ฐิตธัมโมวิธีปฏิบัติกรรมฐานเบื้องต้น โดยหลวงพ่อจรัญ

ฐิตธัมโมวิธีปฏิบัติกรรมฐานเบื้องต้น โดยหลวงพ่อจรัญ

การเดินจงกรม
ก่อนเดินให้ยกมือไขว้หลัง มือขวาจับข้อมือซ้าย วางไว้ตรงกระเบนเหน็บ ยืนตัวตรง เงยหน้า หลับตา ให้สติจับอยู่ที่ปลายผม กำหนดว่า “ยืนหนอ” ช้า ๆ ๕ ครั้ง เริ่มจากศีรษะลงมาปลายเท้า และจากปลายเท้าขึ้นไปบนศีรษะ กลับขึ้นกลับลงจนครบ ๕ ครั้ง
แต่ละครั้งแบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรก คำว่า “ยืน” จิตวาดมโนภาพร่างกาย จากศีรษะลงมาหยุดที่สะดือ คำว่า “หนอ” จากสะดือลงไปปลายเท้า กำหนดคำว่า “ยืน” จากปลายเท้ามาหยุดที่สะดือ คำว่า “หนอ” จากสะดือขึ้นไปปลายผม กำหนดกลับไปกลับมา จนครบ ๕ ครั้ง ขณะนั้นให้สติอยู่ที่ร่างกาย อย่าให้ออกไปนอกกาย
เสร็จแล้ว ลืมตาขึ้น ก้มหน้าทอดสายตาไปข้างหน้าประมาณ ๑ ศอก สติจับอยู่ที่เท้า การเดิน กำหนดว่า “ขวา…” “ย่าง…” “หนอ…” กำหนดในใจ คำว่า “ขวา” ต้องยกส้นเท้าขวาขึ้นจากพื้นประมาณ ๒ นิ้ว เท้ากับใจนึกต้องให้พร้อมกัน “ย่าง” ต้องก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าช้าที่สุดเท้า ยังไม่เหยียบพื้น คำว่า “หนอ” เท้าลงถึงพื้นพร้อมกัน เวลายกเท้าซ้ายก็เหมือนกัน กำหนดว่า “ซ้าย…” “ย่าง…” “หนอ…” คงปฏิบัติ เช่นเดียวกันกับ “ขวา…” “ย่าง…” “หนอ…” อ่านเพิ่มเติม

วิปัสสนากรรมฐานคืออะไร โดยหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

วิปัสสนากรรมฐานคืออะไร
โดยหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

วิปัสสนากรรมฐาน เป็นเรื่องของการศึกษาชีวิต เพื่อจะปลดเปลื้องความทุกข์นานาประการ ออกเสียจากชีวิต เป็นเรื่องของการค้นหาความจริงว่า ชีวิตมันคืออะไรกันแน่ ปกติเราปล่อยให้ชีวิต ดำเนินไปตามความเคยชินของมันปีแล้วปีเล่า มันมีแต่ความมืดบอด
วิปัสสนากรรมฐาน เป็นเรื่องของการตีปัญหาซับซ้อนของชีวิต เป็นเรื่องของการค้นหาความจริงของชีวิต ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงกระทำมา
วิปัสสนากรรมฐาน เป็นการเริ่มต้นในการปลดเปลื้องตัวเราให้พ้นจากความเป็นทาสของความเคยชิน
ในตัวเรานั้น เรามีของดีที่มีคุณค่าอยู่แล้ว คือ สติสัมปชัญญะ แต่เรานำออกมาใช้น้อยนัก ทั้งที่เป็นของมีคุณค่าแก่ชีวิตหาประมาณมิได้ วิปัสสนาฯ เป็นการระดมเอา สติ ทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวเราเอา ออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์์ อ่านเพิ่มเติม

เหตุใดต้องสวดพุทธคุณเท่าอายุเกิน ๑ โดยหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

เหตุใดต้องสวดพุทธคุณเท่าอายุเกิน ๑ โดยหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

(อิติปิโสเท่าอายุ+๑)
“อาตมาเคยพบคนแก่อายุ ๑๐๐ กว่าปี มีคนเอากับข้าวมาให้ ก็สวด
อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมาสัมพุทโธ ๑ จบ ให้ตัวเองก่อน
สวนอีกจบหนึ่งให้คนที่นำมาให้ เสร็จแล้วให้ถ้วยคืนไป
อาตมาจับเคล็ดลับได้ จะให้ใครต้องเอาทุนไว้ก่อน
ถึงได้เรียกว่า สวดพุทธคุณเท่าอายุเกินหนึ่งไงเล่า”

