แผ่นดินธรรม – แผ่นดินทอง เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักแห่งศาสนา โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

แผ่นดินธรรม – แผ่นดินทอง เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักแห่งศาสนา โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – อิทัปปัจจยตา
ข้อนี้เป็นสิ่งที่ต้องสนใจคือว่าถ้ามันถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของธรรมชาติแล้ว มันเป็นสิ่งที่จะเป็นไปได้ เป็นสิ่งที่มีเหตุผลที่ควรจะทำให้เป็นไป ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของธรรมชาติในที่นี้ก็คือธรรมชาติสร้างมนุษย์มาให้มีทั้งกายและใจ หรือตามหลักพระพุทธศาสนาก็คือมีรูปและมีนามเป็นสิ่งที่ประกอบกันเป็นชีวิตอัตภาพหนึ่งๆ โดยหลักพระพุทธศาสนาก็คือหลักของธรรมชาติ พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ความจริงของธรรมชาติหรือทรงทราบความลับของธรรมชาติ ทรงนำมาเปิดเผย ทรงนำมาแสดงให้มนุษย์ทั้งหลายได้รับทราบและปฏิบัติให้สำเร็จประโยชน์ พระองค์ได้ตรัสโดยหลักกลางๆ ที่เรียกว่า อิทัปปัจจยตา คือ การที่สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นไปตามเหตุ เป็นไปตามปัจจัย เดี๋ยวนี้สิ่งทั้งปวงนั้นมันมี 2 เรื่อง คือ เรื่องกายและเรื่องใจ เราก็จะต้องทราบทั้ง 2 เรื่องประพฤติกระทำให้ถูกต้องทั้งสองเรื่องจึงจะเป็นไปได้ ดังนั้นการจะแยกหน้าที่ออกเป็น 2 เรื่อง คือหน้าที่สำหรับกายและหน้าที่สำหรับใจจึงเป็นสิ่งที่ชอบด้วยเหตุผล หรือยิ่งกว่าเหตุผลคือถูกต้องตามความจริงของธรรมชาตินั่นเอง เมื่อธรรมชาติสร้างมาให้มนุษย์มีทั้งกายและใจ มนุษย์จึงมีหน้าที่ที่จะทำความรอดให้เกิดขึ้นทั้งทางกายและทางใจ หรือว่ามนุษย์ก็มีหน้าที่ที่จะพัฒนาทั้งทางกายและทางใจ
อ่านเพิ่มเติม

ความไม่ยึดมั่นถือมั่นในฐานะเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

ความไม่ยึดมั่นถือมั่นในฐานะเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – นักปราชญ์
ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องทุกข์กับเรื่องดับทุกข์ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราบัญญัติ อย่างนี้ก็พอจะจับได้สักชั้นหนึ่งก่อนว่าเรื่องความดับทุกข์นั่นแหละเป็นหัวใจของศาสนา ที่นี่ความดับทุกข์จะดับได้อย่างไรยังไม่รู้ เลยพูดออกไปได้ชัดเลยว่า ไอ้ความไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรโดยความเป็นตัวตนของตนนั่นแหละเป็นการดับทุกข์ จะพูดให้สั้นก็ว่าความไม่ยึดมั่นถือมั่นขยายความออกไปความไม่ยึดมั่นถือมั่นโดยความเป็นตนของตนหรือเป็นของ ของตน เป็นตนข้างในก็คือเป็นตน เป็นตนข้างนอกก็คือของตน เรียกกันทั่วๆไปว่าการไมยึดมั่นถือมั่น ที่นี่ก็มีปัญหาที่จะต้องบอกให้ทราบว่าคนเป็นอันมากที่เป็นนักปราชญ์ที่เรียกกันว่าเป็นนักปราชญ์ ก็คัดค้านว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกับคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนทั้งหลายด้วยยิ่งไม่ต้องพูดและคนทั่วไปก็ไม่ต้องพูด พูดเพียงแต่กับคนไม่กี่คนที่จะบรรลุมรรคผลเป็นพระอรหันต์จึงจะพูดเรื่องความไม่ยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้เสีย แต่อาตมาก็ยังยืนยันว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องพูดแก่ทุกคนทุกระดับตามสมควรแก่สถานของเขา เอาเป็นว่าเราไม่พูดถึงเรื่องความยึดมั่นถือมั่นที่ทำบุคคลให้เป็นพระอรหันต์นั่นแหละแก่ทุกคนเพราะมันเป็นเรื่องเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ทุกคนดับทุกข์ได้ ถ้ามีความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดโดยความเป็นตนของตน มันก็จะเป็นทุกข์เพราะความยึดมั่นถือมั่นนั่นเองเหมือนกับถืออะไรไว้ในมือจับอะไรไว้ในมือมันก็หนักมือ เป็นต้น ก็เข้าใจกันได้ง่ายๆอย่างนี้
อ่านเพิ่มเติม

ความกระหายต่อธรรม : ธัมมกามยตา โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ความกระหายต่อธรรม : ธัมมกามยตา โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – สัตตา
ในครั้งที่แล้วมาได้พูดถึงสิ่งที่เราพากันมองข้ามมาตามลำดับและคงเข้าใจในสิ่งเหล่านั้นว่า เป็นสิ่งที่มองข้ามอย่างไร แล้วก็จะเข้าใจต่อไปโดยง่ายแต่ความที่เราเป็นเสมือนโง่อย่างหลับหูหลับตา มองข้ามสิ่งที่ไม่ควรจะมองข้าม นี่เป็นอันตรายอย่างยิ่งก็มี เป็นการทำให้ไม่ก้าวหน้าในทางธรรมตรงนี้ ไม่ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ควรจะได้รับก็มี แต่ขอทบทวนสำหรับผู้ที่มาใหม่ แต่หัวข้อ อีกซักครั้งหนึ่งว่าสิ่งที่พากันมองข้ามนั้น

