียง 17 ปี ทั้งยังเพิ่งเข้าสู่เพศนักบวชในระดับ “สามเณรใหม่” ทำให้การปลีกวิเวกครั้งแรกในชีวิตของสามเณรอริยชาติมิใช่เรื่องง่ายเลย แต่ด้วยความมุ่งมั่นแรงกล้า สามเณรหนุ่มจึงมิได้ย่อท้อ…แม้สถานที่พักปักกลดจะเป็นบริเวณข้างถนน ตามป่าเขา หรือแม้แต่ในป่าช้า สามเณรอริยชาติก็สามารถควบคุมจิตใจตนเองให้อยู่กับสภาวะนั้น ๆ ได้เป็นผลสำเร็จ

ด้วยวัยเพียง 17 ปี ทั้งยังเพิ่งเข้าสู่เพศนักบวชในระดับ “สามเณรใหม่” ทำให้การปลีกวิเวกครั้งแรกในชีวิตของสามเณรอริยชาติมิใช่เรื่องง่ายเลย แต่ด้วยความมุ่งมั่นแรงกล้า สามเณรหนุ่มจึงมิได้ย่อท้อ…แม้สถานที่พักปักกลดจะเป็นบริเวณข้างถนน ตามป่าเขา หรือแม้แต่ในป่าช้า สามเณรอริยชาติก็สามารถควบคุมจิตใจตนเองให้อยู่กับสภาวะนั้น ๆ ได้เป็นผลสำเร็จ
ภายหลังจากได้ละเพศฆราวาสมาสู่เพศบรรพชิตสมความปรารถนา สามเณรอริยชาติก็ตั้งใจศึกษาปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอโดยเคร่งครัดทั้งปริยัติและปฏิบัติ และตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะมุ่งดำเนินแนวทางตามรอยพระบูรพาจารย์ในอดีต และหมั่นฝึกฝนตนเองอย่างหนักเพื่อให้จิตเกิดสมาธิแก่กล้าจนบรรลุซึ่งความสงบให้ได้
อ่านเพิ่มเติม

ขี่อาชาบิณฑบาต “ครูบาเหนือชัย” นักบุญแห่งขุนเขา

ขี่อาชาบิณฑบาต “ครูบาเหนือชัย” นักบุญแห่งขุนเขา

ทริปเดินทางครั้งนี้เริ่มขึ้นพร้อมหน้าพร้อมตากับก๊วนเพื่อนสนิท พวกเรามุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อไปทำบุญไหว้พระ และสักการะพระธาตุประจำปีเกิดของแต่ละคน ไล่ไปตั้งแต่จังหวัดแพร่ เชียงใหม่ น่าน จนถึงเชียงราย

จุดที่ดึงให้ทุกคนใจจดจ่อกับการทำบุญตักบาตร คือ สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ที่ ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย หรือรู้จักกันทั่วไปในชื่อ “วัดพระขี่ม้า” Unseen ของเมืองไทย ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภูมิใจนำเสนอให้รู้จักกันไปทั่วโลก

ที่นั่น พระ เณร ต้องขี่ม้าออกจากถ้ำมาบิณฑบาตในรัศมี 5 กิโลเมตร ตะลอนไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ กินพื้นที่ถึง 50,000 ไร่ ในตำบลศรีค้ำและใกล้เคียง

ข้าวปลาอาหารที่ได้รับมานั้น หากมีเหลือเฟือเกินพอกินอิ่ม พระ เณร จะนำไปแจกให้เด็กชาวเขา ชาวดอยที่ยากจนอย่างทั่วถึง โดยมีม้าเป็นพาหนะนำของไปแจกตามหมู่บ้านต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งมีชาวเขาทั้งเผ่าลาหู่ อาข่า ไทยใหญ่ ลีซู และจีนฮ่ออิสระ ซึ่งแต่เดิมพื้นที่นี้เคยเป็นเส้นทางลำเลียงขนยาเสพติดของขุนส่า
อ่านเพิ่มเติม

ครูบาเหนือชัย นั่งเข้ากรรมฐานแก้พิษยาสั่ง (นักบุญแห่งขุนเขา)

ครูบาเหนือชัย นั่งเข้ากรรมฐานแก้พิษยาสั่ง (นักบุญแห่งขุนเขา)

ครูบาเหนือชัย โฆสิโต วัดถ้ำอาชาทอง ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย
ปุจฉาวิสัชชนา ครูบาเหนือชัย… “นักบุญแห่งขุนเขา”

ภาพ “พระเณรขี่ม้าออกบิณฑบาต” นำโดย “ครูบาเหนือชัย โฆสิโต” นอกจากสร้างความประทับใจต่อ พุทธศาสนิกชนไทยแล้ว ยังกระฉ่อนโด่ง ดังไปทั่วโลก เหตุที่พระ เณรและลูกศิษย์ต้องขี่ม้าบิณฑบาต เนื่องจาก สำนักอยู่ห่างไกลจากชุมชน และถนนหนทางยังไม่สะดวก การใช้ม้าจึง มีความสะดวกในการเดินทาง กว่า ๑๐ ปี ของการออกธุดงค์ เผยแผ่หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าตาม ชายแดนไทย-พม่า โดยไม่แบ่งชาติพันธุ์ ในที่สุดท่านก็ได้รับการขนาน นามว่า “นักบุญแห่งขุนเขา”
นอกจากจะมีชื่อเสียงในรูปแบบและวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแล้ว นักบุญแห่งขุนเขายังมีชื่อ เสียงใน เรื่องของเครื่องรางของขลัง ด้านอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยมและเกี่ยวกับการค้าขาย ให้มีความเจริญก้าวหน้า ร่ำรวยอีกด้วย จนเป็นที่กล่าวขวัญของบรรดาชาวบ้านและพุทธศาสนิกชน ทั้งในเมืองไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนจะดีเพียงใดนั้น ต่อไปนี้คือบทสัมภาษณ์แบบ “คม ชัด ลึก”

“คำว่า “นักบุญแห่งขุนเขา” ใครเป็นผู้ตั้งให้ครับ ?”