“ที่ว่าให้ว่าสวดเท่าอายุนี่ หมายความว่าอายุเท่าไหร่ ๒๐ ถ้าเราสวดแค่ ๑๐ เดียว มันก็ไม่เท่าอายุสวดไปเนี่ยเท่าอายุก่อนนะมันคุมให้มีสติ แล้วก็เกินหนึ่งเพราะอะไร ที่พูดเกินหนึ่งเนี่ยหมายความ คนมักง่ายมักได้ คือมันมีเวลาน้อย ถ้าสวดแค่เกินหนึ่งทำอะไรให้มันเกินไว้ เหมือนคุณโยมเนี่ยไปค้าขาย ยังไม่ได้ขายได้สักกะตังค์เลย จะเอาอะไรไปให้ทาน ยังไม่ได้กำไรเลยต้องให้ตัวเองก่อนนะ นี่ต้องค้าขายต้องลงทุนนี่ ต้องลงทุนก็สวดไป แต่สวดมากเท่าไรยิ่งดีมาก ได้มีสมาธิมาก แต่อาตมาที่พูดไว้คือคนมันไม่มีเวลา ก็เอาเกินหนึ่งได้ไหม เกินหนึ่งได้ก็ใช้ได้นะ แต่ถ้าเกินถึง ๑๐๘ ได้ไหม ยิ่งดีใหญ่ ทำให้เกิดสมาธิสูงขึ้น”

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://annsiriwimonjogthong.weebly.com

ลำดับการสวดมนต์ โดยหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

ลำดับการสวดมนต์ โดยหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

“พระพุทธคุณ อาตมาสังเกตมาว่า บางคนเขาไปหาหมอดู เคราะห์ร้ายก็ต้องสะเดาะเคราะห์ อาตมาก็มาดูเหตุการณ์โชคลางไม่ดีก็เป็นความจริงของหมอดู อาตมาก็ตั้งตำราขึ้นมาด้วยสติ บอกว่า โยมไปสวดพุทธคุณเท่าอายุให้เกินกว่า ๑ ให้ได้ เพื่อให้สติดี แล้วสวด “พาหุงมหากาฯ”

หายเลย สติก็ดีขึ้น เท่าที่ใช้ได้ผล สวดตั้งแต่
นะโม พุทธัง ธัมมัง สังฆัง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากาฯ จบแล้วย้อนกลับมาข้างต้น เอาพุทธคุณห้องเดียว (อิติปิโส ภะคะวา จนถึง พุทโธ ภะคะวาติ) ห้องละ ๑ จบ ต่อ ๑ อายุ อายุ ๔๐ สวด ๔๑ ก็ได้ผล”
ตั้งนะโม ๓ จบ
สวดพุทธัง ธัมมัง สังฆัง
สวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
สวดพุทธชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ)
สวดมหาการุณิโก
สวดพุทธคุณ อย่างเดียวเท่ากับอายุ บวก ๑
เช่น อายุ ๒๘ ปี ให้สวด ๒๙ จบ อายุ ๕๔ ปี ให้สวด ๕๕ จบ เป็นต้น
แผ่เมตตา
อุทิศส่วนกุศ

ที่มา:จากหนังสือกฎแห่งกรรมเล่ม ๓ เรื่อง อานิสงส์ของการสวดพุทธคุณ โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://annsiriwimonjogthong.weebly.com/362136353604363336103585363436193626362336043617360936053660.html

วิธีการสวดมนต์ โดยหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

วิธีการสวดมนต์ โดยหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

“สวดมนต์เป็นนิจ อธิษฐานจิตเป็นประจำ
อโหสิกรรมก่อนค่อยแผ่เมตตา ”
การสวดมนต์เป็นนิจ นี้มุ่งให้จิตแนบสนิท ติดในคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ จิตใจจะสงบเยือกเย็นเป็นบัณฑิต มีความคิดสูง ทิฏฐิมานะทั้งหลาย ก็จะคลายหายไปได้ เราจะได้รับอานิสงส์ เป็นผลของตนเองอย่างนี้ จากสวดมนต์เป็นนิจ
การอธิษฐานจิตเป็นประจำ นั้นมุ่งหมายเพื่อแก้กรรมของผู้มีกรรม จากการกระทำครั้งอดีต ที่เรารำลึกได้ และจะแก้กรรมในปัจจุบัน เพื่อสู่อนาคต ก่อนที่จะมีเวรมีกรรม ก่อนอื่นใด เราทราบเราเข้าใจแล้ว โปรดอโหสิกรรมแก่สัตว์ทั้งหลาย เราจะไม่ก่อเวรก่อกรรมก่อภัยพิบัติ ไม่มีเสนียดจัญไรติดตัวไปเรียกว่า เปล่า ปราศจากทุกข์ ถึงบรมสุข คือนิพพานได้ เราจะรู้ได้ว่ากรรมติดตามมา และเราจะแก้กรรมอย่างไร ในเมื่อกรรม ตามมาทันถึงตัวเรา เราจะรู้ตัวได้อย่างไร เราจะแก้อย่างไร เพราะมันเป็นเรื่องที่แล้ว ๆ มา
การอโหสิกรรม หมายความว่า เราไม่โกรธ ไม่เกลียด เรามีเวรกรรมต่อกันก็ให้อภัยกัน อโหสิกันเสีย อย่างที่ท่านมาอโหสิกรรม ณ บัดนี้ ให้อภัยซึ่งกันและกัน พอให้อภัยได้ ท่านก็แผ่เมตตาได้ ถ้าท่านมี อารมณ์ค้างอยู่ในใจ เสียสัจจะ ผูกใจโกรธ อิจฉาริษยา อาสวะไม่สิ้น ไหนเลยล่ะท่านจะแผ่เมตตาออกได้ เราจึงไม่พ้นเวรพ้นกรรมในข้อนี้ การอโหสิกรรมไม่ใช่ทำง่าย
อ่านเพิ่มเติม

