หลวงปู่บุดดาพยากรณ์หลวงปู่ดู่

หลวงปู่บุดดาพยากรณ์หลวงปู่ดู่

ครั้งหนึ่งเมื่อหลวงปู่บุดดาท่านไปเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงปู่ดู่
หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรีได้กล่าวกับท่านไว้ว่า

“วันนี้ผมนำมงกุฎพระพุทธเจ้ามามอบให้คุณ นิมนต์อยู่ต่อเถิด ถ้าไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร ที่คุณปรารถนานั้นน่ะ สำเร็จแน่ ต่อไปคุณจะได้เป็นพระพุทธเจ้า”

ปกติหลวงปู่บุดดาท่านมักจะพกกระป๋องแป้งติดตัวอยู่เสมอเพื่อประทานให้แก่ญาติโยมที่ไปกราบนมัสการ เมื่อหลวงปู่บุดดาและหลวงพ่อต่างกราบกันและกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหลวงปู่บุดดาท่านได้ประทานแป้งใส่มือหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ดู่ท่านรับมาแล้วนำมาทาบนศรีษะ

มีญาติโยมที่นั่งอยู่ด้วยเรียนถามหลวงปู่ดู่ว่า ทำไมจึงนำแป้งไปทาบนศรีษะ

ท่านตอบว่า

“ของพระอรหันต์ให้ แกจะให้เอาไปทาที่ไหนละจึงจะสมควร เดี๋ยวจะกลายเป็นความไม่เคารพ นอกจากบนหัวของเรา”

เมื่อตอนประมาณปี พ.ศ. 2523-2525 ผู้เขียนก็ได้ข่าวว่าหลวงปู่บุดดาท่านจะละสังขาร ขณะนั้นหลวงปู่อายุได้ 88 ปี ผู้เขียนจึงพาคณะไปกราบแล้วก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะขออารธนาให้ท่านอยู่ต่อ แต่เมื่อไปถึง พอไปกราบท่านแล้วยังไม่ทันพูดอะไร ท่านก็บอกวา “จะขออยู่ต่ออีก 12 ปี เพื่อช่วยเหลือศาสนา” ทำให้ผู้เขียนรู้สึกทึ่งในญาณอันแจ่มใสของท่าน แล้วก้เป็นจริงดังนั้น เมื่อหลวงปู่อายุครอบ 101 ปี เกินมา 1 ปี ท่านก็นิพพานไป หลวงพ่อดู่เคยบอกว่า “หลวงปู่บุดดาก็คือพระอรหันต์องค์หนึ่ง” อ่านเพิ่มเติม

หลวงปู่บุดดา ถาวโร

หลวงปู่บุดดา ถาวโร

หลวงปู่บุดดา ถาวโร มีนามเดิมว่า บุดดา นามสกุล มงคลทอง เกิดเมื่อวันเสาร์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2437 สถานที่เกิด หมู่บ้านหนองเต่า ต.พุคา อ.โคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ได้บรรพชาและอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดเนินยาว ต.โพนทอง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ในปีพ.ศ. 2465 โดยมีพระครูธรรมขันธ์สุนทร(หม่อมราชวงศ์เอี่ยม)เป็นพระอุปัชฌาย์ มรณภาพ 12 มกราคม พ.ศ. 2537 สิริรวมอายุ 101 ปี 7 วัน 73 พรรษา ตรงกับวันพุธ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 2 ปีจอ

หลวงปู่บุดดา มีโยมบิดาชื่อ นายน้อย มงคลทอง โยมมารดาชื่อ นางอึ่ง มงคลทอง มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน ในช่วงวัยเด็กท่านได้เกิดมีสัญญาความจำระลึกย้อนอดีตชาติได้ว่า บิดาของท่านในอดีตชาติเคยเป็นพี่ชายของท่าน
พอเข้าสู่วัยฉกรรจ์อายุได้ 21 ปีบริบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2458 ได้ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารสังกัดกองทัพบก ทหารบกปืน 3 ในสมัยรัชกาลที่ 6 รับราชกาลทหารอยู่ 2 ปี ในกองทัพที่ 3 ลพบุรี สมัยเมื่อเป็นพลทหารหนุ่มรูปงาม มีผู้หญิงมาชอบ เข้ามาพูดจาทำนองเกี้ยว แต่ท่านพูดกลับไปว่า “กลับไปเสียเถิด ฉันเป็นทหารตัวเมีย ไม่ชอบผู้หญิง ถ้าไปเจอทหารตัวผู้คนอื่นเข้าก็จะลำบาก”
ในปี พ.ศ. 2460 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้น ทางการได้มีการรับสมัครคัดเลือกทหารอาสาไปราชการรบในสงคราม ณ ทวีปยุโรป หลวงปู่บุดดาได้เข้าสมัครอาสาด้วยเหมือนกัน แต่ท่านกินเหล้าไม่เป็น เขาจึงไม่รับโดยได้อธิบายเหตุผลว่า ในทวีปยุโรปนั้นอากาศหนาวเย็นมาก ทหารทุกคนจำเป็นต้องดื่มเหล้าเพื่อช่วยให้คลายหนาว ดังนั้นท่านจึงไม่ได้เข้าร่วมในสงครามคราวนั้น อ่านเพิ่มเติม

อนาลโยวาทะ หลวงปู่ขาว อนาลโย

อนาลโยวาทะ หลวงปู่ขาว อนาลโย

อนาลโยวาทะ

จัดพิมพ์เป็นธรรมทาน โดย อวย-ส่งศรี เกตุสิงห์
เพื่อความสุขปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๒๘

คำนำ

พระ อาจารย์ขาว อนาลโย แห่งวัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภู
เป็นผู้ที่ได้รับความยกย่องทั่วไปว่าเป็นเอกผู้หนึ่งในกระบวนพระกรรมฐานสมัย
นี้ โดยเฉพาะเทศน์ของท่านเป็นที่จับใจของคนหมู่มากในด้านเนื้อหาสาระทางธรรม
สำนวนโวหารและความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด ข้อนี้ปรากฏจากความนิยมในหนังสือ
“อนาลโยวาท” ซึ่งผู้เขียนได้รวบรวมและได้จัดพิมพ์โดยเสด็จพระราชกุศลในงานพระราชทานเพลิง
เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ ด้วยความร่วมมือของผู้ศรัทธาร่วมกัน
หนังสือหลายหมื่นเล่มยังเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย

ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๒๘ ผู้เขียนและ ม.ร.ว. ส่งศรี เกตุสิงห์
มีความศรัทธาอยากจะเผยแพร่ธรรมะของท่านอาจารย์ขาวให้กระจายออกไปอีกในหมู่
เพื่อนพุทธศาสนิก
แต่จะพิมพ์ตามฉบับที่แจกในงานพระราชทานเพลิงศพก็ไม่มีกำลังพอ
จึงแยกเอาแต่บางตอนที่เป็นข้อสั้น ๆ ออกมาพิมพ์ได้ ๔๒
ตอนเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ที่สนใจ

ถ้าหากคณะศรัทธาคณะใดประสงค์จะพิมพ์หนังสือนี้อีกเพื่อเผยแพร่ธรรมะ
ผู้เขียนก็อนุโมทนาด้วย และเต็มใจอนุญาต
ขอเพียงแจ้งให้ทราบความประสงค์ก่อนเท่านั้น อ่านเพิ่มเติม

ควบคุมใจ หลวงปู่ขาว อนาลโย

ควบคุมใจ หลวงปู่ขาว อนาลโย

พระ พุทธเจ้าว่า เรา ตถาคต เป็นผู้แนะนำสั่งสอนทาง ทางออกจากโลก ทางไปสวรรค์ก็ดี ทางไปนิพพานก็ดี เรา ตถาคต เป็นผู้แนะนำสั่งสอนให้เท่านั้น ตนนั่นแหละ พวกอุบาสก-อุบาสิกาทั้งหลายต้องทำเอาเอง แม้พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระสาวกทั้งหลาย ก็ทำเอาเองทั้งนั้น ตนแหละทำให้ตน ตนจะออกจากโลกก็แม่นตนตั้งอกตั้งใจทำใส่ตน ตนจะติดอยู่ในโลกก็แม่นใจของตนไม่อยากไป เพราะหลงตนหลงตัว ทางปฏิบัติน่ะ เราก็ได้ยินได้ฟังมาแล้ว แล้วก็ตั้งอกตั้งใจปฏิบัติเอา

พระพุทธเจ้าแนะนำสั่งสอน หรือครูบาอาจารย์แนะนำสั่งสอน ก็ไม่หนีจากกายคตา คือปัญจกรรมฐาน นี่แหละ ต้องพิจารณา เราจะพิจารณานอกมันไป ก็เป็นนอกไปเสีย ไกลไปเสีย เพื่อให้จิตให้ใจนั่นแหละรู้จักสกนธ์กายอันนี้ รู้จักก้อนอันนี้ว่ามันเป็นอย่างหนึ่ง มันเป็นของกลาง ไม่ใช่ของใครสักคน เรานี้ได้สมบัติอย่างดี คือสกนธ์กายนี้ มีตา หู จมูก ลิ้น กายดี มีใจดี ได้สมบัติอันดีมาใช้ เราจะใช้สอยมัน เราจะเดินทางไปสวรรค์ก็ดี จะเดินทางไปนิพพานก็ดี ต้องอาศัยอันนี้ จะมีแต่ดวงจิตอย่างเดียว ก็ไม่สำเร็จอะไรหมดทั้งสิ้น

พระพุทธเจ้าได้เทศน์ไว้ว่า มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลาย จะทำดีทำกุศลดี ก็ใจนี่แหละ เป็นผู้ถึงก่อน เป็นผู้ถึงพร้อม จะทำบาปอกุศล ก็ใจนี่แหละ จะผ่องแผ้วแจ่มใสเบิกบาน ก็ใจนี่แหละ จะเศร้าหมองขุ่นมัว ก็ใจนี่แหละ ใจเศร้าหมองขุ่นมัวแล้วก็ไม่มีความสุขอยู่ในโลก จะอยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุข ครั้นใจผ่องแผ้วละก็ พระพุทธเจ้าท่านว่า มนสา เจ ปสนฺเนน บุคคลผู้มีใจผ่องแผ้วดีแล้ว แม้นจะพูดอยู่ก็มีความสุข แม้นจะทำอยู่ก็มีความสุข ตโต นํ สุขมเนฺวติ อยู่ที่ไหนๆ ก็มีความสุข มีความสุขเหมือนกะเงาเทียมตนไป ฉายาว อนุปายินี เหมือนเงาเทียมตนไป ไปสวรรค์ก็ดี มามนุษย์ก็ดี อ่านเพิ่มเติม

ปธาน (หลวงปู่ขาว อนาลโย)

ปธาน (หลวงปู่ขาว อนาลโย)

ปธาน
โดย หลวงปู่ขาว อนาลโย

วัดถ้ำกองเพล ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๑๒
ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

อันนี้เป็นวาสนาของเราแท้ๆ จะได้บรรลุขั้นใดขั้นหนึ่งหรือขั้นที่สุดก็ไม่รู้ สมบัติของเราก็มีหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง จะทำก็ได้อยู่ วาสนาบารมีเป็นกรรม เราได้สร้างมา คือมูลเก่อาอันนี้ มันเป็นยังไง คืออาศัยมูลเก่า ได้อัตภาพมาก็ได้บุญ ได้อวิชชา ได้ศีลมาในบุญด้วย ทรัพย์ภายในบริบูรณ์หมด เรื่องของเก่ามันเป็นอย่างนี้ บุญของเก่ามาถึง เหมือนกันกับพวกเศรษฐีเขาแสวงหาเงินทองของเขา ว่าจะเพิ่มทยอยขึ้นล้านหนึ่ง สองล้าน สามสิบล้าน ร้อยล้านขึ้นไป นี่มันหาเอาใหม่ ไปทำเอาใหม่ แม้นเป็นของเรา คืออัตภาพของเรานี่ อาศัยทรัพย์ของเก่า คืออัตภาพของเก่านี้บริบูรณ์แล้ว มันจะทำเอาใหม่ก็ได้อยู่ จะทำเอาใหม่ สร้างเอาใหม่ก็ได้ ให้มันเต็มรอบก็ได้

ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี เราก็ออกอยู่เป็นบางครั้งบางคราว ถึงวันอุโบสถศีลเราก็ออก เราก็เนกขัมมะออกจากเครื่องมืดมน ปัญญาบารมี เราก็สดับรับฟัง ตัวเราก็ใช้โยนิโส ค้นคว้าในเหตุในผลอยู่ วิริยบารมีเราก็อุตส่าห์ทำบุญแจกทาน ขันติ ความอดกลั้นต่อสิ่งทั้งปวงนี่ เราก็ทำหมด บารมี ๑๐ เราจะทำหมด บารมี ๑๐ ประการนี้ ที่พระพุทธเจ้ามาแจกจ่ายให้พวกเรา เราได้เป็นผู้รับแจกแล้ว แต่จะเอามาใช้ เอามาทำให้เกิดให้มี สัจจบารมี ให้มันมีความสัจจ์ความจริง เราจะทำ ก็ทำจริงๆ นั่นแหละ

ความสัจจ์ความจริง อธิษฐานความตั้งไว้ว่าจะทำ ต้องทำจริงๆ ได้มากก็ไม่ว่า ได้น้อยก็ไม่ว่า อย่าให้มันขาดสัจจะ ความจริงใจ อธิษฐานความตั้งมั่นในใจ ๓๐ นาทีก็ตาม ๔๐ นาทีก็ตาม ๕๐ ร้อยหนึ่ง ดี นั่นเป็นบางครั้งบางคราว เอาอยู่อย่างนั้น อย่าให้มันขาดความตั้งมั่นในใจไว้ สัจจะความจริงใจว่าจะทำ ก็ทำทันที พูดๆ จริง อธิษฐานความตั้งไว้ รู้หลักรู้ฐานไว้ เราก็ไม่เผลอ ต้องมีสติ ระลึกเอาไว้ เราอธิษฐานเอาไว้แล้ว ไม่ให้ขาด ๒๐ นาทีก็เอา นั่งทำความเพียรของเราไม่ให้ขาด เมตตาบารมีให้เต็ม การสงเคราะห์คนทั่วโลกมีอยู่แล้ว อุเบกขา การวางเฉยต่ออารมณ์ ชอบใจก็ตาม ไม่ชอบใจก็ตาม วางเฉยต่ออารมณ์ทั้งหลายทั้งปวง การภาวนาของเราก็เพื่อว่าจะอบรมจิตใจของเรานั่นแหละ ไม่ให้มันหลงมันข้องไปนับภพนับชาติ หลงไปตามอารมณ์อยู่ในภพชาติหรืออดีตอนาคต แล้วน้อมเอาเข้ามาในจิต ทำให้จิตเศร้าหมอง ทำให้จิตเดือดร้อน
อ่านเพิ่มเติม

พระหลวงปู่ขาว อนาลโย – พุทธสถานครองราชย์ ๖๐ ปี

พระหลวงปู่ขาว อนาลโย – พุทธสถานครองราชย์ ๖๐ ปี

พระหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานีนามเดิมท่านชื่อ ขาว โคระถา เกิดเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๑ ตรงกับวันอาทิตย์ ปีชวด ณ บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี บิดาชื่อ พั่ว มารดาชื่อ รอด โคระถา

ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๗ คน ตามลำดับดังนี้

๑. นางวัน โคระถา ๒. นายบุญจันทร์ โคระถา ๓. นางหนูแดง โคระถา ๔. หลวงปู่ขาว โคระถา ๕. นายกาเหว่า โคระถา ๖. นางหลอด โคระถา ๗. นางใหล โคระถา พี่และน้องได้ถึงแก่อนิจกรรมไปหมดแล้ว

การอาชีพเมื่อเป็นฆราวาสของหลวงปู่ท่านทำนาค้าขาย เป็นคนขยันหมั่นเพียรมาก มีนิสัยซื่อสัตย์ สุจริต โอบอ้อมอารีกับญาติมิตรเพื่อนฝูงและผู้เกี่ยวข้องดีมาก ใครๆ ก็รักและชอบคบค้าสมาคม มีเพื่อนฝูงมาก แต่เป็นเพื่อนที่ดี มิใช่แบบมีเพื่อนฝูงมาก เหล้ายาปลาปิ้งมาก ลากกันลงนรกทั้งเป็นและล่มจมไปเป็นแถวๆ ดังที่รู้ๆ เห็นๆ กันอยู่ในสมัยจรวดรวดเร็วทันใจ คนสมัยนั้นมักมีแต่คนดี การคบกันจึงเป็นสง่าราศีแก่วงศ์สกุลมากกว่าจะพาให้เสียหายล่มจม

เมื่ออายุ ๒๐ ปี บิดามารดาก็จัดให้มีครอบครัว ภรรยาชื่อ นางมี มีบุตรธิดาด้วยกัน ๗ คน คนหัวปีเป็นชายชื่อ คำมี ได้ออกบวชตามพ่อคือหลวงปู่ เวลาท่านออกบวชแล้ว จนสิ้นอายุในเพศนักบวชเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ นี่เองที่วัดถ้ำกลองเพล เมื่อบวชแล้วก็ติดสอยห้อยตามหลวงปู่ และมาอยู่ที่วัดถ้ำกลองเพลด้วยจนถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต คนที่สองชื่อ นายลี โคระถา เป็นผู้มีศรัทธา อุตส่าห์ติดตามมาปฏิบัติและถวายอาหารบิณฑบาตหลวงปู่เป็นประจำ ลูกที่มีนิสัยทางศาสนาอย่างเด่นชัดมีอยู่ ๒ คน นอกนั้นก็ธรรมดาเหมือนโลกทั่วๆ ไป แต่จะไม่ออกนามลูกๆ ท่าน อ่านเพิ่มเติม

