สนทนาเรื่องธรรมคำเดียว โดย พุทธทาสภิกขุ

สนทนาเรื่องธรรมคำเดียว โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – ธรรมคือหน้าที่ของสิ่งมีชีวิต
ฟังเรื่องธรรม อาตมาอยากถวายความคิด รู้สึกถึงคำๆนี้ ให้พิจารณา ถ้าไปใช้ให้มีประโยชน์ได้ก็ดีมาก มีคนเห็นด้วยว่า ธรรม แค่พยางค์เดียว แก้ปัญหาหมดทุกปัญหาในสากลจักรวาล อย่างที่เราพูดกันมาแล้วว่า ธรรมคือหน้าที่ของสิ่งมีชีวิต เมื่อสิ่งมีชีวิตทำหน้าที่ แล้วจะมีปัญหาอะไรเหลือ หรือถ้ามันทำหน้าที่ผิดไป มันจะเป็นธรรมที่ผิด เป็นบาปอกุศล ในบาลีเขาว่า คือธรรมดำ ธรรมขาว กรรมดำ กรรมขาว มีใช้กันมาก เราไม่เคยนำมาพูดกันเอง เราใช้คำอื่นว่า บาป กุศล อกุศล เขาควรจะทำหน้าที่ให้มีชีวิตรอด ก็เป็นธรรมที่ผิดไปเสีย เป็นธรรมที่ดำ ตรงข้ามกับขาว ซึ่งเป็นธรรมที่ถูก แต่ที่เราใช้ธรรมเพียงคำเดียว คือการทำหน้าที่ที่ถูกต้อง ตามการมุ่งหมายของการมีชีวิต ขอให้จำความหมาย และหลักนี้ ซึ่งเป็นหลักที่ตรงความหมายตามวิทยาศาสตร์มากที่สุด
อ่านเพิ่มเติม

การมีชีวิตด้วยจิตว่าง โดย พุทธทาสภิกขุ

การมีชีวิตด้วยจิตว่าง โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – มีชีวิตด้วยจิตว่างอย่างไร
ท่านสาธุชนผู้สนใจในธรรมทั้งหลาย อาตมาจะพูดกับท่านทั้งหลายโดยหัวข้อว่า การมีชีวิตด้วยจิตว่าง การมีชีวิตด้วยจิตว่างนี่คืออะไร คือสิ่งที่ท่านยังไม่รู้ จะพูดใส่หน้ากรอกหูลงไปเลยว่า คือสิ่งที่ท่านยังไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตด้วยจิตว่างอย่างไร ไม่รู้ว่าการมีชีวิตด้วยจิตว่างคืออะไร

การมีชีวิตด้วยจิตว่างก็คือ จิตที่รู้จักสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริง ไม่ไปเป็นทาสของสิ่งใดๆ ไม่ไปติดผูกพันอยู่กับสิ่งใดๆ เป็นจิตว่าง เป็นจิตอิสระจากสิ่งทั้งหลายที่มีอยู่ในโลก อย่างนี้เรียกว่าจิตว่าง จิตฉลาด จิตคิดลึกได้รวดเร็ว สำหรับจะว่าง ไม่เป็นจิตโง่ งุ่มง่าม เข้าไปหลงใหลยึดถือในสิ่งใด ก่อนแต่จะทำ กำลังทำ ทำเสร็จแล้ว จิตโง่มันก็ยึดถือตลอดเวลา มันก็แบกภูเขาอยู่ตลอดเวลา มันเป็นจิตวุ่น เป็นจิตที่ติดอยู่กับสิ่งนั้นๆ มันไม่ว่างถ้ามีสติปัญญารู้เพียงพอในเรื่องของธรรมชาติ เรื่องกฎของธรรมชาติ เรื่องหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ เรื่องพ้นจากหน้าที่เป็นต้นแล้ว ก็รู้ว่าธรรมชาติทั้งหลายมันเป็นอย่างนั้นเอง จะไปหมายมั่นตามความต้องการของเราไม่ได้ เราก็ไปเกี่ยวข้องกับิ่งเหล่านั้นโดยไม่ต้องหมายมั่น คือด้วยจิตที่เป็นอิสระ
อ่านเพิ่มเติม

สติและการฝึกสติ โดย พุทธทาสภิกขุ

สติและการฝึกสติ โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – สติเป็นธรรมเครื่องตื่นอยู่
ทีนี้จะพูดถึงธรรมะ ตามที่ได้รับการขอร้องให้พูดเรื่อง สติ ที่จริงคำว่าสติคำเดียวมันพอ ถ้าเรารู้ ดับทุกข์ได้จริง แต่ว่าเรามีสติกันแต่ปาก มีสติตามธรรมเนียม ตามพิธีรีตอง ไม่รู้จักตัวสติ ทั้งๆที่สติมีอยู่แล้วในเรา ถ้าไม่มีสติมันตายหมดแล้วคนเรา อยากจะให้ทุกคนระลึกให้ลึกลงไปสิ่งที่เขาเรียกว่า สัญชาตญาณ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้เองแก่สิ่งที่มีชีวิต อย่างที่เราได้ยินกัน สัญชาตญาณแห่งการต่อสู้ แห่งการอยู่รอด เป็นสัญชาตญาณที่สำคัญที่สุด ทีนี้จะมีชีวิตอยู่ได้ต้องมีสัญชาตญาณหลายๆอย่าง ช่วยกันประกอบไว้ให้สำเร็จตามนั้น คราวนี้สัญชาตญาณที่วิเศษอันนี้ ที่สามารถรู้สึกได้เร็วที่เรียกว่า สติ รู้สึกตัวอยู่ มันมีอยู่ตามสัญชาตญาณ เต็มขนาดที่ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ ถ้าไม่มีสติแท้ๆตามธรรมชาติ มันทำอะไรไม่ได้ เหมือนหลับตาเดิน หลับตากินข้าว ทำการงานอะไรลองหลับตาดู มันก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีสติ ดังนั้นถือว่า สติเป็นธรรมเครื่องตื่นอยู่ เราทำอะไรทุกกอย่างได้ โดยสิ่งที่เรียกว่าสติ ในระดับต่ำสุดคือตามธรรมชาติ หมาแมว อะไรมันก็มี สิ่งมีชีวิตมันต้องมีสัญชาตญาณชื่อนี้ คือสติ ถ้ามิฉะนั้นเหมือนหลับ สลบ หรือตาย ในภาษาบาลี เรียกว่าสติ แต่ในสันสกฤตเรียกว่า สมประดี ก็คือคำว่าสติ ในภาษาไทยว่าสมปฤดี คุณคงเข้าใจว่า คนไม่มีสมปฤดี หมายถึงอะไร คนหลับ คนเมา คนบ้าไม่มีสมปฤดี เพราะว่ามันไม่มีสติ ถ้าว่ากันโดยยุติธรรมแล้ว สติเป็นสัญชาตญาณพื้นฐานที่ให้ชีวิตเรารอด และต้องขอบคุณสติที่ทำให้เราไม่บ้า ที่ให้เราอยู่รอด โดยที่เราไม่รู้สึกตัว ไม่สนใจ ไม่รู้จักมัน
อ่านเพิ่มเติม