หลักคำสอน /ประวัติหลวงพ่อจรัญ

หลักคำสอน /ประวัติหลวงพ่อจรัญ

อยู่กับคนต้องอดทนตลอดไป ของ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน อ. พรหมบุรี จ. สิงห์บุรี

ความอดทนเป็นสมบัติของนักต่อสู้
ความรู้เป็นสมบัติของนักปราชญ์
ความสามารถเป็นของนักประกอบกิจ
ความสามารถทุกชนิดเป็นสมบัติของผู้ดี
ความดีเป็นศัตรูของชีวิต ความดีต้องมีอุปสรรค
เขาร้ายมาอย่าร้ายตอบ เขาไม่ดีมา เราเอาความดีไปแก้ไข
คนตระหนี่ก็ให้ของที่ต้องใจ
คนพูดเหลวไหล เอาความจริงใจไปสนทนา
ขอฝากไว้กับคุณโยมทุก ๆ ท่าน
คนเรานี่สุขไม่เหมือนกัน ทุกข์ไม่เหมือนกัน แก้ไขเหมือนกันทุก ๆ คนไม่ได้
เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
อย่าไปขัดคอเขา ต้องฝืนใจต้องอดทน อ่านเพิ่มเติม

เมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราฯทรงบรรลุญาณที่ 15 เล่าโดย พระราชสุทธิญาณมงคล(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)

เมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราฯทรงบรรลุญาณที่ 15
เล่าโดย พระราชสุทธิญาณมงคล(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)

เรื่องนี้ เล่าโดย พระราชสุทธิญาณมงคล(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)
วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยองค์ของท่านเองครับ…

หลังจากการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าของปวงพสกนิกรชาวไทย เมื่อวันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ เวลา ๒๑ นาฬิกา ๑๗ นาที รวมพระชนมายุได้ ๙๔ พรรษา ๘ เดือน ๗๒ วัน ในวันรุ่งขึ้นหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรีได้รีบสั่งทันที (ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่พระภิกษุกำลังเข้าพรรษา) ว่าให้รีบตั้งโต๊ะถวายเครื่องสักการะ แด่สมเด็จย่า ตามที่ต่าง ๆ ของวัด โดยเฉพาะภายในพระอุโบสถ ท่านได้สั่งโต๊ะถวายเครื่องสักการะชุดใหม่ พร้อมทั้งสั่งพระภิกษุสามเณร และอุบาสกอุบาสิกาภายในวัดว่า “เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะขอนำพุทธศาสนิกชนทั้งฝ่ายบรรพชิต และคฤหัสถ์ของวัดอัมพวัน สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลให้สมเด็จย่า ไม่จำเป็นจริง ๆ แล้ว เราจะไม่ขาดการลงโบสถ์ เราตั้งใจนำเอาความดีถวายเป็นพระราชกุศลให้กับท่านให้ จงได้”
อ่านเพิ่มเติม

เรื่องเล่าจากหลวงพ่อจรัญ เรื่องกรรมของคนจีนที่ฆ่าตัวตาย

เรื่องเล่าจากหลวงพ่อจรัญ เรื่องกรรมของคนจีนที่ฆ่าตัวตาย

เหตุการณ์นี้หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโมได้เล่าเอาไว้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ปี พ.ศ.2530 ครั้งเมื่อที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดพรหมบุรี อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี โดยวันนั้นเป็นวันโกนสาร์ท คือในช่วงเทศกาลทำบุญเดือนสิบ มียายแก่คนหนึ่งชื่อ ยายเภา อาศัยอยู่ที่บางสำโรง เขตสวี อำเภอ ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ได้พายเรือมาที่ตลาดปากบางเพื่อที่จะมาซื้อของไปเตรียมทำขนมกระยาสารท

เหตุการณ์นี้หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโมได้เล่าเอาไว้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ปี พ.ศ.2530 ครั้งเมื่อที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดพรหมบุรี อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี โดยวันนั้นเป็นวันโกนสาร์ท คือในช่วงเทศกาลทำบุญเดือนสิบ มียายแก่คนหนึ่งชื่อ ยายเภา อาศัยอยู่ที่บางสำโรง เขตสวี อำเภอ ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ได้พายเรือมาที่ตลาดปากบางเพื่อที่จะมาซื้อของไปเตรียมทำขนมกระยาสารท