สิ่งแรกก็คือ ความจริงที่มนุษย์จะสิ้นสุดมนุษยธรรมตัวโลกทั้งโลกกำลังหมดความเป็นมนุษย์ยิ่งๆขึ้นทุกที มัวไปสนใจอยู่ในสิ่งที่ทำจิตใจให้ต่ำทรามไม่สนใจในสิ่งที่ทำจิตใจให้สูงให้สมกับความเป็นมนุษย์ และสิ่งถัดมาที่พากันมองข้ามก็คือว่าโลกพระศรีอานนั้น อยู่แค่ปลายจมูก คือเมื่อใดมนุษย์มีศีลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อที่ว่ารักผู้อื่นเท่านั้นเองปฏิบัติต่อกันในฉันเป็นผู้ที่รักใคร่แก่กันและกันฆ่ากันไม่ได้ขโมยกันไม่ได้ร่วมของรักกันไม่ได้ โกหกลอกหลวงกันไม่ได้ ไม่มึนเมา แม้แต่เพื่อนยังรำคาญ โลกนี้ก็เป็นโลกพระศรีอาน คือไม่มีความทุกข์ อยู่กันด้วยความสามัคคี อ่านเพิ่มเติม

ความเป็นหนี้เป็นสินและความไม่เป็นหนี้เป็นสิน โดย ท่าน พุทธทาส

ความเป็นหนี้เป็นสินและความไม่เป็นหนี้เป็นสิน โดย ท่าน พุทธทาส

หน้าที่ 1 – บรรพชิต
มีแต่รับเอาๆ มันก็ถือเป็นหนี้ไม่เคยมีให้เลย ดีแต่เอาไม่เคยให้เลย นั่นแหละคนเป็นหนี้ แต่คนนั้นมันเล่ารู้สึกตัวว่า เราได้ เราได้เปรียบอะไรอยู่คนเดียว ก็กลายเป็นไม่มีธรรมะ ก็คือไม่มี หิริโอตปะ นั่นเอง ถ้ามันมี หิริโตปะ อยู่บ้างมันจะทำอย่างไม่ได้ การที่ไม่รู้ตอบแทนคุณเขานั้นก็คือ ความไม่มีหิริโอตปะ มักจะเรียกกันอย่างหนึ่งว่า เป็นคน อกตัญญู เป็นคนอกตัญญูก็คือ เป็นคนที่ไม่ใช้หนี้ ถ้าเกิดดูให้ดีว่าเราเป็นหนี้กันอย่างไร หลีกไหวไหมที่จะไม่เป็นหนี้ จะเป็นหนี้เรื่อยไปๆใช้กันไปมา หรือไม่ใช้ก็แล้วแต่ จนกว่าจะเป็นพระอรหันต์ รวมตัวตนให้หลุดพ้นจากความเป็นหนี้ ตลอดยังมีตัวตนยังไม่เป็นพระอรหันต์มันก็ยังมีการเป็นหนี้ ก็ยังเป็นหนี้โดยธรรมชาตินี่ก็อย่างหนึ่ง เป็นหนี้ตามสมมติขึ้นมา ตามพระบัญญัติ ตามกฎหมาย ตามประเพณี ก้อย่างหนึ่ง มันมีอยู่ 2 หนี้ เป็นหนี้ตามกฎหมาย ตามประเพณีนั้น มันจำเป็นต้องใช้ ไปทำสัญญากู้ไปทำสัญญายืมเขาไว้ ไม่ใช้เขาก็ฟ้องร้องให้มันยุ่ง มันก็ใช้ มันก็รู้จักกันดี กับหนี้ชนิดนี้ แต่หนี้ที่เป็นโดยธรรมชาตินี้ ไม่ค่อยจะรู้จักกัน แล้วก็ไม่ค่อยสำนึกกัน กลายเป็นคนที่ไม่มี หิริโอตปะ
อ่านเพิ่มเติม

เรื่องเป้าหมายของชีวิต โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

เรื่องเป้าหมายของชีวิต โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – จิตของวิญญาณ
ทีนี่ผู้ให้หัวข้อนี้มันก็บอกหรือแสดงอยู่แล้วว่าไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางนั้นคืออะไรเราก็ต้องพูดถึงกันเรื่องจุดหมายปลายทางนั้นเองของชีวิตหรือเป้าหมายของชีวิตคือจุดหมายปลายทางชีวิตที่นี่มันก็มามีปัญหาอยู่ตรงที่ว่าในชีวิตนี้คืออะไรแต่ดูกันตามทางวัตถุคือทางร่างกายนี่ชีวิตมีนก็มีความหมายอย่างหนึ่ง ถ้าดูกันทางของจิตของวิญญาณชีวิตมีความหมายอีกประการหนึ่งดูกันในแง่วัตถุในแง่ร่างกายหญ้าบอนมันก็มีชีวิตสัตว์เดรัจฉานมันก็มีชีวิตคนก็มีชีวิตตลอดเวลาที่มันยังไม่ตายทางร่างกายมันยังไม่ตายชีวิตทางกายล้วนๆอย่างนี้มันก็มีอยู่ระบบหนึ่งเป้าหมายของมันก็คือจุดสูงสุดแห่งวิวัฒนาการด้วยเหมือนกันวิวัฒนาทางกายจะเป็นไปได้อย่างไรมันก็เป็นไปจนกว่าจะถึงที่สุดเราจึงเห็นได้ตามที่เคยศึกษาเล่าเรียนสั่งสอนกันมาว่าวิวัฒนาการทางกายทางรูปร่าง อ่านเพิ่มเติม

ความมีจุดหมายปลายทาง โดย ท่าน พุทธทาส

ความมีจุดหมายปลายทาง โดย ท่าน พุทธทาส

หน้าที่ 1 – อวิชชา
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย การบรรยายประจำวันเสาร์ ในครั้งที่ 12 แห่งภาควิสาฆบูชาในวันนี้อาตมาก็ยังคงกล่าวในเรื่อง สิ่งสำคัญที่พากันมองข้ามต่อไปตามเดิม และเนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายด้วย ก็จะถือโอกาส สรุปใจความทุกครั้งด้วย สำหรับในวันนี้จะได้กล่าว โดยหัวข้อเฉพาะว่า ความมีจุดหมายปลายทาง เป็นสิ่งที่พากันมองข้าม เราไม่ให้ความสำคัญแก่จุดหมายปลายทาง จึงไม่ได้สนใจ ว่าจะมีใครมีจุดหมายปลายทางกันอย่างไร เช่น ไม่รู้ว่า เกิดมาทำไม เพื่อจะได้อะไร ในฐานะเป็นสิ่งที่ดี ที่สุด ของมนุษย์ หรือว่าเราจะต้องทำอย่างไรจึงจะได้สิ่งนั้น เป็นอันไม่รู้กันเสียทั้งหมด ก็เลยไม่รู้ว่ามีจุดหมายปลายทางอย่างไร
อ่านเพิ่มเติม