โลกอื่น โดย พุทธทาสภิกขุ

โลกอื่น โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – โลกอื่น หมายความว่าอย่างไร
ท่านอาคันตุกะผู้มาเยี่ยมวัดทั้งหลาย อาตมาขอแสดงความยินดีในการมาของท่านทั้งหลาย ขอต้อนรับตามที่จะทำได้ ในลักษณะของ ธรรมะปฏิสันถาร ไม่มีวัตถุสิ่งของเครื่องเลี้ยงเครื่องดื่มอะไรสำหรับปฏิสันถาร เพื่อจะได้รับประโยชน์จากพระธรรม และต้อนรับด้วยที่นั่งที่นอนของพระพุทธเจ้า ในกลางดิน พระพุทธเจ้าท่านประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน สอนกลางดิน นิพพานก็กลางดิน ท่านทั้งหลายไม่เคยนั่งกลางดินก็ขอต้อนรับด้วยแผ่นดิน เป็นอีกโลกหนึ่ง ทำไมถึงว่าเป็นอีกโลกหนึ่ง เพราะว่ามันรู้สึกต่างกัน เมื่อไปนั่งนอนบนที่พักอันหรูหรา จิตใจมันไปอีกอย่างหนึ่ง พอนั่งลงกลางดิน จิตใจมันก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ขอให้ท่านทั้งเทียบเคียง ดูกันเอาเอง แล้วจะรู้ว่า โลกอื่น มันหมายความว่าอย่างไร ฉะนั้นวันนี้จะบรรยายเกี่ยวกับโลกอื่น
อ่านเพิ่มเติม

ความสุขแท้มีอยู่แต่ในงาน โดย พุทธทาสภิกขุ

ความสุขแท้มีอยู่แต่ในงาน โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – คำว่าธรรมะมีความหมายกว้างถึงอย่างนี้
ท่านสาธุชน ผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย อาตมาขอแสดงความยินดีในการมาที่นี่ของท่านทั้งหลายในลักษณะอย่างนี้ อย่างนี้คนสนใจในธรรม เมื่อมีความเข้าใจพอสมควรเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าธรรม เมื่อมีความสนใจในประโยคที่ว่า “ความสุขแท้มีอยู่แต่ในงาน” นี่เป็นจุดตั้งต้นที่ดี หรือเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าเราจะมีความเข้าใจต่อธรรมะโดยถูกต้องและยิ่งขึ้นหรือถึงที่สุด คำว่างาน หรือคำว่างานนี่ มีความเข้าใจผิดกันอยู่มากจนเรียกว่าตรงกันข้าม ขอให้อดทนทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำๆนี้ให้ดีที่สุดเถอะ คำว่า “งาน” หรือการทำงาน”นั่น มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากว่าทำหน้าที่จะต้องทำ ไม่อย่างนั้นจะทำไปทำไม การทำงานทุกคนก็มีหวังว่าจะได้ผลงานมา ก็เพื่อประโยชน์ โดยเฉพาะคือดำรงชีวิต ถ้าเรารู้จักความหมายของคำว่าธรรมะแล้ว เราจะรู้ว่า ธรรมะนั่นแหละเป็นชื่ออีกชื่อหนึ่งของคำว่างาน หรือหน้าที่ เมื่อถามว่าธรรมะคืออะไร ในเมืองไทยเรานี้จะตอบว่าธรรมะ คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นี่ไม่พอ เราว่าเอาเองนะว่าไม่พอ แต่ถ้าเป็นในอินเดียซึ่งเป็นต้นตอของวัฒนธรรมที่เรารับเขามานี่ ถ้าว่า “ธรรม”หรือว่า “ธรรมะ”นี้ก็แปลว่าหน้าที่ ขอให้สนใจกันก่อนว่า คำว่าธรรม หรือว่าธรรมะนั้น ในประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของภาษานี้แปลว่า “หน้าที่” หน้าที่ของอะไร หน้าที่ของสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งเลย สิ่งที่มีชีวิตมีหน้าที่ ที่จะต้องทำหน้าที่เพื่ออะไร ครั้งแรกเพื่อรอดอยู่ หน้าที่เพื่อรอดชีวิตอยู่ แล้วถ้ารอดชีวิตอยู่ได้แล้ว มันมีก็หน้าที่จะต้องเลื่อนให้สูงขึ้นไป เพื่อให้ชีวิตมันก้าวหน้า จนถึงยอดสุดของมนุษย์หรือที่ชีวิตมันจะเป็นไปได้ ขอให้ทำความเข้าใจไว้ตลอดกาลเลยก็ได้ว่า ทุกศาสนาในโลกมีจุดสุดท้ายตรงกันหมด คือความรอด แม้จะใช้ภาษาต่างๆกันตามกำเนิดแห่งศาสนานั้นๆ แต่มีคำตรงกันอยู่คำหนึ่งคือคำว่า “รอด” เป็นคริสเตียนก็รอดอย่างคริสเตียน เป็นอิสลามก็รอดอย่างมุสลิม ความหมายว่ารอดด้วยกันทั้งนั้น คงเป็นความหมายติดมาแต่ดั้งเดิม ที่มนุษย์เริ่มรู้จักสิ่งที่ดีกว่าธรรมดา ก็รู้ว่าปลายทางคือความรอด
อ่านเพิ่มเติม