ยายเภาได้เทียบเรือเข้าไปจอดริมตลิ่งที่มีต้นไม้ครึ้มทอดลงมาต้นหนึ่ง ซึ่งคุณยายเภาไม่ทราบเลยว่าต้นไม้ต้นนั้นเคยมี ชายแก่ชาวจีนคนหนึ่งมาผูกคอตายไว้ พอคุณยายทอดเรือที่ต้นไม้นั้นก็เกิดเรื่องทันที มีอาการผิดปกติดิ้นรนทุรนทุราย ปากก็พร่ำออกมาเป็นภาษาจีนทั้งที่เธอเป็นคนไทยไม่เคยรู้ภาษาจีนเลยแม้แต่คำเดียว
อ่านเพิ่มเติม

วิธีทำสมาธิแบบง่ายๆ โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

วิธีทำสมาธิแบบง่ายๆ
โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
วัดอัมพวัน
ต.พรหมบุรี อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

ทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบ มีพลังมีประโยชน์ในปัจจุบัน คือทำให้ใจสบาย คลายทุกข์ หนักแน่นมั่นคง อารมณ์แจ่มใส ความจำทำงานมีประสิทธิภาพ สุขภาพดี นอนหลับสบาย เรียนหนังสือเก่ง ที่สำคัญคือได้บุญ

วิธีนั่งสมาธิ

ให้นั่งขัดสมาธิ คือขาขวาทับขาซ้าย นั่งตัวตรงหลับตาเอาสติมาจับอยู่ที่สะดือ ที่ท้องพองยุบ เวลาหายใจเข้าท้องพอง กำหนดว่าพองหนอ ใจนึกกับท้องที่พอง ต้องให้ทันกัน อย่าให้ก่อนหรือหลังกัน หายใจออกท้องยุบ กำหนดว่า ยุบหนอ ใจนึกกับท้องที่ยุบ ต้องทันกัน อย่าให้ก่อนหรือหลังกัน ข้อสำคัญให้สติจับอยู่ที่พอง ยุบ เท่านั้น อย่าดูลมที่จมูก อย่าตะเบ็งท้อง ให้มีความรู้สึกตามความเป็นจริงว่า ท้องพองไปข้างหน้า ท้องยุบมาข้างหลัง อย่าให้เห็นเป็นไปว่า ท้องพองขึ้นข้างบน ท้องยุบลงข้างล่าง ให้กำหนดเช่นนี้ตลอดไป จนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนด
อ่านเพิ่มเติม

นารีผล หรือ มักกะลีผล

นารีผล หรือ มักกะลีผล

—เป็นพรรณไม้ตามความเชื่อจากตำนานป่าหิมพานต์ เป็นพืชที่ออกลูกเป็นหญิงสาว เมื่อผลสุกแล้ว บรรดา ฤๅษี กินร วิทยาธร คนธรรพ์ เอาไปเสพสังวาส

*ความในวรรณคดี

—ในวรรณคดีระบุว่า มักกะลีผลเมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นหญิงสาวงามอายุราว 16 แต่ที่ศีรษะจะยังมีขั้วติดอยู่ นิ้วมือทั้ง 5 ยาวเท่ากัน ผมยาวสีทอง ตากลมโต คอเป็นปล้อง ไม่มีโครงกระดูก แต่ส่งเสียงได้เหมือนมนุษย์จริง ๆ มักกะลีผลที่ยังอ่อนมีลักษณะเหมือนคนนั่งคู้เข่าอยู่ เมื่อโตขึ้นขาจะเหยียดออกก่อน เมื่อโตเต็มที่จึงเหยียดตัวเหมือนคนยืนตัวตรง บรรดาฤๅษี กินร วิทยาธร คนธรรพ์ ที่ยังมีตัณหาอยู่ จะมาออที่โคนต้น เพื่อรอสุกก็จะแย่งชิงกันเด็ดไปเป็นภรรยา ต้องยื้อแย่งกัน ทำร้ายกันถึงตาย ผู้ที่เหาะได้ก็เหาะขึ้นไปเก็บ ผู้ที่เหาะไม่ได้ก็ใช้ไม้สอยหรือปีนขึ้นไปเก็บ เมื่อมาแล้วก็จะนำไปที่อยู่ของตน ทะนุถนอมระแวดระวังอย่างดีมิให้ใครแย่งเอาไป แต่มักกะลีผลมีชีวิตอยู่ได้เพียง 7 วัน ก็จะเน่าเปื่อยไป ซึ่งในวรรณคดีไทยที่มีการกล่าวถึง มักกะลีผล ได้แก่ พระเวสสันดรชาดก, มหาชาติคำหลวง และไตรภูมิพระร่วง
อ่านเพิ่มเติม

สาส์นจากสมเด็จพรหมนเรศวร เกี่ยวกับ “ภัยพิบัติ” และพระคาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)

สาส์นจากสมเด็จพรหมนเรศวร เกี่ยวกับ “ภัยพิบัติ” และพระคาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)