ความรักดี โดย ท่าน พุทธทาส

ความรักดี โดย ท่าน พุทธทาส

หน้าที่ 1 – ปริยติธรรม
ในวันนี้ได้มีพระคณาธิการที่เป็นครูบาอาจารย์ สอนปริยติธรรมทั้งหลาย มาเพื่อประกอบพิธีปิดการประชุมในวันนี้ และขอร้องให้อาตมากล่าวสิ่งที่เป็นประโยชน์ แก่ท่านครูบาอาจารย์เหล่านั้นด้วย นี้ประการหนึ่ง และก็อีกประการหนึ่งมีนักเรียนจำนวนใหญ่ จำนวนหนี่งก็มาพ้องกันในวันนี้ เพื่อฟังธรรมะเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เป็นประโยชน์แก่หน้าที่การงานของตน จึงถือเอาเป็นโอกาสรวมกันเข้าเป็นเรื่องเดียว คือการบรรยายประจำสัปดาห์ซึ่งจะต้องติดต่อกันไปตามเนื้อหาของเรื่องนั้นก็ดี คำพูดที่จะฝากไว้ กับคณาธิการครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็ดี

คำบรรยายที่จะกล่าวแก่นักเรียนทั้งหลายก็ดี สามเรื่องนี้ขอบรรยายรวมกันในเรื่อง ว่าความรักดี และฐานะเป็นสิ่งที่พากันมองข้าม ขอทำความเข้าใจแก่ท่านทั้งหลายที่พึ่งมาฟังในวันนี้ ให้เป็นที่เข้าใจสักเล็กน้อยก่อนว่า เรากำลังพูดกันถึงเรื่องสิ่งสำคัญที่พากันมองข้าม หมายความว่าเราสร้างความเจริญให้แก่ตัวไม่ได้ ให้แก่สังคมไม่ได้ให้แก่ประเทศชาติศาสนาก็ไม่ได้ คือมันไม่มีความก้าวหน้าในทางศีลธรรมหรือวัฒนธรรมนั้นเอง โทษอันนี้มันเกิดขึ้นเพราะเราพากันมองข้ามสิ่งสำคัญ ที่ไม่ควรจะพากันมองข้าม และก็พากันมามองข้ามเสียหมด จึงขอเตือนว่าให้ดูกันเสียดี ๆ อ่านเพิ่มเติม

ธรรมะคือหน้าที่ โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ธรรมะคือหน้าที่ โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – ธรรมะคือกฎของธรรมชาติ
แต่เดี๋ยวนี้เรามักจะเข้าใจกันแต่เพียงว่าธรรมะคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านี้ส่วนมากก็ไม่ติดตามหลอกว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนอะไรที่จริงพระพุทธเจ้าท่านก็สอนสิ่งที่เป็นหน้าที่ขอให้เต็มใจ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งนี้ธรรมะคือหน้าที่เป็นเรื่องของธรรมชาติเป็นของธรรมชาติ แม้จะเคยพูดว่าธรรมะมี 4 ความหมายมันก็รวมอยู่ใน 4 ความหมายนั้นแหละธรรมะ 4 ความหมายได้แก่ธรรมะตัวธรรมชาติ ธรรมะคือกฎของธรรมชาติ ธรรมะคือหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติแล้วธรรมะก็คือผลที่จะได้รับจากการปฏิบัติหน้าที่ความหมายที่ 3 คือหน้าที่โดยตรงอยู่แล้วความหมายนี้สำคัญที่จะเอามาใช้ทั่วๆไปมันก็เลยพูดเรื่องนี้ในความหมายอันนี้ธรรมชาติเป็นสิ่งทั้งปวงที่เกิดตามธรรมชาติมันเป็นเรื่องรูปธรรมหรือร่างกายหรือวัตถุ ไม่ได้เป็นนามธรรมคือจิตใจนั้นก็มีเขาเรียกว่าธรรมชาติมีทั้งกายและจิตใจเรียกว่าธรรมชาตินี่ในธรรมชาติเหล่านี้มีกฎของธรรมชาติสิงอยู่ ควบคุมอยู่ บังคับอยู่ให้ธรรมชาติเหล่ารี้เป็นไปตามคนจึงมีกฎธรรมชาติที่ตายตัวเรามีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติให้ถูกตามกฎของธรรมชาตินี่มันจะเกิดปัญหาขึ้นก็มีความทุกข์กันเองนี่คือตัวธรรมะนี่เราพูดถึงระบบวิชามี 4 ความหมายเป็นความหมายที่ 3
อ่านเพิ่มเติม

ทำวัตรเช้าทำวัตรเย็น โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ทำวัตรเช้าทำวัตรเย็น โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – วิมุติตาณัตตะนะ
ทีนี้มันยังมีดีกว่านั้นถึงอาจจะไม่เคยได้ยินก็ต้องให้เขาเรียกว่าทางวิมุติตาณัตตะนะทางที่จะติดต่อกับวิมุติ คำว่าภิกษุฟังธรรมอยู่ก็ดี เมื่อบุคคลฟังธรรมอยู่ก็ดี แสดงธรรมอยู่ก็ดี สาธยายธรรมอยู่ก็ดี คิดนึกธรรมอยู่ก็ดี เจริญภาวนาอยู่ก็ดี 5 อย่างนี้มันเป็นทางแห่งวิมุติ ข้อแรกเมื่อภิกษุฟังธรรมเข้าใจธรรม ซึมทราบในธรรม เกิดปราโมทย์ เกิดปิติ เกิดสุข เกิดสมาธิ ตามลำดับเกิดสมาธิ เกิดยะถาโพธะญาณทัศนะเห็นธรรมตามที่เป็นจริงถึงที่เป็นทาน เป็นราคะ เป็นวิมุติภิกษุเป็นผู้ฟังธรรม บุคคลฟังธรรมจิตไปตามแนวนั้นทีนี้ ถ้าบุคคลแสดงธรรมให้ผู้อื่นฟังอยู่ไม่ใช่ฟังธรรมแต่เป็นผู้แสดงซะเอง แสดงไปคิดนึกไปอย่างลึกซึ้งมันถึงจุดที่ว่าเข้าใจธรรมที่แสดงพอใจมีปราโมทย์ มีปิติ มีความสุข มีสมาธิขึ้นมาโดยความพอใจ แล้วก็มียะถาโพธะญาณทัศนะเห็นธรรมที่เป็นจริงเพราะจิตเป็นสมาธิแล้วก็เกิดปิติถา เบื่อหน่าย ราคะ กายหนัก และจิตจะหลุดพ้นจากสิ่งที่ยึดถือนี่อย่างที่ 2 เป็นผู้แสดงธรรมอย่างที่ 3 สาธยายธรรมเมื่อเขาสาธยายธรรมอยู่ซึมทราบในธรรมมะนั้นโดยเฉพาะเกิดความ ปิติ ปราโมทย์ ก็เป็นสุขชนิดที่ทำให้เกิดจิตเป็นสมาธิ สมาธิมันเห็นตามที่เป็นจริงคือยะถาโพธะญาณทัศนะเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดและหลุดพ้นเมื่อสาธยายธรรมอยู่แท้ๆก็เป็นโอกาสที่บุคคลมีจิตชนิดนั้นที่แจ่มแจ้งโดยธรรมมีปราโมทย์ มีปิติ มีสุขมีสมาธิแล้วก็มียะถาโพธญาณทัศนะมีมีพิทาน มีราคะ และก็มีวิมุติ
อ่านเพิ่มเติม