สวรรค์ในทุกอิริยาบถ โดย พุทธทาสภิกขุ

สวรรค์ในทุกอิริยาบถ โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – สติที่นึกถึงธรรมะ
เพื่อนสหธรรมมิกและสาธุชนทั้งหลาย การบรรยายไม่อาจทำไปในรูปของเทศนา แต่จะทำไปในรูปของปราศรัย ตามที่จะทำได้ ดังที่ทราบกันอยู่ดีแล้วว่า ผู้บรรยายอยู่ในฐานะที่มีโรคภัยเบียดเบียน แต่ถ้าจะไม่พูดบรรยายกันเลย มันก็ไม่ถูกต้อง ในตอนเช้าได้ให้ของขวัญคือ เสรีภาพ ในการรับนับถือธรรมะเพื่อชีวิต และได้บอกถึงสิ่งที่สำคัญคือ เพชร และเครื่องขุดเพชร ที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก เพชรนั้นคือเครื่องการดับทุกข์โดยตรง ขอย้ำว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น และการปฏิบัติสิ่งใดที่ทำให้ไม่ยึดมั่นถือมั่น นั่นก็เป็นเพชร และผลการปฏิบัตินั้นก็เป็นเพชร ขอให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถปฏิบัติได้ ในการที่จะได้รับของขวัญ คือเสรีภาพ ที่เป็นเพชรและเครื่องขุดเพชร ตามหลักที่สำคัญคือ กาลามสูตร ทีนี้ก็มาถึงเรื่องของขวัญอันที่สองนี้ จะเรียกชื่อของขวัญนั้นว่า สวรรค์ในทุกอิริยาบถ บางคนก็รู้สึกแปลกๆก็มี สวรรค์ในทุกอิริยาบถ นั้นมันมีได้ และพยายามเข้าใจให้มันเกิดมีได้ ขอให้ตั้งใจฟังให้ดี ขอให้ทำความเข้าใจปลีกย่อยก่อนว่า มีคนกล่าวหาอาตมาว่า ยกเลิกสวรรค์ ยกเลิกนรก ว่าไม่มีสวรรค์ ไม่มีนรก และเดี๋ยวนี้จะเป็นพยานกันทุกท่านว่า มีสวรรค์ได้ในทุกอิริยาบถ ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องรอตอนตายแล้ว สำหรับสวรรค์ของท่านที่ไปตอนตายแล้ว ก็ไม่ต้องไปยกเลิกให้มันเหนื่อย ให้มันเป็นสวรรค์ในความหวังกันไปเรื่อยๆเถิด ส่วนสวรรค์ที่มีอยู่ที่นี่ และเดี๋ยวนี้นั้น ต้องการจะให้ทราบและปฏิบัติ และต้องการจะให้ได้รับอยู่ในทุกอิริยาบถ ทีนี้ก็ฟังเป็นเรื่องใหญ่โต เหลือวิสัย แต่อาตมายืนยันได้ว่า เป็นสิ่งที่เป็นได้ ไม่เหลือวิสัย เพราะเราทำอะไรไม่ลึกซึ้ง ไม่ประณีต ละเอียด มันจึงไม่รู้ธรรมะในชั้นที่ละเอียด แล้วมันน่าหัวว่า สวรรค์นี้ ไม่ต้องลงทุนเป็นเงิน เป็นทองอะไร ไม่ต้องเหนื่อยอะไร มากไปกว่าที่มีอยู่ก่อนแล้ว ให้ทุกคนทำตามหน้าที่ของทุกคนที่มีอยู่แล้วตามประจำวันของชีวิต แต่ขอเพิ่มนิดเดียวว่า ให้มี ธรรมมานุสติ ในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่นั้นๆ ชาวนาทำนา ชาวสวนทำสวน พ่อค้าก็ค้าขายไปตามเดิม ทำตามที่เคยทำอยู่อย่างเดิม แค่เพิ่มนิดเดียวคือ สติที่นึกถึงธรรมะ
อ่านเพิ่มเติม