ประวัติและปฏิปทาของ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

ประวัติและปฏิปทาของ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

หลวงปู่ขาว อนาลโย นามเดิมชื่อ ขาว โคระถา เกิดวันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2431 ปีชวด ที่บ้านบ่อชะเนง ตำบลหนองแก้ว อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันขึ้นกับตำบลหนองแก้ว อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ) บิดาชื่อ พั่ว โคระถา มารดาชื่อ รอด โคระถา มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 7 คน ท่านเป็นคนที่ 4 ทำอาชีพหลักของครอบครัว คือ ทำนาและค้าขาย ต่อมาท่านได้สมรสกับนางมี โคระถา เมื่อ พ.ศ. 2452 ขณะอายุได้ 20 ปี มีบุตรด้วยกัน 3 คน ใช้ชีวิตคู่ได้ 11 ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา นอกจากหลวงปู่ขาวแล้วยังมีผลผลิตทางธรรมจากบ้านบ่อชะเนงและเป็นญาติกับหลวง ปู่ขาว อีก ๒ รูป คือ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) เจ้าอาวาสวัดวัดสัมพันธวงศาราม พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร กรุงเทพมหานคร และพระราชปรีชาญาณมุนี (หลอม มหาวิริโย ป.ธ.๗) เจ้าอาวาสวัดบ่อชะเนง และเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ (รูปปัจจุบัน)

อุปสมบท

ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2462 ที่วัดโพธิ์ศรี (ปัจจุบันคือวัดบ่อชะเนง) บ้านบ่อชะเนง ตำบลหนองแก้ว อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ สังกัดคณะมหานิกาย มีท่านพระครูพุฒิศักดิ์ฯ เจ้าคณะอำเภออำนาจเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอาจารย์บุญจันทร์ฯ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และจำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรี 6 พรรษา

ต่อมาหลวงปู่ขาวเกิดความศรัทธาในปฏิปทาของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต จึงได้ญัตติกรรมเป็นพระธรรมยุติกนิกายเมื่อ พ.ศ. 2468 ขณะมีอายุได้ 37 ปี ณ พัทธสีมาวัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี มีพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นประธานพิธี พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) ครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระชิโนวาทธำรง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญ ปญฺญาวุฑโฒ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ อ่านเพิ่มเติม

วิหารหลวงปู่ขาว อนาลโย

วิหารหลวงปู่ขาว อนาลโย
ตั้งอยู่ที่วัดบ่อชะเนง อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ

วิหารหลวงปู่ขาว อนาลโย ตั้งอยู่ที่วัดบ่อชะเนง อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ หลวงปู่ขาว อนาลโย ได้ศึกษาอบรมปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ตลอดชีวิตในเพศบรรพชิต ท่านได้อุทิศชีวิตไปในการศึกษาและปฏิบัตธรรมอย่างมุ่งมั่น เดินธุดงค์จำพรรษาตามป่าเขา เผชิญกับอุปสรรคมากมายอย่างไม่สะทกสะท้าน จนภูมิธรรมเต็มจิตใจหมดความสงสัยในธรรมอย่างสิ้นเชิง ชาวบ้านในเขตอำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ ได้ร่วมกันก่อสร้างวิหารและรูปเหมือนของหลวงปู่ เพื่อเป็นอุเทสิกเจดีย์ แห่งความดีงามให้ชนรุ่นหลังได้กราบไหว้และศึกษาถึงวัตรปฏิบัติที่งดงาม
ความเชื่อและความศรัทธา : เชื่อกันว่าใครที่ได้มากราบไหว้รูปเหมือน หลวงปู่ขาว อนาลโย จะทำให้สิ้นทุกข์ สิ้นภัย จิตใจผ่องใส สติปัญญาเฉียบแหลม

ลิงก์ http://www.amnat.info/board/index.php/topic,22.msg24.html#msg24

http://www.amnat.info/board/index.php?topic=22.0

ประวัติการสร้างเหรียญ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล

ประวัติการสร้างเหรียญ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล

รุ่นแรก
สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นลักษณะรูปไข่หน้าตรงครึ่งตัว ด้านหน้าจารึกชื่อ
“หลวงปู่ขาววัดถ้ำกลองเพลอุดรธานี” ด้านหลังลงอักขระยันต์บอก พ.ศ. ๒๕๐๙ ไว้ด้วยรุ่นนี้ร้านไทยสามัคคี อุดรธานี ผู้ซึ่งเป็นหลานชายของท่านสร้างถวาย จำนวน ๔,๐๐๐ เหรียญ

รุ่นสอง สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ เนื่องในงานสมโภชเจดีย์วัดถ้ำกลองเพล ครูชาลี ตุละวรรณ สร้างถวายจำนวน ๑๕,๐๐๐ เหรียญ ลักษณะเป็นเหรียญกลมเท่าเหรียญเงินบาท รูปเอียงครึ่งตัว
มีรูปเจดีย์อยู่ด้านหลัง และในปีเดียวกันนั้นเองคุณกิมก่าย เอียสกุล คฤหบดีหนองคาย ก็ได้สร้างเหรียญหลวงปู่ขึ้นอีกชุดหนึ่งถวายท่านเนื่องในงานฉลองอายุครบ ๘๑ ปี เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๑๑
ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน ลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่หน้าตรงครึ่งตัว เหรียญที่ส้รางในปี ๒๕๑๑ ปลายปีนี้ถือว่าเป็นรุ่นสองด้วยกัน เพราะสร้างในระยะไล่เลี่ยกัน อ่านเพิ่มเติม

หลวงปู่ขาว อนาลโย

หลวงปู่ขาว อนาลโย

สติ

สตินี่ ทำให้มันมีกำลังดีแล้วจิตมันจึงจะล่วง เพราะสติคุ้มครองจิต ตัวสติก็คือจิตนั่นแหละ แต่ว่าลุ่มลึกกว่า

สตินั่นอบรมจิต ครั้นอบรมจนขั้นจิตรู้เท่าตามความเป็นจริงแล้ว มันจึงหายความหลง พบความสว่าง ความหลงนั้นก็คือไม่มีสติ ครั้งมีสติคุ้มครองหัดไปจนแน่วแน่แล้ว ให้มันแม่นยำ ให้มันสำเหนียกแล้ว มันจะรู้แจ้งทุกสิ่งทุกอย่าง