เตรียมกาย – เตรียมใจ … รับ “ภัยพิบัติ”
ความไม่เที่ยงเกิดขึ้นกับชีวิตทุกขณะ อุบัติเหตุเภทภัย ภัยอันตรายต่างๆ ล้วนเกิดขึ้นได้ทุกเวลานาที แม้กระทั่งการเกิดภัยพิบัติที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมโลก ทั้งพายุถล่ม แผ่นดินไหว จนอาคารบ้านเรือนพังทลาย ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน มิได้ตั้งตัว เตรียมกาย-เตรียมใจไว้เลย เหตุเภทภัยเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งเตือนใจให้เราดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท มีสติกำกับในทุกลมหายใจเข้า-ออก

ความเชื่อเกี่ยวกับคาถาพาหุง
พุทธวิธีชนะมาร โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) กล่าวไว้ว่า “ความเป็นไปในชีวิตของมนุษย์เรา เปรียบเสมือนการเดินข้ามห้วงเหว และสะพานที่เสี่ยงภัย แม้เราจะเดินเก่งหรือมีกำลังเรี่ยวแรงสักเพียงไร ถ้ามีเครื่องยึดเหนี่ยวไว้บ้างก็ดีกว่าไม่มี ผู้ใดสวดมนต์ชัยมงคลคาถาหรือพาหุงมหากาเป็นประจำทุกๆ วันแล้ว จะมีแต่ชัยชนะทุกประการ เรียนหนังสือก็เกิดปัญญา มีแต่ความเก่งกล้าสามารถทุกประการ วิธีการแก้ปัญหาทุกชนิด เริ่มด้วยการทำจิตให้สงบ วิธีที่ดีที่สุดก็คือสวดมนต์เป็นนิจ อธิษฐานจิตสม่ำเสมอ
อ่านเพิ่มเติม

กฏแห่งกรรม จากชีวิตจริงของหลวงพ่อจรัญ (พระธรรมสิงหบูราจารย์)

กฏแห่งกรรม จากชีวิตจริงของหลวงพ่อจรัญ (พระธรรมสิงหบูราจารย์)

อาตมาเคยเล่าให้โยมฟัง คนแก่จนอายุ ๘๖ ปีแล้วทอดกฐินตั้งหลายโครม ทอดผ้าป่าไปหลายร้อยโครมแล้วมานั่งรักษาอุโบสถดังที่กล่าวมาแล้วถึง ๓๐ ปีเศษ ตั้งแต่เป็นรุ่นสาว แก่แล้วก็มานั่งอีก แต่ตายไปเป็นเปรตเสียได้ ตายไปเป็นเปรตเพราะเหตุใด ทำบุญเก่ไม่น่าตายไปเป็นเปรต แต่ก็ตายเป็นเปรตด้วยอำนาจโลภะ คุณยายเป็นเศรษฐีมีลูกหลายคนและให้สมบัติแก่ลูกไปหมดแล้วทุกคน แต่อาศัยอยู่กับลูกสาวคนเล็กซึ่งมีสามีเป็นเศรษฐีมีโรงน้ำแข็ง โรงสี เป็นต้น

ต่อมาลูกเขยเล่นการพนันจนสมบัติหมด ต้องขายร้าน ขายโรง ขายไร่ ขายนาจนสิ้นเนื้อประดาตัว กลัวเขาจะยื่นฟ้องล้มละลาย ลูกสวยจึงขอความช่วยเหลือจากคุณแม่ คุณแม่ก็ไม่มีทุนแล้ว เพราะทอดกฐินมากถึงมีก็ไม่พอใช้หนี้ จึงขึ้นไปหาลูกชายคนโตที่เชียงใหม่ขอสมบัติที่มอบให้คืน เพื่อนำมาช่วยลูกสาวคนเล็ก ลูกชายและลูกสะใภ้ก็ยินดีคืนให้ กลับมาก็มอบให้ลูกสาว ลูกสาวก็มอบให้สามี แต่สามีกลับนำไปเล่นการพนันต่อเพราะหมอดูที่วัดหนึ่งบอกว่าเล่นแล้วจะรวยมหาศาล เดือนหน้ารวยแน่ ๆ เลยหมดไม่มีเหลือ คุณยายก็เสียใจจนเป็นโรคหัวใจวายตาย ตายแล้วไม่ไปสวรรค์กลับไปทุคติ เป็นเปรต
อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

มหามงคลวัตถุแห่งปีมหามงคล รุ่น ?เจริญพร?
มหาวิปัสสนาจารย์-นักพัฒนา-นักเทศน์แห่งเมืองสิงห์
?พระธรรมสิงหบุราจารย์? (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
ร่วมมหากุศลพลิกฟื้นสถานปฏิบัติธรรม วัดกระเจียว อ.เมือง จ.ลพบุรี
วัดอัมพวัน อ.เมือง จ.สิงห์บุรี เป็นสถานฝึกปฏิบัติวิปัสสนากหรรมฐาน ตามแนวสติปัฏฐาน 4 ขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อสอนให้ผู้ใคร่ฝึกปฏิบัติธรรมได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตลอดจนอบรมธรรมต่างๆเพื่อเป้นการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น? วัดนี้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นด้วยบารมีของ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม หรือนามสมณศักดิ์ ?พระธรรมสิงหบุราจารย์ ?? โดยท่านเริ่มพัฒนาวัดมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2500 จนกระทั่งกรมการศานายกย่องให้เกียรติเป้นวัดพัฒนาตัวอย่างในปีพ.ศ.2513