หน้าที่ของพุทธบริษัท โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ของพุทธบริษัท โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – จงกระทำในใจให้สำเร็จประโยชน์
ต่อไปนี้อาตมาขออนุโมทนาที่จะปรารภธรรมะตามประสงค์ของท่านเจ้าภาพ ขอท่านสาธุชนทั้งหลายโดยมีท่านเจ้าภาพเป็นประธาน ให้ จงกระทำในใจให้สำเร็จประโยชน์ในการบำเพ็ญกุศล และในวันนี้ ในลักษณะอย่างนี้ ก็ดูแปลกประหลาดอยู่บ้างที่ให้ไปนั่งกลางดิน ให้คิดเสียว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะแผ่นดิน เป็นที่ประสูติ นั่งตรัสรู้ แสดงธรรม ที่อยู่ ที่กิน ของพระพุทธเจ้า ในที่สุดท่านก็ไปนิพพานกลางดิน จึงกล่าวได้ว่า ดินเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อนั่งบนดินอย่างนี้ ขอให้ทำใจระลึกถึงพระพุทธเจ้า ถือว่าเราเป็นการกระทำพุทธบูชาอย่างยิ่ง ต่อไปก็เป็นเรื่องของการบำเพ็ญกุศล มีความหมายที่ว่า เป็นการช่วยสืบทอดอายุพระศาสนาให้ยังอยู่ในโลก และขอให้ไทยทานทั้งหลาย มากน้อยเพียงไรมิใช่ปัญหา แต่ว่าไทยทานจะใช้ไปเพื่อการดำรงอยู่แห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นที่พึ่งแก่โลก หากศาสนายังอยู่ อาจเพราะมีผู้บวชผู้เรียนอยู่ได้ รู้ธรรมะอยู่ได้ และสอนสืบต่อๆกันไป หากกระทำได้อย่างนี้ พระศาสนายังอยู่ในโลกและเป็นหน้าที่ของพระศาสนาที่ทำให้โลกสันติสุข สันติภาพ ทั้งของบุคคลและสังคม และมีหน้าที่ให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ โดยมี ผู้บวช ผู้เรียน ผู้ปฏิบัติ และผู้เผยแพร่ ก็ขอให้มีธรรมในใจอย่างนี้ว่า มันมีส่วนกุศลกันทั้งโลก ดีกว่าที่ว่าไปสวรรค์วิมานเพียงไม่กี่คน เผยแพร่ไปทั่งโลก เป็นอานุภาพของธรรมะ ถ้าธรรมะยังมีอยู่ในโลก โลกก็รอด ไม่ต้องมีปัญหา คนไม่ค่อยชอบที่จะยอมรับธรรมะ ถ้ามนุษย์ยอมรับธรรมะ เพื่อขจัดสิ่งเลวร้ายในโลก นั่นคือความเห็นแก่ตัว ขอให้ใคร่ดูอย่างละเอียด การเบียดเบียนทั้งตนเอง และผู้อื่น เป็นความเห็นแก่ตัวทั้งนั้น ถ้าเห็นแก่ตัวแล้ว ก็หาความซื่อตรงไม่ได้ คดโกง พูดกันไม่รู้เรื่อง อ่านเพิ่มเติม

เศรษฐกิจคืออะไร โดย พุทธทาสภิกขุ

เศรษฐกิจคืออะไร โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – การกระทำที่ดีที่สุด ผลออกมาก็ดีที่สุด
ท่านสาธุชน ผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย การบรรยายประจำวันเสาร์ แห่งภาควิสาขบูชาเป็นครั้งที่แปดในวันนี้ อาตมาก็ยังคงกล่าวเรื่องไปตามเดิม สำหรับในวันนี้มีหัวข้อว่า เศรษฐกิจคืออะไร ทั้งหมดนี้จะกล่าวไปในทัศนะของพุทธบริษัท ดังนั้นท่านจึงไม่ต้องเหมือนกับเขาที่กล่าวกัน ในการบรรยายทุกครั้งที่แล้วมา ที่กล่าวถึงว่า การศึกษาคืออะไรการทำงานคืออะไร การคบหาสมาคมคืออะไร ศาสนาคืออะไร การทำบุญทำทานคืออะไร จิตใจคืออะไร ทรัพย์สมบัติคืออะไร เหล่านี้เป็นการกล่าวในทัศนะของพุทธบริษัท มันจึงเป็นการกล่าวที่แปลกออกไป จนในครั้งที่แล้วกล่าวว่าทรัพย์สมบัติคืออะไร เป็นการกล่าวว่าเราไม่ได้มีทรัพย์สมบัติที่แท้จริง ตรงตามความหมายของคำนี้ คือไม่ได้เป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความปลื้มใจ ภาคภูมิใจ แต่เรามีลักษณะของผู้ที่มีนั้นเหมือนเปรต ที่ทูนภูเขาอยู่ตลอดเวลา และได้ตายไปเป็นโสมเฝ้าทรัพย์ ดังนั้นเราต้องดูเสียใหม่ ให้รู้จักว่าทรัพย์สมบัติคืออะไร แล้วก็มีมันให้ตรงความหมายที่แท้จริง ซึ่งมีความสำคัญอยู่ที่ว่ามันต้องทำความปลื้มใจ เย็นอกเย็นใจ ไม่ใช่ทำความร้อนใจ เดี๋ยวนี้เรามีทรัพย์สมบัติที่ทำความร้อนใจ กระวนกระวาย มันไม่ใช่ทรัพย์สมบัติ มันเป็นสิ่งเผาลนชนิดหนึ่ง ขอจงดูความจริงเถิด ไม่ต้องคาดคะเน ก่อนได้ทรัพย์สมบัติมา ก็กระวนกระวายใจ ครั้นได้มา ก็ไม่หยุดกระวนกระวายใจ อยู่ด้วยความรัก หึงหวง วิตก นานาประการ อย่างที่พ่อบ้าน แม่บ้าน เป็นโรคเส้นประสาทกันโดยมาก โดยทรัพย์สมบัตินั้น แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าทรัพย์สมบัติได้อย่างไร คือมันเป็นสิ่งที่ทรมานใจ เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น ไม่ได้สร้างความเยือเย็นเลยสักนิดเดียว ดังนั้นเราต้องดูทรัพย์สมบัติกันเสียใหม่ในทัศนะของพุทธบริษัท มองในฐานะที่เป็นพุทธบริษัท ดังที่ได้กล่าวมาแล้วการบรรยายทั้งเจ็ดครั้งที่แล้วมา
อ่านเพิ่มเติม