“นักบุญแห่งขุนเขา” ฉายานี้ได้มาจากเจ้าหน้าที่ที่ร่วมงานกันในโครงการ “มิตรมวลชน คนชาย แดน” ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังเฉพาะกิจ กรมการทหารราบที่ ๑๗ กองพันที่ ๓ (ฉก.ร.๑๗ พัน ๓) ตั้งให้ เพราะเห็นว่าเราเป็นพระที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่า เผยแผ่ธรรมะอยู่ในป่า”

“การตั้งสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทองมีที่มาที่ไปอย่างไรครับ ?”
“ครูบาเผยแผ่ธรรมะอยู่ในป่า มานั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่หน้าถ้ำป่าอาชาทองแห่งนี้ มีชาวบ้านมา ถวายภัตตาหาร และมาทำบุญบ่อยๆ ก็เลยมีคนบอกว่าน่าจะตั้งเป็นวัดดีกว่า ประกอบกับท่านเจ้า ประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จสังฆราช องค์ปัจจุบัน มีดำริให้ดำเนินโครงการ “บวร” พุทธ ศาสนา อันหมายถึง บ คือ บ้าน ว คือ วัด ร คือ โรงเรียน เป็นการนำหลักธรรมเผยแผ่ให้ครบทั้งสาม สถาบัน” อ่านเพิ่มเติม

สำนักปฎบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง (พระขี่ม้าบิณฑบาตร)

สำนักปฎบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง (พระขี่ม้าบิณฑบาตร)

ชื่อแหล่งท่องเที่ยว : สำนักปฎบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง (พระขี่ม้าบิณฑบาตร)

ประเภทสถานที่ท่องเที่ยว : ศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดก

สถานที่ตั้ง : หมู่ที่ 8 บ้านแม่สลองนอก ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

รายละเอียด : พระครูบา รับบาตรจากญาติโยมผู้มีจิต ศรัทธา และเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธองค์ อาหารที่เหลือจากการบิณฑบาตถูกแจกจ่ายให้ชาวเขาผู้ยากไร้ กว่า 13 ปีแล้ว ที่ ‘พระครูบาเหนือชัย’ พากเพียร ให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ชาวเขาเผ่าต่างๆที่อาศัยอยู่ตามแนว ตะเข็บ ชายแดน จ.เชียงราย เพื่อเปลี่ยนพวกเขาจากกลุ่มผู้ลักลอบขนยามาเป็นชาวไร่ผู้หวงแหนและร่วม พิทักษ์ ผืนแผ่นดินไทยท่านเดินทางมาจนถึง’ดอยผาม้า’และเห็นว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะ สมจึง ยึดเป็นที่ปฏิบัติธรรม พระครูบานั่งสมาธิ พิจารณาขันธ์ 5 ด้วยใจมุ่งมั่นที่จะบรรลุธรรม ครั้งหนึ่งท่านนอน หลับและว่า’หลวงปู่สด’ วัดปากน้ำภาษีเจริญ มาสอนวิชาธรรมกาย ให้ท่านทำใจใสๆ กำหนดองค์พระอยู่ศูนย์กลาง กายท่านไม่มั่นใจว่าฝันนั้นเป็นจริงหรือไม่ จึงอธิษฐานจิตว่าหากหลวงปู่สดมาพบในฝันจริงขอให้มี ญาติโยมนำ ปัจจัยมาถวาย 1,000 บาท พอรุ่งเช้าก็มีนักข่าวของสถานีวิทยุท้องถิ่นนำปัจจัยมาถวายตามคำอธิษฐาน และขอ สมัคร เป็นศิษย์ ท่านจึงให้ญาติโยมดังกล่าวพาท่านไปยังวัดปากน้ำ และนำเงิน 1,000 บาทที่ได้ทำบุญกับทางวัด จึงนำคำสอนของหวงปู่สดมาใช้ในการนั่งสมาธิเรื่อยมาครั้งหนึ่งท่านนั่งสมาธิ บนโขดหินโดยอธิษฐานว่า จะขอนั่ง อยู่ตรงนี้จนกว่าจะบรรลุธรรม แม้ตายก็จะไม่ลุก จากที่นี่ ” ท่านนั่งนิ่งอยู่ 15 วัน จนผึ้งมาเกาะทำรังตามเนื้อตัว ท่านรู้สึกเจ็บจึงพยายามแยกความรู้สึกของกายออกจากจิต แม้กายจะเจ็บ แต่จิตนิ่งใสสว่าง ความเจ็บก็ทุเลาลง ท่านนั่งจนหมดสติไป และในฝันท่านเห็น ‘หลวงปู่เกษม’ซึ่งศึกษาฌานสมาบัติอยู่ ณ สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง มาบอกว่า นี่คือการเข้านิโรธสมาบัติ แยกจิตกับกายและ ให้มั่นเพียรนั่งสมาธิ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญญา อันเป็นหน ทางแห่งการบรรลุธรรมเมื่อท่านยังเห็นพระซึ่งเป็นครูบาอาจารย์มากมายมาราย ล้อมและบอกกับท่านว่า “นับแต่นี้ จะมีผู้คนมากมายมา สนับสนุนการเผยแผ่ธรรมมะของท่าน” และก็เป็นจริงเช่นนั้น เพราะหลังจากท่านฟื้นขึ้นก็พบ ว่า มีชาวบ้านเดินทางมากราบไหว้และถวายอาหาร เนื่องจากในช่วงที่พระครูบาเหนือชัยนั่ง หลับตาและมีผึ้งมา เกาะนั้น มีชาวบ้านมาพบเข้าและเกิดจิตศรัทธาจึงไปชักชวนชาวบ้านคนอื่นๆมากราบไหว้ พร้อมทั้งช่วยกันสร้างที่ พักให้ จนกลายเป็น ‘วัดป่าอาชาทอง’ จนถึงปัจจุบัน อ่านเพิ่มเติม

สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง (ครูบาเหนือชัย)

สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 2 ธรรมราชา อันเป็นมหามงคลยิ่งของปวงชนชาวไทยทั่วประเทศ

สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ร่วมกับทุกภาคส่วนปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 2 ธรรมราชา เพื่อเป็นการร่วมกันฟื้นคืนสิ่งแวดล้อมรักษาต้นน้ำในพื้นที่ตามแนวชายแดน ณ บริเวณภายในบริเวณสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2556 พระครูบาเหนือชัย โฆษิโต เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง นายพงษศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำคณะร่วมกันทำพิธีปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 2 ธรรมราชา ในปี 2556 เป็นปีมหามงคลของปวงชนชาวไทย เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ทรงเจริญพระชันษาครบ 100 ปี และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต พระบรมราชินีนาถ ณ ภายในบริเวณสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทองแห่งนี้ เป็นพื้นที่ปฏิบัติธรรม และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม (UNSEETHAILAND) หรือที่เรียกกันว่า วัดพระขี่ม้าบิณฑบาต
พระครูบาเหนือชัย โฆษิโต เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง กล่าวสัมมาอะระหังว่า ในการจัดกิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 2 ธรรมราชา ครั้งนี้เพื่อเป็นการฟื้นคืนสิ่งแวดล้อมรักษาต้นน้ำในพื้นที่ โครงการแก้ไขปัญหาที่พักสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ถ้ำป่าอาชาทอง และเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สองมหาราชาผู้ทรงธรรม ของคนไทยทั้งแผ่นดิน โดยมีคณะเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ป่าไม้ อุทยาน นักเรียน นักศึกษา อาสาสมัคร ภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมพิธีปลูกป่าครั้งนี้ด้วย จึงเป็นที่มาของโครงการเฉลิมพระเกียรติ 2 ธรรมราชา ในปี พ.ศ. 2556 เป็นมหามงคลยิ่งของปวงชนชาวไทย ซึ่งมีพื้นที่ปลูกป่าจำนวนทั้งสิ้น 800 ไร่ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่โครงการโดยพระสงฆ์เป็นแกนนำ และเสริมสร้างคุณธรรมปลูกจิตสำนึกให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาป่าไม้ ฟื้นฟูพื้นที่โครงการให้เป็นสถานที่ศึกษาธรรมชาติ ส่งเสริมศาสนา จริยธรรม อำนวยประโยชน์แก่ชุมชนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นการป้องกันการบุกรุกทำลายป่า มีส่วนร่วมในการดูแลบำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ อีกด้วย

http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=130829130848

ประคำมหาปราบ ตะกรุด 108 ดอก ครูบาเหนือชัย โฆษิโต

ประคำมหาปราบ ตะกรุด 108 ดอก ครูบาเหนือชัย โฆษิโต วัดถ้ำป่าอาชาทอง จ.เชียงราย

พระครูบาเหนือชัย หรือพระขี่ม้าบิณฑบาตร ท่านคือนักบุญแห่งขุนเขาอย่างแท้จริง ปัจจุบันนอกจากท่านจะเป็นพระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ ท่านยังสงเคราะห์วัดในสาขาร่วมสิบวัดแล้วท่านยังเป็นพระนักพัฒนาตัวยง ที่ช่วยปลุกให้ชาวบ้านตื่นจากอำนาจของยาเสพย์ติด และสิ่งไม่ดีอีกด้วย พระครูบาท่านปฎิบัติธรรมตามแนวทางของ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ และ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง วัตถุมงคลของท่านนอกจากจะปลุกเสกด้วยวิชาอาคมที่ท่านร่ำเรียนมาแล้ว ยังอธิษฐานจิตด้วยบารมีธรรมของท่านอาราธนาคุณพระรัตนตรัยมาสถิตอยู่ในวัตถุมงคล วัตถุมงคลของท่านแทบทุกรุ่นจึงมีประสบการณ์เด่นๆ คือแคล้วคลาด และเมตตา ประคำมหาปราบ ขนาดใหญ่ ปลุกเสกโดย ครูบาเหนือชัย แห่งวัดถ้ำป่าอาชาทอง จ.เชียงราย ไว้สวมใส่เพื่อนำมาภาวนาคาถา “สัมมาอรหัง” ซึ่งเป็นคาถาภาวนาที่ครูบาท่านนำมาจากวิธีการปฎิบัติของ หลวงพ่อสด แห่งวัดปากน้ำ ครูบาอาจารย์ที่ท่านนับถือ ประคำนี้ถือเป็นสุดยอดประคำที่ท่านได้จัดสร้างขึ้น เพราะมีความพิเศษตรงที่ในเม็ดประคำทุกเม็ดจะสอดตะกรุดที่ครูบาท่านจารไว้ในลูกประคำด้วยเท่าจำนวนเม็ดประคำ สรุปคือประคำก็มี 108 เม็ด ตะกรุดที่สอดในลูกประคำแต่ละดอกก็มีรวมกันถึง 108 ดอก เป็นประคำมหาปราบ มหามงคล พุทธคุณครบทั้งเมตตา แคล้วคลาด คงกระพัน และยังนำมาใช้เป็นเครื่องมือไว้ปฎิบัติธรรมได้อีกด้วย ถือว่าครบเครื่องเป็นประคำคู่ชีวิตได้เลยครับ

http://www.pramuangnue.com/product_show.php?idpro=28159

เรื่องจริง พระ-เณร ขี่ม้าบิณฑบาต (ครูบาเหนือชัย)

เรื่องจริง พระ-เณร ขี่ม้าบิณฑบาต

สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
ข้อมูลท่องเที่ยว พระ-เณรชมขี่ม้าบิณฑบาต

สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง เป็นถิ่นกันดารอยู่ห่างไกล ชาวบ้านนิยมใช้ม้าแกลบในการบรรทุกต่างสัมภาระสิ่งของต่างๆ เจ้าอาวาสของสำนักซึ่งเคยเป็นทหารม้าเก่า จึงให้พระและเณรของสำนักนี้ใช้ม้าเป็นพาหนะในการออกบิณฑบาตไปยังหมู่บ้านสี่หมื่นไร่ ซึ่งมีระยะทางร่วม 5 กิโลเมตร ในวัดมีสวนธรรมซึ่งมีรูปปั้นแม่ไม้มวยไทยท่าทางต่างๆ ไว้เพื่อการศึกษา บนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุอินยอง
สำนักปฏิบัติธรรมสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทอง ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย

ครูบาเหนือชัย โฆษิโต หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ครูบาเสือโคร่ง เป็นผู้ดูแล เป็นสำนักปฏิบัติธรรมสงฆ์แห่งแรกที่สร้างโอกาสให้ชาวไทยภูเขาบนดอยสูง ห่างไกลตัวเมือง ได้เข้าถึงพระธรรมคำสอนขององค์พระพุทธเจ้า ลูกหลานชาวเขาจะเข้ารับการบวชเณรเพื่อศึกษาพระธรรมและเรียนหนังสือไทยควบคู่กันไป แต่เนื่องจากสภาพพื้นที่รอบถ้ำป่าอาชาทองอยู่ติดแม่น้ำคำและอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย-พม่า แวดล้อมด้วยภูเขาสูง การเดินทางด้วยรถยนต์จะทำได้ไม่สะดวก ดังนั้น ม้าจึงกลายเป็นพาหนะที่ถูกเลือกในการเดินทาง พระและสามเณรจะได้รับการฝึกการขี่และเลี้ยงม้า
ปัจจุบันมีม้าสายพันธุ์ต่างๆ กว่า 70 ตัว
?
ในขณะที่ขี่ม้าบิณฑบาตตามหมู่บ้าน พระและสามเณรก็จะปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือทางการในการสำรวจพื้นที่ และสอดส่องปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดด้วย ทั้งนี้ด้วยแนวทางที่สอดคล้องกัน กองทัพภาคที่ 3 จึงเข้ามาร่วมดูแลภารกิจของพระเณรวัดถ้ำป่าอาชาทอง ทั้งในส่วนของการจัดออกเป็นวิทยากรถ่ายทอดศาสนาแก่ประชาชน การอบรมเทคนิคการขี่ม้าให้กับเจ้าหน้าที่ทหาร ในการขี่ม้าเพื่อภารกิจหาข่าวและตรวจสอบความเคลื่อนไหวบริเวณชายแดนจุดต่างๆ

http://www.thaihotelsdirectory.com/index.php/travel-information/unseen-thailand/485-unseen-thailand

ยิง3นัด “ครูบาขี่ม้า” กระสุนด้าน-ปมรุกที่ (ครูบาเหนือชัย)

ยิง3นัด “ครูบาขี่ม้า” กระสุนด้าน-ปมรุกที่

โดย คม ชัด ลึก วัน อังคาร ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 06:37 น.
คนร้ายบุกเดี่ยว หวังเก็บ “ครูบาเหนือชัย” พระขี่ม้า อันซีนไทยแลนด์ จ.เชียงราย แต่กระสุนด้าน เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมปักใจ มือยิงเป็นอดีตกำนัน ส่วนชนวนเหตุคาดมาจากขัดแย้งเรื่องรุกสำนักสงฆ์และที่สาธารณะ ปลัดอำเภอหวั่นเกิดเหตุร้ายส่งกำลังคุ้มกัน

เหตุการณ์คนร้ายพยายามลอบยิงเจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง หรือพระขี่ม้า อันซีนไทยแลนด์ ใน ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ครั้งนี้ “คม ชัด ลึก” ได้รับแจ้งจากลูกศิษย์ผู้ดูแลสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ว่า เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในสำนักปฏิบัติธรรม หลังจากคนร้ายจอดรถได้เดินไปกุฏิของพระครูบาเหนือชัย โฆสิโต เจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง โดยขณะนั้นพระครูบาเหนือชัยอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งแยกออกจากตัวกุฏิ
อ่านเพิ่มเติม

พระขี่ม้าบิณฑบาตร วัดถ้ำป่าอาชาทอง จ.เชียงราย (ครูบาเหนือชัย)

พระขี่ม้าบิณฑบาตร วัดถ้ำป่าอาชาทอง จ.เชียงราย

วัดถ้ำป่าอาชาทอง ตั้งอยู่ที่ ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ด้วยที่ตั้งอันห่างไกลจากหมู่บ้าน ทำให้การออกไปบิณฑบาตรในแต่ละเช้ามีอุปสรรค์เรื่องระยะทางเพราะแต่ละหมู่บ้านที่ออกบิณฑบาตรนั้นล้วนแต่อยู่ไกลจากวัดทั้งสิ้น ทำให้ ครูบาเหนือชัย พระ เณร ขี่ม้าบิณฑบาตร ซึ่งหมู่บ้านที่ไกลที่สุดอยู่หางจากวัดประมาณ 10 กิโลเมตร โดยทางส่วนใหญ่เป็นภูเขาและท้องนา ถึงแม้ว่าหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านจะไม่ได้อยู่ทางเดียวกัน ก็ไม่ได้ทำให้พระ เณร ย่อท้อแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่า ยิ่งห่างไกลยิ่งต้องไป ไปเพื่อเผยแผพระพุทธศาสนา

แต่สำหรับเรา ในฐานะของนักท่องเที่ยว สิ่งที่ทำได้คือ การไปรอทำบุญตักบาตรที่ บริเวณ ลานธรรม วัดถ้ำป่าอาชาทอง หลังจากที่พระ เณร ออกบิณฑบาตรตามหมู่บ้านต่างๆเสร็จสิ้นแล้ว จะมารับบาตรบริเวณลานธรรม ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การไปตักบาตรนั้น อยู่ในช่วงเวลา 07.00-08.30 น. สำหรับของตักบาตรหากใครลืมซื้อ สามารถหาซื้อได้บริเวณวัดถ้ำป่าอาชาทอง เนื่องจากมีชาวบ้านนำอาหารแห้งมาขายให้สำหรับนักท่องเที่ยว
อ่านเพิ่มเติม

ครูบาเหนือชัย โฆษิโต นักบุญแห่งขุนเขา วัดถ้ำป่าอาชาทอง

ครูบาเหนือชัย โฆษิโต นักบุญแห่งขุนเขา วัดถ้ำป่าอาชาทอง

ครูบาเหนือชัย โฆสิโต วัดถ้ำอาชาทอง ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย

ปุจฉาวิสัชชนา ครูบาเหนือชัย… “นักบุญแห่งขุนเขา”