แม้ท่านไม่ใช่พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงในด้านวิชาอาคมขลัง แต่มุ่งเน้นไปในทางการสอนปฏิบัติธรรมกรรมฐาน? แต่ตามประวัติของท่านนั้นไม่ธรรมดา เพราะได้ศึกษาสรรพวิชาจากอดีตเกจิอาจารย์ดังหลายองค์เช่นกัน? หากกล่าวในเรื่องวัตถุมงคลแล้ว หลวงพ่อจรัญท่านไม่นิยมสร้าง หรือชี้นำให้ญาติโยมพุทธศาสนิกชนหลงใหลได้ปลื้ม? ตรงกันข้าม ท่านจะสั่งสอนให้เชื่อในเรื่องของ ?กรรม? และการปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ในความเป็นจริงนั้น พระเครื่องหรือวัตถุมงคลของหลวงพ่อจรัญแทบทุกชนิดล้วนเป็นที่เสาะหาของบรรดาศิษยานุศิษย์อย่างยิ่ง
อ่านเพิ่มเติม

หนี้กรรมข้ามชาติ : ของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

หนี้กรรมข้ามชาติ : ของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

หนี้กรรมข้ามชาติของอาตมา…(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

วันนี้จะเล่าเรื่องดาบของแม่ทัพ ทำให้คนฝันและต้องมาที่วัดนี้
ไปได้มาอย่างไร ต้องใช้เงินเท่าไร เป็นเรื่องอัศจรรย์ของอาตมา
ผ่านมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว
ตอนนั้นอยู่วัดพรหมบุรี ยังไม่ได้มาอยู่ที่วัดนี้
ก็จะขอเล่าประวัติอาตมาสักเล็กน้อย

เมื่อสมัยอยู่วัดพรหมบุรี ก็เริ่มสอนกรรมฐานมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๔-๒๔๙๙
หลังจากที่เดินออกจากป่า ก็มาเจริญภาวนาและสอนกรรมฐาน
เริ่มต้นที่วัดพรหมบุรีตามลำดับมา

วันหนึ่งสมภารใช้อาตมาไปเช่าเมรุพร้อมเครื่องตั้ง
จะมาจัดงานศพที่วัดต้องไปเช่าที่หัวเวียง บ้านแพน
อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อ่านเพิ่มเติม

เรื่องพระเจ้าตาก จากหลวงพ่อจรัญ

เรื่องพระเจ้าตาก จากหลวงพ่อจรัญ

ข้อเท็จจริงตามประวัติศาสตร์ที่ว่า พระเจ้าตากนั้นเป็นผู้กู้เอกราชให้กับไทยนั้นพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นักรบ ที่เก่งกาจกล้าหา­ญ และเสียสละอย่างมากอย่างที่ชนธรรมดามิได้ล่วงรู้อีกมากมาย แต่เรื่องที่จะเล่าเกี่ยวกับพระเจ้าตากนั้นไม่ได้มีในประวัติศาสตร์ที่เรา เคยเรียนกัน

พระเจ้าตากมิใช่เป็นลูกของคนจีนสามั­ญชนตามประวัติ ศาสตร์ แต่เป็นโอรสในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศกับสนมลับชาวจีนชื่อ ไหฮอง แต่เนื่องจากสมัยอยุธยานั้นมีการแก่งแย่งชิงดีกันมาก มีการฆ่ากันเพื่อชิงราชสมบัติ พระมารดาของพระเจ้าตากเกรงจะเป็นอันตราย จึงได้ปิดเป็นความลับ และบอกว่าบิดาของพระเจ้าตากชื่อ ไหฮอง (ชื่อของนางเอง) และมารดาชื่อนางนกเอี้ยง (ชื่อที่แต่งขึ้นไม่มีตัวตนจริง)

อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม : จากเด็กดื้อสู่อริยสงฆ์

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม : จากเด็กดื้อสู่อริยสงฆ์

ชีวิตในวัยหนุ่มของนายจรัญ เป็นวัยที่คึกคะนอง แกล้งคนโน้นแกล้งคนนี้ อีกทั้งเถียงยายอยู่ตลอดเวลา แต่นายจรัญ มีดีทางการเล่นดนตรีไทย เพราะเคยเรียนมากับครูตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ โดยแอบยายไปเรียน เมื่อเรียนจบชั้นมัธยม ๓ นายจรัญได้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ โดยไปอาศัยอยู่บ้านสามกระได แถวคลองบางแวก ฝั่งธนบุรี ของคุณหลวงธารา มีคุณนายชื่อ ห่วง คุณหลวงธารา เคยตีระนาดให้ รัชกาลที่ ๖ ทรงโขน นายจรัญไปอยู่เพื่อเรียนดนตรี ดีด สี ตี เป่า ต่อเพลงพิณพาทย์ เป็นเวลา ๒ ปี และได้ไปเรียนช่างกลกับอาจารย์เลื่อน พงษ์โสภณ ที่บางขุนพรหม เมื่อคุณหลวงธาราและคุณนายห่วงได้สิ้นชีวิตลง นายจรัญได้ย้ายไปอาศัยอยู่กับบ้านของครูศร ศิลปบรรเลง ซึ่งต่อมาได้เป็นคุณหลวงประดิษฐ์ไพเราะ อยู่แถวบ้านบาตร หลังวัดสระเกศ เพื่อเรียนดนตรีไทยต่ออีก ๑ ปีเศษ จึงได้มารู้จักกับ ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ ที่นี่ ต่อมา ครูศร ศิลปบรรเลง พานายจรัญไปฝากให้สอบเข้าเป็นนายร้อยตำรวจกับ จอมพลแปลก พิบูลสงคราม เมื่อเขาเข้าไปเรียนได้ ๓ เดือน ถูกรุ่นพี่ขู่เข็ญ และกลั่นแกล้ง เขาพยายามอดทน แต่เมื่อถูกรุกรานหนัก ความอดทนก็สิ้นสุด ประกอบกับเป็นคนที่ไม่ยอมคนอยู่แล้ว จึงชกรุ่นพี่เจ็บตัวไปหลายคน นายจรัญจึงไปขอโทษครู พร้อมกับขอลาออก และได้ชี้แจงเหตุผลต่าง ๆ ให้แก่จอมพลแปลกทราบ และขอไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดเมืองนอน และนำวิชาที่เรียนมาคือ ดนตรี มาใช้ประกอบอาชีพ เมื่อมาอยู่ที่ อำเภอพรหมบุรี ก็มาเล่นดนตรีคณะจรรยารักษ์ ซึ่งมีอยู่เดิม พร้อมออกงานแสดง มีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงเจ็ดคุ้งน้ำ นายจรัญนอกจากมีฝีมือทางด้านดนตรีแล้ว ยังมีฝีมือทางด้านการประพันธ์หนังสือ สามารถประพันธ์เรื่องนางอรพิมกับท้าวปาจิตต์ และมีคณะลิเกมาขอลอกบท เพื่อไปแสดงเป็นลิเกหลายคณะ อ่านเพิ่มเติม

เรื่องเล่าจากหลวงพ่อจรัญ เรื่องกรรมของคนจีนที่ฆ่าตัวตาย

เรื่องเล่าจากหลวงพ่อจรัญ เรื่องกรรมของคนจีนที่ฆ่าตัวตาย

เหตุการณ์นี้หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโมได้เล่าเอาไว้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ปี พ.ศ.2530 ครั้งเมื่อที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดพรหมบุรี อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี โดยวันนั้นเป็นวันโกนสาร์ท คือในช่วงเทศกาลทำบุญเดือนสิบ มียายแก่คนหนึ่งชื่อ ยายเภา อาศัยอยู่ที่บางสำโรง เขตสวี อำเภอ ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ได้พายเรือมาที่ตลาดปากบางเพื่อที่จะมาซื้อของไปเตรียมทำขนมกระยาสารท

ยายเภาได้เทียบเรือเข้าไปจอดริมตลิ่งที่มีต้นไม้ครึ้มทอดลงมาต้นหนึ่ง ซึ่งคุณยายเภาไม่ทราบเลยว่าต้นไม้ต้นนั้นเคยมี ชายแก่ชาวจีนคนหนึ่งมาผูกคอตายไว้ พอคุณยายทอดเรือที่ต้นไม้นั้นก็เกิดเรื่องทันที มีอาการผิดปกติดิ้นรนทุรนทุราย ปากก็พร่ำออกมาเป็นภาษาจีนทั้งที่เธอเป็นคนไทยไม่เคยรู้ภาษาจีนเลยแม้แต่คำเดียว

ชาวบ้านในตลาดพากันมามุงดูก็ทราบว่ายายเภาถูกผีเข้าก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรจึงได้ให้คนไปนิมนต์พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญมาช่วย ซึ่งพอทราบเรื่องท่านก็รีบมา แต่ก็ไม่สามารถสื่อสารกันได้รู้ความเพราะ ยายเภานั้นพูดแต่ภาษาจีนอยู่ตลอดเวลา หลวงพ่อจึงได้ไปตามลุงเขยของท่านที่ชื่อ เลี่ยงเกี๊ยก มาช่วยเจรจา
อ่านเพิ่มเติม