แม่, พระคุณของแม่ โดย พุทธทาสภิกขุ

แม่, พระคุณของแม่ โดย พุทธทาสภิกขุ

หน้าที่ 1 – เมื่อถูกถามว่าแม่คืออะไร
อาตมาต้องขอโอกาสจากญาติโยมทั้งหลายพูดแก่นักเรียนที่อยู่ข้างหลัง ที่พึ่งมาถึง ก็คิดอยู่ว่าจะพูดเรื่องอะไรดี แต่ก็คิดอยู่ว่าเรื่องแม่, เรื่องพระคุณของแม่โดยยึดหลักว่า คนที่ไม่รู้เรื่องแม่คืออะไรนั้น เป็นเรื่องที่ไม่รู้อะไรแล้วจะไปรู้อะไรอีก ในเมื่อแม่มันยังไม่รัก มันจะไปรักใครได้ ต้องดูที่ตรงนี้ มันจะไม่มีพื้นฐานทางศีลธรรม ไม่อาจจะรักผู้อื่น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นักเรียนเมื่อถูกถามว่าแม่คืออะไร นักเรียนก็อึกอัก ตอบไม่ได้ มักจะเห็นแต่เรื่องภายนอก ตั้งแต่เกิดมา แม่เป็นผู้ให้สตางค์ใช้ ก็เห็นกันเท่านี้ มันควรจะลึกลงไปถึงเรื่องจิตใจว่าเราเป็นอะไร นิสัยดีเลวอย่างไร มารยาทจะดีหรือเลวนั้นเพราะแม่เขาใส่มาให้ อบรมมาให้ แต่ถ้ารับการอบรมมาไม่เพียงพอก็เอาตัวไม่รอด จะรอดหรือไม่รอด อยู่ที่แม่นั่นเอง เด็กๆควรจะรู้พระคุณของแม่ ว่าไม่ใช่แค่ให้ทางด้านกาย เงินใช้ ที่อยู่ ที่กิน แต่แม่สร้างด้วยจิตใจ ว่าจะให้ดีหรือเลวอย่างไร ควรมองให้ลึก พุทธเจ้าท่านตรัสว่า บิดามารดา เป็นพรหมของลูก เป็นเทวดาของลูก เป็นพระอรหันต์ของลูก ถ้านักเรียนคนไหนตอบได้อย่างนี้ น่าจะมีรางวัลให้ แต่ส่วนใหญ่ตอบแค่ แม่เป็นผู้ให้สตางค์ใช้ เท่านั้นเอง ถ้ามองกันให้ลึกว่า ลูกจะขึ้นสวรรค์หรือจะลงนรก ก็ขึ้นอยู่กับบิดามารดานั่นเอง มันมีการสนับสนุนถูกหรือผิดตั้งแต่เกิด ถ้าสนับสนุนในทางที่ผิดเด็กก็จะเลว แต่ถ้าสนับสนุนในทางที่ถูกเด็กก็จะดี
อ่านเพิ่มเติม

ทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นทุกข์ โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นทุกข์ โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – เรื่องกลางดิน
ท่านผู้เป็น อคัณตุกะทั้งหลาย บรรดาที่ประชุมกันอยู่ที่นี้ บัดนี้เป็นโอกาสกำหนดไว้ ที่จะมีการพูดจากัน และก็บังเอิญมาพร้องกันหลายระดับ เป็นชนขั้นทางจิตจิต ทางวิญญาณชนิดที่เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องด้วยทุกระดับจึงจะได้ ถ้าพูดถึงระดับต่ำ ระดับเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ก็สนใจฟัง โดยพื้นความหมายที่มันสูงกว่านั้น หรือว่าเป็นการศึกษาเรื่องของ วัยเด็ก รุ่นเด็ก สำหรับเด็ก พร้อมกันไปก็ได้ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรกันได้ จะมีประโยชน์น้อยเกินไปก็ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรกันได้ จะมีประโยชน์น้อยเกินไปก็ได้ ไม่คุ้มค่ามา จึงขอให้ทุกคนเด็กเล็กที่สุด ก็พยายามทำให้ดี ฟังให้ได้ ถ้าสู้ไม่ไหวก็หลับไปเสียเลย จะได้หมดปัญหา
อ่านเพิ่มเติม

สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเคารพ โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเคารพ โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ท่านสะมะทุชนทั้งหลายมีท่านผู้แทนมหาวิทยาลัยท่านผู้แทนประชาชนชาวจังหวัดสุราษฎร์เป็นประธาน อาตมาขอกล่าวธรรมะปฏิสันถาร คำนี้เป็นคำเก่าแก่คือการต้อนรับด้วยธรรมะ ให้มีธรรมะเป็นของฝากเรียกว่าธรรมะปฏิสันถาร อาตมาขอกล่าวธรรมะปฏิสันถารแก่ท่านทั้งหลาย หัวข้อที่จะกล่าวมีว่า ปัญหาทั้งหมดในโลกแก้ได้ด้วยการเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ โปรดฟังให้ดี ๆ สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเคารพเราต้องเคารพสิ่งนั้น และจะแก้ปัญหาทั้งหมดในโลกได้ไม่ว่าปัญหาอะไรจะเป็นปัญหาทั้งโลก หรือปัญหาของประเทศหยิบมือเดียว จงโปรดจำคำว่าปัญหาทั้งปวงจะแก้ได้ด้วยเราพากันเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเคารพ และท่านก็คงจะประหลาดใจในการที่จะได้ฟังว่าสิ่งนั้น คือหน้าที่ บางคนจะไม่เคยฟัง ไม่เคยคิด ไม่เคยฝันว่าพระพุทธเจ้าทรงเคารพหน้าที่
อ่านเพิ่มเติม

สิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตาในฐานะเป็นหัวใจของพุทธศาสนา โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

สิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตาในฐานะเป็นหัวใจของพุทธศาสนา โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – สิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตาบาลี
นิสิตนักศึกษาครูบาอาจารย์ทั้งหลายการบรรยายในครั้งนี้จะได้บรรยายโดยหัวข้อว่าสิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตาบาลีว่าธรรมทั้งปวงธรรมแปลว่าสิ่งนี้สิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตาในฐานะที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนาเราได้ใช้เวลาไม่มากมายอะไรแต่จะพูดถึงสิ่งที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนาคือหลักการที่ว่าทุกสิ่งนั้นมิได้เป็นตัวตนตามธรรมชาติมิได้เป็นตัวตนเมื่อไปยึดถือเอาเป็นตัวตนมันก็เปลี่ยนรูปเป็นของหนักขึ้นมาระบบขบกัดผู้ที่ยึดถือว่าเป็นตัวตนนั่นแหละให้มีความทุกข์มีความลำบากใจความมันก็มีเท่านี้ทุกสิ่งตามธรรมชาติเป็นไปตามธรรมชาตินั้น
อ่านเพิ่มเติม

การเห็นและการมีพระพุทธเจ้าอยู่กับเนื้อกับตัว โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