ธรรมะคืออะไร? จะมีธรรมะได้อย่างไร โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ธรรมะคืออะไร? จะมีธรรมะได้อย่างไร โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – วิวัฒนาการ
เป็นอันว่าอาตมาขอถือเอาว่าท่านทั้งหลายมานี่ต้องการธรรมะจะไม่คำนึงถึงว่าบางคนรู้บางคนยังไม่รู้บางคนรู้มากบางคนรู้น้อยแต่จะขอสรุปความที่จะใช้ได้สำหรับทุกคนซึ่งเสมือนหนึ่งว่าจะเป็นของขวัญปีใหม่เพราะอีกสองสามวันก็จะถึงวันปีใหม่แล้วก็ถือโอกาสซะเลยว่าจะให้ความรู้ในวันนี้ในฐานะเป็นของขวัญสำหรับวันปีใหม่แล้วก็คือสิ่งที่เรียกว่าธรรมะนั่นเองให้ธรรมะในฐานะเป็นของขวัญวันปีใหม่มันจะแปผลกอะไรมันจะแปลกก็ตรงที่ว่าท่านทั้งหลายจะต้องทำให้มันมีธรรมะมากขึ้นกว่าปีที่แล้วมาอย่าให้มันซ้ำซากวนเวียนเลยให้มันก้าวหน้าขึ้นไปตามรำดับตามเวลาที่มันร่วงไปปีหนึ่งมันก็ล่วงไปๆเราจะมาย่ำท้าวซ้ำรอยอยู่นี่มันก็ไม่ไหวนี่ก็เพื่อจะให้สามารถก้าวหน้าไปไม่ต้องซ้ำรอยนั่นเองจึงต้องพูดถึงสิ่งที่เรียกว่าธรรมะนั้นให้เป็นที่เข้าใจ แจ่มแจ้ง ยิ่งๆขึ้นไป อาตมาก็เคยพูดมาหลายครั้งหลายหนแล้วว่าธรรมะคืออะไรแต่เกรงว่าบางคนไม่เคยได้ยินบางคนก็ลืมเสียแล้วบางคนก็จำได้ครึ่งๆกลางๆบางคนก็จำได้ แต่ยังไม่เข้าใจความหมายโดยสมบูรณ์นั้นเรามาพูดถึงสิ่งที่เรียกว่าธรรมะกันอีกสักครั้งหนึ่งเป็นข้อแรกธรรมะคืออะไรเวลานี้ท่านทั้งหลายบางคนก็คงจะนึกอยู่ในใจแล้วว่าธรรมะคืออะไรแล้วก็นึกได้นึกไปตามที่เคยได้ยินได้ฟังแล้วก็ได้ยึดถืออยู่เช่นว่าธรรมะคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นต้นธรรมะคือสิ่งที่แสดงอยู่บนทำมาตรดังนี้เป็นต้นถ้าอย่างนี้แล้วยังไม่พอยังไม่ถูกตัวธรรมะอันแท้จริงธรรมะคืออะไรขอให้ลูกหลานเหล่านี้รวมทั้งคุณ คุณป้าคุณน้าคุณลุงทั้งหลายด้วยช่วยจำกันไว้เป็นหลักจนตลอดชีวิตจะดีกว่าถ้าจำไว้อย่างถูกต้องและเป็นหลักแล้วมันจะง่ายจะสะดวกแก่การจะมีธรรมะยิ่งๆขึ้นไป เมื่อถามว่าธรรมะคืออะไรจงตอบว่าธรรมะคือการกระทำที่ถูกต้องคือการกระทำที่ถูกต้อง ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ของตนทุกขั้นทุกตอนแห่งวิวัฒนาการช่วยจำกันไว้ให้แม่นยำเป็นบทจำกัดความเป็นบทนิยามว่าธรรมะคือการกระทำที่ถูกต้อง ถูกต้องแก่อะไรถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ความเป็นมนุษย์ของใครของแต่ละคนละคนถูกต้องอย่างไรถูกต้องทุกๆขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการของตนๆ
อ่านเพิ่มเติม