สติแก่กล้าจิตย่อมทนไม่ได้ เมื่อทนไม่ได้ก็สงบลง ครั้งสงบลงแล้วมันก็รู้ เดี๋ยวนี้มันไม่มีปัญญา มันก็ส่ายไปมาเพราะมันไปหลายทาง จิตไปหลายทางเพราะเป็นอาการของมัน

เมื่อผู้วางภาระ คือว่าง ไม่ยึดถือว่าขันธ์ห้านี้เป็นตัวเป็นตนแล้ว ไม่ยึดถือแล้วปลงเป็นผู้วางภาระก็มีความสุข จะยืน เดิน นั่ง ก็มีความสุข ไม่ยึดถือเพราะรู้ตามความเป็นจริงของมันแล้ว ไม่ถือเอา ไม่ยึดเอา ได้ชื่อว่าเป็นผู้ขุดตัณหาขึ้นได้ทั้งราก เป็นผู้เที่ยงแล้ว เที่ยงว่าจะเขาสู่ความสุข ตามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้เที่ยงแล้ว เมื่อจิตมันรวมมันก็รู้ตามความเป็นจริง มันจะวางขันธ์นี้ เมื่อมันรวมนั้นแหละ ถ้าจิตรวมแล้วมันก็วาง วางแล้วก็มีแต่ว่าง ๆ แล้วค้นหาตัวก็ไม่มี เมื่อค้นหาตัวไม่มีแล้ว ก็อันนั้นแหละ จิตพอสงบลงแล้วปัญญาก็เกิดขึ้นเองน่ะแหละ ถึงตอนนั้น แม้จิตมันฟุ้งขึ้นมาแล้วมันก็ไป มันไม่มีอันใด แม้แสงสว่างหมดทั้งโลกก็ตาม มันไม่ไปยึด

(คัดมาจาก หนังสือรวมคำสอนจากพระป่า)
(จากหนังสือรวมคำสอนพระสุปฏิปันโน เล่ม 1)

http://kaskaew.com/index.asp?contentID=10000004&title=%CB%C5%C7%A7%BB%D9%E8%A2%D2%C7++%CD%B9%D2%C5%E2%C2&getarticle=21&keyword=&catid=2

กรรมกับจิต โดยหลวงปู่ขาว อนาลโย

กรรมกับจิต โดยหลวงปู่ขาว อนาลโย

อย่าให้มีความประมาท จงพากันสร้างคุณงามความดี มีการให้ทาน มีการรักษาศีลของฆราวาส พวกฆราวาสก็ดี ให้ถือศีลห้า ศีลแปด วันเจ็ดค่ำ แปดค่ำ สิบสี่ค่ำ สิบห้าค่ำ เดือนหนึ่งมีสี่หน อย่าให้ขาด ให้มีความตั้งใจ เรื่องเข้าวัดฟังธรรม รักษาศีล ภาวนา อันนี้เป็นทรัพย์ภายในของเรา การรักษาศีลเป็นสมบัติภายในของเรา ควรใช้ปัญญาพิจารณาค้นคว้าร่างกาย ให้มันเห็นว่า ความจริงของมันตกอยู่ในไตรลักษณ์ ตกอยู่ในทุกขัง ตกอยู่ในอนิจจัง ตกอยู่ในอนัตตา มีความเกิดอยู่ในเบื้องต้น มีความแปรไปในท่ามกลาง มีความแตกสลายไปในที่สุด อย่างนี้แหละ อย่าให้เรานอนใจ ให้สร้างแต่คุณงามความดี อย่าไปสร้างบาปอกุศล อย่าไปก่อกรรมก่อเวรใส่ตน ผู้อื่นไม่ได้สร้างให้เรา

คุณงามความดีเราสร้างของเราเอง ตนสร้างใส่ตนเอง ผู้อื่นบ่ได้ทำดอก เมื่อเราเป็นบาป ก็เราเป็นผู้สร้างบาปใส่เราเอง ความดีก็แม่น เราใส่เราเอง จึงได้เรียกกุศลกรรม อกุศลกรรม สัตว์ทั้งหลายจะ หรือจะร้ายก็ดี จะเป็นคนมั่งคั่งสมบูรณ์ หรือยากจนค่นแค้นก็ดี เป็นเพราะกรรมดอก พระพุทธเจ้าว่านั่นแหละ สัตว์ทั้งหลายเป็นแต่กรรม สัตว์มีกรรมของตน เป็นเพราะกรรมดอก กรรมเป็นผู้จำแนกแจกสัตว์ให้ได้ดีได้ชั่วต่างๆ กัน ครั้นเป็นผู้ทำกรรมดี มันก็ได้ความสุข ไปชาติหน้าชาติใหม่ก็จะได้ความสุข ผู้ทำความชั่ว มันก็มีความทุกข์ มีอบายเป็นที่ไป มีนรกเป็นที่ไป อ่านเพิ่มเติม

คำสอนของหลวงปู่ขาว อนาลโย

คำสอนของหลวงปู่ขาว อนาลโย

ทำไมเกิดมาไม่เหมือนกันล่ะ ไม่เหมือนกันคือความประพฤติ

ผู้นี้เขาประพฤติดี เขามีการรักษาศีล มีการให้ทาน มีการสดับรับฟัง เขาจึงมีปัญญาดี

มีการศึกษาเล่าเรียนดี อยู่ไหนก็มีแต่กรรมดี

สติเป็นแก่นของธรรม แก่นของธรรมแท้อยู่ที่สติให้พากันหัดทําให้ดี

ครั้นมีสติแก่กล้าดีแล้วทําก็ไม่พลาดคิดก็ไม่พลาด กุศลธรรมทั้งหลายจะเกิดขึ้น

“….เมื่อบุคคลอยู่กับสติแล้ว

สติเป็นใหญ่สติมีกําลังดีแล้ว

จิตมันจึงรวมเพราะสติคุ้มครองจิต…”

ขึ้นชื่อว่า…กิเลส…แล้ว มันจะไม่ไว้หน้าใคร มันทำลายทั้งสิ้น

แก่นแท้ของธรรมอยู่ที่…สติ

เราเองเป็นผู้ทำจิตของตนให้เศร้าหมอง

ผู้อื่นช่วยไม่ได้ แม้พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ทำเอง…รู้เอง…ได้เอง