หลวงพ่อจรัญเล่าเรื่องหลวงพ่อเดิม

หลวงพ่อจรัญเล่าเรื่องหลวงพ่อเดิม

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพ วันนี้เราได้มีโอกาสอ่าน เรื่องราวที่น่าสนใจ แฝงด้วยคติธรรม ของท่านพระอาจารย์ หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ท่านเล่าถึงอดีตเมื่อคราวที่ได้ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ หรือที่ชาวบ้านนับถือท่านว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว” คือเป็นผู้สำเร็จ มีวิชา มีอิทธิบารมีสูงมากนั่นเอง หวังว่าเรื่องราวนี้คงจะให้แง่คิด และความรู้ในอีกแง่มุมหนึ่งแก่ท่านผู้อ่านที่เคารพ ไม่มากก็น้อยนะครับ เรียนเชิญติดตามได้เลยครับ …

หลวงพ่อจรัญ เล่าเรื่องหลวงพ่อเดิม

เมื่ออาตมาไปเล่าเรียนวิชากับ “หลวงพ่อเดิม”

อนุสรณพจน์ น้อมระลึกถึงพระเดชพระคุณ ท่านพระครูนิวาสธรรมขันธ์ “หลวงพ่อเดิม”

เนื่องด้วย วันอังคารที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔ เป็นวันครบรอบวันมรณภาพครบ ๕๐ ปี ของพระเดชพระคุณ ท่านพระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม) อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

อาตมาภาพขอน้อมระลึกถึงพระคุณของพระเดชพระคุณ “หลวงพ่อเดิม” ซึ่งท่านเป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตสมณเพศแก่อาตมภาพ ด้วย “หลวงพ่อเดิม” ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ เป็นดวงประทีป คือเป็นตัวอย่างที่ทำให้อาตมภาพได้รู้ว่า พระคืออะไร พระมีหน้าที่อะไร พระทำอะไรได้บ้าง และพระที่ดีนั้นควรจะทำอย่างไร
อาตมาภาพในฐานะศิษย์ผู้ซาบซึ้งในพระคุณของหลวงพ่อเดิม ท่านพระครูนิวาสธรรมขันธ์ ผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาอันบริสุทธิ์ จักตั้งใจปฏิบัติเพื่อบูชาพระคุณ “หลวงพ่อเดิม” ให้สุดความสามารถ ดังแบบอย่างที่หลวงพ่อได้กระทำให้ดูแล้วด้วยกายกรรม วจีกรรม และ มโนกรรม อ่านเพิ่มเติม

ดาบหลวงพ่อจรัญ “หนี้กรรมข้ามชาติของอาตมา”

ดาบหลวงพ่อจรัญ “หนี้กรรมข้ามชาติของอาตมา”

เรื่อง หนี้กรรมข้ามชาติของอาตมา
โดย พระภาวนาวิสุทธิคุณ

วันนี้จะเล่าเรื่องดาบของแม่ทัพ ทำให้คนฝันและต้องมาที่วัดนี้ ไปได้มาอย่างไร ต้องใช้เงินเท่าไร เป็นเรื่องอัศจรรย์ของอาตมา ผ่านมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว ตอนนั้นอยู่วัดพรหมบุรี ยังไม่ได้มาอยู่ที่วัดนี้ ก็จะขอเล่าประวัติอาตมาสักเล็กน้อย เมื่อสมัยอยู่วัดพรหมบุรี ก็เริ่มสอนกรรมฐานมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๔-๒๔๙๙ หลังจากที่เดินออกจากป่า ก็มาเจริญภาวนาและสอนกรรมฐาน เริ่มต้นที่วัดพรหมบุรีตามลำดับมา วันหนึ่งสมภารใช้อาตมาไปเช่าเมรุพร้อมเครื่องตั้ง จะมาจัดงานศพที่วัดต้องไปเช่าที่หัวเวียง บ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แถวโน้นเขามีอาชีพค้าเมรุ มีไฟประดับสวยงามพร้อมเครื่องตั้งบนศาลา เหมากันมาอย่างนั้น แถวนี้ทั้งแถวไม่มีเมรุ
อ่านเพิ่มเติม

พระเทพสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)

พระเทพสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)

พระราชทินนาม……พระธรรมสิงหบุราจารย์ ภาวนาปฏิภาณโกศล โสภณธรรมานุสิฐ พิพัฒน์กิจสุนทร มหาคณิสสร บวรสังฆารามคามวาส

หลวงพ่อเกิดในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ซึ่งเกิดจากโยมมารดา เจิม และโยมบิดา แพ จรรยารักษ์

ชื่อเดิม
จรัญ จรรยารักษ์
เกิด
วันพุธ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ตรงกับวันพุธที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ ปีมะโรง เวลา ๐๗.๑๐ น. ณ ๑๕ บ้านตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี
อุปสมบท
วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีชวด ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๙๑ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ วัดพรหมบุรี อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี พระครูพรหมจริยคุณ วัดแจ้งพรหมนคร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดกิมเฮง วัดพุทธาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการช่อ วัดพรหมบุรี เป็นอนุศาสนาจารย์
อ่านเพิ่มเติม

. . . . . . .