เป้าหมายของชีวิต โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

เป้าหมายของชีวิต โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – จุดหมายปลายทาง
เมื่อมันเดินไปอย่างถูกต้องมันก็ถึงจุดหมายปลายทางแน่นอนนี่เราเรียกว่าธรรมมะก็เป็นเรื่องที่ทำให้ชีวิตก้าวหน้าไปจนถึงจุดหมายปลายทางที่นี่ผู้ให้หัวข้อนี้มันก็บอกหรือแสดงอยู่แล้วว่าไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางนั้นคืออะไรเราก็ต้องพูดถึงกันเรื่องจุดหมายปลายทางนั้นเองของชีวิตหรือเป้าหมายของชีวิตคือจุดหมายปลายทางชีวิตที่นี่มันก็มามีปัญหาอยู่ตรงที่ว่าในชีวิตนี้คืออะไรแต่ดูกันตามทางวัตถุคือทางร่างกายนี่ชีวิตมีนก็มีความหมายอย่างหนึ่ง ถ้าดูกันทางของจิตของวิญญาณชีวิตมีความหมายอีกประการหนึ่งดูกันในแง่วัตถุในแง่ร่างกายหญ้าบอนมันก็มีชีวิตสัตว์เดรัจฉานมันก็มีชีวิตคนก็มีชีวิตตลอดเวลาที่มันยังไม่ตายทางร่างกายมันยังไม่ตายชีวิตทางกายล้วนๆอย่างนี้มันก็มีอยู่ระบบหนึ่งเป้าหมายของมันก็คือจุดสูงสุดแห่งวิวัฒนาการด้วยเหมือนกันวิวัฒนาทางกายจะเป็นไปได้อย่างไรมันก็เป็นไปจนกว่าจะถึงที่สุดเราจึงเห็นได้ตามที่เคยศึกษาเล่าเรียนสั่งสอนกันมาว่าวิวัฒนาการทางกายทางรูปร่างโครงสร้างในของมนุษย์นี้ของสัตว์ที่มีชีวิตมันวิวัฒนาการมาตั้งแต่ว่าเป็นสัตว์เซลล์เดียวหลายเซลล์เป็นสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นมาเป็นพืชพันธุ์มาเป็นสัตว์มาเป็นคนกว่ามันจะสูงสุดคือไม่ๆไปได้ไกลไปกว่านั้นได้อีกแล้วก็เรียกว่าจบวิวัฒนาการทางชีวิตในด้านร่างกาย แต่เราก็ยังพูดไม่ได้ว่ามันจะไปจบลงที่ตรงใหนอย่างไรและก้ไม่จำเป็นด้วยที่จะต้องไปรู้มันมันยังไม่ใช่ปัญหาเฉพาะหน้าปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมดาของวัตถุ่งประกอบกันขึ้นเป็นเรื่องเป็นร่างกายเป็นไปในทางฝ่ายกายมันยังอีกนานมากนักไม่รู้กี่หมื่นปีกี่แสนปีต่อไปในอนาคตทีนี้มาดูชีวิตที่มันเป็นปัญหากันดีกว่าคือเมื่อยังไม่ตายก็มีความเป็นอยู่อย่างใดอย่างหนึ่งระบบใดระบบหนึ่งอยู่ทุกวันๆๆนี่มันเป็นชีวิตในด้านจิตใจฝ่ายจิตฝ่ายวิญญาณฝ่ายจิตนี่คือเรื่องจิตที่ติดอยู่กับกายแต่ฝ่ายวิญญาณนั้นเป็นเรื่องของสติปัญญาที่แยกออกมาได้เขาเรียกว่าเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณฝ่ายสติปัญญาถ้าเรายังไม่ตายเราก็มีจิตคิดนึกอะไรได้แล้วก็ปรับปรุงให้มันดีที่สุดเป็นจิตที่ฝึกฝนอารมณ์แล้วดีที่สุดอย่างที่พูดกันเมื่อคืนมันก็เท่านั้นแหละ
อ่านเพิ่มเติม

พึ่งตน พึ่งธรรม โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

พึ่งตน พึ่งธรรม โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – ไสยศาสตร์
นั้นเราควรจะพอใจในสิ่งที่เรียกว่าแผ่นดินมันเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าอย่างนี้ นั้นเมื่อได้เป็นอย่างนี้ก็มานั่งกันอย่างนี้ ขอให้จำใส่ใจไว้มันลืมเสียว่าคืนนี้เราได้มานั่งกันกลางดินเป็นที่ระลึกแก่พระพุทธเจ้าผู้ประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน สอนธรรมกลางดิน นิพพานกลางดิน ถ้าทำใจได้อย่างนี้ให้มันเกิดง่าย ชีวิตมันจะใกล้ต่อธรรมะอย่างยิ่ง เพราะมันไม่ทะเยอทะยานเหอะ ไอ้สิ่งที่นิยมกันสวยงามหรูหรามีเกียรติล้วนแต่เป็นเครื่องส่งเสริมกิเลสทั้งนั้น มานั่งกลางดินอย่างนี้มันไม่มีโอกาสที่จะส่งเสริมกิเลสเมื่อไปแสวงหาที่สวยงามที่สำราญใจอะไรต่าง ๆ นั้น มันส่งเสริมกิเลสควรจะพยายามอยู่กันให้ต่ำ ๆ จิตใจมันจะได้เป็นไปในทางสูง ถ้าเป็นอยู่ทางกายมันสูงกิเลสแล้วจิตใจมันก็ลงต่ำนั้นช่วยกันระมัดระวังให้ดีให้มีการกระทำชนิดที่จิตใจสูงได้เสมอไปไม่ว่าทำอะไรทำหน้าที่ทุกอย่างอยู่เป็นประจำว่าการทำมาหากินการกินการอยู่แสวงหาทรัพย์การเก็บอะไรต่าง ๆ ประโยขน์การดำรงชีวิตนี้ส่วนที่ดำรงชีวิตขอให้เป็นไปในลักษณะที่เรียกว่าต่ำ หรือสันโดษ หรือพอดี อย่าให้มันเกินพอดี อะไร ๆ อย่าให้มันเกินพอดี ทุกอย่างจะหามากินอย่าให้มันเกินพอดี มีไว้จะเก็บรักษาก็อย่าให้มันเกินพอดี มันจะถูกต้องคือมันไม่เป็นทุกข์ยิ่งเก็บแต่พอดีมันจะมีเหลือสำหรับช่วยผู้อื่นบ้าง ฟังแล้วมันก็ลดกิเลสลงถ้าเอาเกินพอดี มันไม่มีวันพอ มันก็กินหมด แล้วมันก็ส่งเสริมกิเลสให้ยิ่ง ๆ ชึ้นไป มันกินเกินไม่พอมันก็ต้องเดือดร้อน งั้นถ้าเราเป็นอยู่แค่พอดีคือไม่เกินไม่เป็นส่วนเกินและก็ดีมากมันต้องตามหลักธรรมะในพระพุทธศาสนาที่เรียกว่าพอดีคือมัชฌิมาปฎิปทา แปลว่าพอดีก็แปลว่าอยู่ตรงกลาง การดำเนินชีวิตที่พอดีที่ถูกต้องตามกฎของธรรมชาตินั้นแหละเป็นพุทธศาสนาเป็นธรรมอยู่ในตัวมันเองเรียกว่าปฏิบัติให้ถูกต้อง
อ่านเพิ่มเติม

การทำงานให้สนุกเหมือนกับการเล่นกีฬา โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