ภาพ “พระเณรขี่ม้าออกบิณฑบาต” นำโดย “ครูบาเหนือชัย โฆสิโต” นอกจากสร้างความประทับใจต่อ พุทธศาสนิกชนไทยแล้ว ยังกระฉ่อนโด่ง ดังไปทั่วโลก เหตุที่พระ เณรและลูกศิษย์ต้องขี่ม้าบิณฑบาต เนื่องจาก สำนักอยู่ห่างไกลจากชุมชน และถนนหนทางยังไม่สะดวก การใช้ม้าจึง มีความสะดวกในการเดินทาง กว่า ๑๐ ปี ของการออกธุดงค์ เผยแผ่หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าตาม ชายแดนไทย-พม่า โดยไม่แบ่งชาติพันธุ์ ในที่สุดท่านก็ได้รับการขนาน นามว่า “นักบุญแห่งขุนเขา”

นอกจากจะมีชื่อเสียงในรูปแบบและวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแล้ว นักบุญแห่งขุนเขายังมีชื่อ เสียงใน เรื่องของเครื่องรางของขลัง ด้านอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยมและเกี่ยวกับการค้าขาย ให้มีความเจริญก้าวหน้า ร่ำรวยอีกด้วย จนเป็นที่กล่าวขวัญของบรรดาชาวบ้านและพุทธศาสนิกชน ทั้งในเมืองไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนจะดีเพียงใดนั้น ต่อไปนี้คือบทสัมภาษณ์แบบ “คม ชัด ลึก”
อ่านเพิ่มเติม

พระครูบา เหนือชัย โฆสิโต

พระครูบา เหนือชัย โฆสิโต

ชาติภูมินักบุญแห่งขุนเขา

นายเสมอ ใจปินตา เป็นชื่อและสกุลเดิมของ ครูบาเหนือชัย โฆสิโต เจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ปัจจุบันอายุ ๔๓ ปี พรรษา ๑๔ เกิดเมื่อวัน จันทร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๐๕ ปีขาล บิดาชื่อ สามยอด มารดาชื่อ น้อย เป็นบุตรชายคนโตในจำนวนพี่น้อง ๓ คน
โยมพ่อและโยมแม่พื้นเพเป็นคนเชื้อสายยอง ซึ่งบรรพบุรุษ อพยพมาจาก จ.ลำพูน โยมแม่เป็นคนมีลูกยากจึงไป ขอลูกจากพระธาตุดอยตุง เมื่อกลับมาถึงบ้านคืนหนึ่งโยมแม่ฝันว่ามีม้าสีขาวมารับ แล้วพาท่องไปทั่วจักรวาล สักพักหนึ่ง จึงท้อง แล้วคลอดครูบาเหนือชัยขึ้นมา
สมัยเป็นเด็กเลี้ยงยาก ร้องไห้ตลอดเวลา จึงไปหาหมอดูประจำเผ่า ได้รับคำ แนะนำว่าให้ใช้ช้างและม้ามารับขวัญ ทำให้โยมพ่อซึ่งขณะนั้นไม่มีเงิน แต่ด้วยความเป็น พ่อจึงได้ออกกุศโลบายนำ ถ่านที่ใช้หุงต้มมาเขียนเป็นรูปช้างและม้าติดไว้ที่ฝาผนังบ้าน แล้วบอกกับ ครูบาว่า นี่เป็นช้างกับม้าที่พ่อซื้อมารับขวัญ หลังจากนั้นมาก็กลายเป็นเด็กเลี้ยงง่าย
ครูบาเหนือชัย จบชั้น ป.๗ จากโรงเรียนบ้านแม่คำ และจบชั้น ม.ศ.๕ จากโรงเรียนแม่จันวิทยา คม จากนั้น เดินทางไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ โดยเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ศึกษาถึงปีที่ ๓ ก็ต้องลาออก เพื่อกลับมาช่วยงานที่บ้านเนื่องจากบิดาป่วย
ในวัยเด็ก ครูบาเหนือชัยมีความสนใจในเรื่องพระพุทธศาสนามาก เพราะเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตอยู่ สองแห่ง คือ หากไม่อยู่ที่วัดก็จะอยู่ตามทุ่งนาเพื่อฝึกสมาธิ ชอบเข้าหาพระธุดงค์และหนาน (ทิด) โดยศึกษาธรรมกับเจ้าอาวาสวัดแม่คำ ขณะเดียวกันก็มีความสนใจและศึกษาศิลปะการป้องกันตัว ตามตำรา ?อัฏมาศ? หรือที่รู้จักกันในชื่อการต่อสู้ตามแบบ กองกำลังจตุรงคบาท ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทำให้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องกระบี่ กระบอง พลองไทย และแม่ไม้ มวยไทย
เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๕ ได้อุปสมบท ณ อุโบสถวัดล้านตอง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมี ครูบาทองสืบ วิสุทธจาโร เจ้าอาวาสวัดล้านตอง เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาธรรมโดยการออกธุดงค์อยู่ ในป่าเขาตามแนวชายแดน และปฏิบัติธรรมอยู่บริเวณถ้ำป่าอาชาทอง จึงได้ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำ ป่าอาชาทองขึ้นจนถึงปัจจุบัน
ครูบาเหนือชัย โฆสิโต วัดถ้ำอาชาทอง ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย

http://www.kongdeelanna.com/index.php?mo=3&art=585632

แนวทางการปฏิบัติของพระครูบา (ครูบาเหนือชัย)

แนวทางการปฏิบัติของพระครูบา

พระครูบาท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านสนใจศึกษาพระธรรม ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นฆราวาสโดยได้ยึดแนวทางปฏิบัติของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำและหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง

ตอนอายุ ๑๕ ท่านได้บวชเณรกับหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดศรีค้ำโดยอาศัยการภาวนาแบบ “สัมมาอะระหัง” จากนั้นก็ยึดถือปฏิบัติมาตลอด นอกจากนี้ในสมัยที่เป็นนักศึกษาท่านได้มีโอกาสอ่านหนังสือของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จากรุ่นพี่และได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อฤๅษีลิงดำที่บ้านซอยสายลม จากนั้นเป็นต้นมาเมื่อมีโอกาสท่านก็จะไปวัดปากน้ำและบ้านซอยสายลมเสมอมา