การเห็นและการมีพระพุทธเจ้าอยู่กับเนื้อกับตัว โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – อานาปาณสติสูติ
ก่อนอื่นทั้งหมดขอแสดงความรู้สึก ยินดี พอใจ อนุโมทนา ในการที่ท่านทั้งหลาย ได้มาสู่สถานที่นี้ ในลักษณะอย่างนี้ โดยสรุปในแง่หนึ่งก็ว่า เป็นเกียรติสูงสุดสถานที่นี้ กระผมในเวลานี้อยู่ในลักษณะทุพพลภาพ สบายดีไม่มีอะไรแต่ว่าไม่มีแรง บางเวลาจะลุกจากที่นอนก็ยังลุกไม่ค่อยจะไหว ไม่มีแรงแค่นั้นเอง มันถึงคราวที่หมดแรง แต่มันไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไรที่ ปรากฏรบกวนไม่มีแรงก็ขอแสดงความยินดี อนุโมทนาไป ตามแบบผู้ที่ไม่มีแรง

ขออนุโมทนาไป ขออภัย ที่ไม่มี อมิสะสติสัญฐาน ขอต้อนรับด้วยธรรมะ ปฏิสัญฐานตามที่จะทำได้ด้วยการพูดจา และขอถวายหนังสือเล็กๆ องค์ละเล่มทุกองค์ กว่าทุกคนจะเป็นอุบาษก อุบาสิกา ในฐานะเป็นธรรมะปฏิสัญฐาน ขอให้อ่านหลายๆเที่ยว จะเข้าใจ อ่านครั้งอาจจะไม่เข้าใจ เมื่ออ่านหลายเที่ยวก็จะเข้าใจ ถ้าเข้าใจแล้วก็ปฏิบัติตามทีละนิดๆ ไม่ใช่ทีเดียวตลอดไป แล้วก็ทำให้ได้ด้วย ทีละนิดๆ เป็นขั้นๆไป ตอนนี้มันจะสอนดีที่สุดเพียงแต่อ่านหรือฟัง แล้วได้นิดเดียวคือจำได้แล้วก็ลืม คิดๆจนเข้าใจมันก็ได้ในขั้นที่ว่าเข้าใจ ต่อเมื่อใส่ลงไปในการปฏิบัติแล้วมันก็จะมาถึงขั้นที่เรียกว่ารู้แจ้ง จำได้ต่ำที่สุด เข้าใจเป็นกลาง รู้แจ้งอยู่สูงสุด ซึ่งมีความหมายอย่างเดียวกับคำว่า วิปัสสนา แปลว่าเห็นแจ้ง ในที่นี้ในการรู้แจ้งเป็นเรื่องเดียวกัน รู้แจ้งด้วยความรู้สึก ก็มันเดความรู้สึกมันรู้แจ้งต่อความรู้สึก ไม่ใช่แค่เพียงแต่เข้าใจนะ ก็ขออภัยว่าไม่ได้ต้อนรับด้วยอมิปฏิสันฐานใดๆ มีแต่ธรรมะปฏิสัญฐาน เท่าที่จะทำได้ ทีนี้ผมก็ขอแสดงความยินดี ปรีดาปราโมช อนุโมทนา อ่านเพิ่มเติม

ทุกข์และความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ทุกข์และความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – ทุกข์
จะให้พูดเรื่องอะไรเป็นเรื่องแรก ถ้าเรื่องศีล ป่วยการไม่ใช่ตัวปัญหา การศึกษาพุทธศาสนาจะต้องพูดเรื่องทุกข์เป็นคำแรก เพราะปัญหามันอยู่ที่นั้น คำนวณใคร่ครวญ ดูสังเกตดูปัญหาทั้งหมดทั้งสิ้นทั้งโลก ปัญหามันอยู่ที่ปัญหานั้นแหละ และปัญหาก็คือความทุกข์ ที่เราทนไม่ได้ ถ้าเราทนได้ก็ไม่เป็นปัญหา

เดี๋ยวนี้สิ่งที่ทนอยู่ไม่ได้ก็ต้องจัดการนั้นคือปัญหา ถ้าเราไม่มีความทุกข์ก็ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องขนฝายเกี่ยวกับธรรมะหรือศาสนานี้เลย เรื่องทางโลกก็เหมือนกัน ถ้ามันไม่เกี่ยวกับปัญหาความทุกข์มันก็ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวนี้มันก็ไม่มีจะกิน ไม่มีจะใช้มันจะตายเป็นต้น เป็นปัญหาและก็ต้องจัดการกับปัญหาแบบโลก ๆ ไม่มีกินไม่มีใช้ เรื่องธรรมะเป็นเรื่องสูงขึ้นไปปัญหาก็คือว่าไม่ต้องเป็นทุกข์ แม้ว่าจะมีกินมีใช้หมดทุกข์ไปในส่วนหนึ่ง แล้วยังมีอีกส่วนหนึ่ง ที่มันยังเป็นความทุกข์ ทางจิตใจนี้ก็เป็นปัญหาที่ ๒ ปัญหาที่ ๑ คือจะทำอย่างไรให้มีกินมีใช้ ให้รอดตายนี้เราไม่พูดกันหรอก อ่านเพิ่มเติม