การทำงานให้สนุกเหมือนกับการเล่นกีฬา โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – ธรรมพยางค์เดียว
กายสิทธิ์ก็ได้ถ้ารู้จักใช้มันก็จะแก้ปัญหาทั้งหลายทั้งหมดทั้งสิ้นด้วยสิ่งที่เรียกว่าธรรมเพียงคำเดียวเท่านั้นแหละขอท้าทายว่าธรรมพยางค์เดียวจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้ขอแต่ให้ท่านทั้งหลายรู้จักสิ่งนี้โดยถูกต้องและครบถ้วนจริงๆตัวอย่างเช่นธรรมะเป็นคู่ชีวิตขาดธรรมะจะต้องตายและตายในทันมีด้วยธรรมะอย่างนี้แปลว่าหน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ของสิ่งที่มีชีวิตธรรมะโดยแท้จริงนั้นตัวหนังสือโบราณนั้นแปลว่าหน้าที่นั้นที่แปลว่าคำสั่งสอนมันก็เรื่องหน้าที่ หน้าที่ของสิ่งที่มีชีวิตมันก็ต้องทำไม่ทำมันก็ตายคนก็ตาย สัตว์ก็ตาย ต้นไม้นี่ก็ตายลองไม่ทำหน้าที่หมายถึงเซลล์ทุกๆชนิดที่มันประกอบกันขึ้นเป็นสิ่งที่มีชีวิตนั้นมันทำหน้าที่ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าเซลล์ทั้งหลายไม่ทำหน้าที่มันก็ตายวูบเดียวเป็นแบบนี้ซึ่งที่มันเป็นสัตว์ส่วนเป็นอวัยวะขึ้นมาเป็นตา เป็นหู เป็นจมูก เป็นลิ้น เป็นกาย เป็นใจเป็นอวัยวะ ตับ ไต ไส้ พุงอะไรก็ตามมันก็ต้องทำหน้าที่ถ้าไม่ทำหน้าที่มันก็คือตายลักษณะอย่างนี้ธรรมะเป็นคู่ชีวิตขอให้ท่านทั้งหลายสนใจให้ดีเป็นพิเศษท่านก็จะมีชีวิตมีสุขภาพดีในด้านจิตใจถ้ามีธรรมะแล้วชีวิตนี้จะไม่ตัดเจ้าของท่านดูให้ดีว่าชีวิตแต่ละวันๆมันกัดแทะตัวเองหรือเปล่านี่เพราะมันขาดธรรมะอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่นอนถ้าชีวิตมันตัดเจ้าของ ความรักบ้าง ความโกรธบ้างความเกียจบ้าง ความกลัวบ้าง ความตื่นเต้นบ้างวิตกกังวลอาลัยอาวรณ์ อิจฉาริษยา หวง หึงและในที่สุดพอไปมีเข้ามันก็กัดเจ้าของมันมีธรรมะ ไอ้สิ่งเหล่านี้มันก็ไม่มีแต่ชีวิตมันก็ไม่ตัดเจ้าของขอให้สนใจด้วยธรรมะเป็นเหมือนกับสิ่งสารพัดนึกทำให้ได้ทุกอย่างจะไปแก้ปัญหาอะไรก็ได้วันนี้อาตมาจะบรรยายในลักษณะที่ว่าธรรมะจะทำให้หน้าที่การงานหน้าที่เหมือนกับการเล่นกีฬาการทำงานให้สนุกเหมือนกับเล่นกีฬาการงานคือการเล่นกีฬาหลายคนคงจะไม่เชื่อว่าบ้าแต่อย่าเพิงเดี๋ยวคนบ้ามันจะบ้าเสียเองเพราะมันไม่รู้จักใช้ธรรมะเพื่อจะทำชีวิตกระทั่งการงานหน้าที่ให้สนุกเหมือนเล่นกีฬาต้องรู้เสียก่อนว่าเราเป็นคนเล่น เป็นคนเล่นกีฬาและก็เป็นคนดูกีฬาพร้อมไปด้วยแล้วก็เป็นผู้ตัดสินกีฬาด้วยถ้ามีการให้รางวัลเรานั่นแหละเป็นผู้รับรางวัลจากการเล่นกีฬาถ้ามีธรรมะแล้วสามารถทำให้การงานอันแสนจะน่ารังเกียจแสนจะเป็นเราเล่นกีฬาไปคนเห็นแก่ตัวไม่มีธรรมะ ไม่อยากทำงานแต่อยากได้โน่นได้นี่มันเห็นตัวอิจฉาริษยาเพราะมันไม่มี
อ่านเพิ่มเติม