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ท่านนั่งสมาธิบนโขดหินโดยอธิษฐานว่า “จะขอนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าจะบรรลุธรรม แม้ตายก็จะไม่ลุกจากที่นี่” ท่านนั่งนิ่งอยู่ ๑๕ วัน จนผึ้งมาเกาะทำรังตามเนื้อตัว ท่านรู้สึกเจ็บจึงพยายามแยกความรู้สึกของกายออกจากจิต แม้กายจะเจ็บแต่จิตนิ่งใสสว่าง ความเจ็บก็ทุเลาลง ท่านเห็น หลวงปู่เกษม ณ สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง มาบอกว่า นี่คือการเข้านิโรธสมาบัติ แยกจิตกับกายและให้หมั่นเพียรนั่งสมาธิ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญญา อันเป็นหนทางแห่งการบรรลุธรรม อ่านเพิ่มเติม

การเดินทางไปชมพระขี่ม้าบิณฑบาต (ครูบาเหนือชัย)

การเดินทางไปชมพระขี่ม้าบิณฑบาต

๑. ใช้เส้นทางเชียงราย – แม่จัน เลยจากอำเภอแม่จัน ไป ๑ กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไปดอยแม่สลอง ถนนผ่านหน้าบ้านแม่สลอง สภาพถนนเข้าหมู่บ้านยังไม่สะดวกควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ

๒. ใช้เส้นทางเชียงราย-แม่สาย (ทางหลวงสาย a๑) ระยะทางจากอำเภอเมือง – อำเภอแม่จัน ประมาณ ๒๘ กิโลเมตร จากตัวอำเภอแม่จันประมาณ ๔ – ๕ กิโลเมตร ก็ถึงปากทางไปวัดถ้ำป่าอาชาทอง (ถนนข้างวัดแม่คำหลวง) จะมีป้ายและลูกศรบอกตลอดทาง และเข้าไปอีกประมาณ ๕ – ๗ กิโลเมตร ลักษณะถนนตอนทางขึ้นตั้งแต่สะพานก่อนถึงลานพระแก้ว ระยะทางประมาณ ๒ กิโลเมตร รถยนต์ส่วนตัวของท่านสามารถขึ้นได้และทิวทัศน์สองข้างทางก็ทำให้สดชื่น (ใช้เส้นทางนี้สะดวกกว่าค่ะ)

ไปมาเมื่อประมาณปีสองปีก่อน ช่วงขึ้นเขาก่อนถึงวัด ท่านปรับปรุงถนนทำเป็นคอนกรีตเฉพาะแนวล้อ อำนวยความสะดวกให้รถเก๋งสามารถขึ้นถึงวัดได้

ระหว่างทางมีรีสอร์ตสภาพพอพักได้ในราคาไม่แพง คืนละ ๔-๕๐๐ บาท แต่สำหรับผู้ที่รสนิยมหรูหราขึ้นมาอีกหน่อย ขอแนะนำระเบียงจันรีสอร์ต ซึ่งเมื่อวิ่งรถในเขตตัวอำเภอแม่จันเลยสามแยก(เลี้ยวซ้าย)ไปท่าตอน มาอีกเล็กน้อยก็จะเจอสี่แยกไฟแดง ที่เลี้ยวซ้ายเข้าตัวอำเภอแม่จัน เลี้ยวขวาไปบ้านหนองแว่น(มีไปรษณีย์และเสาติดตั้งจานไมโครเวฟที่มุมสี่แยก)

ให้เลี้ยวขวาไปทางหนองแว่น ไปอีกประมาณ ๑-๒ กิโล ก็จะพบป้ายที่สามแยกให้เลี้ยวขวาไประเบียงจันรีสอร์ต ไปอีกเพียงประมาณ ๕๐ เมตร จะพบระเบียงจันรีสอร์ตอยู่ซ้ายมือ

ราคาคืนละ ๑,๐๐๐ บาทรวมอาหารเช้าแสนอร่อยในบรรยากาศสวนสวรรค์อันสงบเงียบสำหรับช่วง Low ส่วนช่วง High สนนราคาที่ ๑,๕๐๐ บาทต่อคืน

ปากทางมีห้างโลตัสด้วย สามารถซื้อหาเครื่องอุปโภคบริโภคไปใส่บาตรทำบุญได้โดยสะดวกตามอัธยาศัย

http://watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=652

ประวัติพระขี่ม้าบิณฑบาต (ครูบาเหนือชัย)

ประวัติพระขี่ม้าบิณฑบาต

‘อาชาทอง’ ม้าหนุ่มร่างกำยำ ควบตะบึงพา ‘พระครูบา’ ข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่าเพื่อรับบาตรจากญาติโยมผู้มีจิตศรัทธา และเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธองค์ อาหารที่เหลือจากการบิณฑบาตถูกแจกจ่ายให้ชาวเขาผู้ยากไร้ กว่า ๑๓ ปีแล้วที่ ‘พระครูบาเหนือชัย’ พากเพียรให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน จ.เชียงราย เพื่อเปลี่ยนพวกเขาจากกลุ่มผู้ลักลอบขนยามาเป็นชาวไร่ผู้หวงแหนและร่วมพิทักษ์ผืนแผ่นดินไทย ‘พระครูบาเหนือชัยโฆสิโต’ เจ้าอาวาส ‘วัดป่าอาชาทอง’ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้เปลี่ยนฐานะจาก “นายเสายมอชัย ใจบินตา” หนุ่มวัย ๒๙ ปีที่ชอบวิชาหมัดมวยมาบวชเป็นภิกษุเพื่อศึกษาธรรมะ ท่านตัดใจจากภรรยาและลูกน้อยชาย-หญิงทั้ง ๒ คน หลังจากมีครอบครัวได้เพียง ๘ ปี ด้วยเห็นทุกข์ของชีวิตทางโลก จะบวชเพียง ๗ วัน แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลากว่า ๑๓ ปีแล้วที่ท่านมุ่งศึกษาและเผยแผ่ธรรมะแก่บรรดาชาวเขาตามแนวตะเข็บชายแดน หลังครองผ้ากาสาวพัสตร์ได้เพียง ๑ วัน ท่านก็ออกธุดงค์เพื่อแสวงหาความสงบ โดยยึดโอวาทจากพระอุปัชฌาย์ว่า ‘บวชเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง’ ท่านเดินทางมาจนถึง ‘ดอยผาม้า’ และเห็นว่าเป็นสถานที่ ๆ เหมาะสมจึงยึดเป็นที่ปฏิบัติธรรม พระครูบานั่งสมาธิ พิจารณาขันธ์ ๕ ด้วยใจมุ่งมั่นที่จะบรรลุธรรม ครั้งหนึ่งท่านนอนหลับและว่า ‘หลวงปู่สด’ วัดปากน้ำภาษีเจริญ มาสอนวิชาธรรมกาย ให้ท่านทำใจใส ๆ กำหนดองค์พระอยู่ศูนย์กลางกาย ท่านไม่มั่นใจว่าฝันนั้นเป็นจริงหรือไม่ จึงอธิษฐานจิตว่าหากหลวงปู่สดมาพบในฝันจริงขอให้มีญาติโยมนำปัจจัยมาถวาย ๑,๐๐๐ บาท พอรุ่งเช้าก็มีนักข่าวของสถานีวิทยุท้องถิ่นนำปัจจัยมาถวายตามคำอธิษฐาน และขอสมัครเป็นศิษย์ ท่านจึงให้ญาติโยมดังกล่าวพาท่านไปยังวัดปากน้ำ และนำเงิน ๑,๐๐๐ บาทที่ได้ทำบุญกับทางวัด จึงนำคำสอนของหลวงปู่สดมาใช้ในการนั่งสมาธิเรื่อยมา อ่านเพิ่มเติม