สนทนาปัญหาบ้านเมือง โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

สนทนาปัญหาบ้านเมือง โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – วัดล้ออายุวันเกิด 84
ถาม: แต่แพทย์ก็ยังถวายการรักษาอย่างปกติเป็นประจำครับผม ท่านเจ้าคุณอาจารย์: หมอช่วยดูแลอยู่เป็นประจำ ถาม: มีญาติโยมปรารภมาว่า เมื่อตอนที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ทำงานวัดล้ออายุวันเกิด 84 ท่านปรารภว่า จะหยุดการทำบุญวันเกิดเอาไว้แต่เพียงแค่นั้น ก็มีเสียงออกมาว่า เดี๋ยวนี้จะเป็นการปลงอายุสังขารหรืออย่างไร พระเดชพระคุณมีความหมายอย่างไรครับ กับคำที่ว่าจะหยุดการทำอายุไว้แต่เพียงเท่านั้น ท่านเจ้าคุณอาจารย์: คำพูดนั้นไม่ตรงทีเดียว ก็คือ เราเรียกว่าการทำบุญล้ออายุ พอมาปีสุดท้าย 84 ปี นี้เราเรียกว่าทำบุญเลิกอายุ คือไม่ยุ่งกับอายุอีกต่อไป ให้มันเป็นพิธีรีตองให้ยุ่งยากลำบาก เลิกมีปัญหาเกี่ยวกับอายุ ถ้าพอมีเวลาว่างอยู่ก็ไปทำในความสงบ หรือทำสิ่งที่มันไมเกี่ยวกับอายุ ไม่ใช่ว่าเป็นการปลงสังขารนะ ไม่ได้ปลงสังขาร ทำงานสนองพระพุทธประสงค์ต่อไปๆ เลิกเรื่องยุ่งๆเกี่ยวกับอายุเสีย แล้วก็มีเวลามาทำงานสนองพระพุทธประสงค์ให้มากขึ้น เลิกอายุ ถ้าจะทำต่อไปอีกเรียกว่า อยู่กับความว่างไม่ล้อไม่เลิกอะไรอยู่กับความว่าง ศึกษาเผยแพร่เกี่ยวกับความว่าง พิธีรีตองเกี่ยวกับอายุอย่าเข้ามายุ่งให้เสียเวลา
อ่านเพิ่มเติม

การงานคืออะไร จะสนุกและเป็นสุขในการทำงานได้อย่างไร โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

การงานคืออะไร จะสนุกและเป็นสุขในการทำงานได้อย่างไร โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – ละเมอเพ้อฝัน
สำหรับความรู้สึกที่ได้นั่งกลางดิน ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความหมายอะไรอย่างน้อยก็มีความหมายถึงการที่พระพุทธเจ้าท่านประสูติกลางดิน ท่านตรัสรู้กลางดิน ท่านปรินิพพานกลางดินท่านอยู่กลางดินตลอดเวลาแผ่นดินนี้ชั่งเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าเหลือเกิน แผ่นดินมีความหมายเป็นที่รองรับในสิ่งทั้งปวง มีความหมายอย่างเดียวกับคำว่าธรรมหรือธรรมะซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นเครื่องรองรับสิ่งทั้งปวงทางด้านจิตและด้านวิญญาณให้เราเตรียมใจได้ง่ายโดยการนั่งกลางดินซึ่งโดยมาเขาจะบรรยายในห้องบรรยายในมหาวิทยาลัยในอะไรต่างๆ ซึ่งไม่ได้นั่งกลางดินไม่มีโอกาสนั่งกลางดินเพื่อฟังธรรมะก็เหมือนกับแผ่นดินการที่เรานั่งกลางดินเพื่อฟังธรรมมันก็เข้ารูปการขอให้มีจิตเหมือนแผ่นดินฟังธรรมมีอุปมาเหมือนแผ่นดินด้วยการคิดค้นอาตมาจะสนองความประสงค์โดยการแสดงธรรมะตามหัวข้อที่ท่านขอร้องมาคือเรื่องการงาน
อ่านเพิ่มเติม

การสืบต่อความประสงค์ของบรรพบุรุษ โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

การสืบต่อความประสงค์ของบรรพบุรุษ โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – รักด้วยความรู้ด้วยสติปัญญาที่ถูกต้อง
แต่ว่าประเพณีมีอยู่สำหรับอย่างนั้น เราก็ปฏิบัติให้ดีที่สุด และก็มาสำเร็จประโยชน์เต็มที่แก่ทุกคนหรือแก่ทุกฝ่าย ตายายมาก็ต้อนรับก็ยินดีต้อนรับ ทำให้พอใจด้วยคามรักด้วยความกตัญญู ที่นี่วันส่งตายาย ก็ทำให้ตายายยินดีในการกลับไป เมื่อมาก็ให้ได้ยินดีเพราะการมา ในการมา เมื่อไปก็ให้ได้รับประโยชน์ยินดีเพราะการไป ถ้าทำได้ดังนี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมะใหญ่หลวงอยู่ในตัวการกระทำนั้นๆ ขอให้สนใจให้ตั้งใจให้ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ควรจะทำให้ทุกขั้นตอนถูกต้อง บริสุทธิ์ ผุดผ่องสำเร็จประโยชน์ ตามความหมายนั้นๆ ขั้นแรกก็จะต้อง ก็จะต้องพูดถึงเรื่องจริงในจริงเสียก่อนว่าในหัวใจนี้มันรู้สึกเป็นลูกหลานของตายายจริงหรือไม่ ถ้าว่าเป็นลูกหลานของตายายจริง มันก็จะได้ทำให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกหลานของตายายจริงๆ เดี๋ยวกลัวจะเล่นตลก เล่นตลก เป็นลูกหลานแต่เพียงรับมรดกเท่านั้น ตายายจะไปตายโหงไปตายที่ไหนก็ไม่รู้ไม่ชี้ นี่กูเอาแต่มรดกก็แล้วกันนี่กลัวมันจะเป็นลูกหลานซะอย่างนี้นะ ขอให้คิดดูให้ดีว่าเป็นลูกหลานที่แท้จริงหรือไม่ ดูให้ดีว่ามันเกิดมาจากโพรงไม้ มันเกิดได้เองหรือว่ามันต้องเกิดมาจากบิดามารดาหรือปู่ย่า ตายาย ถ้าว่ามันเกิดมาจากปูย่าตายายมันก็ควรจะรัยรองในความเป็นลูกหลาน เป็นลูกหลานกันให้ถูกต้อง ควรจะสอนเด็กๆ ลูกเล็กเด็กๆให้มันรู้ความหมายข้อนี้ ว่ามันไม่ได้เกิดเอว่ามันไม่ได้เกิดจากโพรงไม่หรอทางอื่นใด
อ่านเพิ่มเติม