ธรรมะกับปัญหาทั้งหมด โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ธรรมะกับปัญหาทั้งหมด โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – คนอันธพาล
อาตมาขอแสดงความยินดีในการมาของท่านทั้งหลายจนมาถึงสถานที่นี้ถ้าท่านมาเพื่อศึกษาธรรมะให้ยิ่งๆขึ้นไปก็นับว่าเป็นการดีที่สุดแล้วเพราะว่ามนุษย์กำลังต้องการธรรมะในโลกนี้มันกำลังจะวินาศเพราะว่าธรรมะมันน้อยลงๆเรื่อยๆหายไปคือไม่มาอยู่ที่บุคคลธรรมะที่บุคคลนั้นกำลังลดลงๆ ธรรมะลดลงเท่าไหล่คนมันก็เป็นคนพาลแล้วคนอันธพาล มันก็ทำให้เกิดปัญหามีความทุกข์ยุ่งยากลำบากเราทุกๆคนทั้งคนอยู่ที่นี่และอยู่ที่อื่นพบกันเข้าก็ควรจะปรึกษาหาลือกันช่วยให้ธรรมมะกลับมามีในบุคคล บุคคลที่ไม่มีธรรมมะต้องเป็นทุกข์ไอ้คนที่ไม่มีธรรมมะจะต้องเป็นทุกข์ไปด้วยเพราะมันจะรักนั่น เกียจไอ้นี้ กลัวไอ้โน้นยุ่งไปหมดมีความทุกข์มึนคิดจนเป็นทุกข์มันคิดไปในทางที่ให้เป็นทุกข์เพราะมันไม่มีธรรมมะบุคคลมันก็ต้องเป็นทุกข์หมู่คณะหรือสังคมของบุคคลที่ไม่มีธรรมมะก็เป็นทุกข์โลกทั้งโลกที่ไม่มีธรรมมะก็เป็นทุกข์มีวิธีเดียวที่จะไม่ให้มีทุกข์ก็คือนำธรรมมะกลับมาเรามาช่วยกันในข้อนี้เท่าที่เราจะช่วยได้นำธรรมมะกลับมาบุคคลก็จะไม่มีทุกข์บ้านเมืองสังคมก็จะไม่มีทุกข์ทั้งโลกก็จะไม่มีทุกข์จึงถือว่าเป็นเรื่องดี วิเศษที่สุดกว่าเรื่องทั้งหลาย เรื่องที่ช่วยกันทำให้ธรรมมะกลับมา เมื่ออาตมาเข้าบรรยายทางวิทยุเรื่องธรรมมะก็เป็นครั้งที่ 29 เมื่อเช้าบรรยาย 8 โมง บรรยายเรื่องธรรมมะเหมือนกันคือบรรยายมา 29 ครั้งที่บรรยายเรื่องธรรมมะกลับมาก็มีความเห็นอย่างนี้ว่าธรรมมะกลับมาโรกาก็วินาศธรรมมะไม่กลับมาพระพุทธศาสนาก็หมดไปจากประเทศไทย ถ้าเราทำให้ธรรมมะสูญไปเราทำให้ธรรมมะหมดไปเองไม่ใช่คอมมิวนิคจะมาทำให้ศาสนาหมดได้ชาวพุทธมันทำให้หมดเองที่คอมมิวนิกย์ยังไม่มาศาสนามันก็หมดได้คือมันสอนกันผิดๆ มันเรียนกันผิดๆแล้วมันปฏิบัติกันผิดๆแล้วมันก็หวังผลกันผิดๆไม่ถูกตามหลักของศาสนา สอนผิด เรียนผิด ปฏิบัติผิด หวังผลผิด ศาสนาก็ไม่มีถ้าเป็นอันอื่นไป แล้วไปตรงกับลัทธิไหนมันก็เป็นลัทธินั้นไป คอมมิวนิคไม่ทันมาศาสนามันหมดได้ เพราะการสอนผิด เรียนผิด ปฏิบัติผิด หวังผลผิด
อ่านเพิ่มเติม

ธรรมะกับปัญหาปากท้อง โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

ธรรมะกับปัญหาปากท้อง โดย ท่าน พุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – ปัญหาปากท้อง
อาตมาก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะพูดกันในหัวข้อนี้เพราะว่ามันกำลังเป็นสิ่งที่มีปัญหาอย่างยิ่งในปัจจุบันคนส่วนมากในปัจจุบันนี้เขาพูดกันว่าถ้าปากท้องยังไม่อิ่มก็ไปสนใจธรรมะไม่ได้หรือจะพูดอีกทีหนึ่งว่าค่อยสนใจธรรมะปากท้องอิ่มแล้วถ้าพูดอย่างนี้มีมากที่สุดจะเป็นความรู้สึกจริงใจของเขาหรือว่าเป็นคำแก้ตัวก็ดูจะได้ทั้งนั้นบางพวกก็อาจเป็นเรื่องแก้ตัวบางพวกอาจจะรู้สึกเช่นนั้นก็เป็นอย่างนี้แหละคนสมัยนี้จึงไม่ค่อยสนใจธรรมะ ไปสนใจแต่เรื่องปากท้องก็เขาไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าธรรมะนั้นเป็นอย่างไรเมื่อพูดถึงคำว่าปัญหาปากท้องก็ดูจะมีความหมายแคบเกินไปคือเพียงแต่เรื่องทำมาหากินเกิดเป็นปัญหาไม่พอกินขึ้นมาหรือว่าทำไม่ได้ขึ้นมาก็เรื่องว่าปัญหาปากท้องอย่างนี้รู้สึกกันเป็นส่วนใหญ่คงไม่ใกล้ไปถึงหลอกว่าปากท้องนี่ถ้ามันกินเอาไปมากมันก็เป็นปัญหาเหมือนกันหรือว่าแค่เห็นแก่ปากท้องมากมันทำคอรัปชั่นเป็นแน่นอนนี่ก็เรียกเป็นปัญหาเกี่ยวกับปากท้อง
อ่านเพิ่มเติม

คุณค่าของชีวิต โดย ท่าน พุทธทาส

คุณค่าของชีวิต โดย ท่าน พุทธทาส

หน้าที่ 1 – ธรรมะ
ทีนี้เรื่องที่เราจะต้องมาพูดกันเวลาอย่างนี้ ก็เพราะเหตุผลบางอย่าง เหตุผลส่วนตัวอาตมาก็มี คือว่าเวลาอย่างนี้ยังค่อนข้างจะมีเรี่ยวแรงสำหรับจะพูด แต่ว่าโดยธรรมชาติทั้วไป เวลาอย่างนี้เหมาะสำหรับที่จะศึกษาธรรมะ อย่างว่านอนมาเพียงพอแล้ว ตื่นขึ้นก็มีความสดชื่น มีความพร้อมที่จะฟังที่จะคิด หรือที่จะรับ มันมีความสงบเพียงพอ มันไม่ตื่นเต้น มันไม่วุ่นวาย เรียกว่า ไอ้สิ่งสิ่งรบกวนภายในในทางจิตใจนั้นยังมีน้อยอยู่ มันจึงเหมาะที่จะทำการศึกษา ท่านทั้งหลายก็คงจะเคยได้ยินมาแล้วว่า ที่พระพุทธเจ้าก็ตรัสรู้คือเวลาอย่างนี้ เราจึงถือโอกาสใช้เวลาอย่างนี้ให้เป็นประโยชน์ก็ขอให้สนใจ ให้สำเร็จประโยชน์
อ่านเพิ่มเติม