พระขี่ม้าบิณฑบาต (ครูบาเหนือชัย)

พระขี่ม้าบิณฑบาต

ที่มาของการขี่ม้าบิณฑบาต

จากเดิมที่พระครูบาเหนือชัยเดินขึ้นลงเขาเพื่อรับบาตรจากญาติโยม ได้ฉันบ้าง ไม่ได้ฉันบ้าง ด้วยหนทางที่ห่างไกลกว่าท่านจะเดินถึงวัดก็เลยเวลาฉันเพล ชาวบ้านจึงสงสารนำม้ามาถวายเพื่อให้ท่านใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง ซึ่งม้าดังกล่าวเป็นม้าที่มีลักษณะดี ร่างกายกำยำ พระครูบาจึงตั้งชื่อให้ว่า ‘ม้าอาชาทอง’ และใช้ชื่อดังกล่าวเป็นชื่อวัดด้วย จึงเป็นที่มาของ ‘วัดป่าอาชาทอง’ และพระขี่มาบิณฑบาต ซึ่งสร้างความแปลกใจจนกลายเป็นหนึ่งใน ‘Unseen Thailand’ เมื่อท่านมีม้าเป็นพาหนะจึงทำให้การบิณฑบาตและเดินทางเผยแผ่ธรรมะได้รับความสะดวกมากขึ้น แม้พระครูบาจะต้องขี่ม้าเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่า ๕ กิโลเมตรเพื่อรับบาตรจากสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา

“บางครั้งอาหารที่ได้มาตกหล่นไปกว่าครึ่ง เพราะเวลาม้าควบตะบึงไปตามทาง มันคดโค้ง ขรุขระ ของก็กระเด้งกระดอนหล่นหมด พระครูบาท่านทนร้อนทนหนาวข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่า เพื่อนำอาหารที่เหลือจากฉันไปแจกจ่าย
ให้ชาวเขาเพราะพวกนี้ยากจนมาก ท่านก็เผยแผ่ธรรมะไปด้วย ท่านก็ไม่เคยบ่นไม่เคยท้อนะ ท่านอยากให้ชาวบ้าน
มีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม” สุทธิพงศ์ ชุติมากุลทวี ผู้ประสานงานของวัดป่าอาชาทอง หนึ่งในลูกศิษย์ที่ติด
ตามรับใช้พระครูบาเหนือชัยมาตลอด เล่าถึงภารกิจของพระครูบา อ่านเพิ่มเติม

ปุจฉาวิสัชชนา ครูบาเหนือชัย… “นักบุญแห่งขุนเขา”

ปุจฉาวิสัชชนา ครูบาเหนือชัย… “นักบุญแห่งขุนเขา”

ภาพ “พระเณรขี่ม้าออกบิณฑบาต” นำโดย “ครูบาเหนือชัย โฆสิโต” นอกจากสร้างความประทับใจต่อพุทธศาสนิกชนไทยแล้ว ยังกระฉ่อนโด่งดังไปทั่วโลก เหตุที่พระ เณร และลูกศิษย์ต้องขี่ม้าบิณฑบาต เนื่องจากสำนักอยู่ห่างไกลจากชุมชน และถนนหนทางยังไม่สะดวก การใช้ม้าจึงมีความสะดวกในการเดินทางมากกว่า ๑๐ ปีของการออกธุดงค์ เผยแผ่หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าตามชายแดนไทย-พม่า โดยไม่แบ่งชาติพันธุ์ ในที่สุดท่านก็ได้รับการขนานนามว่า “นักบุญแห่งขุนเขา”

นอกจากจะมีชื่อเสียงในรูปแบบ และวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแล้ว นักบุญแห่งขุนเขา ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของเครื่องรางของขลัง ด้านอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยม เกี่ยวกับการค้าขายให้มีความเจริญก้าวหน้าร่ำรวยอีกด้วย จนเป็นที่กล่าวขวัญของบรรดาชาวบ้านและพุทธศาสนิกชน ทั้งในเมืองไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนจะดีเพียงใดนั้น ต่อไปนี้คือบทสัมภาษณ์แบบ “คม ชัด ลึก”

“คำว่า “นักบุญแห่งขุนเขา” ใครเป็นผู้ตั้งให้ครับ ?”