ที่มา :http://www.thaijustice.com/webboard.asp?sub=0&id=1418375

http://www.jetovimut.com/forum/index.php/topic,1220.0.html?PHPSESSID=465e739ea8b3c6650e3a13e6c67dc59f

กุศล-อกุศล โดย หลวงปู่ขาว อนาลโย

กุศล-อกุศล โดย หลวงปู่ขาว อนาลโย

กุศล-อกุศล
โดย หลวงปู่ขาว อนาลโย

วัดถ้ำกองเพล
ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

ธรรมทั้งหลายก็อยู่ที่นี่แหละ อยู่ที่สกนธ์กายของเรา ไม่ต้องไปหาเอาที่อื่นดอก มีครบบริบูรณ์หมด สติปัฏฐานทั้ง ๔ ก็มีก็แม่น เราควรทำเอา ท่านให้พิจารณากาย พิจารณาเวทนา พิจารณาจิต ให้พิจารณาธรรม ๔ อย่าง แล้วพิจารณาอันใดอันหนึ่งเท่านั้นแหละ ไม่เอาหมดทุกอย่างดอก สัมมัปปธาน ๔ ก็มี เพียรละบาป ให้เพียรบำเพ็ญบุญ สัมมัปปธาน ๔ มีว่า ปหานปธาน ประหารบาป ละบาป บาปปรากฏขึ้นที่จิตนี่แหละ ไม่เกิดขึ้นจากที่อื่น เพราะจิตไปรวบรวมเอาอารมณ์ภายนอก

อารมณ์ภายนอกก็หมายเอา ๕ อย่าง รูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัส มันไปรวบรวมเอามาปรุงมาคิด พิจารณากาย มันก็ไปถูกเวทนาน่ะแหละ ครั้นจะพิจารณาเอาจิต มันก็ไปถูกธรรม จิตมันเกิดขึ้นกับใจ เรียกว่าธรรมารมณ์ สี่อย่างนี้ ธรรมารมณ์ก็ไม่ใช่อื่น คืออดีตที่ล่วงมาแล้วไปนึกเอามา ดีชั่วอย่างไรก็นึกเอามา อารมณ์ที่ชอบใจก็นึกเอามา มาหมักหมมที่ใจนี้ อนาคตยังไม่มาถึงก็เหนี่ยวเอามา เอามาเต็มอยู่ในปัจจุบันนี้ เรียกว่าธรรมารมณ์ นี่เรียกว่า สติปัฏฐาน ๔

สัมมัปปธาน ๔ ปหานปธาน เพียรละบาป ไม่ให้มันเกิด ที่เกิดขึ้นแล้วจะประหาร เพียรทำกุศลให้เกิดให้มี เรียกว่า ภาวนาปธาน อนุรักขนาปธาน เมื่อบุญกุศลเกิดขึ้นแล้ว รักษาไว้ไม่ให้เสื่อมสูญไป ภาวนาปธาน ทำให้เกิดให้มีมากๆ อเสวิตาย ให้เสพมากๆ เสพเพื่อตั้งอกตั้งใจ มีสติประจำใจ ตั้งอกตั้งใจไม่ปล่อยใจให้มันลอยไปตามอารมณ์ คุมจิตใจให้มันอยู่กับที่ เอาสติควยคุมแล้ว เราบำรุงกำลังหรือพละของจิต ศรัทธาพละ วิริยพละ สติพละ ก็มีอยู่นั้นแล้ว แม่นเราจะทำเอง อ่านเพิ่มเติม

ความเพียรและการบรรลุธรรม : หลวงปู่ขาว อนาลโย

ความเพียรและการบรรลุธรรม : หลวงปู่ขาว อนาลโย

โอวาทธรรมของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตฺโต
แสดงเพื่ออบรมพระอาจารย์ขาว อนาลโย
เมื่อสมัยจำพรรษาร่วมกัน
คัดลอกเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ อนาลโยคุโณ หน้า ๑๓๑-๑๓๔

สมัยพุทธกาลทำไมจึงบรรลุธรรมได้ง่าย

ความสงสัยที่หลวงปู่ขาวเรียนถามหลวงปู่มั่นนั้นมีว่า

“ในครั้งพุทธกาล ตามประวัติว่ามีผู้สำเร็จมรรคผลนิพพานมาก
และรวดเร็สกว่าสมัยนี้ซึ่งไม่ค่อยมีผู้ใดสำเร็จกัน
แม้ไม่มากเหมือนครั้งโน้น หากมีการสำเร็จได้ก็รู้สึกว่าจะช้ากว่ากันมาก”

หลวงปู่มั่นย้อนถามทันทีว่า

“ท่านทราบได้อย่างไร สมัยนี้ไม่ค่อยมีผู้สำเร็จมรรคผลนั้น
แม้สำเร็จได้ก็ช้ากว่ากันมาก ดังนี้”

หลวงปู่ขาวตอบว่า

“ก็ไม่ค่อยได้ยินว่าใครสำเร็จเหมือนครั้งโน้น
ซึ่งเขียนไว้ในตำราว่าสำเร็จกันครั้งละมากๆ
แต่ละครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรด
ตลอดการบำเพ็ญในสถานที่ต่างๆ
ก็ทราบว่าท่านสำเร็จรวดเร็วและง่ายดายจริงๆ
น่าเพลินใจด้วยผลที่ท่านได้รับ
แต่สมัยทุกวันนี้ ทำแทบล้มแทบตาย
ก็ไม่ค่อยปรากฏผลเท่าที่ควรแก่เหตุบ้างเลย
อันเป็นสาเหตุให้ผู้บำเพ็ญท้อใจและอ่อนแอต่อความเพียร” อ่านเพิ่มเติม

กว่าจะถึงฝั่งธรรม หลวงปู่ขาว อนาลโย : เมตตาจิตพิชิตกิเลส

กว่าจะถึงฝั่งธรรม หลวงปู่ขาว อนาลโย : เมตตาจิตพิชิตกิเลส

เทียบธุลี

พระพุทธองค์ได้ตรัสถึงอานิสงส์ของ “การเจริญเมตตา” ไว้หลายประการ
เช่น หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ทั่วไป จิตเป็นสมาธิได้เร็ว เป็นต้น
(ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=24&i=222)
เรื่องราวหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ของการเจริญเมตตา
ได้ปรากฏในประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ขาว อนาลโย
พระกรรมฐานผู้เป็นที่เคารพบูชายิ่งของปวงพุทธศาสนิกชน
บันทึกไว้ใน “จันทสาโรบูชา” เรียบเรียงโดยคุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต

หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ท่านปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ณ จังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งหลวงปู่ขาวเคยเล่าว่าเดิมทีนั้นตัวท่านเป็นคนโทสจริต มีอะไรนิดหน่อยก็โกรธ
ในครั้งนั้นท่านนั่งสมาธิภาวนาแต่ว่าจิตไม่สงบดังปรารถนา

“…ขณะที่นั่งภาวนาอยู่ข้างล่าง ท่านก็ไม่สบายใจ นึกบ่นว่าทำอย่างไรๆ ทำไมจิตมันจึงแข็งอยู่อย่างนั้น
ทำสมาธิก็ไม่ลง ทำอย่างไรๆ ก็ไม่ลง ทำอย่างไรๆ มันก็ไม่สงบ ท่านรำคาญเต็มที
จึงโกรธว่าตัวเองขึ้นมาว่า “นี่มันผีนรกวิ่งขึ้นมาจากอเวจีนี่นา จิตมันถึงได้แข็งกระด้างอย่างนี้
ไฟเผามันอย่างนี้ น่าจะกลับให้มันลงไปอเวจีอีก อย่าให้มันขึ้นมา ให้อเวจีมันเผา”…” อ่านเพิ่มเติม

อยู่ที่ใจ (หลวงปู่ขาว อนาลโย)

อยู่ที่ใจ (หลวงปู่ขาว อนาลโย)

อยู่ที่ใจ

หลวงปู่ขาว อนาลโย

คัดลอกจากหนังสือ อนาลโยวาท
พระธรรมเทศนาของพระอาจารย์ขาว อนาลโย และ ประวัติความอาพาธ
คณะศิษยานุศิษย์จัดพิมพ์ถวายโดยเสด็จพระราชกุศล
ในการพระราชทานเพลิงศพ
วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗
ณ วัดถ้ำกลองเพล ตำบลโนนทัน อำเภอหนองบัวลำพู อุดรธานี

ผู้เห็นเวทนา ผู้เห็นสัญญา ผู้เห็นสังขาร วิญญาณ เป็นผู้เห็นนามรูป นามรูป เป็นปัจจัยให้เกิดอายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย อายตนะ เป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ

เห็นรูปมากระทบตา เกิดวิญญาณขึ้นที่นี่ เสียงมากระทบหู เกิดวิญญาณที่นี่ขึ้นอีก รูปดีก็เกิดความยินดี ชอบใจ เป็นเวทนา อยากได้ รูปไม่ดี เกลียดชัง เกิดทุกขเวทนา ไม่อยากได้ ก็เป็นทุกขเวทนาขึ้น

ตัณหาเกิดขึ้นมันก็เป็นปัจจัยให้ต่อกัน ตัณหาเป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน ยึดมั่นถือมั่น ว่าขันธ์ของตน ว่าตัวของกู กูไปอยู่ที่โน่น กูไปอยู่ที่นี่ กูเป็นพระ กูเป็นเณร อุปาทาน เมื่อมีอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น ก็เป็นเหตุให้อยากเท่านั้นแหละ เป็นเหตุให้เกิดภพ คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ

เกิดภพแล้ว เป็นเหตุให้เกิดชาติ เกิดชาติ ก็เป็นเหตุให้เกิด ชรา มรเณนะ เกิด โศกะ ปริเทวะ ทุกขโทมนัส อุปายาส ความคับแค้น อัดอั้นตันใจ อยู่ในสังสารจักร์ นี่แล

ดับความโง่อันเดียวเท่านั้นแหละ ผลไม่มี ดับเหตุแล้ว ผลก็ดับไปตามกัน ผลคือได้รับความทุกข์ ความสุขไม่มี คือดับอวิชชา ความโง่ นั่นแหละตัวเหตุ ตัวปัจจัย มันเองมันเป็นต้นเหตุ เป็นปัจจัย
อ่านเพิ่มเติม

เหรียญกลมหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกองเพล ปี 2511

เหรียญกลมหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกองเพล ปี 2511

เหรียญกลมหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกองเพล ปี 2511 พิธีหายอาพาธ พ่อแม่ครูอาจารย์ร่วมพิธีมากมาย เหรียญนี้เป็นบล็อกนิยม สระอี ซ้อน อีกหนึ่งในเหรียญดีพิธีไม่ธรรมดา ของหลวงปู่ขาว อริยะเจ้าแห่งวัดถ้ำกองเพล ครับ เหรียญรุ่น 2 หลังเจดีย์ หลวงปู่ขาว อนาลโย ปี 11 พิมพ์นิยม ( สระอี ซ้อน ) เป็นเหรียญท่หายากและมีประสบการณ์ เล่าขานกันไม่จบ รุ่นนี้ครูบาอาจารย์ท่านมางานหายอาพาธของหลวงปู่ขาว ได้เมตตาอธิฐานจิต พระ เครื่องมากประสบการณ์ ของหลวงปู่ขาว อนาลโย ปัจจุบันพระเครื่องของ สายกัมมัฏฐานเริ่มหายากและมีราคาแพงขึ้น เริ่มต้นจาก… ของหลวงปู่ ฝั้น… ตามมาด้วย หลวงปู่แหวน… และหลวงพ่อชา… หลวงปู่เทสก์… ฯลฯ หลวง ปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล ก็แพงแบบเงียบๆ ไม่แพ้ท่านอื่นๆ เช่นเดียวกัน… ในบรรดาพระเครื่องของหลวงปู่ขาวที่มีประสบการณ์มากๆ ก็คือ เหรียญรุ่นสอง… มูลเหตุในการสร้างเหรียญรุ่น ๒ สืบเนื่องมาจากการหายป่วยหนักของหลวงปู่ขาว ชนิดที่ว่าไม่น่ารอด ลูกศิษย์ลูกหารวมทั้งครูบาอาจารย์ทุกรูปที่ร่วมสมัยท่าน เช่น หลวงปู่ ฝั้น หลวงปู่บัว หลวงปู่ชอบ หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่หลุย หลวงตามหาบัว… และ อีกหลายท่าน ได้พากันมาชุมนุมจัดงานพิธีสมโภชกรณีหายป่วยของท่าน… พร้อม จัดสร้างพระเครื่องเป็นที่ระลึก.. ดังนี้… อ่านเพิ่มเติม