ธรรมมะช่วยสร้างความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ธรรมมะช่วยสร้างความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – พ่อค้าประชาชน
สิ่งที่เรียกว่าธรรมมะนั้นจะอำนวยให้สำเร็จประโยชน์อย่างนั้นที่ซึ่งมีความเจริญงอกงามในหน้าที่การงานซึ่งเรียกว่าธรรมโดยใจความสำคัญคือ สร้างความถูกต้อง ที่นั้นที่นี้ก็หมายถึงสร้างความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องเมื่อมีธรรมมะก็มีความที่จะเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องจึงต้องอาศัยในซึ่งที่เรียกว้าธรรมมะเราจะต้องมีความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องเป็นแกนกลางเราจึงจะไปทำหน้าที่โดยเฉพาะออกไปจะเป็นตำรวจ เป็นทหาร เป็นข้าราชการ เป็นนักการเมือง แม้จะเป็นพ่อค้าประชาชนจะเป็นคนประเภทไหนก็ขอให้เป็นแกนกลางเป็นความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องเท่านี้เท่านั้นก็จะช่วยได้ให้มีความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องแล้วก็เป็นแกนกลางสำหรับจะเป็นที่ตั้งจะเป็นอะไรๆต่อไปที่มีความถูกต้องที่ถูกต้องข้อนี้มีความหมายเฉพาะในทางศาสนาว่าเป็นประโยชน์ในส่วนเดียวไม่มีโทษเราจะเอาความหมายของคำๆนี้ตามทางศาสนาถูกต้องตามหลักศาสนาคือมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษนี่จะไปเอาความถูกต้องทางหลักวิชาสากลมันยุ่งถูกต้องทางลักสิก็อย่างต้องทางจุนซิฟีย์ก็อย่างจึงไม่รู้จะถูกต้องอย่างไร ยุ่งยิ่งหยุงหยิงจนไม่ลงรอยนี่ขอให้มีความถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนาคือว่ามีประโยชน์ไม่มีโทษนี่เรียกว่าความถูกต้องตามหลักของพระพุทธศาสนา ชีวิตที่ถูกต้องมีความสงบเย็นและก็เป็นประโยชน์สองคำเท่านั้นล่ะชีวิตนี้ก็ยังมีความสงบเย็นอยู่มีความสงบสุขวิธีนี้ก็เป็นประโยชน์แก

ต้นเหตุของปัญหาทุกปัญหาในโลก โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ต้นเหตุของปัญหาทุกปัญหาในโลก โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

หน้าที่ 1 – อาณาจักร
อาณาจักรคำนี้เป็นคำที่มีความหมายอย่างเดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าท่านกระทำพระพุทธเจ้าท่านป้องกัน อาณาจักรของธรรมอย่าให้อธรรมลุกล้ำเข้ามาป้องกัน อาณาจักรของมนุษย์เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์อย่าให้ซาตาลมารร้ายอะไรลุกล้ำเข้ามานั้นคำว่าป้องกัน อาณาจักรมีความหมายอย่างเดียวกับที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้คือทำงานอย่างเดียวกันสาวกทั้งหลายก็ทำงานอย่างเดียวกันตามรอยพระพุทธเจ้าเป็นการป้องกันอาณาจักรของมนุษย์อย่าให้สิ่งเลวร้ายลุกล้ำเข้ามาเพราะเหตูฉะนี้แหละจึงมีความยินดีอย่างยิ่งอนุโมทนาอย่างยิ่งในการมาของท่านนักศึกษาทั้งหลายมาสู่สถานที่นี้ในลักษณะอย่างนี้พูภาษาธรรมชาติหน่อยก็ได้พบผู้ที่ทำงานร่วมกันทำงานเหมือนกันทำงานอย่างเดียวกันคือป้องกันสิ่งที่ควรป้องกันอาณาจักรของความปลอดภัย
อ่านเพิ่มเติม

ธรรมะในฐานะเป็นเครื่องดำเนินชีวิต โดย ท่านพุทธทาส ภิกขุ

ธรรมะในฐานะเป็นเครื่องดำเนินชีวิต โดย ท่านพุ%E

จิตตภาวนาในพระพุทธศาสนา โดย ท่าน พุทธทาส

จิตตภาวนาในพระพุทธศาสนา โดย ท่าน พุทธทาส

หน้าที่ 1 – จิตตภาวนา
ท่านเห็นว่ามันดับทุกข์ไม่ได้ อย่างนี้มันไม่ได้จริงมันเพียงหลอกๆ อาตมาจึงสรุปความว่า ไสยศาสตร์เหล่านั้นเก็บไว้เพียงเพื่อประโยชน์ของคนปัญญาอ่อนเท่านั้น ยิ่งคนปัญญาอ่อนในโลกนี้มากเท่าใดก็เก็บไสยศาสตร์ประเภทเหล่านั้นไว้ให้คนปัญญาอ่อนไปพลางก่อน ไปพลางก่อนก็หมายความว่าจนกว่าเขาจะมีปัญญาแก่กล้าจึงสามารถรับเอาสิ่งปฏิบัติตามพระพุทธศาสนาได้โดยถูกต้อง ถ้าเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ มันก็ไม่ใช่เรื่องของพุทธศาสนา ไสยศาสตร์เนี่ยชื่อก็บอกอยู่แล้ว ไสย แปลว่า หลับ ไสยศาสตร์ ก็ศาสตร์ของคนที่ยังหลับอยู่ มีพุทธศาสตร์ พุทธะ แปลว่าตื่น ตื่นนอน ตื่นจากหลับ เมื่อพุทธศาสตร์ ก็แปลว่า ศาสตร์ของคนที่ตื่นแล้ว ซึ่งต่างกันถึงขนาดนี้ก็ลองคิดดู ไสยศาสตร์เป็นศาสตร์สำหรับคนหลับ หลับก็ไม่มีสติปัญญาเป็นเครื่องตื่น ก็ต้องถือไปแบบหนึ่งและจะต้องมากพวกถือไสยศาสตร์นี้จะต้องมากกว่าพวกที่ถือพุทธศาสตร์เป็นธรรมดา เพราะว่าพวกที่ไม่มีความรู้เพียงพอ ไม่มีสติปัญญา ภายหลังมันมีมากกว่าพวกที่จะลืมหูลืมตาตื่นขึ้นมา เป็นพุทธบุคคล คนที่ตื่นแล้ว ดังนั้น จึงมีวิธีการปฏิบัติ ที่เหมาะสมสำหรับคนที่ตื่นแล้ว มิใช่สำหรับคนที่ยังหลับอยู่ การอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การทำพิธีรีตอง เพื่อกำจัดความทุกข์หรือเพื่อจะให้หมดบาปหมดกรรม ให้หมดทุกข์นั้น มันเป็นเรื่องของคนหลับ ที่ยังหลับอยู่ เพราะไม่รู้ตามที่เป็นจริงว่า ความทุกข์นั้นเกิดมาจากอะไร ไม่รู้ตามที่เป็นจริงว่าไอ้สิ่งที่เรียกว่

. . . . . . .