ศิลปะแห่งการใช้สติในทุกกรณี โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ศิลปะแห่งการใช้สติในทุกกรณี โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – ศิลปะคืออะไร
ขอให้ท่านทำความเข้าใจในความมุ่งหมายของการบรรยายนี้ให้ถูกต้อง เพราะมีความกำกวมบางอย่างที่อาจจะเข้าใจผิดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็คือคำว่า ศิลปะ นั่นเอง ในภาษาไทยคำนี้มันกำกวมไม่ได้รัดกุม เพราะไม่มีคำรัดกุม อาตมาจึงต้องกำกัดความ ของคำว่าศิลปะ ให้เป็นที่แน่นอน อย่าให้กำกวมมากเกินไปด้งที่ได้กล่าวมาแล้วในครั้งก่อนๆ ว่า ศิลปะนั้น ความหมายสำคัญอยู่ที่ความงาม และความเป็นสิ่งที่ต้องใช้ฝีมือ คือทำยาก และให้สำเร็จประโยชน์จนถึงที่สุดในความมุ่งหมายแห่งเรื่องนั้นๆ เพราะว่าศิลปะบนสุดต้องเป็นอย่างนี้
อ่านเพิ่มเติม

ความประสงค์อันแท้จริงเกี่ยวกับการจัดงานล้ออายุ โดย ท่าน พุทธทาส

ความประสงค์อันแท้จริงเกี่ยวกับการจัดงานล้ออายุ โดย ท่าน พุทธทาส

หน้าที่ 1 – รักอายุ ล้ออายุ หลงอายุ
อาตมาไม่ทราบเรื่องที่จะจัดและก็ไม่ได้พูดอะไรโดยประการทั้งปวง บัดนี้ได้กลายเป็นว่ามีผู้จะขอจัดอีก อย่างที่กล่าวเมื่อตะกี้นี้ว่า ท่านปัญญาหรือใครจะเป็นตัวการ ตัวประธานจัด แล้วก็ไม่ได้มา แล้วก็ให้มาประชุมกันเอง ก็ลองประชุมกันว่าจะประชุมอย่างไร ถ้าให้อาตมาพูดก่อนก็จะขอพูด ความประสงค์เกี่ยวกับการที่จะจัดต่อไปนี้ ขอได้โปรดฟังให้ดี อาตมาขอขอบพระคุณท่านทั้งหลายที่มาประชุม ถึงจะเคยจัดกันมาแล้ว แต่หนหลังมันเหน็ดเหนื่อยกันมาก ก็ขอขอบพระคุณที่วันนี้ก็มากันอีก ขอทำความเข้าใจเป็นพิเศษ ในฐานะเป็นเรื่องสำคัญ ปรารภโดยส่วนรวม ก็อยากจะพูดว่า ที่จัดแล้วปีกลายนั้นเป็นเรื่องโลภ พระพุทธเจ้าท่านมาเห็นท่านจะสั่นพระเศียรหรือหน้าเบ้ หรือถ้าคนธรรมดาก็จะถมน้ำลายรด คือมันเป็นเรื่องโลภเกินไปจัดกันงานใหญ่ยิบ กินกันใหญ่ รับเงินกันใหญ่ แสดงบทบาทกันใหญ่ไม่มีดนตรี มีรำ มีอะไรนี่ นี่เรียกว่าเป็นอย่างจัดงานต่ออายุ หรืฉลองอายุ มีความรู้สึกว่าพระพุทธองค์ สมมุติว่ามาเห็นแล้วทรงว่าไอ้พระพุทธธาตุบ้า จัดงานอะไรอย่างนี้
อ่านเพิ่มเติม

แผ่นดินธรรม – แผ่นดินทอง เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักแห่งศาสนา โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

แผ่นดินธรรม – แผ่นดินทอง เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักแห่งศาสนา โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – อิทัปปัจจยตา
ข้อนี้เป็นสิ่งที่ต้องสนใจคือว่าถ้ามันถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของธรรมชาติแล้ว มันเป็นสิ่งที่จะเป็นไปได้ เป็นสิ่งที่มีเหตุผลที่ควรจะทำให้เป็นไป ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของธรรมชาติในที่นี้ก็คือธรรมชาติสร้างมนุษย์มาให้มีทั้งกายและใจ หรือตามหลักพระพุทธศาสนาก็คือมีรูปและมีนามเป็นสิ่งที่ประกอบกันเป็นชีวิตอัตภาพหนึ่งๆ โดยหลักพระพุทธศาสนาก็คือหลักของธรรมชาติ พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ความจริงของธรรมชาติหรือทรงทราบความลับของธรรมชาติ ทรงนำมาเปิดเผย ทรงนำมาแสดงให้มนุษย์ทั้งหลายได้รับทราบและปฏิบัติให้สำเร็จประโยชน์ พระองค์ได้ตรัสโดยหลักกลางๆ ที่เรียกว่า อิทัปปัจจยตา คือ การที่สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นไปตามเหตุ เป็นไปตามปัจจัย เดี๋ยวนี้สิ่งทั้งปวงนั้นมันมี 2 เรื่อง คือ เรื่องกายและเรื่องใจ เราก็จะต้องทราบทั้ง 2 เรื่องประพฤติกระทำให้ถูกต้องทั้งสองเรื่องจึงจะเป็นไปได้ ดังนั้นการจะแยกหน้าที่ออกเป็น 2 เรื่อง คือหน้าที่สำหรับกายและหน้าที่สำหรับใจจึงเป็นสิ่งที่ชอบด้วยเหตุผล หรือยิ่งกว่าเหตุผลคือถูกต้องตามความจริงของธรรมชาตินั่นเอง เมื่อธรรมชาติสร้างมาให้มนุษย์มีทั้งกายและใจ มนุษย์จึงมีหน้าที่ที่จะทำความรอดให้เกิดขึ้นทั้งทางกายและทางใจ หรือว่ามนุษย์ก็มีหน้าที่ที่จะพัฒนาทั้งทางกายและทางใจ
อ่านเพิ่มเติม

. . . . . . .