“นักบุญแห่งขุนเขา” ฉายานี้ได้มาจากเจ้าหน้าที่ที่ร่วมงานกันในโครงการ “มิตรมวลชนคนชายแดน” ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังเฉพาะกิจ กองพันที่ ๓ กรมทหารราบที่ ๑๗ (ฉก.ร.๑๗ พัน ๓) ตั้งให้ เพราะเห็นว่าเราเป็นพระที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่า เผยแผ่ธรรมะอยู่ในป่า”
อ่านเพิ่มเติม

ครูบาเหนือชัย โฆสิโต วัดถ้ำอาชาทอง

ครูบาเหนือชัย โฆสิโต วัดถ้ำอาชาทอง
ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย

ชาติภูมินักบุญแห่งขุนเขา

นายเสมอ ใจปินตา เป็นชื่อและสกุลเดิมของ “ครูบาเหนือชัย โฆสิโต” เจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย

เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๐๕ ปีขาล บิดาชื่อ สามยอด มารดาชื่อ น้อย เป็นบุตรชายคนโตในจำนวนพี่น้อง ๓ คน

โยมพ่อและโยมแม่พื้นเพเป็นคนเชื้อสายยอง ซึ่งบรรพบุรุษอพยพมาจาก จ.ลำพูน โยมแม่เป็นคนมีลูกยาก จึงไปขอลูกจากพระธาตุดอยตุง เมื่อกลับมาถึงบ้าน คืนหนึ่งโยมแม่ฝันว่ามีม้าสีขาวมารับ แล้วพาท่องไปทั่วจักรวาล หลังจากนั้นก็ได้ตั้งท้อง แล้วให้กำเนิดครูบาเหนือชัยขึ้นมา

สมัยเป็นเด็กเลี้ยงยาก ร้องไห้ตลอดเวลา จึงไปหาหมอดูประจำเผ่า ได้รับคำแนะนำว่าให้ใช้ช้างและม้ามารับขวัญ ทำให้โยมพ่อซึ่งขณะนั้นไม่มีเงิน แต่ด้วยความจำเป็น พ่อจึงได้ออกกุศโลบาย นำถ่านที่ใช้หุงต้มมาเขียนเป็นรูปช้างและม้าติดไว้ที่ฝาผนังบ้าน แล้วบอกกับครูบาว่า นี่เป็นช้างกับม้าที่พ่อซื้อมารับขวัญ หลังจากนั้นมาก็กลายเป็นเด็กเลี้ยงง่าย
อ่านเพิ่มเติม

ประวัติ พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร สกลนคร …

ประวัติ พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร สกลนคร …

ภูลังกา….แดนลับแล…หนองคาย

ที่มาจาก…จากหนังสือ “พญานาค…เมืองลับแล” โดยคุณนรเศรษฐ์

และขอขอบคุณที่มาของข้อมูลจาก อ. กิตตินันท์ เจนาคม kittinun.com

จากหนังสือชื่อ ชำแหละกฎแห่งกรรม เขียนโดย ร.ต.เจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่

คัดลอกจาก

http://www.trytodream.com/topic/12738

โพสท์โดย แดงคนดี เมื่อ: 15 กุมภาพันธ์ 2553, :33:48

ภูลังกาเป็นเทือกเขาห้าลูก เกาะกลุ่มกันอยู่ใกล้กับบึงโขงโหลงและภูวัว ท้องที่จังหวัดหนองคาย เดิมขึ้นอยู่กับอำเภอบ้านแพง แต่ในปัจจุบันเป็นพื้นที่ของอำเภอบึงโขงโหลง ใกล้กับอำเภอเซกา ภูลังกาเป็นตำนานอันลือเลื่อง เกี่ยวพันกับศาสนาและคติความเชื่อปรัมปรา

ภูลังกามีความลี้ลับอาถรรพ์มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนกระทั่งถึงปัจจุบัน เป็นเรื่องพูดยากอธิบายยากเพราะเป็นเรื่องของนามธรรม ที่ทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ไม่ได้ แต่ทั้งๆ ที่พิสูจน์ไม่ได้ คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่มีการศึกษาสูงๆ เป็นครู เป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และระดับศาสตราจารย์ด็อกเตอร์จากต่างประเทศจำนวนไม่น้อยก็ยอมรับว่า เรื่องความลึกลับนามธรรมเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ทางจิต ที่ต้องรับฟังไว้เพื่อศึกษาพิจารณาค้นคว้าต่อไป จะปฏิเสธเสียเลยทีเดียวไม่ได้

ภูลังกา เป็นตำนานเรื่องพระเจ้าห้าพระองค์ นโมพุทธายะ และเป็นเมืองหลวงของชาวบังบดลับแล อันมีเมืองพญานาครวมอยู่ด้วย และยังเป็นสนามรบกับกองทัพกิเลส ที่กองทัพธรรมของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ส่งศิษยานุศิษย์ที่เป็นพระธุดงค์กรรมฐานทุกรุ่นทุกสมัย มารบราฆ่าฟันกับกิเลสตัณหาที่ภูลังกา ไม่เคยเลิกรา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้

พระกรรมฐานที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพเลื่อมใสของมหาชน ที่เคยไปบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ภูลังกามา แล้วคือ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ครูบาวัง ฐิติสาโร พระอาจารย์สมชาย เขาสุกิม พระอาจารย์ชา วัดหนองป่าพง พระอาจารย์โง่น โสรโย ฯลฯ

ตามตำนานพระเจ้าห้าพระองค์นั้นกล่าวว่า กาเผือกได้ตกไข่ 5 ฟองที่ภูลังกา วันหนึ่งเกิดลมพายุใหญ่หอบเอาไข่ปลิวไปตามลม ไข่นั้นได้ตกกระจัดกระจายไปในสถานที่หลายแห่ง ต่อมาไข่นั้นได้ฟักออกมาเป็นพระพุทธเจ้ากกุสันโธ พระพุทธเจ้าโกนาคโม พระพุทธเจ้ากัสสโป พระพุทธเจ้าโคตโม และองค์ต่อไปได้แก่ พระศรีอาริยเมตรัยโย ที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตอีกประมาณ 750 ล้านปี เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในภัทรกัปนี้ ( ตัวเลข 750 ล้านปี เป็นเพียงสันนิษฐานของปราชญ์ผู้รู้ อย่าได้ยึดเอาเป็นหลักฐานทางประวัติพุทธศาสนา ) อ่านเพิ่มเติม

. . . . . . .