ประวัติ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล

ประวัติ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล

หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล

” ทําไมเกิดมาไม่เหมือนกันล่ะ ไม่เหมือนกันคือความประพฤติ ผู้นี้เขาประพฤติดี เขามีการรักษาศีล มีการให้ทาน มีการสดับรับฟัง เขาจึงมีปัญญาดี มีการศึกษาเล่าเรียนดี อยู่ไหนก็มีแต่กรรมดี” สาระธรรมจาก “หลวงปู่ขาว อนาลโย” พระอาจารย์ขาว วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู พระอาจารย์สายพระป่ากัมมัฏฐานชื่อดัง

ประวัติหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล
อัตโนประวัติ หลวงปู่ขาว มีนามเดิมว่า ขาว โคระถา เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม 2431 ที่บ้านชะเนง ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.อำนาจ เจริญ โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายพั่วและนางรอด โคระถา ครอบครัวทำนาและค้าขาย

เมื่ออายุได้ 20 ปี บิดามารดาได้จัดให้มีครอบครัว ภรรยาของท่านชื่อ นางมี และมีบุตรด้วยกัน 3 คน ซึ่งต่อมาได้แยกทางกัน ท่านเป็นผู้มีนิสัยเด็ดเดี่ยวเอาจริงเอาจังมาก ประกอบกับความมีศรัทธาต่อหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา พ.ศ.2462 เมื่อท่านอายุได้ 31 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ โดยมีพระครูพุฒิศักดิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอาจารย์บุญจันทร์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ อ่านเพิ่มเติม

หลวงปู่ขาว อนาลโย

หลวงปู่ขาว อนาลโย

พระเดชพระคุณหลวงปู่ขาว อนาลโย เป็นพระอริยเจ้าที่ได้ชื่อว่า “เป็นเพชรน้ำหนึ่งแห่งวงศ์กรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต” ท่านมี หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร เป็นสหธรรมิกที่เกื้อกูลกันในทางธรรม
ท่านเป็นผู้มีใจเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่นในเป้าหมาย มีเมตตาธรรมเป็นเลิศ สง่างาม ประดุจช้างสาร ท่านมีอดีตชาติเกี่ยวพันกับสัตว์ป่า มีช้างเป็นต้น ไม่ว่าท่านจะไปเที่ยวที่ป่าเขาลึกเพียงไหน ช้างหัวหน้าฝูงมักจะเข้ามาหาคารวะท่าน ท่านรู้ภาษาสัตว์ และสัตว์เหล่านั้นก็รู้ภาษาของท่านเป็นอย่างดี

มูลเหตุที่ท่านออกบวชนั้น เกิดจากภรรยาของท่านมีชู้ เมื่อท่านได้พบภาพที่เป็นจริงคาหนังคาเขาตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน ท่านจึงเงื้อดาบสุดแรงเกิดหมายจะฆ่าฟันทั้งชายชู้และภรรยาชั่วไห้ตาย แต่เผอิญชายชู้เห็นก่อนและได้ร้องขอชีวิต ด้วยสาวกบารมีญาณมากระตุ้นเตือน ทำให้ท่านเกิดจิตเมตตา จึงได้เรียกชาวบ้านมาดูเหตุการณ์ พร้อมทั้งประชุมญาติและผู้ใหญ่บ้าน ชายชู้ยอมรับผิด จึงได้ปรับสินไหมด้วยเงินพร้อมกับประกาศยกภรรยาให้ชายชู้อย่างเปิดเผย หลังจากนั้นท่านสลดสังเวชใจเป็นกำลัง ใจหมุนไปในทางบวชเพื่อหนีโลกอันแสนโสมม
ท่านสามารถระลึกชาติย้อนหลังได้หลายชาติ ครั้งพุทธกาลท่านเคยเกิดเป็นพระภิกษุ ๑ ใน ๕๐๐ รูปติดตามพระเทวทัตผู้เป็นมัจฉาทิฏฐิ แต่หลังจากได้ฟังธรรมจากพระสารีบุตร จึงหันหลับเข้ามาสู่สัมมาทิฏฐิ สถานที่ต่างๆ ที่ท่านอยู่จำพรรษามักจะเป็นสถานที่เคยเกิดเป็นคนหรือสัตว์ต่างๆ ในอดีตชาติ อ่านเพิ่มเติม

ความเพียรและการบรรลุธรรม : หลวงปู่ขาว อนาลโย

ความเพียรและการบรรลุธรรม : หลวงปู่ขาว อนาลโย

โอวาทธรรมของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตฺโต
แสดงเพื่ออบรมพระอาจารย์ขาว อนาลโย
เมื่อสมัยจำพรรษาร่วมกัน

คัดลอกเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ อนาลโยคุโณ หน้า ๑๓๑-๑๓๔

: สมัยพุทธกาลทำไมจึงบรรลุธรรมได้ง่าย

ความสงสัยที่หลวงปู่ขาวเรียนถามหลวงปู่มั่นนั้นมีว่า

“ในครั้งพุทธกาล ตามประวัติว่ามีผู้สำเร็จมรรคผลนิพพานมาก
และรวดเร็สกว่าสมัยนี้ซึ่งไม่ค่อยมีผู้ใดสำเร็จกัน
แม้ไม่มากเหมือนครั้งโน้น หากมีการสำเร็จได้ก็รู้สึกว่าจะช้ากว่ากันมาก”

หลวงปู่มั่นย้อนถามทันทีว่า

“ท่านทราบได้อย่างไร สมัยนี้ไม่ค่อยมีผู้สำเร็จมรรคผลนั้น
แม้สำเร็จได้ก็ช้ากว่ากันมาก ดังนี้”
อ่านเพิ่มเติม

. . . . . . .